ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] ก็ว่าจะไม่รัก [Yaoi WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #2 : ก็ว่าจะไม่รัก #1

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 51


    ถึงแม้ว่าฮยอกแจจะอาศัยอยู่บ้านตระกูลชอยเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้แม้แต่น้อย ทุกคนยังเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับฮยอกแจ คนบ้านนี้เองก็เช่นกันที่เห็นฮยอกแจเป็นคนแปลกหน้า เป็นอากาศที่ไร้ตัวตนในบ้านหลังนี้ มีเพียงคุณลุงชอยเท่านั้นที่ดูแลเอาใจฮยอกแจ ถึงแม้คุณลุงชอยจะทำงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านก็ตาม แต่แค่นี้ก็มากเกินพอสำหรับคนอาศัยอย่างฮยอกแจ

     

     

    ชอยซีวอนเด็กน้อยรุนราวคราวเดียวกันกับฮยอกแจ แทนที่จะเป็นเพื่อนเล่นกันได้ แต่ท่าทางเย็นชาที่ดูไม่ออกว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู ทำให้ฮยอกแจไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ทั้งที่อยากจะเข้าไปคุยเล่นด้วยตามประสาเด็ก อย่างน้อยถ้ามีเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้ ฮยอกแจก็คงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้

     

     

    ฮยอกแจเดินสำรวจบ้านหลังนี้อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกแต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี บ้านหลังนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลซะจริงๆ จากตัวบ้านห่างจากประตูรั้วเกือบกิโล ดีที่คุณลุงชอยเมตตาให้รถไปรับส่งฮยอกแจไปโรงเรียน ขืนเดินเข้าออกทุกวันมีหวังฮยอกแจหมดแรงก่อนไปถึงโรงเรียนแน่ๆ หน้าบ้านมีสวนสไตล์ยุโรปที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หลังบ้านมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ คุณลุงชอยคงจะรวยมากจริงๆ

     

     

    “นี่...นี่ มานี่หน่อยซิ”  ซีวอนเรียกฮยอกแจที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังใหม่ เดินสำรวจโน้นสำรวจนี่อย่างบ้านนอกเข้ากรุง แต่เมื่อถูกซีวอนเรียกอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก ฮยอกแจจึงแกล้งทำเมินไม่ได้ยิน

     

     

    “นี่...นายหน้าลิงฉันเรียกนายน่ะแหละ” ได้ผล...ฮยอกแจชะงักกึก ก่อนจะหันมาทางซีวอน

     

     

    “ฉันมีชื่อนะ มาเรียกนี่ๆใครจะไปรู้ล่ะว่าเรียกใคร แล้วฉันก็ไม่ได้หน้าเหมือนลิงด้วย” ฮยอกแจเริ่มรู้สึกหมันไส้กับคำพูดและท่าทางโอหังของซีวอน ยิ่งมาพูดถึงปมเด่นของตนยิ่งแล้วใหญ่

     

     

    “อย่ามากวนประสาทได้มั้ย” ท่าทางบึ้งตึงไม่มีแววล้อเล่นของซีวอนทำเอาฮยอกแจเริ่มหวั่นๆ

     

     

    “ใครกวนประสาทกันแน่ฟะ ชิ....” ฮยอกแจในแต่บ่นอุบอิบเบาๆ

     

     

    “นี่...ลีฮยอกแจช่วยฉันเก็บลูกบอลหน่อยสิ” ซีวอนเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้พูดกับฮยอกแจดูเป็นมิตรขึ้น แต่ก็ยังไม่วายที่จะวางอำนาจอยู่บ้างในคำพูด

     

     

    “นายก็เก็บเกือบจะได้แล้วนี่” ฮยอกแจมองไม้มือซีวอน แล้วลูกบอลที่ลอยอยู่กลางสระ และใช้สมองประมวลผลแล้วว่าซีวอนคงจะเก็บเองได้ไม่ยากนัก แขนยาวๆของซีวอนน่าจะใช้การได้ดีกว่าแขนที่ไม่ค่อยยาวนักของตน

     

     

    “ฉันว่ายน้ำไม่แข็งน่ะ กลัวตกน้ำ ช่วยเก็บหน่อยสิ”

     

     

    “นายว่ายน้ำไม่แข่ง แต่ฉันว่ายไม่เป็นนี่ อีกอย่างแขนนายก็ยาวกว่าแขนฉัน น่าจะเก็บได้ง่ายกว่าฉันนะ เพราะฉะนั้นฉันคงจะช่วยนายไม่ได้หรอก” พูดจบฮยอกแจก็หันหลังเดินกลับไป

     

     

    “นายนี่มันใจดำจริงๆเลย” ได้ผลอีกแล้ว คำพูดของซีวอนทำเอาเท้าของฮยอกแจหยุดชะงัก แล้วหันกลับมาพูดกับซีวอน

     

     

    เอางี้...เดี๋ยวฉันไปตามคนมาช่วยนะ”

     

     

    “คนอื่นเค้ายุ่งๆ ฉันไม่อยากจะไปรบกวนเค้า นายนี่ ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้”

     

     

    “ถ้าฉันตกน้ำไปจะทำไง นายก็ว่ายไม่แข่ง แล้วใครจะช่วยฉัน” ถึงฮยอกแจจะผูกมิตรกับซีวอนแต่ก็อดหวั่นไม่ได้

     

     

    “เอางี้เรามาช่วยกัน นายเป็นคนเขี่ยลูกบอล แล้วฉันจะจับมือนายเอาไว้ จะได้เอื้อมได้ยาวๆ” ซีวอนคิดหาวิธีที่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

     

     

    “อืม...ก็ได้ แต่นายห้ามปล่อยมือฉันเด็ดขาดเลยนะ” ฮยอกแจใช้เวลาตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินตกลง

     

     

    “อืม...ไม่ปล่อยหรอก” ซีวอนพยักหน้าแล้วตอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ฮยอกแจยิ่งขึ้น

     

     

    “ใกล้แล้วซีวอน อีกนิดเดียว”  ฮยอกแจมุ่งมั่นที่พยายามใช้ปลายไม้เขี่ยลูกบอลให้เข้ามาใกล้ฝั่ง

     

     

    “แม่ครับ...คนที่เป็นต้นเหตุให้แม่ต้องเสียใจ เค้าไม่อยู่แล้ว เค้ายังไม่ได้รับรู้ถึงความเสียใจที่แม่เคยได้รับเลย แต่ตอนนี้...ตอนนี้ลูกชายเค้าอยู่ตรงนี้แล้วครับ” ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในสมองซีวอน มือที่กำลังมือของฮยอกแจอยู่ ค่อยๆคลายและหลุดในที่สุด

     

     

    “ซีวอน!!!...จ๋อมมมมม”

     

     

    “ซี...วอน  ซี...ช่วยด้วย...ช่วย...ช่วย...” ฮยอกแจพยายามตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลือจากซีวอนที่ยืนมองอยู่ขอบสระ

     

     

    ซีวอนยืนมองดูฮยอกแจตะเกียกตะกายอยู่อย่างนั้น จนร่างของลีฮยอกแจจมดิ่งลงสู่ก้นสระ แต่แล้วจิตสำนึกของความเป็นคนก็ทำให้ซีวอนต้องกระโดดลงไปพาร่างที่ไร้สติของฮยอกแจขึ้นมาจากก้นสระ

     

     

    “ฮยอกแจ...ลีฮยอกแจ”  ฮยอกแจได้ยินเสียงซีวอนเรียกก่อนที่สติสัมปะชัญญะของเขาก็ดับวูบลง ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก

     

     

    เวลาผ่านไปนานเท่าไรฮยอกแจไม่รู้ รู้แต่ว่าเสียงของใครบางคนหรือหลายคนเรียกสติสัมปะชัญญะของฮยอกแจให้รู้สึกตัวขึ้น ค่อยๆลืมตา ปรับตารับแสงสว่างในห้อง

     

     

    “ไม่เป็นอะไรมากครับ ให้พักผ่อนเยอะๆแล้วกินยาตามที่หมอสั่ง ไม่กี่วันก้กลับมาวิ่งเล่นได้เหมือนเดิมแล้วครับ”

     

     

    “ขอบคุณมากครับคุณหมอครับ โมรินเดี๋ยวเดินไปส่งคุณหมอที่รถด้วยนะ” ประมุขของบ้านหันไปสั่งสาวใช้ก่อนจะเหลือบไปเห็นฮยอกแจที่เหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว

     

     

    “เป็นไงบ้างฮยอกแจ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยทำให้ฮยอกแจต้องหันไปมอง

     

     

    “ไม่เป็นอะไรครับ แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

     

     

    “แล้วทำอีท่าไหนค่ะเนี่ยถึงได้ตกน้ำตกท่าไปได้” ป้ายุนอาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คนป่วยอย่างฮยอกแจฟังก็รู้ว่าค่อนข้างไม่พอใจ แต่ฮยอกแจก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมป้ายุนอาถึงได้มีท่าทีอย่างนี้กับตน

     

     

    ป้ายุนอาที่อยู่บ้านตระกูลชอยมาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางของทุกอย่างเป็นอย่างดี ถึงจะรู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเด็กชายไร้เดียงสาคนนี้ แต่เพราะความรักความสงสารที่มีต่อซีวอนก็อดที่จะทำให้ป้ายุนอามีอคติต่อฮยอกแจ

     

     

    “ผมจะเก็บลูกบอลครับ” ฮยอกแจตอบเสียงเอื่อยๆก่อนจะหันไปมองเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆป้ายุนอา ที่ดูนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน นายไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือไงซีวอน ฉันเป็นอย่างนี้เพราะนายนะ....

     

     

    “ทีหน้าทีหลังก็อย่างซนอย่างนี้อีกนะค่ะ โชคดีที่คุณซีวอนผ่านไปเจอไม่งั้นคงจะแย่ แล้วนี่ถ้าหากคุณซีวอนไม่ใช่นักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน เกิดจมน้ำไปทั้งคู่จะทำยังไง”

     

     

    “ผมขอโทษครับ” น้ำเสียงฮยอกแจสั่นเครือ

     

     

    “เอาน่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกนะ พวกเราออกไปกันเถอะ ฮยอกแจจะได้พักผ่อน ต้องการอะไรก็เรียกคนใช้ได้เลยนะฮยอกแจ” ประมุขของบ้านลูบหัวอยอกแจอย่างเอ็นดู เพราะใบหน้าของฮยอกแจทำให้เค้าคิดถึงใครคนนึง คนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยเลือนลางออกไปจากใจ

     

     

    “ครับ...ขอบคุณนะครับคุณลุง” ขอบคุณที่ดีกับผม ถ้าหากไม่มีคุณลุง โลกใบนี้มันคงจะไม่มีที่ให้ผมยืน ฮยอกแจได้เพียงแต่คิดในใจ แล้วหลับตาเพื่อให้น้ำใสๆที่เบ้าตาไม่มีโอกาสได้ไหลออกมา เสียงปิดประตูทำให้ฮยอกแจรู้ว่าตอนนี้ไม่เหลือใครอยู่ในห้องแล้ว

     

     

    ทำไมถึงอ่อนแออย่างนี้นะลีฮยอกแจ นายไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างนี้ไม่ใช่หรอ “ลูกผู้ชายอย่าแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น อย่าให้คนอื่นเห็นน้ำตาของเรา” จำคำที่พ่อสอนไว้นะฮยอกแจ

     

     

    ชอย ซีวอนนายเป็นคนยังไงกันแน่นะ...

    *

    *

    *

    “ซีวอนจบเทอมนี้พ่อจะส่งลูกไปเรียนต่อที่อังกฤษนะ” คุณชอยกล่าวขึ้นบนโต๊ะอาหาร

     

     

     “ไม่อยากเห็นหน้าผมขนาดนั้นเลยหรอ ถึงต้องส่งผมไปให้พ้นหูพ้นตา” ซีวอนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาผู้เป็นอย่างต้องการค้นหาคำตอบ

     

     

    “พูดอะไรอย่างนั้น พ่อทำทุกอย่างเพื่อลูกนะ เพื่ออนาคตของลูก อีกหน่อยลูกก็ต้องเป็นคนสืบทอดกิจการ”

     

     

    “เก็บสมบัติของพ่อไว้ให้ลูกรักคนใหม่ของพ่อเถอะครับ” ซีวอนพูดก่อนจะกระแทกช้อนลงกับจานแล้วหันไปมองบุคคลที่ถูกกล่าวถึง ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารไป ทำเอาฮยอกแจถึงกับทำตัวไม่ถูก

     

     

    “ซีวอน...ซีวอนอย่าทำอย่างนี้นะ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน” ดูเหมือนจะไม่เป็นผลซีวอนไม่มีทีท่าจะกลับมา คุณชอยได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

     

     

    ฮยอกแจที่นั่งรับรู้เหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ก็ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คุณชอย ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ฮยอกแจพอจะทำได้ในตอนนี้ ฮยอกแจรู้ตัวดีว่าที่สถารการณ์ทุกอย่างมันตรึงเครียดขนาดนี้ เพราะตนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ฮยอกแจก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการยิ้มให้กำลังใจ....

    *

    *

    *

    “โถ...คุณหนูของป้า ยังเด็กแค่นี้ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียว จะกินจะอยู่ยังไง ใครจะดูแล” ป้ายุนอาพร่ำเพ้อไปมือก็จัดของลงกระเป๋าให้ซีวอนไป

     

     

    “ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมอยู่ได้ ป้าก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ขณะปลอบป้ายุนอาสายตาซีวอนก็เหลือบไปเห็นผ้าพันคอผืนที่แม่ถักให้กำลังจะอยู่พับใส่กระเป๋าเดินทาง “แม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมไม่ลืมหน้าที่สำคัญแน่นอน 10 ปีไม่สายที่จะล้างแค้น”

     

     

    “แล้วพรุ่งนี้เครื่องออกกี่โมงค่ะเนี่ย จะทันอยู่ทานอาหารเช้าฝีมือป้าก่อนไปมั้ยค่ะ”

     

     

    “ทันสิครับ เครื่องออก 11 โมงครึ่ง ถ้าผมติดใจฝีมือป้าแล้วเกิดไม่ยอมไปขึ้นมา จะทำยังไงครับเนี่ย ป้าต้องตามไปทำให้ผมกินด้วยนะ” ซีวอนพูดพร้อมกับเข้าไปกอดป้ายุนอาอย่างที่เคยทำ

     

     

    “ขี้อ้อนอย่างนี้ ป้าว่าเดี๋ยวได้พาแหม่มกลับมาด้วยแน่เลย” ป้ายุนอาพูดพลางลูบหัวซีวอนอย่างเอ็นดู

     

     

    “ก็ดีเหมือนกันนะ... ไม่แน่นนะครับที่คุณพ่อส่งผมไปเรียนต่างประเทศอย่างนี้ ท่านอาจจะอยากมีลูกสะใภ้เป็นชาวต่างชาติก็ได้”

     

     

    “พูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะค่ะคุณหนูเนี่ย ป้าว่าคุณหนูพักผ่อนเถะค่ะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแล้ว”

     

     

    “ครับ...ผมต้องคิดถึงป้ามากแน่ๆเลย ป้าต้องคิดถึงผมด้วยนะครับ”

     

     

    “แน่นอนค่ะ” ป้ายุนอายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วคลี่ผ้าห่มที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยมาห่มให้ซีวอนก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     

    หลังจากป้ายุนอาไปแล้วซีวอนก็ยังไม่สามารถข่มตาลงได้ นอนพลิกไปพลิกมาอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียง เดินออกไปจากห้องมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องข้างๆ ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู...

     

     

    “ก๊อก..ก๊อกๆๆ...ก๊อก...” ซีวอนเคาะประตูอยู่นาน แต่ไม่มีทีท่าว่าคนข้างในจะออกมาเปิด ซีวอนหันหลังจะกลับห้อง แต่ได้ยินเสียงลุกบิดถูกบิดออกจึงหันกลับไป

     

     

    ภาพตรงหน้าคือลีฮยอกแจที่กำลังงังเงียอยู่หน้าประตู หัวที่ยุ่งเหยิง ชุดนอนที่กระดุมเม็ดบนหลุดเป็นผมให้คอเสื้อกว้างขึ้น ไหลลงอยู่อยู่ตรงไหล่ ดึงดูดสายตาของซีวอนที่ถึงแม้จะยังเป็นแค่เด็กอายุ 12 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

     

    “มีอะไรรึป่าว” คนในห้องเอ่ยขึ้น เรียกสติคนข้างนอก

     

     

    “ขอคุยด้วยหน่อย” ไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตซีวอนก็เดินเข้าไปในห้อง ไปนั่งลงบนเตียงที่หมอนและผ้าห่มเริ่มกระจัดการะจาย

     

     

    “พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว”

     

     

    “อืม...รู้แล้ว” ฮยอกแจตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แอบเคืองคนตรงหน้าเล็กน้อย ที่มาขัดจังหวะการนอน

     

     

    “ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ...” ซีวอนมองคนตรงหน้าที่ท่าทางเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี ที่เริ่มงงเล้กน้อยกับคำพูดของซีวอน

     

     

    “พูด..พูดอะไรหรอ..อ๋อๆเดินทางโดยสวัสดิภาพนะ”

     

     

    “นายคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ฉันจะไปให้พ้นหูพ้นตาสินะ”

     

     

    “ทำไมฉันต้องดีใจด้วยล่ะ นายจะอยู่หรือจะไปมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันนี่” ฮยอกแจตอบอย่างพาซื่อ แต่ไม่ได้รู้เลยว่าคำพูดนั้นทำเอาคนตรงหน้าถึงกับหน้าชา

     

     

    “ฉันจะมาบอกนายว่า ให้นายใช้ชีวิต 10 ปีที่ฉันไม่อยู่นี้อย่างมีความรู้ เพราะหลังจากนั้นนายอาจจะสะกดคำว่าความสุขไม่เป็น”

     

     

    “หมายความว่ายังไง นายพูดเหมือนนายเกลียดฉันมาก ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่านายจะเป็นมิตรหรือศัตรู ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายคงจะไม่ใช่มิตร แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าฉันไปทำอะไรให้นาย” คำพูดของซีวอนทำฮยอกแจตาสว่างเลยทีเดียว

     

     

    “ไม่ต้องใจร้อนไปหรอก ยังไงนายก็ต้องได้รู้”

     

     

    “ถ้านายไม่บอกตอนนี้ ฉันก็ไม่อยากจะฟังอีกแล้ว 10 ปีมันนานพอที่จะทำให้ฉันลืมคนแปลกหน้าอย่างได้ ออกไปได้แล้วฉันจะนอน” พูดจบฮยอกแจก็เดินเข้ามาดึงเสื้อซีวอนให้ลุกออกจากเตียง แต่กับโดนซีวอนกระชากเข้าไปในอ้อมกอด ฮยอกแจพยายามดิ้นรนให้พ้นออกจากอ้อมกอดของซีวอน แต่อายุที่มากกว่าไม่ได้ช่วยให้ร่างกายฮยอกแจโตกว่าซีวอนเลย ริมฝีปากของซีวอนที่ประกบลงมาที่เรียวปากบางของฮยอกแจ ดูดเม้มเรียวปากบางเล็กน้อย ก่อนย้ายมาที่แก้มเนียนไล่ลงมาที่ซอกคอ ใช้ริมฝีปากดูดเม้มจนผิวบางเป็นรอยแดง แล้วดันฮยอกแจออกดูผลงานของตัวเอง

     

     

    “ทำอย่างนี้ทำไม” ฮยอกแจที่เป็นอิสระถามแล้วเอามือถูปากตัวเองอย่างรังเกียจ ส่วนมืออีกข้างก็จับที่ซอกคอที่รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ

     

     

    “นายไม่มีทางลืมฉันได้แน่นอน” ซีวอนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้อง ปล่อยให้ฮยอกแจยิ่งงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

     

    -     TBC -

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×