คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro...
ชิวิตของเด็กทั่วๆไปคือตื่นเช้ามาแล้วไปโรงเรียน แต่สำหรับซีวอน หลังจากตื่นนอนทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยกลับไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น
“ซีวอน...ทำไมลูกแต่งตัวอย่างนี้ล่ะ วันนี้ไม่ไปโรงเรียนอีกแล้วหรอ” หญิงวัยกลางคน ที่ใบหน้าซีดเซียวเพราะอาการป่วย แต่ก็ยังคงเหลือเคล้าความสวยพยายามลุกขึ้นจากเตียง
“คุณแม่ไม่สบายอยู่ ผมอยากอยู่กับคุณแม่ ผมจะดูแลคุณแม่ครับ” เด็กชายวัย 12 ขวบ ตอบด้วยความใสซื่อก่อนจะเดินเข้าไปซุกตัวในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่
“แม่ก็ป่วยเป็นปกติอย่างนี้แหละ ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ แต่งตัวไปโรงเรียนเถอะ” รอยยิ้มที่ผู้เป็นแม่พยายามปั้นแต่งขึ้น ไม่ได้ทำให้เด็กน้อยเบาใจเลย เพราะรู้ดีว่าอาการของผู้เป็นแม่หนักเพียงได้ เมื่อก่อนแม่ของตนยังสามารถออกไปไหนมาไหนข้างนอกได้ แต่เดี๋ยวนี้แม้แต่จะลุกออกจากเตียงนอนยังไม่เป็นเรื่องยาก
“ให้ผมอยู่ดูแลคุณแม่เถอะนะครับ ถ้าไปโรงเรียนผมต้องเป็นห่วงคุณแม่จนเรียนไม่รู้เรื่องแน่ๆเลย” เด็กชายซีวอนก้มหน้าก้มตาพูดเสียงอู้อี้ ทำให้ผู้เป็นแม่อดเอ็นไม่ได้ต้องยอมใจอ่อน
“จ๊ะ...ไม่ไปก็ไม่ไป แต่พรุ่งนี้สัญญากับแม่นะว่าลูกต้องไม่โรงเรียน”
“ครับ...ผมสัญญา” ซีวอนยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่อีกครั้ง
“คุณแม่ครับคุณพ่อไปทำงานแล้วหรอครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณพ่อเลย คุณแม่ไม่ค่อย
สบายอย่างนี้คุณพ่อน่าจะอยู่ดูแลคุณแม่นะครับ”
“ช่วงนี้คุณพ่องานยุ่งน่ะลูก” น้ำเสียงสั่นเคลือด้วยความน้อยใจของผู้เป็นแม่ ไม่ได้ทำให้เด็กน้อยเอะใจซักนิด
“แล้วคุณแม่ทานข้าวรึยังครับ ลงไปทานข้าวเช้าด้วยกันนะ”
“แม่คงลงไปไม่ไหวหรอกลูก เดี๋ยวป้ายุนอายกมาให้แม่กินบนนี้”
“คุณแม่อยู่แต่ในนี้ไม่เบื่อหรอครับ ลงไปข้างล่างเถอะนะครับเดี๋ยวผมพาแม่ลงไปเอง"
“จ๊ะ...ไปก็ไป” ผู้เป็นแม่ใจอ่อนอีกตามเคย ถึงแม้จะรู้สภาพร่างกายของตนดี แต่ขณะกำลังพยายามจะลุกขึ้นจากเตียงอยู่ๆก้รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังหมุน แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ลูกชายต้องเป็นกังวล จึงพยายามฝืนไป โดยมีลูกชายตัวน้อยคอยช่วยพยุงไปตลอดทาง
“คุณผู้หญิง...คุณผู้หญิงลงมาทำไมค่ะ อิชั้นกำลังจะยกอาหารขึ้นไปให้บนห้อง” หญิงสาวมีอายุแต่ท่าทางยังแข็งแรง เอ่ยอย่างตกใจที่เห็นนายหญิงของตนเดินลงมาข้างล่าง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่านายหญิงของบ้านนี้ร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัวมากมาย แต่จะมีใครรู้ว่าไข้กายนั้นเล็กน้อยนักถ้าจะเทียบกับไข้ใจ
ไข้ใจที่ต้องใช้ใจรักษา แต่ดูเหมือนว่าเธอคงจะต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต เมื่อชายคนที่เธอรักและมอบหัวใจให้ไม่เคยมีเธอในหัวใจเลยแม้แต่น้อย นับตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก วันแต่งงาน จนถึงถึงปัจจุบันนี้จะมีลูกชายที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคนแล้วก็ตาม เค้ามีเพียงหญิงคนเดียวในใจมาตลอด ”ลีอึนโซ” หญิงสาวน่ารักผู้เป็นรักแรกของเค้า แต่ทิ้งเค้าไปแต่งงานกับชายอื่น จนทำให้เค้าประชดชีวิตแต่งงานกับตนตามที่พ่อแม่ต้องการ
“คุณแม่!!!” เสียงของเด็กชายร้องด้วยความตกใจ ที่อยู่ๆก็เห็นผู้เป็นแม่ของตนล้มไปต่อหน้าต่อตา
“โมริน!!! โมรินอยู่ไหน มาช่วยดุแลคุณผู้หญิงซิ” เสียงของป้ายุนอาตะโกนเรียกสาวใช้ด้วยความกะวนกะวาย ก่อนจะรีบไปตามโทรศัพท์หาคุณหมอประจำตระกูลชอย
“คุณแม่ครับ คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะ คุณแม่ต้องอยู่กับผมสิ คุณแม่ครับ...ผมรักคุณแม่นะครับ” เสียงปนสะอื้นของซีวอนไม่ได้ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด แล้วจุ่ๆซีวอนก้คิดอะไรบางอย่างได้จึงรีบวิ่งไปที่โทรศัพท์ทันที
“คุณพ่อครับ คุณแม่ไม่สบายมากเลย คุณพ่อรีบกลับบ้านนะครับ”
“ซีวอน...พ่องานยุ่งอยู่ ให้แม่กินยาแล้วก็นอนพักเดี๋ยวก็หาย”
“คุณแม่ไม่สบายมากจริงๆนะครับ อยู่ๆก้ล้มไป ผมเรียกเท่าไหร่คุณแม่ก้ไม่ยอมตื่น”
“งั้นให้ป้ายุนอาตามหมอมาดูแล้วกันนะ พ่อกลับไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้ พ่อยุ่งอยู่ แค่นี้นะลูก...ตู๊ดๆๆๆๆ” แม้ผู้เป็นพ่อจะวางสายไปแล้ว แต่ซีวอนก็ยังคงถือสายโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกต่างๆ ความผิดหวัง ความน้อยประดังว่าสู่เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา ซีวอนจึงค่อยๆวางโทรศัพท์แล้วพาร่างของตัวเองกลับไปหาผู้เป็นแม่
“คุณลุงหมอต้องช่วยคุณแม่นะครับ นะครับคุณลุงหมอ” เมื่อเห็นป้ายุนอาเดินนำคุณหมอประจำตระกูลมา ซีวอนรีบวิ่งไปเขย่าแขนคุณลุงหมอทันที
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวลุงจะช่วยคุณแม่ของซีวอนเอง” รอยยิ้มที่จริงใจและดวงตาที่อบอุ่นของชายสูงอายุ สร้างความเชื่อมั่นให้ซีวอนได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ซีวอนยืนดูคุณหมอรักษาอาการของผู้ป็นแม่อย่างไม่วางตา เข็มฉีดยาถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าที่คุณหมอเตรียมมา ไม่นานเข็มนั้นก็ถูกฉีดเข้าไปที่แขนของผู้เป็นแม่ ภาพที่ซีวอนเห็นเป็นสิ่งที่จุดประกายความอยากเป็นหมอเล็กๆในใจซีวอน
“ลุงฉีดยาให้คุณแม่ของซีวอนแล้วนะ ไม่นานคุณแม่ก็จะฟื้นขึ้นมานะครับ”
“คุณแม่จะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” ซีวอนยังคงไม่คลายความกังวล
“แน่นอนครับ คุณแม่ต้องฟื้นมาคุยกับซีวอนได้เหมือนเดิมแน่นอน”
“ขอบคุณคุณลุงหมอมากนะครับ” ซีวอนกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มที่เริ่มปรากฏบนใบหน้า แล้วรีบมุ่งหาผู้เป็นแม่ มือน้อยๆของเด้กชายเกาะกุมมือเรียวของผู้เป็นแม่ไว้ตลอด รอคอยเวลาที่ผู้เป็นแม่จะลืมตาฟื้นขึ้นมา และไม่นานสิ่งที่รอคอยก็เป็นจริง เมื่อเปลือกตาของร่างที่นอนไร้สติเริ่มขยับขึ้น
“ซีวอน กินข้าวเช้ารึยังลูก” เป็นคำพูดแรกที่ผู้เป็นแม่ถามขึ้นหลังจากที่ฟื้น
“ยังเลยครับ ผมรอทานพร้อมคุณแม่” ซีวอนพูดพร้อมกับยกมือเรียวที่เกาะกุมอยู่ว่าวางที่ข้างแก้มของตน
“ลูกต้องกินข้าวให้ตรงเวลารู้มั้ย ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วใครจะคอยเตือนลูก”
“ไม่นะครับ แม่อย่าพูดอย่างนี้ แม่ต้องอยู่กับผมตลอดไป”
“แม่ก็อยากอยู่กับลูกตลอกไปจ้า แต่...ลูกสัญญากับแม่นะครับ ว่าถ้าแม่ไม่อยู่แล้วลูกจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับคุณพ่อและก็ป้ายุนอา” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแหบพร่า ทั้งสะเทือนใจในสิ่งที่ต้องพูด และเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ
“ครับ ผมสัญญา แต่แม่ต้องสัญญาเหมือนกันนะครับ ว่าแม่จะอยู่กับผมตลอดไป” ซีวอนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไม่แพ้ผุ้เป็นแม่ รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกกับคำพูดของผู้เป็นแม่
“แม่เหนื่อยจังซีวอน เหนื่อยมากเลยลูก แม่ขอนอนพักซักแป๊ปนะ” พูดจบเปลือกตาที่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานก็หลับลงอีกครั้ง แต่ใครจะคลาดถึงว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เปลือกตาจะถูกเปิดขึ้น มือเรียวที่ถูกมือน้อยของซีวอนเกาะกุมไว้ค่อยๆหลุดออกจากอุ้มมือน้อยๆนั้น
“คุณแม่ครับ!!! คุณแม่...ฮือ....คุณแม่อย่าเพิ่งหลับสิครับ ฮือ...คุณแม่ ตื่นสิครับ” ซีวอนร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจ ทั้งเรียกทั้งเขย่าร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่
...
...
งานศพที่ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ผู้คนมากมายในวงสังคมต่างพากันมาแสดงความเสียใจ ที่ลูกสาวตระกูลดังและภรรยานักธุระกิจผู้ประสบความสำเร็จต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ภาพที่ทุกคนในงานเห็นจนชินตาตั้งแต่วันแรก คือเด็กชายตัวน้อยร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าโรงศพ
“ฉันล่ะสงสารหลานฉันจริงๆ ต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก มีพ่อก็เหมือนไม่มี ดูเพื่อนตัวดีของคุณสิค่ะ ภรรยาตัวเองตายทั้งคน โผล่หัวมางานศพแค่วันแรกวันเดียว ปล่อยให้หลานชายฉันต้องโดดเดี่ยว โถ...ซีวอนหลานน้า ตัวแค่นี้ต้องมาทนกับเหตูการณ์อย่างนี้”
“ได้ข่าวว่าอึนโซประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล มันคงจะไปดูแลเค้าน่ะ”
“คนรักเก่าประสบอุบัติเหตุต้องไปดูแล แล้วพี่สาวฉันล่ะ??? ภรรยาของเค้าแท้ๆเคยมาดูแลมั้ยแม้แต่วาระสุดท้ายในชีวิตก็ไม่เคย ฉันอยากจะรู้นักเค้าเคยรักพี่สาวฉันบอกมั้ย แล้วรุ่นพี่อึนโซเป็นอะไรมากมั้ย” ถึงจะโกรธแค้นแทนพี่สาวขนาดไหนแต่คิมยูฮี ก็อดที่จะเป็นห่างอาการของคนที่เคยรู้จักไม่ได้
“ได้ข่าวว่าอาการหนักอยู่เหมือนกัน ไปเที่ยวกันทั้งครบครัว สามีตายคาที่ ส่วนตัวเองก็โคม่า ลูกชายอีกคนที่โชคดีหน่อยไม่เป็นอะไรมาก แค่แขนหักกับหัวแตก” ผู้เป็นสามีเล่ารายละเอียดให้ภรรยาฟังอย่างละเอียด
“แล้วเพื่อนตัวดีของคุณจะโผล่ศรีษะมามั้ยค่ะวันนี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานศพภรรยาเค้าแล้วนะค่ะ”
“ผมก็ไม่รู้มันเหมือนกัน”
“เฮ่อ...” สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
สิ่งที่สองสามีภรรยากำลังหนักใจนั้น ได้สร้างบาดแผลในใจให้กับใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจจะมาได้ยิน...ซีวอนที่ตั้งใจออกมาโทรศัพท์หาพ่อให้รีบมางานศพของแม่ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็น ”พ่อกำลังติดธุระสำคัญอยู่ซีวอน พ่อคงไปไม่ได้ เดี๋ยวพ่อส่งรถไปรับลูกกลับบ้านนะ”
สิ่งที่เพิ่งได้ยินและรับรู้ทำให้ซีวอนรู้สึกสะเทือนใจ เสียใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีมีดเป็นพันเล่มมากรีดที่หัวใจ ซีวอนรับรู้ถึงความเสียใจทุกข์ทรมานทั้งหมดที่แม่ได้รับ เค้าเองยังเสียใจขนาดนี้ แล้วแม่ของเค้าล่ะ จะเป็นยังไง พ่อใจร้ายที่สุด ผู้หญิงแพศยาคนนั้นเป็นต้นเหตุให้แม่ของเค้าต้องเสียใจ ทุกคนที่ทำให้แม่ของเค้าต้องเสียใจเป็น 10 เท่า
ผ่านงานศพของแม่มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ซีวอนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อเลย ”ซีวอนวันนี้พ่อกลับดึก ลูกไม่ต้องรอกินข้าวนะ” ได้ยินแต่ประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน จนกระทั่งวันนี้ผู้เป็นพ่อกลับบ้านเร็ว
“โมรินเดี๋ยวเอาของคุณฮยอกแจไปเก็บห้องที่ให้จัดไว้นะ” คุณชอยประมุขของบ้านจัดการสั่งนู้นสั่งนี่ทันที หลังจากกลับมาถึงบ้าน
“ซีวอนกลับมานานแล้วหรอลูก มานี่สิ...พ่อจะแนะนำให้รู้จักกับพี่ชาย” ผู้เป็นพ่อเรียกลูกชายที่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได
“นี่ลีฮยอกแจ ต่อไปนี้ฮยอกแจจะมาอยู่ที่นี่กับเรา เค้าจะมาเป็นพี่ชายของซีวอนนะลูก” คุณชอยเบี่ยงตัวออกทำให้เห็นเด็กชายตัวเล็ก ผิวขาว ปากแดง ใส่เผือกที่แขนและมีผ้าก๊อตแปะอยู่ที่ศรีษะข้างขวายืนก้มหน้าอยู่
“ฮยอกแจ...นี่ซีวอนลูกชายของลุงนะ” หลังจากได้รับการแนะนำฮยอกแจจึงเงยหน้ามองคนที่ถูกแนะนำ แต่สิ่งที่ได้พบกลับเป็นแววตาที่ว่างเปล่า ยากที่จะเดาว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างไร
“แค่นี้ใช่มั้ยที่พ่ออยากจะพูด ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวขึ้นไปทำการบ้านนะ” น้ำเสียงที่เย็นชา แววตาที่ท้าทายปรากฏขึ้นบนหน้าซีวอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮยอกแจดูลูกชายลุงสิ ชักจะเอาใหญ่แล้ว” คุณชอยรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางของลูกชายที่เปลี่ยนไป จากซีวอนที่น่ารักน่าเอ็นดู เป็นที่รักของใครๆ เหมือนคนละคนกับซีวอนที่ยโสโอหังเมื่อครู่นี้...
ฮยอกแจรู้สึกถึงรังสีบางอย่างจากบ้านใหม่ แต่ถึงยังไงฮยอกแจก็จำเป็นที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้ เพราะตอนนี้ตนไม่เหลือใครแล้ว พ่อจากไปตั้งแต่วันนั้น วันที่เกิดเหตุการณ์ไม่คลาดคิด ที่ทำให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ส่วนแม่ก็จากไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ญาติพี่น้องที่ไหนก็ไม่มี มีเพียงคุณลุงชอยคนเดียว ที่ดูแลตนและแม่เป็นอย่างดีมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น ถึงจะต้องเจอเหตุการณ์อะไรต่างๆอีกมากมาย คงไม่เท่าเหตุการณ์ที่ฮยอกแจเพิ่งประสบมา ฮยอกแจเองก็ยากจะเดาว่าชีวิตเด็กกำพร้าของตนจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ไม่ว่าจะยังไง ฮยอกแจจะต้องทนให้ได้
“แม่ครับนี่ใช่มั้ยครับลูกชายของคนที่ทำให้แม่ต้องทนเสียใจทุกข์ทรมานมาตลอด แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมจะทำให้พวกมันเสียใจยิ่งกว่าที่แม่เคยได้รับเป็น 100 เท่า 1000 เท่า”
*** 2BC ***
ขอฝากเสื้อไว้ให้พิจารษกันด้วยนะค่ะ
สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
http://kimkibum.5.forumer.com
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น