ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Teenage Witch ลูน่าแม่มดวัยรุ่น

    ลำดับตอนที่ #4 : Prologue 4 : แม่

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 67


    หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาเพียงข้ามวัน เสียงที่ก้องอยู่ในหูราวกับสลักลงไปในจิตใจ ลูน่าคิดทบทวนถึงมันซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เป็นอันเรียน

    ตั้งแต่เกิดมาฉันเป็นคนเข้าใจเรื่องซับซ้อนได้ง่าย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ประโยคสั้น ๆ ทำฉันคิดไม่ตกจนไม่มีสมาธิกับอะไรเลย

    พยายามปะติดปะต่อแล้ว แต่กลับไม่เข้าใจอะไรขึ้นมาเลยสักนิด นั่นทำให้เธอไม่สบายใจเล็กน้อยประกอบกับวันนี้ทั้งวันต้องคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าห้ามใช้พลังอีกด้วย

    เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง หากเธอใช้พลัง อักขระคล้ายยันต์รูนจะปรากฏขึ้นตามตัวของเธอทุก ๆ ครั้งที่ใช้พลัง และนั่นสร้างความเจ็บปวดจนสามารถนำพาลูน่าไปสู่ความตายได้เลยหากมันมีมากพอ

    แต่ที่บอกว่าจะไม่ใช้ ก็แค่ตอนกลางวันเท่านั้นแหละ เธอเตรียมใจมาประมาณหนึ่งแล้วว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องใช้แน่ เมื่อลูน่าคือคนแรกที่มาถึงสถานที่ที่นัดกันไว้คือตึกร้างที่ว่ากันว่าผีดุที่สุด ตอนเวลาสามทุ่ม

    ฉันสามารถยืนยันได้ตรงนี้เลยว่าจริง แค่ฉันมองเข้าไปแวบเดียว พลังวิญญาณที่ยังยึดติด อยู่ต่อด้วยความโกรธแค้น อาฆาต จนกลายเป็นก้อนพลังงานสีดำก็มีอยู่ให้เห็นทุกบริเวณของตึก ที่สำคัญคือเยอะมากด้วย

    "พวกแกแน่ใจกันจริงๆนะ ว่าจะเข้าไป" เธอถามย้ำกับเพื่อนทั้งห้าคน หนึ่งในนั้นมีเมฆรวมอยู่ด้วย

    "แน่ใจสิลูน่า เรามากันถึงตรงนี้แล้วจะหันหลังกลับได้ยังไงกัน" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วที่เหลือก็พร้อมใจกันเห็นด้วย

    เรื่องแบบนี้ล่ะเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงจริ๊ง อยากจะรู้นักว่าถ้าวันนี้ไม่มาด้วยจะซ่ากันแบบนี้ไหม

    ลูน่าถอนหายใจเบาๆไล่ความกดดัน เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ครั้งนึงในชีวิตเธอเคยเผลอใช้พลังในคืนพระจันทร์เต็มดวงมาแล้ว ความรู้สึกที่เหมือนโดนไฟลวกจากทุกรอยอักขระที่เกิดขึ้นยังไม่ลืมไปจากความทรงจำ

    แต่ครั้งนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะวะ

    เธอเริ่มเรียกพลังเวทย์ขึ้นมาบนมือทั้งสองข้าง เมื่อนั้นพลังเวทย์สีขาวประกายทองก็วิ่งไปตามร่องของปูนที่ฉาบและบริเวณที่แตกของกำแพงอิฐเก่าๆเบื้องหน้า 

    แสงจากพลังเวทย์นั้นส่องสลัวในความมืด ขอบเขตของมันจำกัดอยู่เพียงช่องสี่เหลี่ยมที่พอจะเดินเข้าออกทีละสามคนได้สบาย ก่อนที่ลูน่าจะใช้มือข้างขวาอัดพลังใส่บริเวณกำแพงที่เวทย์ของเธอครอบคลุมไว้ จนอิฐก้อนเหล่านั้นกระเด็นออกไป เปิดเป็นทางให้พวกเธอเข้าออกสะดวก

    สิ่งที่เธอทำ ทำเอาเพื่อนข้างหลังส่งเสียงโห ออกมาด้วยความทึ่ง

    "แกเก่งจังอะลูน่า!"

    คำชมนั้นผ่านเข้ามาในหู แล้วก็ผ่านออกไป เธอหันกลับไปหาเพื่อนทั้งห้าคน เอ่ยด้วยเสียงที่กดต่ำลงเล็กน้อย "เดี๋ยวเราตามหลังทุกคนไปเอง จะทำอะไรก็รีบไปทำ เราอยู่ดึกไม่ได้"

    เธอเก็บอาการที่สุดแล้ว ปล่อยให้เพื่อนทั้งห้าคนที่ถือของอะไรมากันบ้างก็ไม่รู้และไฟฉายครบมือเดินเข้าไปก่อน จึงเริ่มสำรวจตัวเองจากบริเวณที่ความเจ็บปวดดั่งถูกไฟเผาปะทุขึ้นมา รอยอักขระแรกประทับลงบนหลังมือขวา ลูน่ามองมันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะพยายามข่มความเจ็บปวดมือจึงสั่นเล็กน้อย

    แต่แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ!

    เธอกำมือนั้นก่อนจะสะบัดมันลงแล้วละความสนใจจากรอยอักขระ 

    ลูน่ามองอย่างไร้ความกลัวเข้าไปในตัวตึกที่เพื่อนๆเริ่มสำรวจ และสัมภเวสีแถวนั้นที่เริ่มหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆเข้าไปเพื่ออารักขาไม่ให้เป็นอันตราย

    ฉันไม่กลัวผี ตราบใดที่พลังงานของพวกมันอยู่ในศาสตร์ของไสยศาสตร์ พลังเวทย์ของฉัน ก็อยู่ในศาสตร์ของคุณไสยแม่มด ดาหน้ากันเข้ามาเลย เดี๋ยวจะเอาให้ตายรอบสองให้ดู!

    เธอเดินเข้าไปในตัวอาคารตามหลังคนอื่น ๆ ที่กำลังส่องไฟสำรวจอย่างตั้งใจ ไม่ได้คิดว่าจะไปกับใครเป็นพิเศษ เพียงแค่อยากจะสังเกตการณ์ทุกคนไปพร้อม ๆ กันเท่านั้น เมื่อมีปัญหาจะได้ไปช่วยได้เลย ลูน่าจึงเลือกไปยืนอยู่ตรงกลางโถงนั้น

    "น้ำใส เมื่อกี้มึงจับไหล่กูป๊ะ" บิวถามเพื่อนของตนที่คิดว่าเดินมาด้วยกัน

    "จับเหี้ยไร กูอยู่มุมนี้"

    "..."

    สิ้นคำตอบของน้ำใสทุกคนก็เริ่มคิดว่ามีอะไรผิดปกติจนละความสนใจจากสิ่งที่ทำอยู่ อีกทั้งบิวยังลุกลี้ลุกลนกว่าใครเมื่อเหตุนั้นประสบกับตัวเอง 

    "ล..ลูน่า ใครจับไหล่เราเหรอ.." บิวเสียงสั่น

    เธอเห็นแล้วว่าวิญญาณตนนั้นดูจะสนใจบิวเป็นพิเศษซ้ำยังไม่เกรงกลัวเมื่อตัวที่เหลือเอาแต่แสดงอาการหงุดหงิดเมื่อมีคนเข้ามายุ่งในพื้นที่ของตน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหวาดกลัวในพลังของตัวเธอ

    ยัยคนนี้เขามีฤทธิ์นะ

    "ไปแล้ว" ลูน่าเอ่ยก่อนจะเงยหน้าขึ้น "ขึ้นไปชั้นสองแล้ว"

    คำพูดนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้เพื่อนเมฆคนดีคนเดิมเกิดไอเดียบรรเจิด เขารีบเปิดกระเป๋าที่สะพายมาก่อนจะค้นหาของอยู่ครู่หนึ่งจึงพบ

    "เล่นผีถ้วยแก้วไหมทุกคน เราเอามาด้วย"

    แล้วทำไมเวลาแบบนี้ของถึงเตรียมพร้อมนักวะเนี่ย! ชีวิตสนุกกันไม่พอหรือไง!

    "เราว่า.."

    "เอาสิ! ไปๆ เผื่อเขาอาจจะอยากสื่อสารกับบิวก็ได้นะ"

    พอมีคนเปิดแล้วมีคนตาม คนที่เหลือก็เห็นด้วยกันทั้งหมดโดยไม่ถามอะไรเธอสักคน ทั้งยังพร้อมใจกันขึ้นชั้นสองโดยไม่รอลูน่ากันอีกต่างหาก

    มาถึงตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามไปแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าใจเธออยากจะบินกลับไปเลยเสียตอนนี้ แต่แบบนั้นพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเพื่อนเธอก็จะหายไปห้าคนแน่นอน ไม่ตายก็เลิกคบ มีสองทาง

    "เห้อ.." ลูน่าถอนหายใจแผ่วเบา เป็นเวลาไม่นานเลยหลังจากที่เธอเดินตามเพื่อนคนอื่น ๆ ขึ้นมา แต่พอเธอตามขึ้นมาถึง พวกนั้นก็ล้อมวงเริ่มถามคำถามแล้ว

    คนล้อมวง ผีเองก็ล้อมวงเหมือนกัน วิญญาณสีดำจำนวนมากยืนรายล้อมดูเด็กนักเรียนห้าคนเล่นผีถ้วยแก้วอยู่กลางวงของพวกเขา แต่มีผีตนหนึ่งที่ร่วมวงเลื่อนแก้วอยู่ด้วย

    ใช่แล้วค่ะ ตนเดียวกับที่จับไหล่บิวนั่นแหละ นั่งอยู่ข้างๆเลย

    เธอมองทุกที่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไม่ได้ลงไปล้อมวงด้วย

    "จะทำอะไรพวกเขา" นี่คือสิ่งเดียวแล้วที่ลูน่าจะทำได้คือคุยกับวิญญาณตนนั้นผ่านกระแสจิต

    "พวกมึงรุกล้ำที่กู พวกมึงต้องตายที่นี่ทุกคน แล้วกูจะเอาร่างอีนังนี่เป็นตัวตายตัวแทนกู"

    สิ้นเสียงนั้น ลมรอบตัวก็พัดแรงขึ้น ไฟฉายห้ากระบอกที่เปิดไว้เริ่มติด ๆ ดับ ๆ แก้วบนกระดานลากวนที่สามตัวอักษรเป็นคำว่า'ตาย'ซ้ำไปมาอย่างรวดเร็ว ซากไม้ผุพังที่อยู่ฟากหนึ่งของห้องกำลังลอยมาหาวงผีถ้วยแก้ว

    "ฝ้ายระวัง!" บิวที่อยู่ฝั่งที่จะเห็นไม้ลอยมารีบส่งเสียงเตือนด้วยความตกใจ

    มันพยายามใช้จุดอ่อนที่ห้ามคนที่เล่นผีถ้วยแก้วเอานิ้วออกจากแก้วให้พวกเขาเป็นเป้านิ่ง

    แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ!

    ข่ายพลังเวทย์ตรึงไม้ที่กำลังลอยมาให้หยุดอยู่กลางอากาศ ก่อนจะปัดมันให้ร่วงลงพื้น ความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นที่หลังมือขวา เมื่ออักขระปรากฏขึ้นอีกแล้ว

    "อึก!..."

    ในจังหวะที่ลูน่าไม่ทันเห็น ไหล่ของฟิล์มก็ได้ชนเข้ากับบิวจนนิ้วหลุดออกจากแก้ว เมื่อนั้นเหล่าวิญญาณที่ยืนล้อมวงอยู่ก็เริ่มแย่งกันที่จะเข้าร่าง แต่วิญญาณตนที่กำลังสื่อสารด้วยนั้นเข้าไปก่อนใคร

    "เชี่ย! ชิบหายแล้ว อีบิวผีเข้า!"

    สติของทุกคนแตกกระเจิงลุกขึ้นวิ่งกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อบิวเริ่มลุกขึ้นมาหัวเราะและมีท่าทีไม่ใช่คนที่เธอรู้จัก

    ในสถานการณ์นี้ลูน่าเป็นเดียวที่มีสติที่สุด แม้ว่าจะเริ่มทนความรู้สึกเจ็บไม่ไหวแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องทน

    เธอเรียกพลังเวทย์ขึ้นมาบนมือทั้งสองข้าง ประชันหน้าบิวที่โดนผีเข้า "ออกจากร่างเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้!"

    บิวแสยะยิ้มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหลายเสียงผสมกันจนดูน่ากลัว "หึ ๆๆๆ กูไม่ออก กูจะกัดกินร่างมัน แล้วก็จะเป็นมึงต่อไป!"

    เกิดมาไม่เคยเจอผีอะไรไม่มีเหตุผลขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอเริ่มโมโหแล้วด้วยหลาย ๆ ปัจจัยรวมกันจนลืมไปแล้วว่าร่างของตนเจ็บปวดแค่ไหน "ถ้าทำได้ก็ลองดู"

    ไม่รอให้เสียเวลา ลูน่ากระหน่ำปาบอลพลังเวทย์ใส่ร่างของบิวที่โดนผีสิงจนมันถอยหลังไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ ครั้งที่โดน พลังงานสีดำก็หลุดออกจากตัวบิวทีละตน แต่มันมากจนยังไม่ถึงตัวที่กำลังพล่ามอยู่นี่สักที

    มันพยายามเข้ามาโจมตีเธอในระยะประชิด แต่ลูน่าก็บินหลบมันไปอีกทางแล้วปาบอลเวทย์ใส่มันต่อไป

    "อึก!.. มึงทำแบบนี้ได้อย่างไร มึงเป็นผู้ใดกันแน่!"

    เหมือนว่ามันจะเริ่มรู้สึกเจ็บปวดแล้ว นี่แหละตัวสุดท้ายแล้ว!

    ลูน่าตรึงร่างของบิวแล้วยกให้ลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย เท่านี้มันก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว

    "อยากรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร..." นัยน์ตาดำเปล่งประกายสีทองวาวโรจน์ในความมืด เธอเดินเข้าไปใกล้ร่างที่ถูกตรึงเอาไว้ ก่อนจะง้างมืออัดพลังเข้ากลางอกบริเวณที่เป็นจุดของหัวใจ

    "บอกก็โง่แล้ว!" 

    วิญญาณสีดำตัวสุดท้ายกระเด็นออกจากร่างของบิวแล้วสลายไปในอากาศ ลมกรรโชกแรงได้หยุดลงแล้ว บิวที่ได้สติร่วงลงกับพื้น มองอย่างลุกลี้ลุกลนซ้ายขวา

    "อีบิว!" น้ำใสเมื่อเห็นสถานการณ์สงบก็วิ่งเข้ามาดูเพื่อนก่อนใคร

    "น้ำใส! เกิด.. เกิดอะไรขึ้นวะ" บิวถามอย่างตื่นตระหนก

    "กูว่าเรากลับกันเถอะมึง ขอบใจมากเลยนะลูน่า...ลูน่า?" ฟิล์มกล่าวขอบคุณก่อนจะสังเกตจนชะงัก

    "แฮ่ก.. แฮ่ก.. ไม่เป็นไร" เธอกล่าวขอบคุณทั้งหอบหายใจ คืนนี้เธอใช้พลังเวทย์แล้วรู้สึกเหนื่อยที่สุดในชีวิต

    "รอยอะไรเต็มตัวแกไปหมดเลย.."

    เมื่อฟิล์มทักขึ้นลูน่าเองก็เพิ่งสังเกต รอยอักขระขึ้นลามไปทั้งแขนขึ้นมาถึงคอ ก่อนที่ความเจ็บปวดเหลือคณานับจะโถมเข้าใส่จนเธอต้องทรุดตัวลงกรีดร้องออกมา

    หัวปวดแทบระเบิด ตามเนื้อตัวร้อนดั่งถูกไฟเผา ทรมานเหมือนความตายอยู่เพียงเอื้อม ความโกลาหลวุ่นวายของเพื่อนทั้งห้าคนเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอกลายเป็นแบบนี้แต่เสียงเหล่านั้นอื้ออึงจนฟังไม่ได้ศัพท์อีกต่อไปแล้ว

    นี่เราจะตายแล้วเหรอ.... แม่คะ..

    สติของเธอค่อยๆดับวูบลง แต่ห้วงสุดท้ายเธอกลับเห็นว่าแม่ของตัวเองอยู่เบื้องหน้าแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×