คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Prologue 2 : ย้ายวัตถุ
เรื่องตอนเช้าจบลงไปทั้งที่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของก้อนสีขาวที่หาคำอธิบายไม่ได้นั้นคือใคร เว้นแต่คนห้องมอหกทับหนึ่งที่เขารู้กันดี ถ้าเหตุแฟนตาซีแบบนี้ล่ะก็ มีคนเดียวเท่านั้นแหละ คีย์เวิร์ด'แม่มดน้อยโดเรมี' ซึ่งก็ไม่มีใครอื่นนอกจากตัวลูน่าเอง
เธอเองก็รู้ในเรื่องที่เพื่อนเรียกเธอแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเสียหน่อย อีกอย่างแม่มดน้อยโดเรมีก็น่ารักมากด้วย
คาบแรกเช้าวันนี้เป็นวิชาคณิตศาสตร์ของครูที่คนรู้กันทั่วว่าเข้าช้าไม่ต่ำว่าสิบนาที ลูน่าจึงมีเวลาได้คุยกับเพื่อน และหากเป็นช่วงก่อนหน้านี้ เธอก็คงจะทบทวนว่าการบ้านตัวเองขาดตกงานไหนไปหรือเปล่าด้วย
แต่ลืมไปได้เลยว่าอย่างหลังจะเกิดขึ้น เมื่อวัน ๆ ก็มุ่งตรงแต่จะอัพเดตเรื่องชาวบ้านกับเพื่อนเป็นไหน ๆ ยิ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแล้ว
นี่! ช่วยบรรยายให้เป็นกลางหน่อยได้มั้ยคะ
"ซีนใหญ่เชียวนะ เมื่อเช้านี้" จ๋าที่จองที่นั่งไว้ข้างๆ เพิ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำ ไม่แน่ใจว่าทำไมกลับมาแล้วหน้าดูเต็มขึ้นแต่เหมือนว่าจะแวะมินิมาร์ทซื้อขนมมาด้วย
"รู้เลยเหรอคะเพื่อน ว่าฝีมือใคร" ลูน่าละความสนใจจากโทรศัพท์ ทำทีเท้าคางยกยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"เวทย์มนต์แฟนตาซีแบบนั้นมีมึงทำได้อยู่คนเดียวทั้งโลกค่ะ แล้วอีกอย่างทั้งเสียงกับแสงผ่านกูไปดังพรึ่บ! ไม่รู้กูว่าหูหนวกตาบอดละ"
บ่นจบแล้วจ๋าก็ฉีกซองขนมที่ซื้อมาก่อนจะเอาเข้าปาก ส่วนลูน่าก็ได้ไปหนึ่งเสียงหัวเราะ เธอก็แค่ชอบเห็นจ๋าบ่นไปอย่างนั้น ตลกดีเวลาเห็นยัยคนตรงหน้าเริ่มวุ่นวายอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหัวจนออกอาการ
ไม่ทันที่ลูน่าจะทำอะไรต่อดี เพื่อนอีกคนในห้องที่เป็นผู้ชายใส่แว่นใสสูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบ เหมือนจะชื่อเมฆก็ได้ปรี่เข้ามาหาเธอทันใด "นี่ ๆๆๆ ลูน่าพรุ่งนี้ตอนเย็นว่างไหม"
"หืม? ทำไมเหรอ" ลูน่าเลิกคิ้วถาม
"เพื่อนจะไปล่าท้าผีกันที่ตึกร้างใกล้ ๆ นี่แหละ เขาว่ากันว่าดุจริง เลยอยากให้ลูน่าไปด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน"
ทั้งประโยคชวนนี้เหตุและผลดูพิลึกพิกล รู้ว่าอันตรายแล้วไปทำไมกันตั้งแต่แรก แม้แต่จ๋าก็สัมผัสได้จนต้องทัก
"แล้วไม่ไปแต่แรกมันไม่ง่ายกว่าเหรอวะเพื่อน เผื่อไม่เจอผีแต่พวกมึงตกตึกหรือเหยียบเศษแก้ว เป็นบาดทะยักขึ้นมามันจะยากนะ"
"เอาน่าจ๋า ไม่ถึงปีก็จะจบมอหกแล้ว ประสบการณ์ร่วมกันที่จำไม่รู้ลืมน่ะ หาไว้หน่อย" เมฆตอบ
ขนาดเป็นเหตุเป็นผลขนาดนี้ยังโดนปฏิเสธได้ นี่สินะเขาเรียกว่าวัยคึกคะนองของจริง
แต่พอมันออกมาเป็นแบบนี้กลับทำให้ลูน่ายิ่งคิดหนัก ริมฝีปากของเธอขบเม้มเข้าหากัน เสียงของแม่เมื่อเช้ายังคงก้องและย้ำเตือนเธออยู่ตลอดเวลา พรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวงนะลูก
ถ้าใช้พลังในคืนพระจันทร์เต็มดวง ความเจ็บปวดที่ได้รับจะมากกว่าปกติเป็นไหน ๆ ไม่ใช่แค่อาการปวดหัว หรือนอนไม่หลับ แต่สามารถเข้าขั้นทรมานจนถึงเสียชีวิตได้เลย
แต่ถ้าไม่ไป เพื่อนของเธอก็จะเป็นอันตรายได้ไม่ว่าด้วยสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น
"ได้ แต่ถ้าฉันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะสลบหรือหมดสติไป ให้เอาตัวฉันส่งไปหาแม่ให้เร็วที่สุด โอเคนะ"
เพียงแค่ลูน่าตกลง เมฆก็ตาลุกวาวเป็นประกาย จังหวะนี้อะไรก็ได้แล้วทั้งนั้น "ขอบคุณมากนะลูน่า เจอกันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ"
ควรจะดีใจไหมเนี่ย หาเรื่องเข้าตัวชัด ๆ เลยลูน่าเอ๊ย..
"นั่งที่ค่ะนักเรียน"
ในที่สุดเสียงของครูประจำวิชาก็เดินเข้ามาเสียที เป็นคุณครูผู้หญิงจากหมวดคณิตศาสตร์ที่มีจิตวิญญาณแฟชันนิสต้ามากพอที่จะสู้กับครูหมวดภาษาต่างประเทศได้เลย แต่งตัวได้สวยสะพรึง ผมลอนตลอดเวลาและเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟแบรนด์นางเงือกสีเขียวเหมือนทุกครั้ง
"นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ"
"สวัสดีค่ะคุณครู"
"สวัสดีครับคุณครู"
เสียงของนักเรียนทุกคนในห้องรวมกันเป็นเสียงเดียวเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เมื่อสวัสดีกันเสร็จสิ้นจึงจะสามารถเริ่มเรียนได้
"นักเรียนเอาหนังสือขึ้นมานะคะ เราจะมาเริ่มเรียนบทต่อไปกันเลยนะคะวันนี้ ครูต้องรีบสอนพวกเราให้จบเร็วนิดนึงจะได้มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ หรือไปหาอะไรใส่พอร์ตโฟลิโอกันนะลูก"
นั่นสินะ กำลังจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตแล้วสินะเรา เผลอแป๊บเดียวก็จะเป็นสาวมหา'ลัยเสียแล้ว เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราต้องตั้งใจเรียนจนวินาทีสุดท้าย!
แม้ว่าตลอดมาลูน่าจะเป็นคนฉลาด แต่ก็ต้องมาตกม้าตายเพราะความขี้เกียจของตัวเองอยู่ทุกครั้ง
เอ๊ะ! อย่ามาพูดจาแบบนี้นะคะ
เมื่อคนอื่นเริ่มหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ออกมาจากกระเป๋า เธอเองก็ต้องหยิบออกมาเหมือนกัน แต่ทันทีที่ยกกระเป๋าขึ้นมา ความรู้สึกกลับต่างไปจากเมื่อเช้าเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่ามันควรจะหนักกว่านี้ และหนักสม่ำเสมอกว่านี้ แต่นี่มันหนักเป็นบางจุด แถมรูปกระเป๋าก็ดูผิดแผกไปเหมือนของที่อยู่ข้างในใหญ่จนดันเนื้อผ้ากระเป๋า
เสี้ยวความคิดหนึ่งทำเธอคิ้วขมวดขึ้นมา แต่ใจกลับปฏิเสธคิดไปว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง แต่เมื่อรูดซิปกระเป๋าออก เธอจึงพบว่าความคิดนั้นไม่ได้ผิดไปเลย
สมุดสีขาวนวลขลิบทองมองผ่านๆก็ดูสวยงามคล้ายพร๊อบคอสเพลย์ แต่หากพินิจลงไปแล้วกลับเต็มไปด้วยลวดลายปริศนาคล้ายอักษรที่อ่านไม่ออกเต็มไปหมด มิหนำซ้ำมันยังสามารถขยับได้อีกด้วย
"เปิดเทอมใหม่ทั้งที เจ้าคิดจะมาโรงเรียนโดยไม่พาข้ามาด้วยอย่างนั้นหรือ ข้าเสียใจนะที่เจ้าเอาแต่ศึกษาหนังสือพวกนั้นมากกว่าข้า"
เสียงของหนังสือเล่มนี้ดังก้องอยู่ในหัว โดยปกติแล้วลูน่าจะคุยกับมันผ่านกระแสจิตที่เชื่อมกัน
แต่มันไม่ใช่เวลานี้โว๊ย!
"แซนดี้! เลิกงอแงแล้วเอาหนังสือในกระเป๋าฉันกลับมาเลยนะ!"
แซนดี้ ใช่แล้ว ชื่อที่ลูน่าตั้งให้เจ้าสมุดเวทย์นั่นแหละ ด้วยที่ตัวมันเป็นสมุดที่มีเวทย์มนต์แล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นสมุด จึงสามารถเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งตนกับหนังสือหนึ่งเล่ม หรือทั้งชั้นวางเลยก็ยังได้
"แต่เราไม่ได้เรียนเวทย์มนต์ด้วยกันมานานแล้วนะลูน่า โชคชะตานั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เจ้าจะต้องชำนาญในสิ่งที่เจ้ามีมากกว่านี้"
โชคชะตาใกล้เข้ามาทุกที คำนี้อีกแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ เวลาที่ต้องโตขึ้นอย่างนั้นเหรอ
"รู้แล้วน่า แต่เอาไว้กลับบ้านก่อนได้ไหม ตอนนี้ฉันจะเรียนคณิตศาสตร์เนี่ย!"
"ไม่! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเจ้าจะเปิดข้าขึ้นมาอ่าน"
แซนดี้อยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้ ถึงเขาจะบอกว่าตัวเองมีความรู้มากกว่าที่ฉันในตอนนี้จะเข้าใจในตัวเขาอย่างกับว่าตัวเองโตนักหนา แต่ดูตอนนี้สิ อย่างกับเด็กสามขวบ
"ไปสิ!"
"ไม่ไป!"
"ไปสิ!"
"ไม่ไป!"
การถกเถียงแสนวุ่นวายที่มีเพียงลูน่าและแซนดี้เท่านั้นที่ได้ยินกันและกัน จนท้ายที่สุดแล้วก็เป็นลูน่าที่ทนการรบเร้าไม่ไหว ใช้มือทั้งสองข้างจับหนังสือเวทย์มนต์แซนดี้แม่นมั่นก่อนจะเอ่ยคาถาเต็มเสียงโดยไม่รู้ตัว
"เลดา เทลา เพลลาครอส!"
แสงสีทองสว่างวาบในกระเป๋า นี่คือคาถาสลับที่สิ่งของ เธอส่งแซนดี้กลับไปที่บ้านแล้วนำหนังสือเรียนที่จัดกระเป๋าไว้กลับมา
"ก็แค่นี้แหละ...อุ่ย" ลูน่ากำลังจะหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ออกมาอย่างสบายใจอยู่แล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตานับสิบคู่มองมาที่เธอเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆเมื่อครู่นี้ แม้แต่คุณครูเองก็ด้วย
เธอหลับตาเม้มปากพร้อมกับค่อยๆหันออกไปทางหน้าต่างเพื่อมองคุณก่อนจะหลับตาปี๋ทั้งกัดฟันพูดทั้งกรีดร้องเบาๆ "อีแซนดี้มันเล่นกูแล้ว"
ความคิดเห็น