คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Prologue 3 : ใกล้เข้ามาทุกที
"มีอะไรหรือเปล่าคะ พรนภา"
คุณครูประจำวิชาถามทั้งที่มีสีหน้างงงวยราวกับไม่เข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น หรือพูดว่าอะไรเมื่อครู่นี้ แต่ในขณะเดียวกันเพื่อนทั้งห้องกลับค่อยๆหันกลับไปแล้วทำเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดแปลกไป
แย่แล้วลูน่าเอ๊ย ครูกำลังสงสัยแล้ว ต้องรีบแก้ตัว ต้องรีบแก้ต้วแล้ว! ทำไงดี ๆๆๆ
"อ๋อ เปล่าค่ะ ๆ พอดีว่า--"
"พรนภาตั้งใจจะไปเรียนต่อหมอเลยท่องตารางธาตุอยู่น่ะค่ะครู แต่เหมือนจะต้องจำเยอะไปหน่อยเลยเผลอพูดออกมา เมื่อคืนนะคะหนูโทรคุยกับเค้าอยู่ ตีหนึ่งตีสองอ่านหนังสือใหญ่เลยค่ะ"
ขณะที่ลูน่าลนลานเหมือนโดนไล่ต้อนจนจนมุม เสียงของหัวหน้าห้องผู้แสนดีเป็นดั่งบันไดสวรรค์พาเธอรอดไปจากเหตุโป๊ะแตกตรงนี้ได้อย่างหวุดหวิด
ขอบคุณนะ บุญคุณครั้งนี้จะจำไม่ลืมเลย ฮือออ
"อ๋อ.. เหรอจ๊ะ สู้ๆนะลูกไปต่อทางนี้น่ะเรียนหนักหน่อย แต่ตั้งใจเรียนของครูด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะครู ขอโทษที่รบกวนค่ะ" ลูน่าพูดพลางหัวเราะแหะ ๆ ขณะที่คุณครูหันกลับไปเขียนกระดาน
ระหว่างที่ทุกอย่างเกิดขึ้นนั้น เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าจ๋าเพื่อนรักที่นั่งข้าง ๆ นั้นมีสีหน้าแบบไหน หรือกลั้นขำมานานแค่ไหนแล้ว เมื่อลูน่าเริ่มพลิกหน้ากระดาษหนังสือคณิตศาสตร์ เพื่อนรักแสนรู้ใจก็เริ่มขยับไหล่ยุกยิกและร้องเพลงเบาๆ
"ฉันตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าจะเก็บความลับนี้ไว้ ได้นานเท่าไหร่"
ไม่รอให้ร้องต่อ ลูน่าก็คว้ากระเป๋าดินสอของจ๋าขึ้นเคาะหัวเจ้าตัวดังปัก! ก่อนจะวางกลับที่เดิม
"เดี๋ยวกูก็ลาบาชูบาชู้เข้าให้"
บทสนทนาของเธอจบลงเพียงเท่านั้นก่อนที่ครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้จะเป็นการตั้งใจเรียนหนังสืออย่างไม่น่าเชื่อ
เอาอีกแล้วนะคะ!
ลูน่าไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก นั่นเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่เธอไม่ชอบการที่นั่งจดลงสมุดและฟังครูพูดให้ความรู้ไหลเข้าหัวเฉยๆ แต่พอบอกว่าตั้งใจมันก็ได้แค่สามสิบนาทีนั้นนั่นแหละ
"โห่น้องครับ พี่ขอไอจีแค่นี้เอง อย่าให้พี่ต้องบังคับเลยนะ"
ไม่รู้ว่าเพราะอาคารที่เธอเรียนอยู่ตอนนี้มันเตี้ย เธอหูดี หรือคนพวกนั้นพูดดังเกินไป แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะดึงความสนใจเธอไปจากตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ ยิ่งที่ที่เธอนั่งติดหน้าต่างแล้ว เพียงแค่หันออกไปก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ม..ไม่สะดวกให้จริงๆคะพี่"
เหมือนว่าจะมีพวกผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอสองคนกำลังคุกคามน้องมอห้าอยู่ โดยไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าที่ทำมันดูทุเรศเนี่ยนะ?
"ไม่สะดวกอะไรกันครับน้อง แค่พิมพ์ชื่อไอจีให้พี่แป๊บเดียวไม่นานหรอก"
การกระทำของผู้ชายพวกนั้นทำลูน่าคิ้วขมวด ยิ่งพูดอะไรที่ส่อถึงทัศนคติเอาแต่ได้พวกนั้นยิ่งน่าหงุดหงิดไปกันใหญ่ แถมน้องเขาเริ่มกลัวแล้วด้วย เธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่จะช่วยยังไงดีล่ะ
เธอเริ่มกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ ตอนนี้สมองและความรับรู้ตัดขาดออกจากการเรียนโดยสิ้นเชิงแล้ว คิดแค่ว่าต้องพาน้องคนนั้นออกมาจากสถานการณ์ตรงนั้นก่อน
แล้วทันทีที่ลูน่าเหลือบไปเห็นถังขยะขนาดใหญ่ที่วางอยู่แถวนั้นก็เกิดความคิดบรรเจิด เธอเริ่มยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้พลังจิตดึงฝักต้นหางนกยูงฝรั่งให้ร่วงลงมาใส่หัวคนที่อยู่ใกล้น้องเขาที่สุด
แป๊ะ!
"โอ๊ย! ไอ้เหี้ยไรวะ!" น่าเสียดายนิดหน่อยที่มันไม่ร่วงลงมาเป็นแนวตรง กลับโดนหัวในแนวขวางเสียได้ แต่แค่นี้มันยังไม่จบหรอก
พอคนเจ็บเริ่มเงยหน้ามองหาที่มา ข่ายพลังสีขาวประกายทองก็ตรึงร่างเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันแล้วยกมันลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆถอยหลัง
"เห้ย ๆๆๆๆ ไอ้บาส! กูเป็นอะไรไม่รู้ ช่วยกูด้วย ไอ้บาส! ไอ้บาส!"
ทั้งหมดนี้ลูน่าควบคุมพลังเวทย์ด้วยมือเดียว แต่พอเห็นมันเริ่มโวยวาย เธอก็เลยใช้อีกมืออัดพลังใส่ร่างที่ถูกตรึงให้กระเด็นถอยหลังหัวคะมำลงถังขยะไป
"เห้ยไอ้เหี้ยเกิดไรขึ้นวะเนี่ย!"
พอหันกลับมาอีกครั้งเห็นเพื่อนตัวเองขาชี้ฟ้าอยู่ในถังขยะก็รีบปรี่เข้าไปช่วย เป็นจังหวะให้น้องคนนั้นหนีไปทั้งที่สับสนไม่ต่างกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่จำเป็นต้องมีใครเข้าใจหรอก เพราะตัวต้นเรื่องอยู่ตรงนี้ค่ะน้อง ๆ
น้องคนนั้นรอดจากการคุกคามไปได้แล้ว แต่ลูน่ากลับรู้สึกว่ามันยังไม่สาแก่ใจ ทำตัวเป็นขยะด้วยกันแท้ ๆ จะให้ลงถังไปคนเดียวก็ยังไงอยู่
ก็ลงไปด้วยกันนั่นแหละ
ข่ายพลังเวทย์สีขาวประกายทองตรึงร่างคนที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะชื่อบาส แล้วอัดพลังใส่กลางหลังให้ตัวพุ่งลงถังขยะไปอีกคน
เธอยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นขาสองคู่ชี้ขึ้นฟ้า พยายามตะกายหาทางออกจนถังสั่น ก่อนจะหันมายิ้มกวนทำทีแลบลิ้นให้คุณ
"อย่าไปทำอะไรแบบนี้กับใครที่ไหนนะคะ"
เมื่อพอใจแล้วจึงหันกลับมาตั้งใจกับหนังสือเรียนบนโต๊ะ แต่ใบหน้าของจ๋าที่มองอย่างสงสัยก็ทำเธอตกใจจนสะดุ้ง ดีนะที่ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
"คุยกับใครอ่ะ" จ๋าถามกระซิบ เพราะห้องกำลังเงียบ ไม่อยากพูดดัง
"โอ๊ย ไม่มี ไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยอีนี่! ตั้งใจเรียนไป" ลูน่ากระซิบคืนบ้าง
วันทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเหตุการณ์ช่วยน้องมอห้าจากชายแท้แล้วก็ไม่มีเหตุอะไรให้เธอต้องใช้เวทย์มนต์อีก
พอได้เวลาที่ประตูโรงเรียนเปิด เป็นสัญญาณบอกว่านักเรียนทุกคนสามารถกลับบ้านได้ ลูน่าจึงร่ำลากับจ๋าและฟ่างเพื่อนรักก่อนจะกลับบ้าน
แน่นอนว่ามาอย่างไรก็กลับอย่างนั้น เธอเดินไปตามทางฟุตบาทจนพินิจดูแล้วรู้สึกว่ารอบตัวไร้ผู้คน จึงเรียกกลุ่มก้อนพลังเวทย์สีขาวประกายทองออกมาบนมือทั้งสองข้าง ใช้มันผลักตัวขึ้นบนฟ้าแล้วเดินทางกลับ
เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า อาการปวดเนื้อปวดตัว และปวดหัวอ่อน ๆ ก็เริ่มแสดงอาการทีละส่วน
ฉันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ หลังจากที่ใช้พลัง แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ใช้ เป็นเหมือนคนปกติเดินดินทั่วไปก็หลับสบายทุกครั้งเหมือนกัน แต่ฉันก็ชินแล้วล่ะนะ
ทุกครั้งที่ว่าคือเป็นมาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มพูดรู้เรื่อง ควบคุมพลังได้นั่นแหละ เธอเองก็เคยถามแม่ฟ้า ว่าถ้าพลังนี้ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดแล้วสมัยทารกเธอควบคุมมันอย่างไร
คำตอบที่ได้ทำเธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ เมื่อแซนดี้สอนแม่ฟ้าวาดยันต์รูนผนึกพลังไว้ตรงกลางหลังเธอ จึงทำให้ลูน่าไม่เผลอใช้พลังมั่วซั่ว
ที่ไม่น่าเชื่อก็เพราะเป็นแซนดี้นั่นแหละค่ะ ไม่คิดว่าเขาก็มีความรู้อะไรแบบนี้ด้วย น่าแปลกใจนะคะ
บินมาสักพักในที่สุดก็ถึงบ้านแสนรักเสียที ลูน่าลงจอดที่ประตูหน้าบ้านพอดีเป๊ะ เพียงแค่อยากจะบิดลูกบิดประตูเข้าไปแล้วเอ่ยอย่างสดใส
"กลับมาแล้วค่ะแม่!"
"จ้าลูก แม่ทำกับข้าวอยู่ในครัวค่ะ" เสียงของผู้เป็นแม่ดังมาจากในครัวจริงๆอย่างเช่นทุกวัน เธอจึงถอดรองเท้าแล้วเดินขึ้นห้องไปตามปกติ
วิ๊ง....
"?" ทันทีที่จับลูกบิดประตูห้องของตน เสียงแหลมสูงก็แว่วเข้ามาในหูของลูน่าก่อนจะตามด้วยเสียงสะท้อนที่เธอฟังไม่ได้ศัพท์จากที่ไกล ๆ
พยายามแล้วที่จะมองหา แต่กลับไม่พบ จึงเดาว่าหูแว่วไปเองแล้วเปิดประตูเข้าไป
สิ่งแรกที่เธอทำคือเปิดสวิตช์ไฟให้ห้องสว่างขึ้น และเมื่อตาของลูน่าเหลือบไปเห็นสมุดเวทย์มนต์แซนดี้ที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ เสียงที่สะท้อนไปมาก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันเริ่มที่จะเป็นคำมากขึ้น
วงกลม....
วงกลม? หมายความว่าอะไรกันแน่ แซนดี้เพ้ออะไร หรือเป็นผลข้างเคียงของเวทย์ย้ายวัตถุอย่างนั้นเหรอ
เมื่อนั้นไฟห้องของเธอก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ ลมปริศนาพัดเข้ามาจากทุกทิศทั้งที่หน้าต่างปิดสนิท กระดาษในห้องเริ่มปลิวว่อนไปทั่ว ทำเอาเธอตกใจรีบหันซ้ายหันขวาหาต้นตอที่มา และไม่ลืมที่จะเรียกก้อนพลังเวทย์มาไว้บนมือทั้งสองข้าง
พลังเวทย์ในอุ้งมือนั้นสว่างท่ามกลางความมืดทันทีที่ไฟตก แสงสีขาวประกายทองนี้เธอเชื่อใจกว่าแสงไหน ๆ และพร้อมปะทะทันทีหากมีตัวอะไรออกมา
แต่ก็ไม่มีตัวอะไรออกมาอย่างที่เธอคิด เพียงแต่แซนดี้เริ่มเปิดออก ลอยตัวขึ้นเหนือโต๊ะ หน้ากระดาษพลิกไปอย่างรวดเร็ว ตัวอักษรทุกหน้าเปล่งแสงสีทองสว่างไสว
วงกลมเวียนมาบรรจบ จุดสิ้นสุดกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น ใกล้เข้ามาแล้ว..
เสียงนั้นสะท้อนไปมาอยู่ในหัวของลูน่าจนเธอเริ่มรู้สึกปวดหู พลังในมืออันตรธานหายไปทันทีเมื่อยกมือขึ้นมาปิดหูไว้
"หยุดนะ! หยุดสักที!"
เธอทรุดลงและพูดต่อแซนดี้
เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม จงกลับไปแก้ไขให้ทุกสิ่งถูกต้อง...
สิ้นประโยคนั้น ทั้งลม และไฟที่ติด ๆ ดับ ๆ หรือแม้แต่แซนดี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ร่วงตุ้บลงบนโต๊ะ ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ เสียงสะท้อนได้หายไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้ยิน เธอกลับไม่อาจลืมเลือน
"เมื่อถึงเวลา.. จงกลับไปแก้ไข.."
ความคิดเห็น