ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Teenage Witch ลูน่าแม่มดวัยรุ่น

    ลำดับตอนที่ #2 : Prologue 2 : ย้ายวัตถุ

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 67


    เรื่องตอนเช้าจบลงไปทั้งที่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของก้อนสีขาวที่หาคำอธิบายไม่ได้นั้นคือใคร เว้นแต่คนห้องมอหกทับหนึ่งที่เขารู้กันดี ถ้าเหตุแฟนตาซีแบบนี้ล่ะก็ มีคนเดียวเท่านั้นแหละ คีย์เวิร์ด'แม่มดน้อยโดเรมี' ซึ่งก็ไม่มีใครอื่นนอกจากตัวลูน่าเอง

    เธอเองก็รู้ในเรื่องที่เพื่อนเรียกเธอแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเสียหน่อย อีกอย่างแม่มดน้อยโดเรมีก็น่ารักมากด้วย

    คาบแรกเช้าวันนี้เป็นวิชาคณิตศาสตร์ของครูที่คนรู้กันทั่วว่าเข้าช้าไม่ต่ำว่าสิบนาที ลูน่าจึงมีเวลาได้คุยกับเพื่อน และหากเป็นช่วงก่อนหน้านี้ เธอก็คงจะทบทวนว่าการบ้านตัวเองขาดตกงานไหนไปหรือเปล่าด้วย

    แต่ลืมไปได้เลยว่าอย่างหลังจะเกิดขึ้น เมื่อวัน ๆ ก็มุ่งตรงแต่จะอัพเดตเรื่องชาวบ้านกับเพื่อนเป็นไหน ๆ ยิ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแล้ว 

    นี่! ช่วยบรรยายให้เป็นกลางหน่อยได้มั้ยคะ

    "ซีนใหญ่เชียวนะ เมื่อเช้านี้" จ๋าที่จองที่นั่งไว้ข้างๆ เพิ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำ ไม่แน่ใจว่าทำไมกลับมาแล้วหน้าดูเต็มขึ้นแต่เหมือนว่าจะแวะมินิมาร์ทซื้อขนมมาด้วย

    "รู้เลยเหรอคะเพื่อน ว่าฝีมือใคร" ลูน่าละความสนใจจากโทรศัพท์ ทำทีเท้าคางยกยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    "เวทย์มนต์แฟนตาซีแบบนั้นมีมึงทำได้อยู่คนเดียวทั้งโลกค่ะ แล้วอีกอย่างทั้งเสียงกับแสงผ่านกูไปดังพรึ่บ! ไม่รู้กูว่าหูหนวกตาบอดละ"

    บ่นจบแล้วจ๋าก็ฉีกซองขนมที่ซื้อมาก่อนจะเอาเข้าปาก ส่วนลูน่าก็ได้ไปหนึ่งเสียงหัวเราะ เธอก็แค่ชอบเห็นจ๋าบ่นไปอย่างนั้น ตลกดีเวลาเห็นยัยคนตรงหน้าเริ่มวุ่นวายอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหัวจนออกอาการ

    ไม่ทันที่ลูน่าจะทำอะไรต่อดี เพื่อนอีกคนในห้องที่เป็นผู้ชายใส่แว่นใสสูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบ เหมือนจะชื่อเมฆก็ได้ปรี่เข้ามาหาเธอทันใด "นี่ ๆๆๆ ลูน่าพรุ่งนี้ตอนเย็นว่างไหม" 

    "หืม? ทำไมเหรอ" ลูน่าเลิกคิ้วถาม

    "เพื่อนจะไปล่าท้าผีกันที่ตึกร้างใกล้ ๆ นี่แหละ เขาว่ากันว่าดุจริง เลยอยากให้ลูน่าไปด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยทัน"

    ทั้งประโยคชวนนี้เหตุและผลดูพิลึกพิกล รู้ว่าอันตรายแล้วไปทำไมกันตั้งแต่แรก แม้แต่จ๋าก็สัมผัสได้จนต้องทัก

    "แล้วไม่ไปแต่แรกมันไม่ง่ายกว่าเหรอวะเพื่อน เผื่อไม่เจอผีแต่พวกมึงตกตึกหรือเหยียบเศษแก้ว เป็นบาดทะยักขึ้นมามันจะยากนะ"

    "เอาน่าจ๋า ไม่ถึงปีก็จะจบมอหกแล้ว ประสบการณ์ร่วมกันที่จำไม่รู้ลืมน่ะ หาไว้หน่อย" เมฆตอบ

    ขนาดเป็นเหตุเป็นผลขนาดนี้ยังโดนปฏิเสธได้ นี่สินะเขาเรียกว่าวัยคึกคะนองของจริง

    แต่พอมันออกมาเป็นแบบนี้กลับทำให้ลูน่ายิ่งคิดหนัก ริมฝีปากของเธอขบเม้มเข้าหากัน เสียงของแม่เมื่อเช้ายังคงก้องและย้ำเตือนเธออยู่ตลอดเวลา พรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวงนะลูก

    ถ้าใช้พลังในคืนพระจันทร์เต็มดวง ความเจ็บปวดที่ได้รับจะมากกว่าปกติเป็นไหน ๆ ไม่ใช่แค่อาการปวดหัว หรือนอนไม่หลับ แต่สามารถเข้าขั้นทรมานจนถึงเสียชีวิตได้เลย

    แต่ถ้าไม่ไป เพื่อนของเธอก็จะเป็นอันตรายได้ไม่ว่าด้วยสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น

    "ได้ แต่ถ้าฉันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะสลบหรือหมดสติไป ให้เอาตัวฉันส่งไปหาแม่ให้เร็วที่สุด โอเคนะ"

    เพียงแค่ลูน่าตกลง เมฆก็ตาลุกวาวเป็นประกาย จังหวะนี้อะไรก็ได้แล้วทั้งนั้น "ขอบคุณมากนะลูน่า เจอกันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ"

    ควรจะดีใจไหมเนี่ย หาเรื่องเข้าตัวชัด ๆ เลยลูน่าเอ๊ย..

    "นั่งที่ค่ะนักเรียน"

    ในที่สุดเสียงของครูประจำวิชาก็เดินเข้ามาเสียที เป็นคุณครูผู้หญิงจากหมวดคณิตศาสตร์ที่มีจิตวิญญาณแฟชันนิสต้ามากพอที่จะสู้กับครูหมวดภาษาต่างประเทศได้เลย แต่งตัวได้สวยสะพรึง ผมลอนตลอดเวลาและเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟแบรนด์นางเงือกสีเขียวเหมือนทุกครั้ง

    "นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ"

    "สวัสดีค่ะคุณครู"

    "สวัสดีครับคุณครู"

    เสียงของนักเรียนทุกคนในห้องรวมกันเป็นเสียงเดียวเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เมื่อสวัสดีกันเสร็จสิ้นจึงจะสามารถเริ่มเรียนได้

    "นักเรียนเอาหนังสือขึ้นมานะคะ เราจะมาเริ่มเรียนบทต่อไปกันเลยนะคะวันนี้ ครูต้องรีบสอนพวกเราให้จบเร็วนิดนึงจะได้มีเวลาไปอ่านหนังสือสอบ หรือไปหาอะไรใส่พอร์ตโฟลิโอกันนะลูก"

    นั่นสินะ กำลังจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตแล้วสินะเรา เผลอแป๊บเดียวก็จะเป็นสาวมหา'ลัยเสียแล้ว เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราต้องตั้งใจเรียนจนวินาทีสุดท้าย!

    แม้ว่าตลอดมาลูน่าจะเป็นคนฉลาด แต่ก็ต้องมาตกม้าตายเพราะความขี้เกียจของตัวเองอยู่ทุกครั้ง

    เอ๊ะ! อย่ามาพูดจาแบบนี้นะคะ

    เมื่อคนอื่นเริ่มหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ออกมาจากกระเป๋า เธอเองก็ต้องหยิบออกมาเหมือนกัน แต่ทันทีที่ยกกระเป๋าขึ้นมา ความรู้สึกกลับต่างไปจากเมื่อเช้าเล็กน้อย

    เธอรู้สึกว่ามันควรจะหนักกว่านี้ และหนักสม่ำเสมอกว่านี้ แต่นี่มันหนักเป็นบางจุด แถมรูปกระเป๋าก็ดูผิดแผกไปเหมือนของที่อยู่ข้างในใหญ่จนดันเนื้อผ้ากระเป๋า

    เสี้ยวความคิดหนึ่งทำเธอคิ้วขมวดขึ้นมา แต่ใจกลับปฏิเสธคิดไปว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง แต่เมื่อรูดซิปกระเป๋าออก เธอจึงพบว่าความคิดนั้นไม่ได้ผิดไปเลย

    สมุดสีขาวนวลขลิบทองมองผ่านๆก็ดูสวยงามคล้ายพร๊อบคอสเพลย์ แต่หากพินิจลงไปแล้วกลับเต็มไปด้วยลวดลายปริศนาคล้ายอักษรที่อ่านไม่ออกเต็มไปหมด มิหนำซ้ำมันยังสามารถขยับได้อีกด้วย

    "เปิดเทอมใหม่ทั้งที เจ้าคิดจะมาโรงเรียนโดยไม่พาข้ามาด้วยอย่างนั้นหรือ ข้าเสียใจนะที่เจ้าเอาแต่ศึกษาหนังสือพวกนั้นมากกว่าข้า"

    เสียงของหนังสือเล่มนี้ดังก้องอยู่ในหัว โดยปกติแล้วลูน่าจะคุยกับมันผ่านกระแสจิตที่เชื่อมกัน 

    แต่มันไม่ใช่เวลานี้โว๊ย!

    "แซนดี้! เลิกงอแงแล้วเอาหนังสือในกระเป๋าฉันกลับมาเลยนะ!"

    แซนดี้ ใช่แล้ว ชื่อที่ลูน่าตั้งให้เจ้าสมุดเวทย์นั่นแหละ ด้วยที่ตัวมันเป็นสมุดที่มีเวทย์มนต์แล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นสมุด จึงสามารถเคลื่อนย้ายเปลี่ยนตำแหน่งตนกับหนังสือหนึ่งเล่ม หรือทั้งชั้นวางเลยก็ยังได้

    "แต่เราไม่ได้เรียนเวทย์มนต์ด้วยกันมานานแล้วนะลูน่า โชคชะตานั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เจ้าจะต้องชำนาญในสิ่งที่เจ้ามีมากกว่านี้"

    โชคชะตาใกล้เข้ามาทุกที คำนี้อีกแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ เวลาที่ต้องโตขึ้นอย่างนั้นเหรอ

    "รู้แล้วน่า แต่เอาไว้กลับบ้านก่อนได้ไหม ตอนนี้ฉันจะเรียนคณิตศาสตร์เนี่ย!"

    "ไม่! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเจ้าจะเปิดข้าขึ้นมาอ่าน"

    แซนดี้อยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้ ถึงเขาจะบอกว่าตัวเองมีความรู้มากกว่าที่ฉันในตอนนี้จะเข้าใจในตัวเขาอย่างกับว่าตัวเองโตนักหนา แต่ดูตอนนี้สิ อย่างกับเด็กสามขวบ

    "ไปสิ!"

    "ไม่ไป!"

    "ไปสิ!"

    "ไม่ไป!"

    การถกเถียงแสนวุ่นวายที่มีเพียงลูน่าและแซนดี้เท่านั้นที่ได้ยินกันและกัน จนท้ายที่สุดแล้วก็เป็นลูน่าที่ทนการรบเร้าไม่ไหว ใช้มือทั้งสองข้างจับหนังสือเวทย์มนต์แซนดี้แม่นมั่นก่อนจะเอ่ยคาถาเต็มเสียงโดยไม่รู้ตัว

    "เลดา เทลา เพลลาครอส!"

    แสงสีทองสว่างวาบในกระเป๋า นี่คือคาถาสลับที่สิ่งของ เธอส่งแซนดี้กลับไปที่บ้านแล้วนำหนังสือเรียนที่จัดกระเป๋าไว้กลับมา

    "ก็แค่นี้แหละ...อุ่ย" ลูน่ากำลังจะหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ออกมาอย่างสบายใจอยู่แล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตานับสิบคู่มองมาที่เธอเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆเมื่อครู่นี้ แม้แต่คุณครูเองก็ด้วย

    เธอหลับตาเม้มปากพร้อมกับค่อยๆหันออกไปทางหน้าต่างเพื่อมองคุณก่อนจะหลับตาปี๋ทั้งกัดฟันพูดทั้งกรีดร้องเบาๆ "อีแซนดี้มันเล่นกูแล้ว"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×