คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
ตอนที่ ๓
พี่น้องที่พลัดพราก
ร่างสูงกำยำในชุดยูนิฟร์อมสีขาว ผมสั้นเกรียนสีทอง ยืนเด่นตรงประตูทางเข้าของบ้าน แววตาและท่าทางถอดแบบมาจากชายในตำนานที่ทุกคนในหมู่บ้านเคารพนับถือ... สจ๊วต ไรท์
“หยุดพูดถึงคนที่ตายไปแล้วสักที คนขี้ขลาดอย่างเขาไม่ใช่วีรบุรุษของใครทั้งนั้น ผู้ชายที่ทอดทิ้งลูกของตัวเอง แบบนั้นนะเหรอคนที่น่านับถือ” น้ำเสียงหนักแน่นเน้นย้ำคำพูดทุกคำให้ฟังชัดขึ้น ก่อนที่ร่างสูงกำยำจะเดินออกห่างประตู แววตาทุกคู่ยังคงจับจ้องมาที่เขา ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ผู้มาใหม่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างตรงข้ามกับเตาผิงที่มีกลุ่มคนนั่งล้อมวงกันอยู่
“เป็นอะไรกัน จะจ้องทำไมหนักหนา” น้ำเสียงดุดันตะเบงเสียงเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าจ้องเขม็งเพิ่มความหน้ากลัวเข้าไปอีก เด็ก ๆ สะดุ้งตัวโยพากันหวาดกลัวเด็กหนุ่มผู้มาใหม่
“นี่หยุดนะโนอา เห็นไหมเนี่ยว่าเด็ก ๆ กลัวเจ้ากันหมดแล้ว” จีน่าตวาดเสียงลั่น พลางลูบหัวปลอบขวัญเด็ก ๆ
โนอา ไรท์ บุตรชายเพียงคนเดียวของสจ๊วต ไรท์ ชายผู้เป็นวีรบุรุษในตำนาน โนอาเติบโตมาอย่างยากลำบากเช่นเดียวกับจีน่า และโทมัส พวกเขาถูกเลี้ยงดูโดยหัวหน้าหมู่บ้านที่ใจดีและเมตตาพวกเขาที่เป็นเด็กกำพร้า เมื่อพ่อต้องมาตายจากไปทั้งที่เขายังเป็นเด็ก ส่วนแม่ก็ทิ้งเขาไปอยู่กับอากอน เนล ศัตรูที่ฆ่าพ่อของเขา มันเป็นความอัปยศที่เขาต้องทนอับอายมาตลอด เขากลัวที่จะต้องทนรับฟังเมื่อใครสักคนพูดถึงพ่อของเขา แต่ชะตามักจะกลั้นแกล้งเขาเสมอเมื่อทุกคนในหมู่บ้านต่างชื่นชมเขาในฐานะที่เขาเป็นลูกชายของสจ๊วต ไรท์
ใจจริงของโนอา ไรท์ เขายอมรับในความกล้าหาญและเสียสละเพื่อหมู่บ้านของสจ๊วต แต่ในฐานะลูกชายเขายอมรับไม่ได้ที่พ่อและแม่ต่างทอดทิ้งเขาไว้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่โนอาปฏิเสธในตัวของสจ๊วต ไรท์ มาโดยตลอด แต่กระนั้นเด็กหนุ่มได้ปฏิญาณต่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า เขาจะปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้และจะทวงคืนทุกสิ่งกลับคืนมาให้ได้ ด้วยเหตุนี้ โนอาจึงเริ่มฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่วัยเด็ก จนตอนนี้เขากลายเป็นเด็กหนุ่มกล้ามโตและมีพลังมหาศาล เขาสามารถใช้ลูกเตะและกำปั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ในเมืองนี้ไม่มีใครกล้าต่อกรกับโนอาเลยสักคนเดียวใช่ว่าเพราะเขาเป็นลูกชายของสจ๊วต ไรท์ หรอกนะ แต่เป็นเพราะพลังกายจากการฝึกฝนของเขามันมหาศาลขนาดเตะหินก้อนใหญ่เท่าตัวเขาจนแตกละเอียดเป็นชิ้น
“โนอา ไปตามเมลล่ามาทีสิ” ผู้เฒ่าเอ่ยปากพลางยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่ม โนอาทำตามคำสั่งโดยไม่โต้แย้งใด ๆ ในขณะเดียวกันความฉงนสงสัยก็ไปตกอยู่ที่ เอส กับ จีน่า
“เมลล่า ใครกันรึท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” จีน่าถามขึ้น คำถามของจีน่าตรงกับสิ่งที่ เอสก็อยากรู้เหมือนกัน ชายหนุ่มจึงชำเลืองหางตาไปทางชายแก่เพื่อรอฟัง
“เดี๋ยวเจอกันพวกเจ้าก็จะรู้จักเอง”
“ขอโทษนะเด็ก ๆ วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อนไว้พรุ่งนี้ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังต่อ” ชายแก่ยืนขึ้น ก่อนเดินนำเด็ก ๆ ออกไปส่งยังหน้าประตู ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าเริ่มทอแสงของตะวันผ่านม่านเมฆฉายลงสู่พื้นดิน เด็กหญิงและเด็กชายกล่าวลาผู้เฒ่าก่อนพากันวิ่งออกไปบนพื้นดินที่เปียกแฉะ ชายแก่ยืนมองเด็ก ๆ วิ่งลับหายไปทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะและรอยเท้าเล็ก ๆ บนพื้นดินเปียกชื้น
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเมลล่ามาแล้ว” โนอาบอกขณะเดินนำออกมาจากทางเดินด้านหลัง เด็กหญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวเดินตามหลังโนอามาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แววตาสีฟ้ากลมโตดูสวยอย่างประหลาด ผมลอนยาวสีทองพลิ้วไหวตามแรงเดินของเธอ
“น่ารักจัง” จีน่าหลุดปากชมเมื่อเห็นเด็กหญิงที่แอบอยู่ด้านหลังของโนอา โครงหน้าและสีของนัยน์ตาช่างเหมือนโนอาเสียจริง จีน่าคิด
“เมลล่ามาทางนี้สิ” ชายแก่เชื้อเชิญให้เด็กหญิงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างตนที่ก่อนหน้านี้เป็นที่นั่งของโนอา เมลล่าเก้าเดินอย่างช้า ๆ ก่อนนั่งลง เหมือนเธอจะถูกใจจีน่าเป็นพิเศษเพราะนัยน์สีฟ้าคู่นั่นคอยจับจ้องใบหน้าของจีน่าอยู่ตลอด แต่พอจีน่ามองตอบเด็กหญิงกลับหลบสายตาไม่กล้าสบตากับจีน่าตรง ๆ
“เมลล่า นั่นเอส ส่วนนั่นก็จีน่า รู้จักกันไว้สิ” โนอาเริ่มแนะนำ เขาผายมือไปทางเอสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เตาผิง ก่อนผายมือไปทางจีน่าที่ยืนกอดอกพิงผนังข้างบันไดทางขึ้นชั้นสอง “เอิ่มนั่น โทมัส เธอคงรู้จักแล้วสินะ” โนอาชี้ไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนบันได โทมัสยกมือขึ้นตอบเป็นเชิงรู้กัน เด็กหญิงพยักหน้างึกงักเมื่อโนอาพูดจบ
“หมดหน้าที่ของข้าแล้ว” โนอาพูด ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ เอสที่กำลังเติมเชื้อไฟในเตาผิง
ผู้เฒ่าวางแก้วกาแฟที่ถือติดตัวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ลงบนโต๊ะไม้กลม ของเหลวในแก้วเย็นเฉียบและเหลือติดก้นแก้วนิดหน่อย
“เอส จีน่า เด็กหญิงคนนี้ลอยมาติดที่ท่าเรือเมื่อเช้านี้เอง ตอนที่พวกเจ้าทั้งสองไม่อยู่” ชายแก่เริ่มเล่า ในขณะที่เด็กหญิงยังคงนั่งเงียบไม่สบตากับผู้ใด แต่ยังคงเหลือบมองจีน่าเป็นครั้งคราว
“ลอยมาเหรอ แหมโชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก” จีน่าพูด เธอหันไปยิ้มให้เมลล่าอย่างอ่อนโยน
“สงบปากไว้หน่อยก็ดีนะจีน่า ก่อนที่เจ้าจะเปลี่ยนใจ” โทมัสพูดแดกดัน
“อะไรของเจ้า” จีน่าค้อนอย่างไม่ชอบใจ
“เอาละ ๆ เจ้าทั้งสองหยุดเถียงกันเป็นเด็ก ๆ ซะที” ชายแก่ห้าม เพราะตั้งแต่เด็กจนโตจีน่ากับโทมัสมักเป็นคู่กัดกันเสมอ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน แม้เรื่องเล็กน้อยก็สามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้เพียงไม่กี่นาที
“เฮ้ย...” ลมหายใจยาวถูกปล่อยออกมา เครายาวสีขาวขยับไหวตามแรงลม ชายแก่กำลังลำบากใจที่จะพูด เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า
“เมลล่า เมเดอลีน เนล” เพียงเอ่ยชื่อเต็มของเด็กหญิงเท่านั้นก็ทำให้เอส กับจีน่าชะงักไปในทันที และจ้องมองมาทางชายแก่อย่างต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ชายแก่กลับยิ้มให้เป็นคำตอบแทน
“เห็นไหมละ บอกแล้ว” โทมัสยิ้มร่าอย่างชอบใจ เขาเอนกายไปกับราวบันไดเพื่อรอดูเหตุการณ์ ในขณะที่จีน่าส่งสายตาค้อนให้
“เอาละเจ้าพร้อมที่จะเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับตัวเจ้าให้พวกข้าฟังได้หรือไม่” คราวนี้ชายแก่หันไปถามเด็กหญิงที่นั่งข้าง ๆ ก่อนส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับเธอ
“ได้” เมลล่าพยักหน้า เธอลุกยืนจากเก้าอี้อย่างมั่นใจ ต่างจากเด็กหญิงคนเดิมที่ดูเหมือนจะขี้อายและหวาดกลัว
“ก่อนอื่นข้ารู้ว่าตัวข้าอาจเป็นศัตรูของพวกท่าน แต่ข้า...” เด็กหญิงเงียบไป เธอกำลังเรียบเรียงประโยคใหม่ สายตาเร่งร้าวของทุกคนจับจ้องมาที่เธอ จนเด็กหญิงรู้สึกถึงความกดดัน เธอจึงเริ่มพูดต่อ
“ข้าไม่ใช่เนลอย่างที่พวกท่านคิดหรอกนะ ดูข้าสิ เมื่อเห็นข้าแล้วพวกท่านคิดถึงใคร” เด็กหญิงยืดอกอย่างภาคภูมิที่จะพูดประโยคนี้ เธอชี้นิ้วมายังใบหน้าของเธอเองเพื่อให้ทุกคนมองเห็นสิ่งที่เธออยากจะบอก
“ข้ารู้แม่หนูน้อย” ชายแก่พูด เขาเผยยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้ทันความคิด
“อืม” เด็กหญิงยิ้มตอบ เธอพยักหน้าให้ชายแก่ก่อนเล่าต่อ
“แม่ของข้า” น้ำเสียงต่ำ แววตาสีฟ้าดูเศร้าลง
“แม่บอกข้าว่า ข้ามีพี่ชายอยู่ที่นี่ สิบสามปีที่ข้าเฝ้ารอเพื่อจะมาพบกับพี่ชาย เพื่อจะมาบอกความจริงให้พี่ชายได้รู้” น้ำตาไหลอาบสองแก้มของเด็กหญิง มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตา บรรยากาศให้ห้องเต็มไปด้วยความกดดันและความสงสัย สายตาทุกคู่ยังคงจับจ้องไปที่เมลล่า ยกเว้นโนอา
“โนอา ข้าอยากให้ท่านจำข้าได้ อยากให้ท่านรู้สึกว่าข้าเหมือนกับท่านและเป็นน้องสาวของท่าน” เมลล่ายังคงพูดต่อทั้งน้ำตา คราวนี้เธอพูดด้วยเสียงที่ดังและฟังชัดเจน โนอาชะงักเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนย้อนคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าที่เคยบอกเขาอยู่บ่อย ๆ ถึงการจากไปของนิโคลผู้เป็นแม่ของเขา
“โนอา แม่ของเจ้าไม่ได้จากเจ้าไปด้วยความเต็มใจหรอกนะ มันมีเหตุผลในการจากไปเสมอ” เสียงของชายแก่ดังแว่วอยู่ในโสตประสาท
หรือนี่คือเหตุผล...
โนอามองร่างเล็กของเด็กหญิง แปลกที่แด็กหนุ่มไม่ปฏิเสธคำพูดของเมลล่า กลับเดินเข้าไปโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนบึกบึนไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ
“นี่สินะเหตุผล” เขายิ้มให้กับชายแก่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเด็กหญิง ใต้เครายาวสีขาวก็ปรากฏรอยยิ้มของชายแก่เช่นกัน ใช่ว่าโนอาจะไม่รู้สึกว่าเมลล่าเหมือนเขามาก ดวงตาคู่นั้นที่มีเพียงตระกูลไรท์เท่านั้นที่แตกต่าง คนเมืองนี้ไม่มีใครมีดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นท้องฟ้าเช่นนี้หรอก
“ดีจังเลยที่เจ้ามาหาข้า อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้” น้ำเสียงอบอุ่นและนุ่มนวล สัมผัสแห่งรักระหว่างสองพี่น้องที่พลัดพรากกันนานถึงสิบสามปีสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนในห้อง
“โนอา ท่านแม่รักพี่มากนะ เราสองแม่ลูกคิดถึงพี่มาก ข้ากับท่านแม่พยายามหาหนทางเอาศิลาจันทร์กลับคืนมา แต่ก็ไม่สำเร็จท่านแม่ถูกเนลฆ่าตาย ส่วนตัวข้าก็หนีมาที่นี่” เมลล่าพูด เธอยังคงกอดโนอาไว้แน่น ใบหน้าเล็กซุกตรงลำคอเด็กหนุ่ม หยาดน้ำตาเปื้อนเสื้อขาวเปียกเป็นดวง
“นิโคล” ภาพหญิงสาวปรากฏขึ้นในสมองของโนอา มันเลือนรางเหลือเกิน เขาไม่สามารถประติดประต่อภาพของผู้เป็นแม่ได้ มีเพียงมโนภาพที่เขาสมมติขึ้นมาจากภาพเลือนรางในอดีตเท่านั้น การจากไปของนิโคลมันยาวนานจนเขาคิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรอีกหากจะต้องจากลากันอีกกี่ครั้งก็ตาม แต่คำพูดของเมลล่าที่บอกถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของนิโคลกลับทำให้เขารู้สึกเสียใจ และเจ็บปวดจนหัวใจแทบสลาย
แปะ ๆ ๆ ...
เสียงปรบมือดังมาจากชั้นบนของบ้าน
“ช่างเป็นฉากที่ประทับใจเสียจริง แต่ว่านะ เราจะเชื่อแม่หนูนี่ได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น
----------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วนะค่ะ ตอนที่ 3 มาแบบสั้น ๆ อีกตามเคย
ถามจริง (ไรท์เตอร์ขี้เกียจหรือเปล่า ?)
เปล่านะค่ะ ^^
ความคิดเห็น