ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    belief เกมส์แห่งศรัทธา

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 56


    บทที่ 2
    กาลครั้งหนึ่งของสจ๊วต ไรท์


    “เมื่อสิบสี่ปีก่อน” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้น ดึงความสนใจจากสายตาทุกคู่ไปยังจุดเดียวกัน

    หมู่บ้านศิลา ดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจหลักของเมือง ส่งออก พืช ผัก ผลไม้ และประมง เมื่อสจ๊วต ไรท์ ขึ้นปกครองเมือง ความเจริญเริ่มเข้ามาสู่เมืองอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงนักท่อง  เที่ยวที่มีเข้ามาไม่ขาดสาย เพราะจุดเด่นของเมืองนี้อยู่ที่หมู่บ้านศิลา หมู่บ้านของพวกเรานี่แหละ หมู่บ้านติดทะเล ที่ยังคงรักษาประเพณีแรกเริ่มของบรรพบุรุษ คือ ประเพณีไหว้ศิลา ที่จะจัดขึ้นทุกปีในเดือนเมษายน

    “พวกเจ้าคงไม่รู้จักกันสินะ ไม่แปลกหรอกที่พวกเจ้าจะไม่รู้จัก เพราะพวกเจ้าเกิดในยุคนี้ ยุคแห่งการแย่งชิงศิลาจันทร์” ชายแก่พูด

    “ศิลาจันทร์คือหินทองที่วางอยู่บนแท่นวางศิลากลางหมู่บนใช่ไหมคะ” เด็กหญิงยกมือขึ้นพูดอย่างมีมารยาท

    “ใช่แล้วละ” ชายแก่ตอบ

    “แปลก ก็ข้ายังเห็นหินทองนั่นอยู่เลย” เด็กหญิงพูดต่อ พลางชักสีหน้างุนงงสงสัยอย่างน่าเอ็นดู

    “ใช่แล้วละ แต่มันหายไปสองส่วนไม่ใช่รึ?” ผู้เฒ่าย้อนถาม

    “ข้าเข้าใจแล้วละ” เด็กหญิงตอบ เธอยิ้มร่าก่อนพูดต่อ

    “มันไม่ครบสินะ ถึงจัดประเพณีไหว้ศิลาไม่ได้” เมื่อสิ้นประโยครอยยิ้มของเด็กหญิงเหือดหายไป คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากบางเล็กบดขยี้กันไปมาในขณะรอฟังคำเฉลยจากชายแก่

    “ใช่แล้วละ ที่เจ้าพูดมามันถูกแล้วไอซ่า”   

            “ศิลาประจำหมู่บ้านที่นี่มีชื่อเรียกว่า ศิลาจันทร์ มีลักษณะเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้า ทำจากทองคำแท้ และประดับด้วยทับทิมทั้งสี่มุม อย่างที่ไอซ่าและพวกเธอเห็นนั่นแหละ” ชายแก่หันไปขยิบตาให้กับเด็กหญิงที่ตั้งคำถามเมื่อครู่นี้ ก่อนเสริมต่อว่า

    บนแผ่นทองนั่นมีข้อความแกะสลักบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าของว่า “ข้ามาจากหมู่บ้านศิลา ดินแดนศักดิ์สิทธ์” ชายแก่เล่า เด็ก ๆ ทำตาโตเมื่อได้ยินประโยคนี้

            ไม่มีใครรู้ว่าผู้ให้กำเนิดศิลาจันทร์เป็นใคร แต่ก็มีเรื่องเล่ากล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศิลาจันทร์สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าว่า ศิลาจันทร์คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน เปรียบเสมือนเทพผู้คุ้มครองทุกสิ่ง ทั้งพืชผัก ผลไม้ สัตว์แม่น้ำ และชีวิต หมู่บ้านศิลาจึงไม่เคยเกิดศึกสงคราม ไม่เคยประสบโชคร้าย โรคระบาด ตราบใดที่ศิลาจันทร์ยังคง   วางเด่นบนแท่นวางศิลา

         รอยยิ้มของผู้เล่าเริ่มจางลง น้ำเสียงทุ้มต่ำต่างจากก่อนหน้านี้

            แต่ความสงบสุขที่เคยมีก็ค่อย ๆ จางหายไปเมื่ออากอน เนล พร้อมทหารกว่าสองร้อยนายย่างกรายเข้ามาในหมู่บ้าน ชายวัยกลางคนร่างท้วม ที่มีแววตาเจ้าเล่ห์ เขาอ้างตนว่าเป็นคนของรัฐบาลและต้องการนำศิลาจันทร์ไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัย และในวันนั้นก็เกิดเสียงวิภาควิจารณ์อย่างหนัก ชาวบ้านต่างคัดค้านต่อการกระทำของอากอน เนล

           “แล้วยังไงต่อครับ” เด็กชายผมทองเร่งเร่า เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าเงียบเสียงเล่านานเกินไป

           “อ่อ ต่อจากนั้นนะเหรอ” ชายแก่ทำท่าทางนึกขึ้นได้ ก่อนปรายตามองจีน่าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา

          รอน พ่อของจีน่า เป็นคนปลุกระดมชาวบ้าน เขาเป็นคนแรกที่เข้าขัดขวางอากอน เนล จีน่าหลุบตาต่ำลง ภาพของชายที่มีรอยยิ้มอบอุ่น และดวงตาที่ไม่เคยหวาดหวั่นฉายขึ้นในมโนภาพความทรงจำของเธอ

         “ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์เอาศิลาจันทร์ของพวกเราไป” ผู้เฒ่าตะโกนเสียงดัง ทำให้จีน่าที่ตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งตกใจ “นั่นคือคำพูดแรกของรอน” ชายชราหันมายิ้มให้กับจีน่า เธอยิ้มตอบอย่างภูมิใจมันอาจจะเศร้าสำหรับเธอ แต่เธอก็ยินดีเพราะคนรุ่นหลังยังคงเล่าขานถึงวีรบุรุษที่พวกเขาไม่เคยลืมสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

    แล้วจากนั้นก็มีเสียงสนับสนุนของชาวบ้านดังขึ้นมา

    “ใช่ ศิลาจันทร์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่หมู่บ้านเรา”

    “พวกแกกล้าขัดคำสั่งของรัฐบาลหรือไง” เนลขู่ ในขณะที่เสียงฮือฮาของชาวบ้านเบาลงจนเงียบสนิท แม้จะอยากปกป้องสิ่งสำคัญของหมู่บ้านไว้มากขนาดไหน แต่ชาวบ้านธรรมดาก็ยังหวั่นเกรงในอำนาจของรัฐบาลอยู่ดี       เนลจึงใช้โอกาสนี้เดินตรงไปยังแท่นวางศิลาโดยไม่รีรอหมายจะชิงศิลาจันทร์ไป บริเวณโดยรอบของแท่นวางศิลาประดับด้วยทางน้ำเป็นครึ่งวงกลม มีดอกไม้สีขาวประดับตามแนวทางน้ำ ตรงทางเดินประดับด้วยแผ่นหิน และมีโคมไฟรูปนกเหยี่ยวประดับทั้งสองข้าง เหมือนเช่นทุกวันนี้ที่พวกเจ้าเห็นกันนั่นแหละ ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด   

    แต่ไม่ทันที่อากอน เนลจะได้จับแผ่นศิลา ก็มีเสียงดังขึ้นว่า “หยุดก่อน อากอน เนล” เสียงทุ้มนุ่มดังมากจากด้านหลัง ทำให้เนลชะงัก ฝ่ามือสั่นเทาค่อย ๆ ลดต่ำลงอย่างหงุดหงิดก่อนหันกลับไปมองเจ้าของเสียง

    “สจ๊วต ไรท์  สจ๊วต ไรท์ !!” เด็ก ๆ เรียกประสานเสียงกัน อย่างรู้ล่วงหน้า รอยยิ้มฉาบขึ้นบนใบหน้าอย่างภาคภูมิใจในตัวของสจ๊วต ไรท์ ฮีโร่ที่พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าตา

    “ใช่แล้วละ สจ๊วต ไรท์” ผู้เฒ่ายิ้ม มาถึงตรงนี้โทมัสก็เข้ามาร่วมวงพอดีด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่สะอาดขึ้น เด็กหนุ่มที่มาใหม่จึงสวมรอยเป็นสจ๊วต ไรท์ เขาเปลี่ยนเสียงพูดในเข้มขึ้น แต่มันกลับยิ่งแย่ลงไปอีก เพราะเสียงแหบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ทำให้เด็ก ๆ เริ่มส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

    “ท่านกำลังทำเรื่องน่าอาย การขโมยความเชื่อ ความศรัทธาของชาวบ้านมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง” โทมัสพูด พลางทำท่าเดินอย่างมาดมั่นข้างเตาผิง

    “นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ไรท์ผู้ดูแลเมืองนี่เอง” และบทนี้ก็ถูกเล่นโดยเอสที่นั่งฟังอยู่นาน เอสพูดพลางชี้หน้าโทมัสที่แสดงเป็นสจ๊วต ไรท์ อย่างสมบทบาท ผู้เฒ่าปล่อยให้เด็กหนุ่มทั้งสองเป็นผู้ดำเนินเรื่องต่อ

    “เราคงให้ท่านเอาศิลาจันทร์ไปไม่ได้” สจ๊วต ไรท์ ล้วงกระเป๋ากางเกง คำพูดของเขาหนักแน่นจนผู้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังในความอวดดีของเขา

    “ท่านไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง ท่านเองก็เป็นคนของรัฐบาล ท่านน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคำสั่งมันเด็ดขาด” เนลพูดพลางเดินออกจากแท่นศิลาไปหยุดตรงหน้าสจ๊วต ไรท์

    “เว้นเสียแต่ท่านไม่ใช่คนของรัฐบาลที่ควรนับถือ” เนลชะงักทันทีเมื่อไรท์พูดจบ เขากำลังโมโหสุดขีดที่ถูกกวนประสาท

      “หึ ข้าขอให้ท่านหลีกทางให้ข้า ถ้าท่านไม่ยอมท่านอาจจะได้เป็นผีเฝ้าเมืองแทนก็ได้” อากอน เนลแสยะยิ้มอย่างได้เปรียบ เขารู้สึกภูมิใจที่สามารถพูดประโยคนี้ออกมาได้เต็มปาก ชายหนุ่มผู้ทะนงและยึดมั่นในความซื่อตรงยังคงสีหน้าเดิมคล้ายไม่ได้ยินคำขู่

    “แล้วอีกอย่าง ข้าคือคนของรัฐบาลและดูเหมือนว่าข้าจะมีอำนาจสูงกว่าท่านเสียด้วยสิ” เนลเดินเข้ามาใกล้ตัวไรท์มากขึ้น เขาพูดประโยคนี้เบา ๆ เพื่อให้ไรท์ได้ตระหนักถึงความน่าเกรงขามในตัวเขา

    “อดีตโจรอย่างท่าน คิดจะปกครองเมืองแห่งนี้ด้วยวิธีใด ไม่สิแค่หมู่บ้าน ท่านจะปกครองหมู่บ้านนี้เช่นไรหากท่านทำลายความเชื่อของชาวบ้านทิ้งเสีย ใครละจะศรัทธาในตัวท่าน” ไรท์ยังคงความนิ่งราวกับแม่น้ำยามค่ำคืนที่ไม่มีสิ่งใดตกกระทบให้แผ่นน้ำต้องแตกกระจาย แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่เสียดแทงได้อย่างเจ็บจี๊ดในหัวใจ

    “ท่านกำลังกล่าวหาข้า” อดีตโจรกำลังกล่าวด้วยท่าทีขุ่นเคืองในคำพูดของฝ่ายตรงข้าม เพราะอดีตโจรที่กล่าวถึงนั่นคือตัวเขาเมื่อสามสิบปีก่อน เนลเคยปกครองเมืองกาลูล่า และหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย เขาเคยมีความคิดจะทำลายความเชื่อของชาวบ้านและต้องการนำศิลาจันทร์ไปเป็นของตน ความพยายามที่มีมาหลายปีก็ไม่สำเร็จจนเขาต้องละถอยและคิดหาหนทางใหม่แล้ววันนี้เขาก็ทำได้ เขามีหนทางที่จะทวงศิลาจันทร์ไปเป็นสมบัติส่วนตัว ความโลภ ที่เข้าครอบงำจิตใจของเขาไม่เคยหมดไปไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม

    “ไม่ว่าท่านจะพูดยังไง วันนี้ข้าก็ต้องเอาศิลาจันทร์ไปให้ได้” เนลพูด เมื่อสิ้นประโยคทหารกว่าสองร้อยนาย  กระชับปืนในมือแน่นเล็งเป้าไปยังชาวบ้านที่กำลังหวาดผวา

    มาถึงตรงนี้เอสและโทมัสก็กลับมาเป็นคนเดิม บทของอากอน เนล กับสจ๊วต ไรท์ กลับคืนสู่ชายแก่เป็นผู้ดำเนินเรื่องอีกครั้ง

    เอสและโทมัสนั่งลงร่วมวงพร้อมกับเสียงปรบมือของเด็ก ๆ ที่ชอบใจในการแสดงของพวกเขา

    จากนั้นอากอน เนล ได้หยิบศิลาจันทร์ออกมาจากแท่นวาง แววตาของเขาทอประกายเหมือนกับพบของหายที่ได้คืน แต่ความสุขนั้นช่างสั้นนัก เมื่อรอนที่ยืนอยู่ใกล้กระโดดเข้ามาในจังหวะที่อากอน เนลกำลังชื่นชมกับความงดงามของศิลาจันทร์อยู่

    ชายแก่หันมองจีน่าอีกครั้งเมื่อเอ่ยชื่อรอน

    พรึบ !

    แค่ฝ่ามือประกบบนแผ่นศิลาเท่านั้น แผ่นทองคำก็แตกออกเป็นสี่ส่วนอย่างง่ายดาย ศิลาทั้งสามแผ่นรอนสามารถเอามันคืนกลับมาได้ แต่อีกแผ่นหนึ่งกลับตกไปอยู่ในมือของเนล

    “ว๊าว ปู่รอนทำได้ยังไงครับ” เด็กชายผมทองตั้งคำถาม พลางยกฝ่ามือตัวเองประกบกัน จีน่าแอบขำเมื่อเด็กชายเรียกพ่อของตนว่าปู่ ทั้งที่ความจริงแล้วรอนไม่ได้อายุมากถึงขนาดนั้น

    “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจเป็นศิลานั่นเองก็ได้ที่ทำ” เสียงแหบพร่าของชายแก่พรึมพรำสร้างความฉงนสงสัยให้กับเด็ก ๆ แววตาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ชายแก่พูดถูกส่งไปยังเอส และเขาเองก็รับรู้ถึงความสงสัยนั้น

    “อ๋อ ผู้เฒ่าหมายถึงศิลาจันทร์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านเรา บางทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจดลบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ไงละ” เอสคลายความสงสัย แม้สิ่งที่เขาพูดจะขัดกับความเชื่อของตัวเขาเองก็ตาม

    “ใช่ ใช่” ผู้เฒ่าที่เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นเสริม

    “แล้วปู่ไรท์ละครับ ทำไมปู่ไรท์ถึงปล่อยให้อากอน เนล เอาศิลาอีกครึ่งหนึ่งไปได้ละครับ” น้ำเสียงจริงจังของเด็กชายผมทองคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง

    “เปล่าหรอก วันนั้นนะ ไรท์พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะแย่งชิงศิลานั่นกลับคืนมา ตัวเขาเองเป็นคนต่างถิ่นแท้ ๆ แต่กลับยอมทำเพื่อหมู่บ้านของเราได้มากขนาดนี้” น้ำเสียงของผู้พูดเบาลง เขากำลังคิดชื่นชมไรท์อยู่ในใจ วันเวลาที่เขาเคยได้รู้จัก และได้สัมผัสกับคนชื่อสจ๊วต ไรท์ หลายอย่างในตัวของชายผู้นั้นโดดเด่นจนเขาไม่อาจลบเลือนความทรงจำเล่านั้นได้เลย

    ในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจ และสนุกสนานไปกับเรื่องเล่าของบุคคลในตำนาน จู่ ๆ ก็เกิดเสียงดัง

    ปัง ! ดึงดูดสายตาทุกคู่ไปยังต้นเสียง ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบ พร้อมกับการปรากฏตัวของชายผู้ซึ่งเกียจชังในตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของหมู่บ้านศิลา

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ในที่สุดวันนี้ก็ลงไปสองตอนจนได้
    บ่นหน่อย นั่งแต่งไอดีทั้งวันก็ยังไม่ถูกใจ

    ขอให้สนุกกับการอ่านนะค่ะ ^^

     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×