คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SF TaoxKacha | Devil VS Angel
มาจั่วหัวเรื่อง+เอารูปประกอบช็อตฟิคมาลงไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาลงเรื่องให้นะคะ :)
กำลังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้จะให้มีฉากอัศจรรย์ดีมั้ยเอาเป็นว่าฉากเรทจะเพิ่มตามจำนวนคอมเม้นแล้วกัน ฮ่าๆ
“ขอบใจมากว่ะเฟรม ถ้าไม่ได้มึงมีหวังกูติดเอฟวิชานี้แน่”
“ขอบใจอะไรกันพี่ ผมแค่สรุปเนื้อหาให้สั้นลงเอง คะแนนที่ได้เพราะความสามารถพี่ล้วนๆ” ผมยกมือตบไหล่หนาแล้วยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไอ้เฟรม น้องรหัสเก่งเทพของผมแท้ๆ ที่ทำให้ผมรอดพ้นจากการโดนแจกเอฟในวิชาสำคัญของสาขาที่เรียนอยู่ ใครจะรู้ล่ะว่าเด็กแว่น สิวเขรอะ หน้ามึนที่โดนผมแกล้งซะเละตอนรับน้องจะกลายเป็นน้องรหัสสุดเลิฟหน้าตาดี เรียนเก่ง แสนเพอร์เฟ็คที่สาวๆ ในคณะกรี๊ดนักกรี๊ดหนารองจากผม(จริงๆ นะ ฮ่าๆ)
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ กูยินดี” ไอ้เฟรมยิ้มร่าทันทีที่ผมบอก มันถลาตัวเข้ามาเกาะแข้งเกาะขา มันยกมือผมไปจับและบีบแน่นพลางทำหน้าบีบน้ำตา
“ช่วยได้จริงๆ หรอพี่?” ไอ้เฟรมเงยหน้า ช้อนตาขึ้นมองผมเป็นประกายมีความหมาย เฮ้ย ไอ้ห่า กูจะไม่ช่วยเพราะสายตามึงนี่แหละ - -
“เออ” ผมตอบรับง่ายๆ ไอ้เฟรมมันทำให้ผมจบชีวิตนักศึกษาอย่างสวยงามนะเว้ย ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ทำให้มันได้หมดแหละครับ
“คืองี้ว่ะพี่..” ผมนั่งชิลฟังไอ้เฟรมพูดถึงปัญหาของมันอย่างไม่ได้คิดอะไร โดยไม่รู้เลยว่าเพราะคำสัญญาตกปากรับคำว่าจะช่วยไอ้เฟรมของผมในวันนี้จะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
5
ผมเหลือบตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ก่อนทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาราคาแพงในห้องนั่งเล่น เอื้อมมือคว้ารีโมตมาเปิดหาช่องเพลงฟังสบายๆ หวังจะให้ช่วยทำให้หลับสบายซักงีบก่อนพี่ไอ้เฟรมจะมาถึง
ใช่ครับ.. ปัญหาของไอ้เฟรมคือพี่ชายมัน ,ตั้งแต่รู้จักกันมาไอ้เฟรมมักจะพูดถึงพี่ชายของมันไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผมรู้มาคร่าวๆ ว่าเค้าเรียนอยู่คณะนิเทศ แล้วจากคำบอกเล่าของไอ้เฟรมและคนอื่นๆ ที่ได้เจอพี่มันทำให้ผมรู้อีกว่าพี่ชายไอ้เฟรมเป็นคนแปลกๆ แต่แปลกยังไงผมก็ไม่รู้แฮะ จนวันก่อนที่ไอ้เฟรมขอร้องให้ผมรับพี่ชายมันมาอยู่ด้วยเพราะมันต้องไปออกค่าย ซึ่งผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เฟรมมันก็เหมือนน้องผม พี่ชายมันก็เหมือนคนในครอบครัวผมอยู่แล้วล่ะ
KNOCK KNOCK KNOCK KNOCK KNOCK KNOCK !!!
เสียงเคาะประตูถี่รัวทำให้ผมต้องเด้งตัวจากโซฟา แล้วกระวีกระวาดไปเปิดประตูโดยไม่ทันดูว่าใครที่เป็นผู้มาเยือน ทันทีที่ประตูเปิดออกผมก็พบเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนหน้าบึ้งเบะปากท่าทางอารมณ์เสีย แขนเล็กกอดกระเป๋าใบโตในอ้อมกอดแน่น หูฟังอันใหญ่คล้องรอบคอ ไม่มีคำพูดทักทายใดๆ หลุดจากริมฝีปากบางนั่น เขาเงียบซะจนผมต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วถามออกไปอย่าง.งงๆ
“มาหาใครครับ?” โดยไร้คำบอกกล่าวใดๆ ร่างโปร่งนั่นเบียดตัวเข้ามาในห้องผมทันที มันรวดเร็วซะจนผมคว้าตัวไว้ไม่อยู่ สองเท้าเล็กๆ พาตัวเขาวิ่งหวือไปนั่งบนโซฟา เขาเหวี่ยงกระเป๋าลงที่ไหนซักแห่งโดยไม่ชายตามอง อ้าปากหาว บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนเอนตัวลงนอนโดยไม่ลืมหยิบหูฟังอันใหญ่ขึ้นครอบหู ผมที่วิ่งตามมาติดๆ ได้แต่ยืนมองทุกการกระทำ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมากจนผมทำได้แค่อ้าปากค้างแถมยังเรียกสติคืนไม่ได้ด้วยซ้ำไป
เอ่อ.. กูเป็นเจ้าของห้องไม่ใช่หรอวะ ?
“นี่คุณ” ผมเดินเข้าไปสะกิดขาไอ้คนแปลกหน้านั่น เปลือกตาบางเผยอขึ้นมองก่อนหลับตาลงอีกครั้ง “คุณเว้ย ตื่นดิวะ” ความอดทนผมเริ่มหมดลงกับมารยาทที่ชักจะทรามขึ้นเรื่อยๆ พูดดังก็แล้ว เขย่าตัวก็แล้ว ร่างโปร่งตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าจะสนใจแถมยังกระดิกเท้าเล็กๆ ตามจังหวะเพลงอีกแน่ะ
สาดนรก! อารมณ์ผมเดือดปุดๆ กำลังจะกระชากคอเสื้อไอ้คนแปลกหน้านั่นขึ้น แต่จู่ๆ เจ้าตัวก็ลืมตาโพลง เด้งตัวลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนผมเผลอปล่อยมือที่ขยุ้มคอเสื้อเขาลงแล้วสบถหยาบคาย
“นึกจะลุกก็ลุกนะมึ..”
“หิว” เสียงใสพูดห้วนๆ เขามองไปรอบห้องอย่างสนใจก่อนจะหยุดสายตาที่ผม “ห้องครัวอยู่ไหนอ่ะ?”
“ห้ะ?” นี่ตื่นมามึงก็จะถามถึงของกินเลยหรอวะ ผมถอยห่างออกมากะระยะได้ห้าเมตร คนบ้ารึเปล่าวะเนี่ย มึงเข้าใกล้กูเกินสามเมตร กูต่อยจริงๆ ด้วย - -
“เพื่อนไอ้เฟรมแม่งประหลาดทุกคนจริงๆ ว่ะ” ร่างโปร่งบ่นลอยๆ เหมือนพูดกับตัวเอง ก่อนขาเรียวจะพาเจ้าตัวเดินฉิวไล่สำรวจห้องผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
เดี๋ยวนะ ตะกี้คุณได้ยินมั้ยครับ เขาพูดถึงไอ้เฟรมรึเปล่า? เดี๋ยว เดี๋ยวนะเว้ย พูดถึงไอ้เฟรมแสดงว่ารู้จักไอ้เฟรม รู้จักไอ้เฟรมแสดงว่าต้องมีความเกี่ยวข้องกะไอ้เฟรมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งเร็วๆ นี้ไอ้เฟรมเพิ่งฝากพี่ชายของมันให้ผมดูแล..
พี่ชายของมันให้ผมดูแล
พี่ชายของมัน
พี่ชาย..
“พี่ไอ้เฟรมนี่หว่า!” ผมตะโกนลั่นทันทีที่สมองประมวลผลได้ ร่างโปร่งที่กำลังชะเง้อหน้าเข้าไปสำรวจห้องนอนผมอยู่หันมาพยักหน้าให้เซ็งๆ
“เออดิวะ ไอ้เฟรมมันเลือกคบเพื่อนยังไงเนี่ย” ประโยคหลังพูดเบาซะจนกูได้ยินชัดเลยนะ แต่ให้ตายเหอะว่ะ ผิดคาดชะมัด ก็ตอนแรกที่เปิดประตูออกไปรับ มองยังไงก็เหมือนเด็กหลงทางต้องการที่พักพิง แถมท่าทางรั้นแล้วเอาแต่ใจผิดวิสัยคนเป็นพี่นั่นอีก จะให้ผมคิดว่าเป็นพี่ไอ้เฟรมได้ไงล่ะครับอย่างนี้ ? แต่เรื่องที่บอกว่าพี่มันแปลกๆ นั่นเห็นด้วยหยั่งแรงเลยเหอะ - -
“ผมเป็นรุ่นพี่ที่คณะไอ้เฟรม ผมอยู่ปีสี่ คุณอยู่ปีสาม เอ่ออ.. เรียกพี่เต๋าก็ได้” ผมยื่นมือออกไปข้างหน้าหวังทักทายแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคิ้วเรียวที่คนตรงหน้าขมวดมุ่นและสายตามุ่งร้ายไม่ปิดบัง
“พี่เพ่ออะไร ชาเข้าหลังเกณฑ์ปีเดียว ถึงจะเรียนทีหลังแต่อายุเท่ากันนะ ทำไมต้องให้เป็นน้องด้วยวะ ไม่ชอบเลย” ริมฝีปากบางบ่นไม่หยุด ก่อนเดินผ่านหน้าผมไปค้นของในตู้เย็นกุกกัก
“ทำไรให้กินหน่อยดิ” ผมชี้มาที่ตัวเอง กูหรอ ? อีกฝ่ายพยักหน้ารับหยิบแฮมในตู้เย็นโยนให้ผม ก่อนเดินฮัมเพลงผ่านไปนั่งบนโซฟาตัวเดิม ยกเท้าพาดโต๊ะแล้วเริ่มกดรีโมตเปลี่ยนช่องเรื่อยเปื่อย
หึ นี่กูต้องเขียนป้ายแขวนคอไว้ตัวโตๆ เลยป่ะว่ากูเป็นเจ้าของห้อง ?
ผมยกถุงแฮมขึ้นจินตนาการว่าได้เขวี้ยงมันโดนหัวเล็กนั่นอย่างจัง แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นล่ะ เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกทีผมก็อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังวางจานข้าวผัดแฮมหอยฉุยลงบนโต๊ะ รินน้ำเย็นลงแก้วแล้วนั่งเท้าคางมองริมฝีปากบางและแก้มเนียนที่พองขึ้นเพราะเจ้าตัวกำลังอ้าปากกว้างตักข้าวคำโตใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวตุ่ยๆ จนแก้มพองท่าทางมีความสุข(จังนะมึง) - -
“ชื่อคชาใช่ป่ะ?” ผมชวนคุย อีกคนพยักหน้าโดยไม่เงยหน้าขึ้น ดูเขาจริงจังกับการเขี่ยต้นหอมซอยออกจากข้าวมากถึงมากที่สุด ผมกระตุกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มหัวเสียเพราะเขี่ยเท่าไหร่ต้นหอมก็ไม่หมดซักที
“ห้องผมมีสองห้องนอน ห้องคุณอยู่นั่น” ผมชี้มือไปที่ห้องนอนสำรองประตูสีน้ำเงิน คชามองตาม เขาพยักหน้าเข้าใจทั้งๆ ที่คิ้วเรียวขมวดมุ่น มือเล็กดันจานข้าวมาตรงหน้าผมแล้วเบะปากน้อยๆ
“ไม่อิ่ม แต่ขี้เกียจเขี่ยผักออกอ่ะ” ผมส่ายหัวอย่างระอา โตเป็นควายแล้วยังไม่กินผักอีก เข้าใจเลยว่าทำไมไอ้เฟรมถึงปล่อยพี่มันให้อยู่คนเดียวไม่ได้ ขืนปล่อยไว้สิมีหวังเจ้าตัวเล็กนี่คงกินมาม่าแทนข้าวแน่ๆ อ่ะ ร่างโปร่งลุกขึ้นเต็มความสูง เดินไปหยิบกระเป๋าที่เขาเหวี่ยงไปเมื่อมาถึงมาสะพาย แล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องนอนที่ผมชี้บอกทางไปโดยไม่ลืมล็อกประตูแน่นหนา(รู้จากเสียงล็อกลูกบิดและเสียงลงกลอนประตู - -) เหลือไว้แค่ผมและจานกองใหญ่ที่ยังไม่ล้างกลางห้องนั่งเล่นกว้างซึ่งเป็นของผมเอง - -
5
ผมเดินตัวเปียกชุ่มออกจากห้องน้ำ สวมกางเกงนอนขายาว ตัดสินใจไม่ใส่เสื้อยืดนอนเพราะอากาศที่ร้อนระอุแม้ในห้องเปิดแอร์ด้วยอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสตามคำแนะนำของกระทรวงพลังงาน เอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกน้ำลวกๆ ดูเวลาที่นาฬิกาดิจิตอลตรงหัวเตียงเป็นเวลาเที่ยงคืนเป๊ะพอดี
ทีแรกตั้งใจจะรอดูบอลทีมโปรดแข่งตอนตีสองแต่ไม่รู้ว่าเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานครัว ทั้งที่ปกติสำหรับผมคือห้องที่เป็นส่วนเกินที่สุด ผมเข้าครัวแทบจะนับครั้งได้ตั้งแต่ย้ายเข้ามา ปกติจะกินข้าวทีไม่กินข้างนอกก็โทรสั่งตลอด แต่ตั้งแต่ไอ้ตัวเล็กมา เขาก็ทำให้ผมต้องเดินเข้าเดินออกห้องครัวเป็นว่าเล่น เพราะอะไรน่ะหรอ จะบอกให้ก็ได้นะครับว่าพี่ไอ้เฟรมทำแสบอะไรไว้
ทันทีที่ผมเดินเข้าครัวกะจะไปล้างจานกองพะเนิน แต่ต้องรีบถอยหลังหนีเพราะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาจากเตาไมโครเวฟ พอกลั้นลมทำใจเปิดดูก็เห็นสิ่งที่ผมแน่ใจว่ามันเคยเป็นไข่มาก่อนอยู่ในนั้น เศษเปลือกไข่ติดกระจายทั่วเตา รอยเปื้อนดำๆ ด่างๆ ที่แผงทำความร้อน ที่เด็ดสุดคือกระดาษโน้ตที่เขียนข้อความสั้นๆ แปะไว้
ตั้งใจจะทำไข่ปิ้ง แต่กะกำลังไฟแรงไปหน่อยเลยได้เมนูใหม่ ‘ไข่ระเบิด’
ผมล่ะอยากวิ่งมาราธอนเอาซากไมโครเวฟนี่ไปเขวี้ยงหัวไอ้เฟรมทันทีที่อ่านจบ ความรู้สึกสำนึกบุญคุณในเลกเชอร์ของไอ้เฟรมแทบจะหมดความหมายลงทันที ไอ้เฟรมเอ้ย มึงเอาตัวอะไรมาให้กูเลี้ยงวะเนี่ย - -
สรุปคือที่คชารีบกินแล้วเข้าห้องล็อคกลอนแน่นหนานั่นคือการหนีความผิดอย่างเนียนๆ แต่ไหนๆ ถ้าเขาจะเนียนขนาดนี้แล้วล่ะก็นะ ผมเองก็ขอเนียนสารภาพตรงๆ เลยว่าข้าวผัดแฮมนั่นที่จริงผมวิ่งลงไปซื้อข้าวผัดปูที่เซเว่นใกล้ๆ แล้วค่อยเอาแฮมโปะหน้าตามทีหลัง - -
ที่จริงถ้าไม่นับพฤติกรรมแสบที่ทำเอาไว้ล่ะก็ ผมก็ว่าเขาก็เป็นคนโอเคคนนึงนะ ไม่ได้ร้ายกาจอะไรเท่าไหร่ซะหน่อย แต่ใช้อุปกรณ์ผิดประเภทไปนิดเท่านั้นเอง - -
ผมสะบัดผมให้แห้งอีกสองสามที ก่อนล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้า เอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟ ขยับตัวจัดท่านอนที่สบายที่สุด ปิดเปลือกตาลง กำหนดลมหายใจสม่ำเสมอ พยายามดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราให้เร็วกว่าทุกคืน แต่แรงยวบผิดปกติที่ปลายเตียงทำให้ผมต้องเผยอเปลือกตาขึ้นมองในความมืด รู้สึกถึงมือปริศนาที่ลูบวนแถวหน้าท้อง ผมไม่โวยวายเพราะสติยังอยู่ครบ คิดทบทวนในใจอย่างมีสติว่าผมไม่ได้ลืมล็อคประตูห้องแน่ๆ แล้วแขกปริศนาที่มาเยือนผมในยามวิกาลจะเป็นใครกันล่ะ?
ผมข่มตาลงทันทีที่รู้สึกถึงลมอุ่นและเสียงกระซิบพร่าใกล้หู “ชารู้น่าว่าเต๋ายังไม่หลับ” เสียงใสคุ้นๆ หัวเราะคิกคักปิดท้าย ผมคว้าจับข้อมือเล็กทันทีเพื่อกันไม่ให้หนีซึ่งก็เหมือนอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะขัดขืนหรือปัดป้อง ความมืดในคืนนี้ทำหน้าที่ได้ดีจนผมต้องดึงร่างโปร่งเข้าใกล้แล้วเพ่งมองหน้าให้ชัดเจน
คชาจริงๆ ด้วย!
ผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจ คชายกยิ้มน่าเอ็นดู ดวงตาเรียวจับจ้องที่ใบหน้าผมไม่หลบสายตา เขาบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม ก่อนแขนเล็กจะกอดหมับรอบเอวผมแล้วซุกไซ้แก้มนิ่มลงกับอกเปลือยเปล่า คชาเงยหน้าช้อนตาขึ้นสบ ส่งรอยยิ้มร้ายกาจที่ทำให้ผมร้อนๆ หนาวๆ เขากดตัวผมให้นอนลงกับเตียงอย่างง่ายดายก่อนจะยกร่างโปร่งของเขาขึ้นคร่อมบนตัวผม มันรวดเร็วจนผมไม่ทันคิดปัดป้อง ในหัวมีแต่หิมะขาวโพลนเพราะถูกริมฝีปากบางและจูบร้อนแรงฉกชิงสติไปซะหมด
“..ชา ..เดี๋ยว” ผมพยายามเปล่งเสียงห้าม ยกมือดันไหล่บางออก คชาถอนริมฝีปากออกเชื่องช้า ทันทีที่ดวงตาเราสบกัน ผมก็เป็นฝ่ายพลิกร่างโปร่งลงไปแนบเตียงบ้าง ชั่ววินาทีแรกที่รับรู้ว่าโดนแกล้ง คชาเบิกตากว้างอย่างแปลกใจก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะจีกจี้เมื่อผมก้มลงใช้ปลายจมูกโด่งสูดกลิ่นหอมทั่วร่างบาง
คชาจะมาด้วยเหตุผลอะไรผมไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมปล่อยให้เจ้าตัวแสบกลับห้องไปนอนง่ายๆ ไม่ได้ซะแล้ว ;p
“ทำอะไรไว้อย่าคิดว่าไม่รู้นะ” ผมกระซิบล้อ วนเวียนริมฝีปากไม่ห่างแก้มเนียน แสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาเล็กน้อยพอประมาณ มันสร้างบรรยากาศได้ดีจนผมเห็นใบหน้าของคนให้อ้อมกอดขึ้นสีจาง เมื่อเห็นอย่างนั้นผมจึงจับคางมนขึ้นรับจูบดูดดื่มอีกครั้ง ขณะที่ใช้มือให้ความสุขกับเขาผ่านชุดนอนเนื้อบาง ลมหายใจคชาขาดเป็นห้วงๆ เมื่อผมปลดกางเกงนอนเขาให้พ้นจากสายตา บีบเฟ้นทุกส่วนของร่างกายเขาได้เท่าที่ต้องการ โดยไม่ลืมประทับรอยจูบทั่วแผ่นอกบาง
“ให้ชาช่วยเต๋าบ้างนะ” คำร้องขอที่ผมไม่ปฏิเสธ ร่างโปร่งเคลื่อนกายลงต่ำ สิ่งที่ปกปิดร่างกายเขาตอนนี้มีเพียงเสื้อนอนตัวโคร่ง นั่นทำให้ท่อนขาเรียวดูน่าหลงใหลขึ้นไปอีกภายในแสงจันทร์ ริมฝีปากที่บดเบียดกันเมื่อครู่กำลังปลุกน้องชายผมให้ตื่นได้รวดเร็ว ปลายลิ้นร้อนกวาดผ่านทุกบริเวณทำให้อารมณ์สูงขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ ผมจับร่างโปร่งนอนราบกับเตียงทันที เบิกช่องทางร้อนด้วยนิ้ว ยิ่งคชาส่งเสียงครางกระตุ้นอารมณ์ ผมก็ห้ามใจไม่อยู่ ถอนนิ้วออกและแทนที่มันด้วยแกนกายแข็งขืนของผมทันที
“อ ..อื้อ ต๋าว มัน.. เจ็บ” เมื่อเห็นหยดน้ำตาที่ดวงตาของคนข้างใต้ ผมจึงต้องหยุดเคลื่อนไหวกาย ผ่อนลมหายใจระงับความต้องการ ก่อนก้มหน้าชิดให้ปลายจมูกเราสองคนแตะกันเบาๆ ยกมือลูบกลุ่มผมนิ่มแล้วบดจูบอ่อนโยน คชายกแขนโอบรอบคอผม ก่อนจะเลื่อนมือบางไปที่หลังเปลือยเปล่า ฝากรอยข่วนและส่งเสียงหวานทุกครั้งที่ผมเคลื่อนกาย
และเป็นอย่างนั้นตลอดทั้งคืน..
5
ผมนั่งยิ้มคนเดียวขณะที่นั่งดูหนังฆาตกรรมสยองขวัญเรท ฉ หยดเลือดสาดกระจาย ร่างกายเหยื่อถูกฆาตกรชำแหละสดๆ เสียงกรีดร้องขอความเมตตาดังระงมทั่วห้องมืดน่าสังเวช
ขอโทษนะครับหากฉากของหนังจะทำให้คุณรู้สึกอยากอ้วก แต่ที่ผมนั่งยิ้มอยู่ได้เนี่ยก็เป็นเพราะใจผมไม่ได้จดจ่ออยู่ที่หนังเลยซักนิดเดียว
คืนแสนสุขผ่านไปไวเหมือนโกหก เช้าวันนี้เป็นวันที่ผมรู้สึกเกลียดแสงแดดมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา ขยี้ตา บิดขี้เกียจ ก่อนพลิกตัวก่อนนอนจ้องหน้าอิดโรยของไอ้ตัวแสบที่เมื่อคืนรีดพลังหนุ่มผมไปจนหมดซักพัก แล้วตัดสินใจลุกใส่เสื้อผ้าให้ตัวเอง และเปลี่ยนเสื้อผ้าของอีกคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงโดยไม่ลืมฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนนั่นหนึ่งที คชาส่งเสียงอือหงุดหงิด ขดตัวเป็นลูกบอลและหายใจสม่ำเสมออีกครั้ง ผมยกยิ้มเอ็นดู ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรผมก็ดูมันน่ารักน่าหยิกไปหมด เหตุผลที่ทำให้ผมฝืนใจลุกทั้งๆ ที่อยากนอนกอดคชาต่อก็คือไอ้เฟรม..
ต้องขอบคุณมันจริงๆ ขอโทษที่ด่ามึงไปเยอะนะเฟรม ตอนนี้มึงอยากได้อะไรกูพร้อมถวายให้หมด!
ผมต่อโทรศัพท์เข้าเครื่องน้องรหัสที่รักยิ่ง สัญญาณรอสายดังซักพักก่อนเสียงไอ้เฟรมจะอู้อี้ตอบกลับมา
(ฮัลโหลครับ?) เสียงงี้ยังไม่ตื่นแหง
“พี่โทรมากวนเวลานอนป่ะวะ?” ผมเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองจาก กู เป็น พี่ อย่างเนียนๆ และเหมือนไอ้เฟรมจะไม่ทันจับใจความได้จึงตอบกลับมาโดยไม่ทักท้วง
(..อ้อ พี่เต๋าหรอ?) มันเงียบไปแปปนึง ผมได้ยินเสียงสูดน้ำมูกดังไกลๆ ก่อนเสียงไอ้เฟรมจะกลับมาอีกครั้ง (พี่ชาทำตัวไม่ดีรึเปล่าพี่) คำถามจากไอ้เฟรมทำให้ผมต้องยิ้มกว้างกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว
“เปล่า พี่จะโทรมาขอบใจว่ะ คือเมื่อคืน..” ยังไม่ทันที่ผมจะบอกถึงเรื่องเมื่อคืนระหว่างพี่มันกับผม ไอ้เฟรมก็ไอค่อกๆ แค่กๆ หยุดคำพูด ผมรอจนมันส่งเสียงสูดน้ำมูกอีกครั้ง กำลังจะพูดเข้าประเด็นแต่เสียงเปิดทีวีด้านหลังทำให้ต้องหันไปมอง และพบว่าร่างโปร่งต้นเหตุของเรื่องที่ตะกี้นอนขดอยู่บนเตียงกำลังนั่งตาใสดูการ์ตูนเอเลี่ยนในชุดนอนชุดใหม่ที่ผมเปลี่ยนให้
“ถือสายรอแปปนะเฟรม” ผมเดินเข้าไปแล้วจงใจนั่งชิดร่างโปร่ง คชาหันขวับมามองทันทีที่ผมนั่งลงแล้วยกมือขึ้นโอบไหล่เขา
“ติดหื่นหรอวะ?” เสียงใสตวาดแล้วลุกหนี ผมมองตามงงๆ ฉุดมือขาวรั้งให้ร่างโปร่งเซถลาลงมานั่งบนตัก แก้มใสแดงเรื่อ แต่ส่งสายตามุ่งร้ายมาให้ ก่อนหมัดเล็กจะพุ่งเข้าใส่แก้มผมรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“เชี่ยเต๋า ลามก!” คำตวาดแฝงคำหยาบคาย คชากระทืบเท้าผมอีกทีก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูดังปัง! ทิ้งไว้แต่ผมที่นั่งเอ๋อตรงที่เดิม ตรงที่ที่เพิ่งนั่งยิ้มเป็นคนบ้าดูหนังฆาตรกรรมเลือดสาดตะกี้ ต่างกันแค่เวลา อารมณ์และสถานการณ์เท่านั้น เพราะท่าทางโมโหหนักเมื่อผมเข้าใกล้ กับสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาทำให้ผมไม่เข้าใจ มันหมายความว่าไง? คชายั่วสวาทเมื่อคืนหายไปไหนวะ?
(พี่เต๋า พี่เต๋า ! ยังอยู่ป่ะพี่ ?) เสียงไอ้เฟรมดังลอยมาจากโทรศัพท์ในมือ ผมยกขึ้นแนบหูยังไม่ทันถามคำถามที่ต้องการรู้ มันก็แทรกขึ้นมาก่อน (ตะกี้ผมจะบอกว่า ผมลืมบอกไปว่าพี่ชาเค้าแพ้อาหารทะเลนะพี่ ยิ่งเป็นพวกสัตว์กระดองแข็งอย่างปู อย่างกุ้งอะไรเนี่ยอย่าให้แตะปากเลยนะพี่ ไม่งั้นจะ.. เอ้ออ เอาเป็นว่าพี่ระวังล่ะกัน วันกลับผมจะซื้อของฝากไปฝาก ถือว่าขอบคุณที่ให้พี่ชาไปอยู่ด้วย เฮ้ย เฮ้ยย ต้องไปแล้วว่ะพี่เต๋า ยังไงขอบคุณอีกครั้งนะครับ หวัดดีฮะพี่! ตรู้ด ตรู้ด ตรู้ด...)
ไอ้เฟรมพูดเร็วซะจนผมจับประเด็นไม่ทัน แต่มีประโยคหนึ่งที่ดังก้องอยู่ในหัวและชัดเจนที่สุดในความคิด
พี่ชาเค้าแพ้อาหารทะเล พี่ชาเค้าแพ้อาหารทะเล พี่ชาเค้าแพ้อาหารทะเล พี่ชาเค้าแพ้อาหารทะเล
ข้าวกล่องอีซี่โก ข้าวกล่องอีซี่โก ข้าวกล่องอีซี่โก ข้าวกล่องอีซี่โก ข้าวกล่องอีซี่โก
ข้าวผัดปู ข้าวผัดปู ข้าวผัดปู ข้าวผัดปู !
แสดงว่าคชาแพ้ปู > กินแล้วเป็นอีกคนนึง > ซึ่งเซ็กซี่มากจนผมอดใจไม่ได้ > ตั้งสองยกแน่ะ >คชาตื่นมาจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ > เพราะฤทธิ์หายแล้ว > แล้วผมล่ะที่บ้าไปหลงเสน่ห์ไอ้ตัวแสบสองบุคลิกอยู่นี่ล่ะ?
อย่าคิดว่าผมจะเสียใจนะครับ ตอนแรกที่ได้ยินก็คิดอย่างนั้นอยู่หรอก แต่พอถามใจตัวเองดีๆ แล้วคำตอบที่ได้คือผมตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กนั่นจังเบอเร่อ จะให้ตะเกียกตะกายขึ้นก็คงไม่เอาหรอกครับ อยู่ในหลุมไปเรื่อยๆ อย่างนี้ผมแฮปปี้จะตาย!
แต่สิ่งสำคัญที่ผมต้องทำคือทำยังไงก็ได้ให้เด็กดื้อเมื่อคืนรู้ตัวว่าเขาเป็นคนขุดหลุม และมีผมตกอยู่ในหลุม อย่างน้อยเขาจะได้หาทางฉุดผมขึ้นจากหลุม หรือถ้าคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยล่ะก็นะ ตอนที่เขายื่นมือมาเพื่อช่วยผมให้ขึ้นจากหลุมที่เขาขุดล่ะก็ ผมจะดึงร่างเล็กนั่นให้ลงมา แล้วคชาก็จะเป็นฝ่ายตกหลุมรักที่ผมแอบขุดไว้โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
ที่จริงมันเป็นความลับนะ แต่สำหรับคุณผมจะบอกแผนให้ก็ได้ เอียงหูมาใกล้ๆ สิ
อย่างแรกคือผมจะซื้อตั๋วประเทศโปโตริโกส่งให้ไอ้เฟรมขึ้นเครื่องไปทำค่ายต่อที่นู่น (ไอ้เฟรมมึนอยู่แล้ว หลอกง่ายจะตาย) อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาให้คชาอยู่กับผมต่อได้อีกซักเดือนสองเดือน หลังจากนั้นผมก็จะติดต่อหาซื้อกุ้งมังกรกับปูอลาสก้ามาเลี้ยงเล่นๆ ไว้ดูเพลินๆ ประดับห้องซะหน่อย
คุณว่าดีมั้ยครับ?
THE END
มั้ย?? 5555
s
Ctrl + A : open ur eyes
.
“เฟรมมึงยิ้มไรวะ?” ไอ้เจมส์ถามผมทันทีที่พวกเราชาวค่ายตื่นนอนและรวมตัวกันทำกิจกรรม ผมยิ้มกว้างแทนคำตอบ ไอ้เจมส์ส่ายหัวไม่เข้าใจแล้วเดินจากไป
หึ ก็จะไม่ให้ดีใจได้ไงล่ะครับ ในเมื่อแผนการที่ผมวางไว้มันเป๊ะซะจนอดภูมิใจในความประเสริฐของสมองตัวเองไม่ได้ แผนการ ‘การจับคู่’ ระหว่างพี่ชายผมกับพี่รหัสท่าทางจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้ไม่ยาก ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะผมน่ะห่วงและหวงพี่ชาซะยิ่งกว่าอะไร พอเค้าถึงวัยที่จะมีความรัก ผมก็อดเป็นห่วงจนต้องคอยกรองเรื่องนี้ให้เสมอ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีใครพอใจผมซักคน จนเจอ ‘พี่เต๋า’ นี่แหละ ก็เพราะพี่รหัสผมคนนี้โคตรจะเพอร์เฟ็คซะขนาดนั้น จะปล่อยให้หลุดมือพี่คชาไปเฉยๆ ได้ไงล่ะครับ!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้รู้รึยังรึยังว่าใครเป็น angel ใครเป็น devil ? 55555555555555
# ขอโทษที่ทำฉากเรทได้แค่นี้ มิเชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ ค่า TT
ความคิดเห็น