คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 01
ตอนที่ ๑
ใช้ทั้งตัว ใช้ทั้งใจ กว่าจะได้มา
ให้ถอนตัวได้ไง คงจะไม่ล่ะ...
เธอมันสารอันตรายชวนให้ลิ้มลอง
So Bad No One Can Stop You
หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ที่ฉันใช้เวลาอยู่กับการนอนพักเอาแรง หึ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดกับการนอนหรอก ฉันจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของร่างกาย และจิตใจให้ปกติที่สุด
ถ้าหมอไม่ปกติ แล้วจะรักษาคนไข้ให้ปกติได้ยังไงล่ะ..จริงมั้ย
และวันนี้ก็เป็นวันที่ฉันต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณซองวู เพราะวันนี้จะเป็นวันที่พวกเขาทั้งหมดจะกลับมา... แต่ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาไม่ส่งประวัติคนไข้มาให้ฉันศึกษาก่อน บางทีถ้าฉันรู้สาเหตุก่อน มันอาจจะช่วยย่นระยะเวลาการรักษาก็ได้
ฉันลากกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่เข้ามาในบ้านหลังนี้อย่างระมัดระวัง ภายในบ้านเงียบสงัด ตัวบ้านถูกตกแต่งด้วยสีโทนทึบให้ความรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย แต่มันไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวอยู่แล้ว...
แกร๊กกกกกกกกกกก
‘‘ใคร!!!’’ ฉันหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ต้นเหตุของเสียงดังมาจากหลังประตูบานนึง
‘‘.............’’ แต่มันกลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย
‘‘ฉันถามว่าใคร.....’’ และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันตะโกนเสียงดังอย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน
‘‘..................’’
‘‘นับหนึ่งถึง....’’
‘‘ออกมาแล้วค่ะๆๆๆๆ’’ ยังพูดไม่จบก็มีหญิงสาวรุนราวคราวเดียวกับฉันวิ่งออกมาจากหลังประตูนั้น
‘‘......เธอเป็นใคร’’ ฉันขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย กับสาวแปลกหน้าคนนี้
‘‘เอ่อ ฉะ...ฉันป็นคนรับใช้ของบ้านหลังนี้ค่ะ คุณซองวูสั่งให้ดิฉันออกมารับคุณยูอี...’’
‘‘เรียกฉันว่าเบบี้’’ ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
‘‘คะ...ค่ะ คุณเบบี้ เดี๋ยวฉันช่วยถือนะค่ะ’’ เธอคนนั้นรีบวิ่งมารับกระเป๋าจากฉันไป ท่าทางเธอจะหวั่นๆ กับฉันฉันไม่ใช่น้อย แน่ละ ใครๆ ก็กลัวสายตาของฉันทั้งนั้น
‘‘เดี๋ยว’’
‘‘ค่ะ...’’ ระหว่างที่เธอกำลังจะออกไปจากตรงนั้น ฉันก็รั้งเธอไว้เสียก่อน..
‘‘เธอ....ชื่ออะไร’’ ฉันไม่มั่นใจนักที่จะถามมันออกไป ฉันไม่เคยมีเพื่อนนิ ไม่เคยต้องถามชื่อใครก่อน แล้วแบบนี้จะให้ฉันทำยังไง... การอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักใครเลย มันลำบาก แล้วมันจะเป็นอะไรหรือเปล่าหากฉันอยากจะรู้จักใครสักคนก่อน...
‘‘ฮานึล ฉันชื่อฮานึลค่ะ’’ และเป็นอีกครั้งที่เธอคนนี้ปิดบังความเกรงกลัวฉันไว้ไม่มิด ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ...
‘‘อื้ม...ฮานึล ฉันต้องไปที่ไหนต่อ’’
‘‘คุณท่านรออยู่ในห้องโถงค่ะ คุณเบบี้เดินตรงไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว เดียวฮานึลเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องของคุณก่อนนะค่ะ
‘‘อื้ม..’’ ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินตรงไปตามที่ฮานึลว่า ไม่นานนักก็พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตา ต่างภายนอกที่แต่งด้วยโทนสีดำชวนอึดอัด บนโซฟาตัวหรูปรากฏภาพหญิงและชายวัยกลางคนนั่งรออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
‘‘มาแล้วหรอจ้ะ เบบี้...’’ คุณซูฮยอน คุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันที่กำลังเดินเข้ามา
‘‘สวัสดีค่ะท่าน...’’ ฉันโค้งตัวให้ท่านทั้งสองตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงตามคำเชื้อเชิญของคุณซองวู
‘‘พ่อเล่าทุกอย่าให้เราฟังแล้วใช่มั้ยเบบี้’’ คุณซองวูรีบเปิดประเด็นทันทีอย่างไม่รอช้า
‘‘ค่ะ ทราบเรื่องหมดแล้ว’’ ถึงฉันจะเพิ่งเคยมาที่บ้านหลังนี้เป็นครั้งแรก แต่ฉันก็ไม่ได้เพิ่งเคยเจอคุณซองวูและคุณซูฮยอนเป็นครั้งแรกซะหน่อย ฉันเคยพบท่านทั้งสองหลายครั้งแล้ว ท่านทั้งสองเอ็นดูฉันเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
‘‘ลุงต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องให้หนูมาดูแลลูกชายของลุง... ลุงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงจริงๆ แต่ลุงไว้ใจหนู ในเมื่อหนูเรียนรู้เรื่องนี้มา ลุงมั่นใจว่าหนูอาจจะทำให้ลูกของลุงกลับมาเป็นปกติได้ ถึงจริงๆ แล้วลุงจะรู้ว่าโอกาสมันน้อยมาก มันช่างเป็นเวรกรรมจริงๆ ที่ลูกชายทั้งหมดของลุงจะต้องกลายมาเป็นพวกโรคจิต...’’ คุณซองวูพูดไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ฉันรู้ว่าท่านเสียใจ และอ่อนแอมากแค่ไหนในเวลานี้
‘‘พวกเขาไม่ได้โรคจิตค่ะคุณลุง อาจจะมีเรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจ เขาเลยเลือกที่จะจมปลักอยู่กับเรื่องนั้น.. และไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้... แต่เบบี้จะเป็นคนฉุดพวกเขาขึ้นมาเอง...’’ ฉันบอกท่านทั้งสองด้วยความมุ่งมั่น ไม่ใช่ว่าฉันจะพูดให้ท่านสบายใจอย่างเดียว แต่ฉันเชื่อในความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองมี
‘‘เครื่องมือทุกอย่างที่หนูต้องการลุงให้คนของลุงจัดการมาให้เรียบร้อยแล้วน่ะ’’
‘‘ขอบคุณค่ะ... คุณลุงคะ ช่วยสั่งยานอนหลับเพิ่มหน่อยได้หรือเปล่า...’’
‘‘นั่นสินะ ลุงลืมไปว่าลูกชายของลุงมันดื้อ อาจจะต้องใช่เยอะหน่อย’’
‘‘ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ... คือเบบี้คิดว่า บางทีตัวเบบี้เองก็ต้องใช้เหมือนกัน...’’ แน่ละ ฉันจำเป็นต้องใช้มันแน่ ในเร็วๆ นี้ ลางสังหรณ์ไม่ดีบอกฉันแบบนั้น มันบอกฉันว่าพวกเขาทั้ง 12 คนไม่ธรรมดา…..
‘‘อ่า.. เดี๋ยวลุงให้คนจัดการให้ เดี๋ยวลุงรับเจ้าพวกนั้นที่สนามบินก่อนนะ ดูแลตัวเองนะเบบี้’’
‘‘ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลุง’’ ฉันยิ้มให้คุณลุงเล็กน้อยก่อนที่จะไปยังห้องที่เจ้าของบ้านจัดเตรียมไว้ให้
ฉันรีบจัดของเข้าตู้ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า... จริงๆ แล้วงานต้องเริ่มวันพรุ่งนี้ หึ ให้เวลาเตรียมใจนานขนาดนี้มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ...
ในระหว่างนั้นเอง ฉันก็เผลอหลับไปจนได้ ด้วยความเหนื่อยล้าทางร่างกายจากการจัดห้อง และความเหนื่อยล้าทางใจ เพราะจะได้พบกับผู้ป่วยในเร็วๆ นี้ ฉันชักอยากจะเจอเจ้าพวกนั้นแล้วสิ...
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
‘‘คุณเบบี้ค่ะ... คุณท่านให้มาเชิญไปทานอาหารเช้าค่ะ’’
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกจากคนนอกห้อง อะไรกัน ฉันเผลอหลับยาวนถึงเช้าอีกวันเลยหรือ.. เหอะ ปรากฏการณ์มหัสจรรย์ในชีวิตเลยนะเนี่ย
‘‘อื้มม เดี๋ยวตามลงไป’’ ฉันตอบรับเบาๆ ก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลงไปข้างล่าง เพราะไม่อยากให้ท่านรอนานกว่านี้แล้ว...
‘‘หลับสบายมั้ยเบบี้...’’ คุณซูฮยอนถามฉันด้วยความเป็นห่วง
‘‘ค่ะ’’ ฉันส่งยิ้มให้ท่านเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้า แต่ฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อวานท่านไปรับลูกชายที่สนามบินนี่.. แล้วพวกเขาไปไหน..
‘‘แล้ว....’’
‘‘อยู่ในห้องนั่นหน่ะ’’ คุณซองวูเหมือนจะอ่านความคิดฉันออก ท่านจึงชี้ไม้ชี้มือไปทางประตูบานหนึ่ง
‘‘ทั้งหมดเลยหรือค่ะ...’’
‘‘ใช่จ้ะ..’’ คุณซูฮยอนส่งยิ้มเจือนๆมาให้
‘‘พวกเขา.....ยังโอเคอยู่ใช่มั้ยค่ะ’’
‘‘พวกเขายังโอเค... แค่ดูซึมเศร้าลงไปก็เท่านั้น หมอบอกว่ามันจะเเสดงอาการเป็นครั้งคร่าวน่ะ’’
‘‘แค่ซึมเศร้าหรอค่ะ??’’ ฉันอดแปลกใจกับคำตอบของคุณซองวูเป็นอย่างมาก... แค่ซึมเศร้างั้นหรอ
‘‘มันอาจจะมีมากกว่านั้น แต่ลุงยังไม่เห็นอาการของมัน... ลุงคงต้องฝากหนูแล้วล่ะเบบี้ อ่ะ นี่ก็เอกสารที่ลุงได้มาจากทีมแพทย์ของที่นั่น มันจะเป็นประโยชน์มากหากหนูได้อ่านมัน’’
‘‘ค่ะ’’ ฉันรับมาก่อนที่จะวางไว้ข้างตัว จากนั้นก็รีบลงมือทานอาหารต่อไปอย่างรวดเร็ว บางทีฉันอาจจะต้องศึกษาประวัติพวกเขาหน่อยแล้ว...
ฉันไล้สายตาลงไปตามตัวหนังสือ มันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากมาย แค่เหมือนอาการโอเวอร์โดสทั่วๆ ไป จนสายตาฉันไปสะดุดกับข้อความๆหนึ่ง...
‘‘พวกเขาจะมีอาการเหมือนคนปกติ หรือหายเป็นปกติ เมื่อได้รับความรัก หรือมีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกรัก..’’
‘‘เหอะ โรคปัญญาอ่อนหรือไง มีจริงๆ หรอโรคแบบนี้น่ะ’’ ฉันอดขำกับข้อความนั้นไม่ได้... ฉันจะเชื่อมันได้หรือเปล่าน่ะ แต่ก็ช่างเถอะ เวลานี้ฉันควรจะทำความรู้จักกับผู้ป่วยทั้งหมดก่อน
----------Overdose------------
ฉันวางแฟ้มประวัติพวกเขาไว้ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน ก่อนจะค่อยๆ หยิบชุดกาวน์มาสวมอย่างลวกๆ จริงๆ แล้วสำหรับความคิดฉันนะ เจ้าพวกนี้น่ะ ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากมายหรอก... ก็แค่พวกยอมรับความไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ซึ่งมันท้าทายมาก มาดูกันซิว่าฉันจะมีความสามารถแค่ไหน หึหึ
โรคจิตนักหรือไง แน่แค่ไหนกัน มาเจอกับฉันเดี๋ยวก็รู้....
ฉันกระชับแฟ้มเอกสารในมือให้แน่นเพื่อเป็นการให้กำลังใจตัวเองเล็กน้อย ฉันไม่ได้กลัวแค่หวั่นใจก็เท่านั้น
ก๊อก ก๊อกกกกก
ไม่ใช่ว่าฉันมีมารยาท ก็แค่เคาะให้รู้ว่ากำลังจะเข้าไปก็เท่านั้น ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ น่าแปลกที่ทุกอย่างที่ฉันจิตนาการไว้กลับไม่เป็นอย่างที่เคย ภายในห้องกว้างขวางปรากฏภาพชายหนุ่มสิบสองคนนอนเรียงรายไม่ได้สติ หรืออาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาสลบที่พวกเขาได้รับขณะเดินทางมาที่นี่ แต่ก็ถือว่ามันเป็นผลดีสำหรับฉันนะ การทำงานมันจะได้ง่ายขึ้น
‘‘หยิบยาบำรุงให้ที’’ ฉันบอกผู้ช่วยคนหนึ่งที่ช่วยถืออุปกรณ์เข้ามาให้ เธอยิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งเข็มฉีดยามาให้
‘‘ขอบคุณ ออกไปได้แล้ว’’
‘‘คุณหมอไหวหรอคะ?’’
‘‘พวกเขาหลับอยู่ ฉันไม่เป็นไรหรอก’’
‘‘แต่....’’
‘‘อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ’’
‘‘ค่ะๆ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ’’ เธอโค้งตัวให้ฉันเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป ถ้าฉันมั่นใจว่าฉันรับมือได้ ก็ไม่มีใครต้องมาเป็นห่วงฉันหรอก แล้วอีกอย่าง งานที่ฉันกำลังจะทำน่ะ มันต้องใช่สมาธิ ถ้ามีเธอคนนั้นอยู่ด้วยฉันคงจะทำงานไม่ได้ ฉันชอบทำงานคนเดียวมากกว่า...
ฉันเดินข้ามร่างสูงๆมากมายที่นอนกราดเกลื่อนอยู่ตามพื้นห้อง เพื่อตรงไปด้านในสุดของห้อง เอาล่ะ ฉันจะเริ่มจากคนนี้ก่อนแล้วกันน่ะ ปาร์ค ชานยอล...
ฉันค่อยเอื้อมมือไปสัมผัสข้อมือเขาอย่างแผ่วเบา เพื่อที่จะตรวจวัดชัพจร ก่อนที่จะฉีดยาบำรุงให้
พลั๊กกกก
‘‘อะ......’’ ฉันเม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด เมื่ออยู่ดีๆ ผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเขาไม่ได้สติอยู่กลับผลักฉันออกอย่างแรง จนตอนนี้ฉันล้มลงไปอยู่ที่พื้น..
‘‘เธอ........จะทำอะไร’’ ชานยอลจ้องฉันตาเขม่ง พร้อมกับสาวเท้ายาวๆ เข้ามาใกล้อย่างถือวิสาสะ
“...............’’ ฉันได้แต่มองหน้าเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะปริปากตอบแต่อย่างใด
เคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงง
ชานยอลปัดยาที่ฉันกำลังจะฉีดให้เขาออกอย่างแรง เสียงของมันทำให้ผู้ชายที่เหลือเริ่มได้สติขึ้นมาช้าๆ
‘‘หึหึ.....เธอจะทำอะไรสาวน้อย...’’ ชานยอลเอามือมาเกลี่ยที่หน้าฉันเบาๆ แล้วลูบไล้ไปมา ให้ตายสิ โรคจิตแล้วยังไร้มารยาท
‘‘..........’’
‘‘ฉันถามว่าเธอมาทำเหี้ยอะไร!!!’’ ฉันสะดุ้งตัวโยนกับการตะคอกเสียงดังของชานยอล
‘‘............’’ เมื่อเห็นฉันไม่ตอบ ชานยอลจึงใช้มือใหญ่ๆ ของเบาบีบคางฉันแรงๆ จนมันรู้สึกปวดหนึบไปหมด ฉันจ้องหนาเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะแพลงฤทธิ์ได้น่ากลัวขนาดนี้
‘‘หึ ไม่ตอบ....’’ พูดจบชานยอลก็ผลักฉันแรงๆ จนหลังเข้าไปกระแทกกับกำแพงด้านหลังอย่างจัง รู้สึกเหมือนกระดูกจะพังลงยังไงยังงั้น ชานยอลใช้มือข้างหนึ่งบีบข้อมือฉันแรงๆ พร้อมกับยันมันไว้ติดกับผนังห้อง ส่วนมืออีกข้างค่อยๆ ล้วงเข้าไปในตะเข็บกางเกงที่สวมอยู่ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก...
ชานยอลค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ที่ละน้อยจนในที่สุดจมูกเราก็ติดกัน ลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดที่ใบหน้าเป็นผลให้ต้องกลั้นหายใจด้วยความประหม่า แต่ก่อนที่ฉันจะขาดใจตายเสียก่อน ก็รู้สึกถึงโลหะเย็นๆที่สัมผัสอยู่บริเวณคอหอย ฉันเลื่อนสายตาลงต่ำ เพื่อที่จะได้มองเห็นมัน ฉันผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นของสีเงินปลายแหลมจี้อยู่
บัดซบ....เขาเอามีดมาจี้คอฉัน!!!
‘‘เธอคิดจะทำอะไร....’’ ชานยอลส่งเสียงกระซิบรอดไรฟันที่ข้างหู ก่อนจะค่อยบรรจงฝังปลายแหลมของมีดนั้นลงบนผิวฉันเบาๆ แต่มันกลับทำใหฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
‘‘......ถอยออกไปก่อน’’ ฉันพยายามทำใจดีสู้เสือ ตอบเขาไป ในใจอยากจะวีนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าฉันวีนออกไปมีหวังมีดที่จ่ออยู่ตรงคอได้ฝังลึกลงไปกว่านี้แน่
‘‘บอกมาก่อนซิ......’’ และก็เป็นอีกครั้งที่ชานยอลกระซิบกระซาบ ลมร้อนๆ เป่ารดเบาๆ เป็นผลขนอ่อนในร่างกายลุกซู่
‘‘......คือ....’’
‘‘พอรู้ว่าต้องกลับมาที่นี่ ฉันก็ลับมีดใหม่เลยนะ ไม่รู้ว่าคมแค่ไหน...อยากลองเหมือนกัน’’ ชานยอลเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มฉันเบาๆ พร้อมกับกระซิบรอดไรฟัน ให้ตายสิ ลับมีดรอขนาดนี้ กะจะมาจ้วงไส้ฉันหรือไง....
‘‘ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!!!’’ ฉันตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดังด้วยความรู้สึกเหลืออด จะว่ากลัวก็กลัว แต่ถ้าจะให้อยู่แบบนี้คงไม่ไหว
‘‘ชู่ววว อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวก็ตื่นกันหมดหรอก’’ ถึงน้ำเสียงจะดูเรียบๆ แต่เขากลับเพิ่มแรงกดบนปลายมีดที่จ่ออยู่นั่น Shit!! เจ็บชิบหาย
‘‘ทำอะไรน่ะ...’’ แต่ก่อนที่เขาจะฝั่งปลายมีดลงไปลึกกว่านี้ ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น เป็นผลให้ชานยอลละสายตาไปมองคนๆ นั้น รวมทั้งฉันที่จำเป็นต้องหันไปมองเขาด้วย
‘‘ปล่อยเธอซะ’’ คนๆ นั้นค่อยย่างกรายเข้ามาช้าๆ ปากพร่ำบอกให้ชานยอลปล่อยฉันไป แต่ชานยอลกลับนิ่งเฉย จนในที่สุด เขาก็เดินเข้ามาถึงเราสองคน เขาใช้มือเรียวๆ ดึงมีดที่อยู่ในมือชานยอลออกเบาๆ พร้อมกับดึงตัวชานยอลให้ออกห่างจากฉันไป
‘‘.....ทำไม’’ ชานยอลมองหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยความแปลกใจ
‘‘เธอไม่ได้คิดจะทำร้ายเราซะหน่อย’’ เขาพูดยิ้มๆ พร้อมกับส่งสายตาอบอุ่นมาให้ ผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็เหมือนคนปกติ เขาค่อยย่างก้าวเข้ามาหาฉันอีกครั้ง พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า ‘‘สวัสดี ฉันคิม จงแด’’ เสียงนุ่มๆ พร้อมกับรอยยิ้มถูกส่งมาให้ฉัน ฉันลังเลใจว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสมือเขาดีมั้ย พอหันไปสบตากัน สายตาอบอุ่นที่ส่งมาให้ รอยยิ้มบางๆนั้น ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่มีพิษภัยมากนัก จึงตัดสินใจเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ เป็นการทักทาย
‘‘สะ....สวัสดี ฉันชเว ยูอี’’ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วรีบชักมือกลับมา แต่มันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อจงแดจงใจบีบมือฉันแรงๆ มันรู้สึกเจ็บมาก เจ็บจนกลายเป็นชา ฉันเลื่อนสายตาไปมองเขา แต่ใบหน้าหล่อนั่นกลับส่งยิ้มหวานมาให้ มันหวานเกินไป จนไม่เหมาะกับแรงบีบที่เขาส่งมาให้ฉันตอนนี้... ฉันพยายามจะสะบัดมือออก แต่มันก็ไม่เป็นผล
‘‘โอ้ยยยย..’’ จนฉันต้องร้องออกมาเสียงดัง เพราะเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ต่อไปไม่ได้ เขาบีบมันแรงจนรู้สึกเหมือนข้อมือฉันแหลกละลายคามือเขาไปแล้ว
‘‘อะ....โทษทีครับ’’ จงแดรีบปล่อยมืออกไป ‘‘มือนุ่มดีนะครับ...’’ และเป็นอีกครั้งที่เขาส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษมาให้ ฉันได้แต่ยิ้มตอบเข้าไปด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ยังรู้สึกปวดหนึบๆ ที่ข้อมืออยู่
‘‘ว่าแต่จะบอกได้หรือยังว่าเธอมาทำอะไรที่นี่’’ ชานยอลที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น สีหน้าเขาดูไม่พอใจเท่าใดนัก
‘‘ฉะ...ฉันจะมาฉีดยาบำรุงให้พวกนาย....’’ ฉันตอบพร้อมกับเบ้ปากไปทางรถเข็นที่บรรทุกอุปกรณ์ และเครื่องต่างๆ อยู่เต็มไปหมด
‘‘ยาบำรุง..? จะฉีดทำไม ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย’’ ชานยอลขมวดคิ้มด้วยความสงสัย
‘‘พวกนาย..จะได้มีแรงไง’’
‘‘แค่นี้ก็แรงเยอะอยู่แล้ว...’’ ชานยอลพูดพร้อมกับหักนิ้วมือไปพลางๆ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าการกระทำแบบนั้นมันชักจะบั่นทอนความมั่นใจของฉันลงไปมาก...
‘‘จะทำอะไรก็รีบทำนะ ฉันจะนั่งสวดมนต์รอ’’ จงแดพูดเสร็จก็ถอยทัพกลับไปยังที่ๆ เขาออกมา
‘‘ดะ..เดี๋ยว’’ ฉันรั้งจงแดไว้ จงแดหันมาเลิกคิ้วให้เล็กน้อย ‘‘ฉันควรจะปลุกพวกเขามั้ย’’ ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไง พวกเขาน่ะ มันเกินความคาดหมายไปเสียทุกอย่าง
‘‘ไม่รู้สิ....เธอเป็นหมอไม่ใช่หรอ คิดเองแล้วกัน’’ ความรู้สึกเหมือนโดนตอกหน้ายังไงยังงั้น เหมือนเขากำลังกราดด่าฉัน
‘‘อื้มม’’ ฉันครางตอบรับเบาๆ ในใจอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าให้ล้มตึ้งไปข้างหนึ่ง แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ...
หลังจากที่นั่งคิดซักพักฉันก็ตัดสินใจได้ว่าควรจะปลุกพวกเขาทั้งหมดเสียก่อน แต่จะปลุกยังไงดีล่ะ? ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่พอจะช่วยใช้ในการปลุกคนพวกนี้สักเท่าไหร่ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะเดินไปปลุกทีละคนดีกว่า แต่จะเริ่มจากคนที่ตื่นแล้วก่อนก็แล้วกันนะ
ฉันเดินถือถาดที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆ ไปหาจงแดเป็นคนแรก ก่อนที่จะวางมันลงข้างๆ เขา จงแดมองหน้าฉันพร้อมกับรอยยิ้มอาบยาพิษ ฉันไม่หลงเชื่อรอยยิ้มแบบนี้แล้วล่ะ... พวกเขาไว้ใจไม่ได้จริงๆ
‘‘มันเจ็บมั้ย?’’
‘‘แค่มดกัด..’’ ฉันหันไปเตรียมยาพร้อมกับตอบคำถามเขาไปพลางๆ หึ มดกัดบ้าบออะไรล่ะ... มันเจ็บมากกว่านั้น
‘‘หึ หลอกเด็ก เด็กยังไม่เชื่อเลยนะครับ’’ เสียงหัวเราะในลำคอนั่นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขา แต่ก็แค่แป๊บเดียวก็กลับมาเตรียมยาต่อ
‘‘ทำอย่างกับไม่เคยฉีดยางั้นแหละ’’
‘‘ส่วนใหญ่ก็มีแต่หมอผู้ชายฉีดให้ ไม่มีหมอผู้หญิงนี่’’
‘‘เลอะเทอะ’’ ฉันพูดออกไปแบบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะค่อยเอามือเอื้อมไปจับแขนเขาแผ่วเบา ก่อนจะฝั่งมันลงบนต้นแขน
‘‘เสร็จแล้ว...’’ ฉันพูดพร้อมกับเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ไปวางทับไว้บนรอยเข็มนั้น
‘‘ไม่เจ็บจริงด้วย...’’ จงแดเลิกยักคิ้วให้ฉันก่อนจะหันไปสนใจกับหนังสือที่เขาอ่านค้างไว้ก่อนที่ฉันจะมา
ฉันค่อยๆ เดินถืออุปกรณ์ไปที่คนถัดไป จริงๆ แล้วฉันก็อยากจะให้ยากับคนที่ตื่นแล้วก่อนน่ะนะ แต่กับชานยอล ขอเป็นตัวเลือกสุดท้ายได้มั้ย ถ้าเกิดเขานึกบ้าเอามีดจี้ฉันอีกจะทำยังไงล่ะ... อ่า ผู้ชายคนนี้..คยองซูสินะ ฉันค่อยๆ เอามือไปสะกิดเขาอย่างแผ่วเบา เพื่อเรียกสติให้ตื่น เพียงไม่นานเปลือกตาหนาๆ ของเขาก็เปิดขึ้น สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยถูกส่งมาที่ฉันอีกระลอก
‘‘ฉันเป็นหมอ...จะมาฉีดยาให้’’
‘‘อ่อ ครับ’’ รอยยิ้มเล็ก ถูกยกขึ้นที่มุมปากของเขา มันดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ แต่รอยยิ้มแบบนี้น่ะ ฉันจะเชื่อใจได้หรือเปล่า และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องเตรียมอุปกรณ์โดยไม่ได้สนใจเขาเท่าใดนัก
‘‘คุณหมอสวยจังนะครับ ผมชอบ..’’ เขายิ้มกริ่มพร้อมกับเอานิ้วจิ้มลงที่แก้มฉันทีนึง
‘‘อื้มมม’’
‘‘ทำไมไม่เงยหน้ามองผมล่ะ’’
‘‘.......ฉันกำลังมองนายอยู่นี่ไง’’ ฉันตอบเสียงห้วนๆ ก่อนจะฉีดยาให้เขา
‘‘นี่ๆ ผมอยากได้อุปกรณ์ทำอาหารจัง คุณหมอช่วยหาให้หน่อยมั้ยครับ’’
‘‘อย่าดีกว่า ’’
‘‘ถ้าผมหิวจะทำยังไงละครับ’’ สายตาที่เคยสดใสหลุบต่ำลงทันทีหลังจากที่ได้ยินคำปฏิเสธ
‘‘เดี๋ยวฉันให้คนเอาอาหารเข้ามาให้เอง ไม่จำเป็นต้องทำ’’
‘‘แต่ผมชอบทำอาหารนี่ครับ...’’
‘‘แต่...’’
‘‘นะครับ... คยองซูค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉันทีละน้อย จนตอนนี้เขาเอาหน้ามาถูไถแขนฉันแล้วล่ะ ผู้ชายพวกนี้มันอะไรกัน
‘‘ไม่’’
‘‘คุณหมออย่าใจร้ายสิครับ นะๆๆๆ’’ คยองซูเขย่าแขนฉันไปมา พร้อมๆ กับเอาหน้ามาซุกไว้อีกครั้ง
‘‘โอเคๆ เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว’’ ด้วยความรำคาญ ฉันจึงตอบตกลงไป แต่คิดว่าฉันจะยอมเอามาให้จริงๆ น่ะหรอ คิดผิดนะ..
‘‘คุณหมอน่ารักที่สุด’’ คยองซูยิ้มดีใจจนริมฝีปากนั้นกลายเป็นรูปหัวใจ ในสายตาฉันมันก็น่ารักนะ แต่จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันมีทิฐิละมั้งเลยพยายามคิดว่ามันดูเฉยๆ
‘‘ขออะไรซักอย่างได้มั้ยครับ’’
‘‘นายขอไปแล้ว’’
‘‘นะครับ’’
‘‘อืมๆ ก็ได้ ว่ามาสิ’’ รอยยิ้มที่ฉันเคยคิดว่ามันน่ารักกลับฉายแววความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด อื้ม ฉันคงคิดผิดสินะที่ยอมหมอนี่
‘‘ก็.............’’ พูดเพียงเท่านั้น คยองซูก่อนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆที่ริมฝีปาก นั่นมันทำให้ฉันชะงัก
....จูบ.... เขาจูบฉัน...
‘‘หวานจัง’’ เพียงไม่นาน คยองซูก็ผะออกไป แต่ฉันกลับยังนิ่งอยู่ด้วยความตกใจ ฉันไม่ได้รังเกียจสัมผัสที่เขามอบให้หรอกนะ แค่ตกใจก็เท่านั้น ถึงมันจะไม่ได้ล้ำลึกอะไร แต่มันกลับทำให้หน้าฉันร้อนผ่าว
‘‘...........’’
‘‘คุณหมอครับ เฮ้ คุณหมอ เป็นอะไรหรือเปล่า’’ มือเล็กๆ ที่โบกไปมาข้างหน้าทำให้สติที่หลุดลอยไปกลับมาอีกครั้ง
‘‘ปะ...เปล่า’’
‘‘อ่า...ขอบคุณนะครับ’’ เขายิ้มพร้อมกับบิดตัวไปมาเล็กน้อย มันควรเป็นฉันหรือเปล่าที่แสดงอาการแบบนั้นน่ะ
ฉันพยักหน้าให้คยองซูเบาๆ ก่อนที่จะตัดสินใจไปที่คนอื่นต่อ นี่ขนาดแค่เริ่มฉันยังโดนขนาดนี้ แล้วต่อไปมันจะหนักขนาดไหน แค่คิดก็เพลียแล้ว
‘‘หมอจะฉีดยานะคะ’’´ฉันออกแรงสะกิดแขนบุคคลตรงหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการเรียกสติ คนที่มีผิวขาวออร่าเปล่งปลั่งขนาดนี้ฉันจำได้ตั้งแต่ดูแฟ้มประวัติแล้วล่ะ.. คิม จุนมยอน...
‘‘อืออออ’’ จุนมยอนครางตอบรับในลำคอเล็กน้อยก่อนนะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง
‘‘..........’’
‘‘คุณหมอหรอครับ’’
‘‘ค่ะ’’ ฉันตอบออกไปแบบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะบรรจงจรดปลายเข็มเข้าไป จุนมยอนเกร็งเล็กน้อยแต่ก็ผ่อนคลายในที่สุด
‘‘ที่นี่มีหมอผู้หญิงด้วยหรอเนี่ย ที่รัสเซียไม่เห็นมีเลย’’ พูดพร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้
‘‘อื้ม’’
‘‘คุณหมอมองหน้าผมหน่อยสิครับ’’
‘‘ฉันกำลังทำงานอยู่ เอาหน้าออกไปไกลๆ หน่อย’’ ฉันกดเสียงต่ำด้วยความไม่พอใจ
‘‘ผมรู้ว่าคุณหมอต้องการความช่วยเหลือจากผม ใช่มั้ยล่ะ’’
‘‘........’’ คำพูดของคนผิวขาวทำให้ฉันต้องละสายตามามองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ หึ เอาอะไรมาวัดว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากเขาหรอ...?
‘‘ผมรู้นะว่าคุณหมออยากออกไปจากห้องนี้เร็วๆ แล้วทำไมคุณหมอไม่ปลุกทุกคนให้ตื่นก่อนละครับ’’ แหม รู้ดีไปซะทุกเรื่อง
‘‘ถ้าทำได้ฉันคงไม่มาเดินปลุกทีละคนหรอก’’ ฉันบอกปัดด้วยความรำคาญ พร้อมกับเก็บอุปกรณ์ไปพลางๆ
‘‘แต่ผมทำได้นะ...ให้ผมช่วยมั้ยละ แต่หมอต้องทำตามขอแลกเปลี่ยนของผม’’ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา แต่บอกไปแล้วไงว่ามันเชื่อใจไม่ได้
‘‘อะไร’’
‘‘จุ๊ๆ ความลับครับ...ตกลงมั้ยล่ะ ผมจะปลุกทุกคนให้ คุณหมอจะได้ทำงานเสร็จเร็วๆ แต่ถ้าไม่ตกลงคุณหมอก็แค่ต้องเดินไปปลุกพวกเขาทีละคน ซึ่งมันก็เสียเวลา และที่สำคัญ พวกเขาอาจจะทำร้ายคุณหมอก็ได้นะ’’ จุนมยอนเอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากฉันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ไล้ไปตามโครงหน้า สาบานว่านี่ไม่ได้กดดัน? ให้ตายเถอะ บอกฉันทีว่าพวกเขาจิตไม่ปกติจริงๆ ดูยังไงก็เจ้าเล่ห์
‘‘ฉะ...ฉัน’’ ทำไมต้องสั่นด้วย ฉันไม่ได้กลัวนะ แค่ประหม่า
‘‘ว่าไงครับ หื้ม’’ และก็เป็นอีกครั้งที่จุนมยอนส่งยิ้มหวานๆ มาให้ สถานการณ์แบบนี้ ไม่ชอบเลยจริงๆ
‘‘อะ..อื้ม เอางั้นก็ได้’’ ในที่สุดฉันก็ตอบตกลงไปแบบไม่มีทางเลือก เข้าใจใช่มั้ยว่าฉันต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หวังว่าข้อแลกเปลี่ยนที่จุนมยอนเสนอมาจะไม่ได้ยากเกินความสามารถฉันหรอกนะ
เคร้งงงงงงงงงงงงงงงง
‘‘ว้ายยยย’’ ส่งเสียงร้อง พร้อมกับถอยกรูด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ จุนมยอนก็ปัดถาดที่มีเข็มฉีดยาที่ฉันเพิ่งฉีดให้เขาตกลงไปอยู่ที่พื้นอย่างแรงจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ร่างสูงๆ ของคนที่เหลือต่างค่อยๆ ขยับทีละน้อยและยันตัวขึ้นเพื่อลุกนั่งในที่สุด
‘‘คุณหมอจะฉีดยาให้... ให้ความร่วมมือด้วยนะทุกคน อย่าดื้อล่ะ’’ จุนมยอนพูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม คนที่เหลือต่างพากันพยักหน้าเข้าใจ ถึงแม้อาการงัวเงียจากการถูกปลุกจะยังปรากฏอยู่ ...แปลกจัง ทำไมพวกเขาถึงเชื่อฟังจุนมยอนกันนักล่ะ..?
ฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ จะว่าฉันคิดถูกก็ได้ที่ให้จุนมยอนช่วยปลุกคนพวกนี้ให้ เพราะว่าหลังจากที่พวกเขาตื่น ฉันก็ทำหน้าที่ได้อย่างสะดวก โดยไม่มีการขัดขืนจากพวกเขาแต่อย่างใด อาจจะมีแต่สายตาสงสัยที่ถูกส่งมาเป็นระลอกๆ และจะมีก็แต่บางคนที่สร้างบาดแผลเล็กให้ฉัน อย่างเช่นผู้ชายที่ชื่ออี้ฟาน... แค่ฉันเผลอไปโดนตัวตุ๊กตาที่เขากอดอยู่ก็แค่นั้น แต่เขากลับสะบัดตัวฉันออกอย่างแรง ดีที่ใช้มือพยุงตัวไว้ทัน ไม่งั้นสะโพกฉันคงจะช้ำไปมากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่ เพราะถึงแม้สะโพกจะไม่ช้ำ แต่ฉันกลับได้บาดแผลเล็กๆที่ฝามือกลับมา
ฉันให้ยากับคนที่เหลือไปเรื่อยๆ จนเกือบจะครบทุกคน จะมีก็แต่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ฉันยังไม่ให้ เพราะเขานอนหลับอยู่ คิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างแผ่วเบา หวังว่าการกระทำของฉันจะไม่ทำให้เขาตื่นนะ เพราะฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะจะไม่ปลุกคนๆ นี้ ความจริงฉันสังเกตเห็นตั้งแต่จุนมยอนทำเสียงดังเพื่อปลุกทุกคนแล้วว่าถึงคนอื่นจะตื่นขึ้นจากนิทราด้วยความงัวเงีย แต่ก็มีเพียงผู้ชายคนนี้ที่ยังหลับตาพริ่มอยู่อย่างไม่สนใจโลกภายนอก
เคร้งงงงงงงงงงงงงงง อั๊กกกกกกกกกก
แต่มือฉันก็ไม่ได้เบาอย่างที่คิด เมื่ออยู่ดีๆ ร่างหนาของคนผิวเข้มกลับพลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสะบัดมืออย่างแรง จนร่างเล็ก ของฉันกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ไม่ไกลมากนัก พร้อมๆ กับร่างหนาของเขาที่ถลาเข้ามาหาด้วยความรวดเร็ว มือเกร็งที่ล็อคตัวฉันไว้ติดกับกำแพงเพิ่มแรงกดทับลงไปจนแทบหายใจไม่ออก
‘‘.............’’ ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจาปากของเขาทั้งนั้น มีแต่เพียงนัยน์ตาที่เข้มที่สบเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อนของฉัน แต่นัยน์ตาคู่นี่กลับสร้างความประหม่าให้ฉันอย่างไม่น่าเชื่อ จ้องกูขนาดนี่กลืนกินกูเลยเถอะ!!!
‘‘จะ....จงอิน...ปล่อย’’ ด้วยความเจ็บที่โลดแล่นเข้ามาทำให้ฉันเผลอร้องขอออกไปอย่างหน้าไม่อาย สายตาคมกริบจ้องฉันสักพัก ก่อนจะพึมพำคำบางคำที่ฟังไม่ถนัด..
‘‘ไก่......หิว...’’
‘‘ห๊ะ?’’ ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่คนผิวเข้มพูดไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
‘‘ไก่.....ไก่......หิว....’’
‘‘อะ....จงอิน ฉัน...เป็นหมอ ไม่ใช่ไก่ ตั้งสติสิจงอิน’’ ฉันสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินคำที่เขาพึมพำอย่างชัดเจน
‘‘กิน.....’’ พูดจบ จงอินก็ซุกหน้าลงบนต้นคออย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้ฟันแหลมคมขบเม้มอย่างแรงที่ซอกคอ มันคงเลือดออกไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ไอ้เหี้ยยย ถึงก่อนหน้านี้จะบอกให้มึงกินกูก็ไม่ได้หมายความว่าให้กินจริงๆซะหน่อย!!
‘‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด จงอิน อย่า ...ตั้งสติสิโว้ยยยย’’ จงอินใช้มือหนากระชากเสื้อที่ฉันสวมอยู่จนมันหลุดลุ่ยไปหมด มือเขาลูบไล้ไปตามสีข้างอย่างเย้ายวน แต่มันใช่เวลามาทำอะไรแบบนี้หรือไง ห๊ะ!!!
‘‘...........’’ ความเงียบคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เมื่อจงอินไม่คิดจะหยุดเลย แต่เขากลับใช้ฟันขบเม้มไปตามผิวของฉันอย่างหิวกระหาย
‘‘อึกกก.....จุนมยอนนนน ชะ..ช่วยที จุนมยอนนน’’ ในระหว่างนั้นฉันก็บังเอิญสบตาเข้ากับจุนมยอน ฉันเลยทำได้แค่ร้องขอให้เขาช่วย แต่เปล่าเลย จุนมยอนทำเพียงส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้ จากนั้นเขาก็ละสายตาไปอย่างไม่ใยดี ส่วนพวกที่เหลือก็เอาแต่นั่งเหม่อ ไม่มีใครคิดจะเหลียวแลฉันเลยซักคน เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ถ้ารอดไปได้แม่งจะฉีดยาพิษให้ตายทั้งคอก!!
‘‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พอ พอแล้ววว ว้ายยย’’ ภัยคุกคามที่ไม่สิ้นสุดอย่างที่จงอินกำลังทำ มันทำให้ฉันสติแตกได้อย่างง่ายดาย ฉันทำได้เพียงแค่กรีดร้องออกไปเท่านั้น
พลั๊กกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่เหมือนเสียงกรีดร้องมันจะไม่สูญเปล่า เมื่ออยู่ดีๆ ร่างหนาของจงอินก็ถูกกระชากออกไปนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยแรงที่มากพอสมควร เมื่อหลุดจากการพันธนาการของคนผิวเข้มแล้วฉันก็รีบคว้าเศษผ้ามาปกปิดร่างกายส่วนบนทันที ใช่ตอนนี้เสื้อที่ฉันเคยใส่มันกลายเป็นเศษผ้าไปแล้ว แต่ถึงยังไงฉันก็จำเป็นต้องเอามันมาปกปิดร่างกายอยู่ดี ถึงมันจะไม่ได้โป๊อะไรมากมายแล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องยืนโชว์สัดส่วนต่อหน้าผู้ชายนับสิบแบบนี้ล่ะ? ถึงพวกเขาจะไม่ปกติก็เถอะ แต่มันกลับน่ากลัวกว่าคนปกติเสียอีก
‘‘ตั้งสติสิจงอิน...เธอไม่ใช่ไก่ เธอเป็นหมอ เข้าใจมั้ยว่าหมอ’’ คนมาใหม่ตะคอกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ร่างหนาของจงอินค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ
‘‘หมอ....หมอหรอ’’
‘‘เออ หมอ นี่มึงดูสิ หมอเห็นมั้ยว่าเป็นหมอ ไม่ใช่ไก่’’ มันจะดีมาก หากเขาจะแค่พูดเฉยๆ ไม่ได้กระชากหัวฉันให้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จงอินแบบนี้ ย้ำนะว่า กระชาก เคยดูฉากตบกันมั้ย? นั่นแหละ กระชากหัวแบบนั้นแหละ
‘‘หมอ....หมอหรอ’’ และก็เป็นอีกครั้งที่จงอินพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ความรู้สึกฉันตอนนี้มันเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เมื่อรู้สึกว่าเส้นผมทั้งหมดกำลังจะหลุดออกจากหัวไป เพราะแรงกระชากของเขา คนที่มาช่วยฉันออกจากจงอิน...
‘‘เจ็บ...อี้ชิง ปล่อยย ฉันเจ็บ’’
‘‘อะ....โทษที ลืมตัวไปหน่อย’’ อี้ชิงรีบผละมือออกจากหัวอยากรวดเร็ว พร้อมๆ กับเอามือขึ้นป้องปากอย่างดัดจริต
‘‘อื้ม ไม่เป็นไร’’ ซะเมื่อไหร่ล่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย นี่ขนาดแค่มาฉีดยาบำรุงให้ฉันยังระบมไปทั้งตัวขนาดนี้ แล้วต่อไปฉันคงไม่กลายเป็นศพให้พวกเขาสับเล่นหรอกหรอ
‘‘จงอิน คุณหมอจะฉีดยาให้นะ’’´ อี้ชิงยิ้มให้บางๆ ก่อนจะหันไปบอกกับจงอิน
‘‘ฉีดยา....หมอ ฉีดยา.....’’ จงอินพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นอย่างช้าๆ เพียงไม่นาน เขาก็หลับไป สังเกตได้จากแผ่งอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ให้ตาย หลับง่ายขนาดนี้เลยหรือไง...
‘‘เขาอนุญาตแล้ว’’ อี้ชิงหันมาส่งยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินออกไป ทิ้งฉันไว้ให้จัดการกับจงอินที่นอนหลับพริ้มอยู่
ฉันจัดการให้ยากับจงอินด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรีบเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อจะได้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะก้าวเท้าออกไปจากห้อง จุนมยอนก็ร้องเรียกเสียก่อน
‘‘คุณหมอครับ...’’
‘‘อะไร’’ ตอบออกไปเสียงห้วนๆ เพราะไม่พอใจเท่าใดนัก ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาไม่คิดจะช่วยฉันออกจากจงอินเลย
‘‘อย่าลืมที่เราตกลงกันไว้นะ..’’
‘‘นายต้องการอะไร บอกมาสิ’’
‘‘ติดไว้ก่อน แล้วผมจะทวงทีหลัง’’ รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้ มันอาจจะทำให้ใจเต้นแรงได้ ถ้าสถานการณ์มันไม่ใช่แบบนี้ และถ้าเขาปกติกกว่านี่น่ะนะ
‘‘อื้ม’’ ฉันรีบหันหลังให้จุนมยอนทันที รู้สึกเอียนกับสถานที่นี้เสียแล้ว
‘‘เดี๋ยวครับคุณหมอ’’ และก็เป็นอีกครั้งที่มีคนรั้งฉันไว้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่จุนมยอน แต่เป็นคยองซู
‘‘หื้ม’’
‘‘อย่าลืมอุปกรณ์ทำอาหารที่คุณหมอรับปากไว้นะครับ’’
‘‘........’’
‘‘อย่าคิดจะเบี้ยวผมล่ะ มันไม่ดีหรอกนะครับ’’ คยองซูส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังที่ๆ เขาอยู่ก่อนที่จะมาหาฉัน
ให้ตายเถอะ.... ฉันจะบ้าตายกับพวกเขาอยู่แล้วนะ
___________________________________________________________
มาเเล้วววววววววว ไรต์ก็สงสัยว่าทำไมมันไม่โรคจิต? ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ปาร์คเปิดฉากได้น่ารักมาก จงอินของเรา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมเป็นแบบนี้นะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ฝากด้วยน๊าาา
รักรีดเดอร์ รักนางเอกนะคะ
ความคิดเห็น