คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : #4 โรงเตี๊ยม แล้วก็อาหารมื้อแรก
เดิน มาซักพักก็เห็นป้ายของโรงเตี๊ยม’จันทราสีเงิน’ เป็นรูปจันทร์เสี้ยว เข้าใจง่ายดี เท่าที่มองก็เป็นอาคารสามชั้น สร้างด้วยไม้และอิฐ ดูก็แข็งแรงดี
พอ ลอดประตูบานคู่เข้าไป ชั้นหนึ่งนั้นก็เป็นร้านเหล้าที่น่าจะเรียกว่าโรงอาหารมากกว่ากับเคาน์เตอร์ ที่อยู่ขวามือ ทางซ้ายมือมองเห็นบันไดอยู่
“ยินดีต้อนรับค่า ทานอาหารหรือคะ หรือว่าจะค้างคืน?”
พี่สาวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็ส่งเสียงมา ผมแดงไว้ทรงโพนี่เทลดูเข้ากันดี เป็นคนที่ดูมีชีวิตชีวา อายุก็ราวๆยี่สิบปีได้มั้ง
“อ่า ก็อยากจะพักล่ะนะครับ ว่าแต่คืนละเท่าไหร่เหรอครับ?”
“ของเราคืนนึง พร้อมอาหารเช้ากลางวันเย็นก็เหรียญทองแดงสองเหรียญจ้ะ อ๊ะ จ่ายก่อนนะ”
สอง เหรียญทองแดง...แพงรึถูกก็บอกไม่ได้แฮะ เอาเถอะ คิดว่าน่าจะถูกกว่าเหรียญทองแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหรียญทองแดงกี่เหรียญถึงเท่าเหรียญทองล่ะนะ
ยังไงก็เอาเหรียญทองจากกระเป๋ามาวางบนเคาน์เตอร์ก่อนเหรียญนึง
“เท่านี้พักได้กี่คืนเหรอครับ?”
“กี่คืนเหรอ...ก็50คืนไม่ใช่เหรอ?”
“50!?”
สาย ตาของพี่สาวที่ว่า คิดเลขไม่เป็นเหรอ? ช่างแสนเจ็บปวด เอ่อ เหรียญทองหนึ่งเหรียญ=เหรียญทองแดงร้อยเหรียญสินะ มีเหรียญทองสิบเหรียญก็ได้500วัน ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ไปได้ปีครึ่งเลยเหรอเนี่ย รึว่าจะรวยแล้ว
“แล้ว ตกลงจะเอาไงเหรอ?”
“เอ่อ งั้นก็เดือนนึงละกันครับ”
“ได้ เลยค่า เดือนนึงนะ พักนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าน่ะช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ เดี๋ยวนะ พอดีเหรียญเงินหมดน่ะเดี๋ยวทอนเป็นเหรียญทองแดงนะ”
พอ รับเหรียญทองไป พี่สาวก็ทอนมาให้40เหรียญทองแดง ที่เก็บไป60เหรียญทองแดง เข้าใจล่ะ ทางนี้เองเดือนนึงก็มี30วันเหมือนกันสินะ ไม่ค่อยต่างกันเลยเนอะ
พี่สาวก็เอาสมุดบันทึกชื่อผู้เข้าพักออกมาจากเคาน์เตอร์ด้านในสุด เปิดออกที่ข้างหน้าผม แล้วก็ยื่นปากกาขนนกจุ่มหมึกมาให้
“งั้นก็ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้ให้ด้วยนะคะ”
“อ่า...ขอโทษด้วยครับ ผมเขียนหนังสือไม่เป็นน่ะ ช่วยเขียนแทนได้มั้ยครับ?”
“งั้นเหรอ? เข้าใจล่ะ แล้ว ชื่อว่า?”
“โมจิสึกิครับ โมจิสึกิโทวยะ”
“โมจิสึกิ? ชื่อแปลกดีเนอะ”
“เปล่าครับ ชื่อคือโทวยะครับ โมจิสึกิเป็นนามสกุล...ชื่อตระกูลน่ะครับ”
“อ้อ ชื่อกับนามสกุลกลับกันสินะ เกิดที่อีเชนเหรอ?”
“อ่า...ก็ ประมาณนั้นแหละครับ”
อีเชนนี่อยู่ไหนก็ไม่รู้หรอก แต่ดูยุ่งยากก็เอาเป็นแบบนั้นไปละกัน ไว้ทีหลังค่อยเช็คในแม็พดีกว่า
“เอ้า นี่กุญแจห้องจ้ะ อย่าทำหายนะ อยู่ที่ชั้นสามห้องในสุด เป็นห้องที่แดดดีสุดเลยนะ ห้องน้ำกับห้องอาบนั้นอยู่ชั้นหนึ่ง อาหารมาทานที่นี่นะ อ๊ะ ว่าไงล่ะ จะกินข้าวเที่ยงเลยมั้ย?”
“อ๊ะ ก็ดีเลยครับ ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย…”
“งั้นเดี๋ยวทำอะไรง่ายๆให้รอก่อนนะ ตอนนี้ไปดูห้องแล้วก็พักก่อนก็ได้”
“เข้าใจแล้วครับ”
รับ กุญแจมาแล้วก็ขึ้นบันไดไป เปิดประตูของห้องในสุดชั้นสาม ในห้องประมาณหกเสื่อมีเตียงกับโต๊ะ เก้าอี้กับตู้เสื้อผ้าตั้งไว้ พอเปิดหน้าต่างตรงหน้าออก ก็เห็นถนนที่ผ่านหน้าโรงเตี๊ยม วิวดีพอตัวเลย พวกเด็กๆกำลังวิ่งไปบนถนนอย่างร่าเริง
หลังจากล็อคห้องลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดีก็ได้กลิ่นหอมๆโชยมา
“เอ้า ได้แล้วจ้ะ”
พอ นั่งเก้าอี้ที่โรงอาหาร ก็มีซักอย่างที่คล้ายแซนด์วิชกับซุป แล้วก็สลัดมาเสิร์ฟให้ ขนมปังออกจะแข็งไปหน่อย แต่สำหรับรสชาติแรกที่กินในโลกต่างมิติก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ อร่อยมาก ฟาดเกลี้ยงเลย เอาล่ะ ทำอะไรต่อดี
จากนี้คงอยู่ที่นี่ไปอีกซักพักด้วยสิ ไปดูเมืองซักหน่อยละกัน
“ไปเดินเล่นนะครับ”
“จ้า ไปดีมาดีนะ”
เดินออกไปในเมืองโดยมีพี่สาวโรงเตี๊ยม(เห็นว่าชื่อมิกะซัง)มองส่ง
จะ ยังไงก็เป็นเมืองของโลกต่างมิติ เห็นอะไรก็ดูแปลกตาไปหมด โดนดึงความสนใจไปเรื่อย สายตาก็วิ่งไปวิ่งมา พอมีคนที่เห็นว่าทำตัวน่าสงสัยส่งสายตาเย็นชามาก็ต้องปรับอารมณ์ที แต่เดี๋ยวก็มองนู่นมองนี่กลายเป็นคนน่าสงสัยไปอีก เป็นลูปนรกเลย ไม่ได้ๆ
พอ มองคนที่เดินไปมาในเมืองแล้วถึงเพิ่งรู้สึกตัว ว่ามีคนพกอาวุธเยอะอยู่ อย่างดาบรึขวาน ตั้งแต่มีดไปยันแส้และอื่นๆอีกมากมายหลายอย่าง ถึงจะดูอันตราย แต่นี่อาจจะเป็นสามัญสำนึกของโลกนี้ก็ได้ ผมเองซื้ออาวุธไว้มั่งก็น่าจะดีมั้ง
“อย่างแรกก็ต้องหาวิธีหาเงินก่อนล่ะนะ ถ้าจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ เงินก็จำเป็นด้วยสิ”
ไม่ นึกเลยว่าจะต้องมาหางานตั้งแต่อายุแค่นี้ ถ้ามีอะไรถนัดเป็นพิเศษก็คงจะดีอยู่หรอก… วิชาที่ถนัดสุดในโรงเรียนก็เป็นประวัติศาสตร์ด้วยสิ… รู้ประวัติศาสตร์ของโลกอื่นละเอียดนี่มันจะเอาไปทำอะไรได้ล่ะน่ะ
“หือ?”
อะไรหว่า เสียงเอะอะ ห่างจากถนนใหญ่ ไปทางตรอกข้างหลัง ได้ยินเสียงคนเถียงกันแว่วมาเป็นระยะๆ
“......ลองไปดูละกัน”
แล้วผมก็ก้าวเท้าเข้าไปสู่ตรอกด้านหลัง
ความคิดเห็น