ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [แปล] โลกต่างมิติน่ะต้องไปกับสมาร์ทโฟน

    ลำดับตอนที่ #3 : #3 เปลี่ยนชุด แล้วก็เหรียญทองสิบเหรียญ

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 57


    สามชั่วโมงหลังจากเจอกับซานัคซัง ก็เด้งไปเด้งมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองลีฟเล็ทจนได้

        พอ ทักทายกับทหารที่เหมือนจะเป็นยามเฝ้าประตูก็โดนถามอะไรนิดหน่อย แล้วก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ดูจากทีท่าของพวกทหารแล้วซานัคซังคงเป็นคนมีชื่อเสียงพอตัว

        รถ ม้าก็วิ่งกุบกับไปในเมือง พอผ่านพื้นหินแบบโบราณที ตัวรถทรงกล่องก็เขย่านิดๆที ในที่สุดรถม้าก็มาหยุดที่หน้าร้านแห่งหนึ่งในถนนใหญ่ที่มีร้านค้าเรียงราย คับคั่งไปด้วยผู้คน


    “เอ้า ลงมาที จะหาชุดให้เธอที่นี่แหละ”


        ผม ก็ลงจากรถม้าตามที่ซานัคซังบอก ที่ร้านก็มีโลโก้เป็นรูปเข็มกับด้ายอยู่หรอก แต่พอมองตัวอักษรข้างล่าง ถึงได้รู้ว่ามีเรื่องแย่อีกหน่อย


    “อ่านไม่ออก……”


        อ่าน ป้ายไม่ออก นี่คงค่อนข้างแย่แล้วมั้ง คุยกันได้แต่อ่านตัวหนังสือไม่ออกเนี่ย...เอาเถอะ ถ้าคุยกันได้ก็คงหาคนสอนได้อยู่หรอก...แต่ถ้าไม่เรียนล่ะก็นะ

        พอซานัคซังพาเข้าไปในร้านก็มีพนักงานหลายคนออกมาต้อนรับพวกผม


    “ยินดีต้อนรับกลับครับ/ค่ะ โอนเนอร์”


        ผมก็ตกใจกับคำพูดของพวกพนักงาน


    “โอนเนอร์?”

    “ที่นี่คือร้านของฉันเองแหละ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า เฮ้ ใครก็ได้ไปเลือกชุดที่เข้ากับเค้ามาที!”


        ซา นัคซังก็ดันผมเข้าห้องลองชุด(ไม่ใช่ซอกที่มีม่านปิดแต่เป็นห้องจริงๆ เลย)อย่างเร่งรีบ จากนั้น ก็เอาชุดมาให้มากมาย เพื่อที่จะเปลี่ยนชุด

    เลยถอดเสื้อเบลเซอร์ชั้นนอกแล้วก็เน็คไทออก ถอดวายเชิ้ต ถึงข้างล่างจะมีทีเชิ้ตสีดำอยู่ แต่พอซานัคซังเห็นก็ถึงกับตาเปลี่ยนสี

    “!? ธ เธอ ขายชุดข้างล่างนั่นด้วยเถอะนะ!”


        กะเอาหมดตูดเลยเรอะ




        สุด ท้าย ก็จบลงด้วยการขายชุดที่ติดตัวมาทั้งหมดให้ซานัคซัง ทั้งถุงเท้ายันรองเท้าทุกอย่างเลย ตอนที่ขอให้ขายบ็อกเซอร์ให้นี่บอกตามตรงว่าผงะอะ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึกนะ แต่อยากให้เข้าใจความรู้สึกผมบ้าง...

        ส่วน ชุดรึรองเท้าที่เตรียมไว้ให้เปลี่ยนนั้น ดูเคลื่อนไหวง่ายแล้วก็ทนทานดี โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้หรูหรารู้สึกกระชับค่อนข้างดีเลย แบบนี้คงไม่เตะตาแล้วสินะ


    “แล้วเธอจะขายชุดให้ในราคาเท่าไรรึ แน่นอน ว่าไม่เหนียวหรอก มีราคาที่อยากได้มั้ย?”

    “ถึง จะว่าแบบนั้นก็เถอะ...ไม่รู้ราคาตลาดก็บอกไม่ได้หรอกครับ ถ้าได้แพงก็ดีอยู่หรอกครับ...ความจริงแล้วผมน่ะ ไม่มีซักแดงเดียวเลยน่ะครับ”

    “งั้นเหรอ...แย่เลยเนอะ...เอาล่ะ งั้นก็สิบเหรียญทองเป็นไง”


        ผมที่ไม่รู้ว่าสิบเหรียญทองนี่มันมีค่าขนาดไหนก็ได้แต่พยักหน้า


    “ตามนั้นละกันครับ”

    “งั้นเหรอ! งั้นก็นี่”


        เหรียญ ทองสิบเหรียญก็ถูกเทกริ๊งๆมาให้ ขนาดก็ราวๆเหรียญห้าร้อยเยนแล้วก็มีรูปนูนต่ำคล้ายๆสิงโตอยู่ นี่คือทรัพย์สินทั้งตัวแล้ว ต้องใช้ให้ดี


    “ว่าแต่เมืองนี้มีพวกโรงเตี๊ยมรีเปล่าครับ ก็อยากจะหาที่พักให้ได้ก่อนตะวันตกน่ะนะครับ”

    “ถ้าโรงเตี๊ยมล่ะก็เลี้ยวขวาที่ถนนข้างหน้าแล้วตรงไปก็มีอยู่ที่นึงนะ มีป้าย’จันทราสีเงิน’อยู่เห็นก็น่าจะรู้แหละ”


        ถึงมีป้ายก็อ่านไม่ออกล่ะนะ...เอาเถอะถามคนไปเรื่อยก็ได้มั้ง คุยกันได้ปกตินี่นะ


    “ทราบแล้วครับ ถ้างั้นก็ลาล่ะครับ”

    “อือ ถ้าหาชุดแปลกๆมาได้อีกก็ช่วยเอามาอีกนะ”


        กล่าว ลากับซานัคซัง จากนั้นก็ออกมาข้างนอก พระอาทิตย์ยังสูงอยู่ เอามือถือออกมาจากในกระเป๋า เปิดขึ้นมาถึงได้รู้ว่าก่อนบ่ายสองหน่อยนึง


    “ตอนอยู่ในรถม้าก็สงสัยอยู่หรอก...เวลานี่มันตรงรึเปล่านะ…?”


        เอาเถอะ ดูจากตำแหน่งพระอาทิตย์แล้วคิดว่าคงไม่เคลื่อนไปมากนักหรอก

        แว่บ นึง เกิดปิ๊งขึ้นมาเลยเปิดแอพฯแม็พ พอทำแบบนั้นแผนที่ของเมืองก็แสดงขึ้นมา มีแสดงแม้แต่ชื่อของจุดปัจจุบันรึร้านรวงต่างๆ แบบนี้ก็ไม่หลงแล้ว โรงเตี๊ยม’จันทราสีเงิน’ก็มีแสดงไว้ ถึงงั้นก็เถอะ…...

        หันกลับไปหาร้านของซานัคซัง


    “ป้ายนี่...เขียนว่า...’แฟชั่นคิงซานัค’...งั้นเหรอ…”


        ในขณะที่รู้สึกว่าเซนส์การตั้งชื่อของซานัคซังออกจะน่าเศร้านิดๆ ผมก็ออกเดินไปสู่โรงเตี๊ยม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×