คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชะตากรรมที่เริ่มต้น (1)
"เจ้าหญิงเพค่ะ ตื่นบรรทมได้แล้วเพค่ะ" เสียงของนางกำนัลภายในวังนี้ที่กำลังใช้ความพยายามทั้งหมดของตนเองเพื่อปลุกเจ้าหญิงแห่งเมืองพาร์เทียร์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องขี้เซาที่สุด
"หาว~ ~" เสียงหาวที่ไม่ค่อยจะสมหญิงซักเท่าไหร่ พร้อมกับก้าวเท้าออกจากตัววังเพื่อที่จะไปซ้อมดาบที่ลานกว้าง แต่ละก้าวย่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมาดมั่นซึ่งวันนี้เธอสวมกางเกงขายาวสีดำรัดรูป เสื้อคอโปโลสีขาว และทรงผมที่ถูกมัดเป็นทรงหางม้าดูทะมัดทแมง เข้ากับรูปหน้าที่สวยจนทหารหลายๆคนต้องเหลียวหน้าขึ้นมามองหลังจากโค้งทำความเคารพให้ และด้วยวัยเพียง 15 ปี ยิ่งทำให้ใครต่อใครหลายคนที่ได้ยลโฉมถึงกับหลงได้
"การ์เดี้ยน ท่านช่วยเปลี่ยนคู่ซ้อมให้ข้าใหม่หน่อยนะ ข้ากลัวว่าเขาจะตายก่อนที่ข้าจะเอาจริง" เสียงหญิงสาวที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด
"แต่
" ทางด้านนายทหารใหญ่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้หญิงสาวเข้าใจว่า ทหารที่เก่งๆทั้งกองเนี๊ย ได้เจอเจ้าหญิงเล่นงานจนหมอบไปหมดแล้ว!! แต่แล้วก็มีเสียงที่ได้ช่วยชีวิตของเค้าให้พ้นสายตาดุๆ
"เจ้าหญิงเพค่ะ คิงอโลเวลให้มาตามไปที่ห้องทรงอักษรเพค่ะ" สิ้นเสียงนางกำนัล หญิงสาวก็รีบวางดาบแล้วกลับเข้าไปในวังเพื่อหา คิงอโลเวล ที่มีศักดิ์เป็นคิงของนครพาร์เทียร์ และเป็นพ่อของเธอ
"ทำไมชีวิตในวังถึงน่าเบื่อขนาดนี้นะ คนเก่งๆไปมุดหัวอยู่ไหนหมดฟร่ะ" เสียงบ่นพึกพำเป็นหมีกินผึ้งของเจ้าหญิงทำเอานางกำนัลที่ได้ยินต่างยิ้มไปกับความเก่งกาจของเธอที่ไม่มีใครเกิน
"ว่าไงลูก เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างละ แล้วใครเป็นคนส่งพวกนั้นมา" เสียงที่ดูทรงพลังถามไถ่ออกไป ตามที่ตนได้ข่าวมาทำให้ทราบว่าเมื่อคืนมีผู้บุกรุก แต่ลูกสาวคนเดียวของเขาก็ได้จัดการส่งไปหายมบาลเสียแล้ว
"ก็ดีค่ะ แต่พอดีว่าลืมตัวนิดหน่อยเลยไม่รู้ว่าใครส่งมาค่ะ แหะๆ" คำตอบของลูกสาวทำเอาคนเป็นพ่อนึกขำในความใจร้อนของลูกสาวเขา
"คราวหน้าคราวหลังระวังหน่อยละลูก แต่ที่พ่อเรียกมาคราวนี้ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก ลูกยังจำคิงของเมืองแวริลล่าได้มั้ย ที่เป็นเพื่อนสนิทพ่อหน่ะ"
"จำได้ค่ะ ท่านลุงที่ใจดีๆใช่มั้ยค่ะ ลูกจำได้แม่นเลยเพราะเค้าให้สร้อยคอเส้นนี้กับลูกตอนวันเกิด ทำไมค่ะ" หญิงสาวไม่พูดเปล่าก้มลงไปมองที่สร้อยบนคอของเธอ ทับทิมสีแดงสดที่ดูดึงดูดสายตาของใครต่อใครที่ได้พบเจอ มันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอมากและเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น
"ท่านลุงตายแล้ว..." ผู้เป็นพ่อตอบกับลูกสาวด้วยเสียงเบาหวิว แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน และแม้ท่านพ่อของเธอจะไม่ได้ร้องไห้แต่เธอจับกระแสแห่งความเศร้าโศกได้
"ทำไมค่ะ มีคนลอบปลงพระชนม์หรือ" เสียงหวานเริ่มถาม
"ไม่ใช่...ท่านลุงหัวใจวายตาย แต่พ่อสงสัยว่าไม่ใช่ พ่อคิดว่าคงมีคนใส่ยาทำให้ท่านลุงของเราหัวใจวายตายเพื่อที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์ แล้วพ่อว่าคนที่จะเป็นเหยื่อรายต่อไปก็คือเจ้าชาย พ่อจึงคิดว่าจะส่งลูกไปช่วยเป็นองครักษ์แล้วก็ช่วยสืบเรื่องนี้ให้พ่อด้วย" สิ้นเสียงของพ่อผู้เป็นลูกก็ได้แต่หน้านิ่งคิดอย่างละเอียดเรื่องสาเหตุการตายของท่านลุง
"แต่ท่านพ่อค่ะ ท่านพ่อจะปล่อยให้ลูกสาวที่บอบบางอย่างลูกไปตามปกป้องผู้ชายหรอค่ะ ลูกว่ามันไม่ดีหรอกนะค่ะ แต่เรื่องที่จะให้ช่วยสืบก็พอทำได้อยู่นะค่ะ" เสียงหวานบ่นออกมาทำเอาผู้เป็นพ่อยิ้มได้ และเขาก็มั่นใจว่าลูกของเขาทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
"ถือซะว่าช่วยพ่อเถอะนะลูก เดี๋ยวทางโน้นเค้าจะส่งคนมารับลูกไปวันพรุ่งนี้ เตรียมตัวดีๆละ" หลังจากคำพูดทุกคำพูดได้ลอดเข้าไปในหูของหญิงสาว ทำเอาเธอแถบกรี๊ด มัดมือชกกันชัดๆ มันเร็วเกินกว่าที่ตัวเธอจะตั้งรับได้ทัน
"พ่ออ่ะ มัดมือชกกันชัดๆนะค่ะ แล้วเรื่องโรงเรียน เรื่อง..." หญิงสาวได้แต่หาข้ออ้างมากล่าวเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องไป
"ลูกก็ไปอยู่โรงเรียนเดียวกับเจ้าชายไง ตอนนี้ลูกก็ไปเตรียมตัวได้แล้วนะ พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า" สิ้นเสียงคิงแห่งพาร์เทียร์ เจ้าหญิงคนสวยก็หน้าบึ้งเดินออกนอกห้องไป เหลือไว้แต่คิงแห่งพาร์เทียร์ ที่กำลังพูดถึงบางสิ่งที่เธอไม่สามารถจะได้ยินได้
"ชะตากรรมของลูกกำลังเริ่มต้นแล้ว"
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บัดนี้เจ้าหญิงแห่งพาร์เทียร์ได้เดินมาที่รถม้าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ!! หญิงสาวที่เป็นที่ยำเกรงของทุกคนต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่ในรถม้าก็เพราะว่า เธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็โดนจับแต่งตัวแล้วมายัดอยู่ในรถม้าเพื่อที่จะไปหาเจ้าชายที่เธอต้องไปเป็นองครักษ์ แม้งานนี้เธอจะอยากช่วยท่านพ่ออยู่มิใช่น้อย แต่มันก็ไม่น่าเร็วขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งโมโหพ่อตัวเองที่ทำให้เธอต้องมาอุดอู้อยู่ในรถม้าเป็นวันๆ แต่เธอก็คิดได้ไม่นานก็เข้าฌานไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย
"วันนี้เราจะพักกันในเมืองนี้แล้วเริ่มเดินทางต่อพรุ่งนี้ใช่มั้ย" เธอหันไปถามนางกำนัลของแวริลล่าที่เดินตามเธอเข้าไปในห้องพัก
"ใช่เพค่ะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางต่อแต่เช้า คิดว่าคงถึงเมืองแวริลล่าตอนเย็นๆเพค่ะ" นางกำนัลตอบเจ้าหญิงที่สีหน้าเริมปกติขึ้นหลังจากเดินทางถึงเมืองนี้
"งั้นเจ้าก็ไปนอนได้แล้ว เราดูแลตัวเองเป็น" หลังนางกำนัลเดินออกไป เจ้าหญิงแสนสวยก็กลับมายิ้มเย็นทำเอาบรรยากาศในห้องเย็นลงตาม
"เมืองนี้จะมีอะไรโชว์ให้ข้าดูมั้ยนะ" สิ้นเสียงเธอก็หายไปจากห้องนี้
ยามราตรีของเมืองนี้ก็เช่นเมืองอื่นทั่วๆไปที่แสงสีตอนกลางคืนจะดูสว่างครึกครื้นกว่าตอนกลางวัน ผู้คนที่เป็นพวกคนหนุ่มคนสาวจนถึงพวกคุณลุงคุณป้าที่รักแสงสี ผับบาร์ตามข้างทางที่มีเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด พาร์เทียร์เน่เลือกเดินเข้าไปในบาร์ที่คนค่อนข้างน้อยเพราะไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับฝูงผู้ชายที่เมื่อเห็นเธอทีไรต้องตามวนเวียนรอบตัวเหมือนแมลงเม่า ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเล่นอยู่กับไฟ!!
พาร์เทียร์เน่เลือกที่นั่งที่ดูจะมีคนเดินผ่านน้อยที่สุด แม้ว่ามันจะอยู่ห่างผู้คนแค่ไหนก็ตาม ไม่วายที่เธอจะรู้สึกถึงสายตาของผู้ชายภายในร้านที่จ้องเธอปานจะกลืนกิน แม้เธอจะใส่ชุดที่เป็นเพียงแค่กางเกงผ้าสีดำกับเสื้อแขนสั้นสีขาว หลังจากที่บริกรได้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมกระดาษโน้ตเล็กๆที่ผู้ชายหลายต่อหลายโต๊ะส่งมาให้ พาร์เทียเน่เบะปากอย่างรู้สึกสังเวชในตัวผู้ชายที่พยายามจีบเธอแต่ละคน
"คุณครับ ผมนั่งคุยด้วยคนได้มั้ยครับ" ชายหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
"หึ ชั้นไม่ว่างพอที่จะมาคุยกับคุณหรอกนะ" พูดเสร็จเธอก็วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินออกมาจากโต๊ะ แต่ผู้ชายคนนี้ก็จับแขนเธอไว้
"จะไปไหนจ๊ะสาวน้อย" คำพูดที่ดูจะแตกต่างจากตอนที่ขอเธอนั่งด้วย แต่มันดันออกมาจากปากเดียวกันของชายผู้นั้น ช่างทุเรศสิ้นดี
"แกคงอยากตายละมั้งไอ้หัวงู ปล่อยแขนชั้นเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!" เสียงที่เข้าถึงอารมณ์ของพาร์เทียร์เน่ ทำเอาไอ้ผู้ชายคนนั้นเลือดขึ้นหน้า คนภายในร้านเริ่มมองมา แล้วก็ต้องตกใจเพราะคนที่พาร์เทียร์เน่กำลังโมโหใส่นี้เป็นถึงคนคุมแถบนี้ แต่มีหรือคนอย่างเจ้าหญิงจะกลัว
"อินั้งนี่ ฤทธิ์มากนักใช่มั้ย" ไอ้เลวตัวนี้มันกำลังเงื้อมือจะตบเธอ แต่มันก็ยังช้าไปสำหรับเธออยู่ดี ผ่านไปไม่นาน ตอนนี้ไอ้เลวนั่นมันมาอยู่ในสภาพที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นที่ข้างตัวเป็นเศษโต๊ะที่หักแบ่งครึ่ง คนในร้านถึงกับอึ้งตะลึงในความเร็วและพละกำลังของหญิงสาวที่ไม่ธรรมดา
"จะตบข้ามันยังเร็วไป ไอ้ทุเรศ!!" พูดจบเธอก็เดินออกจากร้านไป ท่าทางเมืองนี้คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอพอใจได้ เธอจึงเดินกลับไปที่พักเพื่อพักผ่อนดีกว่ามานั่งให้ไอ้พวกเฒ่าหัวงูลวนลาม!!
รุ่งเช้าของวันใหม่ก็ได้มาเยือนพร้อมๆกับขบวนรถม้าที่เคลื่อนที่ออกจากตัวเมืองไป การเดินทางเป็นไปได้อย่างสงบจนเมื่อถึงป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ได้ยินคำล่ำลือมามากมายว่าโจรชุม แต่เธอก็ไม่ห่วง เพราะขนาดนักฆ่าเก่งก็ยังไม่สามารถที่จะสร้างบาดแผลใหญ่ให้เธอได้เลยซักคน ยังไม่ทันที่ความคิดเธอจะผ่านไปได้นาน
/ ฟิ้ว~ ~ ~ / เสียงของธนูที่คาดว่าคงไม่ใช่ธนูธรรมดา เพราะเธอจับกระแสของเวทย์ที่มาพร้อมๆกับธนูได้
"หึ คงไม่ใช่โจรกระจอกละมั้งคราวนี้" พูดเสร็จเธอก็กระโจนออกมานอกรถม้า ทำเอาทหารทั้งหลายต้องรีบบอกให้เจ้าหญิงของตนหลบเข้ารถม้าไป แต่มีหรือคนอย่างพาร์เทียร์เน่จะหลบ อีกฝ่ายกะจะฆ่าเราอยู่แล้วหนิ ก็เล่นกับเขาหน่อยจะเป็นไรไป!!
โจรทั้งหมดดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกว่าคนที่ตนกำลังจะปล้นอยู่ไม่ใช่งานง่ายๆซะแล้ว เพราะรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกและไอสังหารได้ โจรที่มีมากกว่าสิบคนพยายามที่จะเข้าใกล้ตัวรถม้ามากที่สุดแล้วก็รีบจัดการทหารที่มาขวางทางพวกมัน แต่พวกมันยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้ เจ้าตัวหัวหน้าก็สั่งหยุด เพราะตอนนี้ร่างบางได้เอาเข็มพิษจ่ออยู่ที่คอของมัน พวกลูกน้องพากันงงเต๊กว่าทำไมลูกพี่ที่มีฝีมือแถมเร็วปานสายฟ้าจะแพ้หญิงสาวร่าวบอบบางอย่างง่ายดาย
"พวกแกปล้นผิดคันแล้วละมั้ง หึหึ" เสียงเย็นๆของเธอทำเอาทุกคนที่ได้ยินถึงกับขนลุกไปตามๆกัน ยิ่งจ้องตาเธอยิ่งมีความรู้สึกว่าตัวเองร่างกายสั่นเทิ้ม
"ปล่อยข้าเถอะนะ ข้าไม่ปล้นรถของเจ้าก็ได้" คำขอที่ทำเอาลูกน้องต่างหน้าเหวอไปตามๆกันที่ลูกพี่ของตนยอมประกาศขอแพ้เยี่ยงนี้
"ก็ได้ ข้าก็ไม่อยากอยู่ในป่านานๆหรอก" หญิงสาวพูดออกไป พร้อมกับในสมองที่คิดว่าเมื่อไหร่ไอ้ตัวที่มันซ่อนอยู่จะเริ่ม เธออยากจะดูฝีมือซะหน่อยแล้วค่อยจัดการ และทุกอย่างก็ดูเป็นไปตามปกติเมื่อพวกมันล่าถอยไป พร้อมกับขบวนรถของเธอที่จัดการทำแผลทหารที่ได้รับบาดเจ็บไป แต่ดูทุกอย่างจะดูเงียบสงัดจนผิดสังเกตไป ความเงียบนี้ทำเอาหญิงสาวยืนยิ้มอยู่คนเดียว
"มาแล้วซินะ" พาร์เทียร์น่าคิด
/ ฟิว~ ~ ~ / เสียงของลูกธนูนับสิบที่ตอนนี้กำลังพุ่งตรงมาที่เธอ ทำเอาทหารต่างตกใจกันมาก แต่แล้วก็ต้องแทบหยุดหายใจเมื่อธนูทั้งหมดได้ร่วงลงไปที่พื้นเหมือนเป็นเศษไม้ธรรมดา แล้วพาร์เทียเน่ก็ต้องรีบวิ่งหลบลูกน้ำแข็งที่โผล่มาจากในป่า แต่การเคลื่อนไหวของเธอดูเหมือนจะสบายๆมากกว่าเหนื่อย จนดูเหมือนว่าเธอกำลังเล่นอยู่กับสิ่งพวกนี้ ทหารของเมืองแวลลิล่าที่มาทำหน้าที่รับเธอพร้อมนางกำนัลสองคนถึงกับตาค้างกับความสามารถของเจ้าหญิงแห่งพาร์เทียร์ ที่ทั้งรวดเร็ว เก่งกาจและหนักแน่น
พาร์เทียร์เน่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกสนุกที่ได้ออกกำลังกายเป็นอย่างมาก หญิงสาวได้กระโจนตัวเองเข้าไปในป่าเพื่อที่จะไปหาต้นตอของความสนุกนี้ ใกล้แล้วๆ เธอได้กลิ่นไอเวทย์ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็มายืนอยู่กลางลานโล่งในป่า
"ไม่คิดจะออกมาหาข้าจริงๆหรือ" เสียงหวานเอ่ยถามไปท่ามกลางความเงียบ
"เก่งจริงเลยนะเจ้าหญิง แต่ไม่คิดว่าจะโง่เดินเข้ามาในกับดักเอง" สิ้นเสียงชายนับสิบก็ตีวงล้อมปิดทางออกทั้งหมด แต่นั้นเป็นสิ่งที่ทำเอาเจ้าหญิงยิ้มอย่างเยาะเย้ย
"พวกเจ้านั้นแหละ คิดเยี่ยงไรมาเล่นกับเรา ไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยหรือ"
"อย่าปากมากเลยเจ้าหญิง ไปกับข้าดีกว่านะ" สิ้นเสียงชายผู้นั้นก็ถลามาเพื่อปล่อยเวทย์ใส่เธอในระยะประชิด แต่คนอย่างเธอไม่มีทางโดนเรื่องพวกนี้เล่นงานหรอก
พาร์เทียร์เน่สวนกลับด้วยการตวัดมีดสั้นจากด้านหลังตนเองแล้วโผล่ไปยืนอยู่ข้างหลังชายที่กำลังจะมาหาเธอพร้อมกับแทงมีดเข้าไปจนมิดด้าม ทำเอาพวกผู้ชายที่เหลือรีบกรูกันเข้าไปหวังทำร้ายเธอ แต่เธอก็ทำเพียงแค่หลบแล้วก็เอามีดแทงเข้าที่จุดบอดทั้งหลาย จนตอนนี้เหลือเพียงเธอกับชายผู้ที่มีไอเวทย์รุนแรงที่กำลังยืนประจันหน้ากัน
"ใครส่งเจ้ามาหรือ?" คำถามของเธอที่ผู้ถามก็ไม่ได้ต้องการคำตอบซักเท่าไหร่
"ถ้าบอกก็ไม่เป็นความลับซิครับเจ้าหญิงน้อย" คำตอบนี้ทำเอาเธอเลือดขึ้นหน้า คงไม่อยากตายดีซะแล้วมันไอ้นักเวทย์นี่ พอคิดได้แค่นั้นร่างบางก็รีบโถมตัวใส่นักเวทย์ผู้โชคร้ายอย่างไม่ยั้ง แม้ตอนแรกๆเจ้านักเวทย์ดูจะสู้กับเจ้าหญิงอย่างสูสี แต่ตอนนี้เขากลับเหนื่อยลงเรื่อยๆผิดกับพาร์เทียร์เน่ที่ดูจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ และสุดท้ายก็จบลงด้วยนักเวทย์โดนเธอปาเข็มพิษเข้าใส่
"เธอมันปีศาจ" เสียงสุดท้ายที่รอดออกมาจากปากนักเวทย์
"ข้านี่แหละปีศาจ ถึงเจ้าจะเก่งอย่างไรแต่ก็ไม่มีวันหนีข้าพ้นได้หรอก หึ" สิ้นเสียงเธอก็หายไปจากตรงนั้นกลับไปสู่รถม้าดังเดิม ทำเอาทหารและนางกำนัลถึงกับหน้าถอดสี เพราะตามตัวเจ้าหญิงมีแต่เลือด แต่คงจะไม่ใช่ของเธอแน่นอน พวกเขาก็รีบกระวีกระวาดหลังจากที่เจ้าหญิงขึ้นรถม้าเสร็จ แล้วก็ออกเดินทางต่อ
"อีกไม่นานนะเจ้าหญิงเราจะได้พบกัน" เสียงเย็นๆของชายผู้หนึ่ง ซึ่งรอบตัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด เลือดของผู้อื่นที่สังเวยให้กับเขา ไอสังหารที่รุนแรงจนน่ากลัว ริมฝีปากที่แย้มยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น กลุ่มหมอกจากที่ใดไม่รู้พัดผ่านหน้าชายผู้นี้ไปพร้อมกับร่างของเขาที่หายไปจากที่นั่นเช่นกัน
ความคิดเห็น