ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil - Angel

    ลำดับตอนที่ #3 : ชะตากรรมที่เริ่มต้น (1)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 49




    "เจ้าหญิงเพค่ะ  ตื่นบรรทมได้แล้วเพค่ะ"  เสียงของนางกำนัลภายในวังนี้ที่กำลังใช้ความพยายามทั้งหมดของตนเองเพื่อปลุกเจ้าหญิงแห่งเมืองพาร์เทียร์  ที่ขึ้นชื่อเรื่องขี้เซาที่สุด



    "หาว~ ~"  เสียงหาวที่ไม่ค่อยจะสมหญิงซักเท่าไหร่ พร้อมกับก้าวเท้าออกจากตัววังเพื่อที่จะไปซ้อมดาบที่ลานกว้าง  แต่ละก้าวย่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมาดมั่นซึ่งวันนี้เธอสวมกางเกงขายาวสีดำรัดรูป  เสื้อคอโปโลสีขาว  และทรงผมที่ถูกมัดเป็นทรงหางม้าดูทะมัดทแมง เข้ากับรูปหน้าที่สวยจนทหารหลายๆคนต้องเหลียวหน้าขึ้นมามองหลังจากโค้งทำความเคารพให้  และด้วยวัยเพียง 15 ปี  ยิ่งทำให้ใครต่อใครหลายคนที่ได้ยลโฉมถึงกับหลงได้



    "การ์เดี้ยน  ท่านช่วยเปลี่ยนคู่ซ้อมให้ข้าใหม่หน่อยนะ  ข้ากลัวว่าเขาจะตายก่อนที่ข้าจะเอาจริง"  เสียงหญิงสาวที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด



    "แต่…"  ทางด้านนายทหารใหญ่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้หญิงสาวเข้าใจว่า  ทหารที่เก่งๆทั้งกองเนี๊ย ได้เจอเจ้าหญิงเล่นงานจนหมอบไปหมดแล้ว!!  แต่แล้วก็มีเสียงที่ได้ช่วยชีวิตของเค้าให้พ้นสายตาดุๆ



    "เจ้าหญิงเพค่ะ  คิงอโลเวลให้มาตามไปที่ห้องทรงอักษรเพค่ะ"  สิ้นเสียงนางกำนัล หญิงสาวก็รีบวางดาบแล้วกลับเข้าไปในวังเพื่อหา คิงอโลเวล ที่มีศักดิ์เป็นคิงของนครพาร์เทียร์ และเป็นพ่อของเธอ



    "ทำไมชีวิตในวังถึงน่าเบื่อขนาดนี้นะ  คนเก่งๆไปมุดหัวอยู่ไหนหมดฟร่ะ"  เสียงบ่นพึกพำเป็นหมีกินผึ้งของเจ้าหญิงทำเอานางกำนัลที่ได้ยินต่างยิ้มไปกับความเก่งกาจของเธอที่ไม่มีใครเกิน



    "ว่าไงลูก  เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างละ  แล้วใครเป็นคนส่งพวกนั้นมา"  เสียงที่ดูทรงพลังถามไถ่ออกไป  ตามที่ตนได้ข่าวมาทำให้ทราบว่าเมื่อคืนมีผู้บุกรุก  แต่ลูกสาวคนเดียวของเขาก็ได้จัดการส่งไปหายมบาลเสียแล้ว



    "ก็ดีค่ะ  แต่พอดีว่าลืมตัวนิดหน่อยเลยไม่รู้ว่าใครส่งมาค่ะ แหะๆ"  คำตอบของลูกสาวทำเอาคนเป็นพ่อนึกขำในความใจร้อนของลูกสาวเขา



    "คราวหน้าคราวหลังระวังหน่อยละลูก  แต่ที่พ่อเรียกมาคราวนี้ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก  ลูกยังจำคิงของเมืองแวริลล่าได้มั้ย ที่เป็นเพื่อนสนิทพ่อหน่ะ"



    "จำได้ค่ะ  ท่านลุงที่ใจดีๆใช่มั้ยค่ะ  ลูกจำได้แม่นเลยเพราะเค้าให้สร้อยคอเส้นนี้กับลูกตอนวันเกิด  ทำไมค่ะ"  หญิงสาวไม่พูดเปล่าก้มลงไปมองที่สร้อยบนคอของเธอ  ทับทิมสีแดงสดที่ดูดึงดูดสายตาของใครต่อใครที่ได้พบเจอ  มันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอมากและเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น



    "ท่านลุงตายแล้ว..."  ผู้เป็นพ่อตอบกับลูกสาวด้วยเสียงเบาหวิว  แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน และแม้ท่านพ่อของเธอจะไม่ได้ร้องไห้แต่เธอจับกระแสแห่งความเศร้าโศกได้



    "ทำไมค่ะ  มีคนลอบปลงพระชนม์หรือ"  เสียงหวานเริ่มถาม



    "ไม่ใช่...ท่านลุงหัวใจวายตาย  แต่พ่อสงสัยว่าไม่ใช่  พ่อคิดว่าคงมีคนใส่ยาทำให้ท่านลุงของเราหัวใจวายตายเพื่อที่จะล้มล้างระบอบกษัตริย์  แล้วพ่อว่าคนที่จะเป็นเหยื่อรายต่อไปก็คือเจ้าชาย  พ่อจึงคิดว่าจะส่งลูกไปช่วยเป็นองครักษ์แล้วก็ช่วยสืบเรื่องนี้ให้พ่อด้วย"  สิ้นเสียงของพ่อผู้เป็นลูกก็ได้แต่หน้านิ่งคิดอย่างละเอียดเรื่องสาเหตุการตายของท่านลุง 



    "แต่ท่านพ่อค่ะ ท่านพ่อจะปล่อยให้ลูกสาวที่บอบบางอย่างลูกไปตามปกป้องผู้ชายหรอค่ะ  ลูกว่ามันไม่ดีหรอกนะค่ะ  แต่เรื่องที่จะให้ช่วยสืบก็พอทำได้อยู่นะค่ะ"  เสียงหวานบ่นออกมาทำเอาผู้เป็นพ่อยิ้มได้  และเขาก็มั่นใจว่าลูกของเขาทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว



    "ถือซะว่าช่วยพ่อเถอะนะลูก  เดี๋ยวทางโน้นเค้าจะส่งคนมารับลูกไปวันพรุ่งนี้  เตรียมตัวดีๆละ"  หลังจากคำพูดทุกคำพูดได้ลอดเข้าไปในหูของหญิงสาว  ทำเอาเธอแถบกรี๊ด  มัดมือชกกันชัดๆ  มันเร็วเกินกว่าที่ตัวเธอจะตั้งรับได้ทัน



    "พ่ออ่ะ  มัดมือชกกันชัดๆนะค่ะ  แล้วเรื่องโรงเรียน  เรื่อง..."  หญิงสาวได้แต่หาข้ออ้างมากล่าวเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องไป 



    "ลูกก็ไปอยู่โรงเรียนเดียวกับเจ้าชายไง  ตอนนี้ลูกก็ไปเตรียมตัวได้แล้วนะ  พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า"  สิ้นเสียงคิงแห่งพาร์เทียร์  เจ้าหญิงคนสวยก็หน้าบึ้งเดินออกนอกห้องไป  เหลือไว้แต่คิงแห่งพาร์เทียร์   ที่กำลังพูดถึงบางสิ่งที่เธอไม่สามารถจะได้ยินได้



    "ชะตากรรมของลูกกำลังเริ่มต้นแล้ว"


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



               บัดนี้เจ้าหญิงแห่งพาร์เทียร์ได้เดินมาที่รถม้าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ!!  หญิงสาวที่เป็นที่ยำเกรงของทุกคนต้องมานั่งหงุดหงิดอยู่ในรถม้าก็เพราะว่า  เธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็โดนจับแต่งตัวแล้วมายัดอยู่ในรถม้าเพื่อที่จะไปหาเจ้าชายที่เธอต้องไปเป็นองครักษ์  แม้งานนี้เธอจะอยากช่วยท่านพ่ออยู่มิใช่น้อย  แต่มันก็ไม่น่าเร็วขนาดนี้  ยิ่งคิดยิ่งโมโหพ่อตัวเองที่ทำให้เธอต้องมาอุดอู้อยู่ในรถม้าเป็นวันๆ  แต่เธอก็คิดได้ไม่นานก็เข้าฌานไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย



    "วันนี้เราจะพักกันในเมืองนี้แล้วเริ่มเดินทางต่อพรุ่งนี้ใช่มั้ย"  เธอหันไปถามนางกำนัลของแวริลล่าที่เดินตามเธอเข้าไปในห้องพัก



    "ใช่เพค่ะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางต่อแต่เช้า  คิดว่าคงถึงเมืองแวริลล่าตอนเย็นๆเพค่ะ" นางกำนัลตอบเจ้าหญิงที่สีหน้าเริมปกติขึ้นหลังจากเดินทางถึงเมืองนี้



    "งั้นเจ้าก็ไปนอนได้แล้ว  เราดูแลตัวเองเป็น"  หลังนางกำนัลเดินออกไป  เจ้าหญิงแสนสวยก็กลับมายิ้มเย็นทำเอาบรรยากาศในห้องเย็นลงตาม 



    "เมืองนี้จะมีอะไรโชว์ให้ข้าดูมั้ยนะ"  สิ้นเสียงเธอก็หายไปจากห้องนี้



                           ยามราตรีของเมืองนี้ก็เช่นเมืองอื่นทั่วๆไปที่แสงสีตอนกลางคืนจะดูสว่างครึกครื้นกว่าตอนกลางวัน  ผู้คนที่เป็นพวกคนหนุ่มคนสาวจนถึงพวกคุณลุงคุณป้าที่รักแสงสี  ผับบาร์ตามข้างทางที่มีเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด  พาร์เทียร์เน่เลือกเดินเข้าไปในบาร์ที่คนค่อนข้างน้อยเพราะไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับฝูงผู้ชายที่เมื่อเห็นเธอทีไรต้องตามวนเวียนรอบตัวเหมือนแมลงเม่า  ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเล่นอยู่กับไฟ!!   


             
                           พาร์เทียร์เน่เลือกที่นั่งที่ดูจะมีคนเดินผ่านน้อยที่สุด  แม้ว่ามันจะอยู่ห่างผู้คนแค่ไหนก็ตาม  ไม่วายที่เธอจะรู้สึกถึงสายตาของผู้ชายภายในร้านที่จ้องเธอปานจะกลืนกิน  แม้เธอจะใส่ชุดที่เป็นเพียงแค่กางเกงผ้าสีดำกับเสื้อแขนสั้นสีขาว  หลังจากที่บริกรได้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมกระดาษโน้ตเล็กๆที่ผู้ชายหลายต่อหลายโต๊ะส่งมาให้  พาร์เทียเน่เบะปากอย่างรู้สึกสังเวชในตัวผู้ชายที่พยายามจีบเธอแต่ละคน



    "คุณครับ  ผมนั่งคุยด้วยคนได้มั้ยครับ"  ชายหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับเธอ



    "หึ  ชั้นไม่ว่างพอที่จะมาคุยกับคุณหรอกนะ"  พูดเสร็จเธอก็วางเงินไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินออกมาจากโต๊ะ  แต่ผู้ชายคนนี้ก็จับแขนเธอไว้



    "จะไปไหนจ๊ะสาวน้อย"   คำพูดที่ดูจะแตกต่างจากตอนที่ขอเธอนั่งด้วย  แต่มันดันออกมาจากปากเดียวกันของชายผู้นั้น  ช่างทุเรศสิ้นดี



    "แกคงอยากตายละมั้งไอ้หัวงู ปล่อยแขนชั้นเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!"  เสียงที่เข้าถึงอารมณ์ของพาร์เทียร์เน่  ทำเอาไอ้ผู้ชายคนนั้นเลือดขึ้นหน้า  คนภายในร้านเริ่มมองมา  แล้วก็ต้องตกใจเพราะคนที่พาร์เทียร์เน่กำลังโมโหใส่นี้เป็นถึงคนคุมแถบนี้  แต่มีหรือคนอย่างเจ้าหญิงจะกลัว



    "อินั้งนี่  ฤทธิ์มากนักใช่มั้ย"  ไอ้เลวตัวนี้มันกำลังเงื้อมือจะตบเธอ  แต่มันก็ยังช้าไปสำหรับเธออยู่ดี ผ่านไปไม่นาน ตอนนี้ไอ้เลวนั่นมันมาอยู่ในสภาพที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นที่ข้างตัวเป็นเศษโต๊ะที่หักแบ่งครึ่ง  คนในร้านถึงกับอึ้งตะลึงในความเร็วและพละกำลังของหญิงสาวที่ไม่ธรรมดา



    "จะตบข้ามันยังเร็วไป  ไอ้ทุเรศ!!"  พูดจบเธอก็เดินออกจากร้านไป  ท่าทางเมืองนี้คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอพอใจได้  เธอจึงเดินกลับไปที่พักเพื่อพักผ่อนดีกว่ามานั่งให้ไอ้พวกเฒ่าหัวงูลวนลาม!!



                     รุ่งเช้าของวันใหม่ก็ได้มาเยือนพร้อมๆกับขบวนรถม้าที่เคลื่อนที่ออกจากตัวเมืองไป  การเดินทางเป็นไปได้อย่างสงบจนเมื่อถึงป่าแห่งหนึ่ง  ซึ่งเธอก็ได้ยินคำล่ำลือมามากมายว่าโจรชุม  แต่เธอก็ไม่ห่วง  เพราะขนาดนักฆ่าเก่งก็ยังไม่สามารถที่จะสร้างบาดแผลใหญ่ให้เธอได้เลยซักคน  ยังไม่ทันที่ความคิดเธอจะผ่านไปได้นาน



    / ฟิ้ว~ ~ ~ /  เสียงของธนูที่คาดว่าคงไม่ใช่ธนูธรรมดา  เพราะเธอจับกระแสของเวทย์ที่มาพร้อมๆกับธนูได้ 



    "หึ  คงไม่ใช่โจรกระจอกละมั้งคราวนี้"  พูดเสร็จเธอก็กระโจนออกมานอกรถม้า  ทำเอาทหารทั้งหลายต้องรีบบอกให้เจ้าหญิงของตนหลบเข้ารถม้าไป  แต่มีหรือคนอย่างพาร์เทียร์เน่จะหลบ  อีกฝ่ายกะจะฆ่าเราอยู่แล้วหนิ  ก็เล่นกับเขาหน่อยจะเป็นไรไป!!



                    โจรทั้งหมดดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกว่าคนที่ตนกำลังจะปล้นอยู่ไม่ใช่งานง่ายๆซะแล้ว  เพราะรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกและไอสังหารได้  โจรที่มีมากกว่าสิบคนพยายามที่จะเข้าใกล้ตัวรถม้ามากที่สุดแล้วก็รีบจัดการทหารที่มาขวางทางพวกมัน  แต่พวกมันยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้  เจ้าตัวหัวหน้าก็สั่งหยุด  เพราะตอนนี้ร่างบางได้เอาเข็มพิษจ่ออยู่ที่คอของมัน  พวกลูกน้องพากันงงเต๊กว่าทำไมลูกพี่ที่มีฝีมือแถมเร็วปานสายฟ้าจะแพ้หญิงสาวร่าวบอบบางอย่างง่ายดาย 



    "พวกแกปล้นผิดคันแล้วละมั้ง หึหึ"  เสียงเย็นๆของเธอทำเอาทุกคนที่ได้ยินถึงกับขนลุกไปตามๆกัน  ยิ่งจ้องตาเธอยิ่งมีความรู้สึกว่าตัวเองร่างกายสั่นเทิ้ม



    "ปล่อยข้าเถอะนะ  ข้าไม่ปล้นรถของเจ้าก็ได้"  คำขอที่ทำเอาลูกน้องต่างหน้าเหวอไปตามๆกันที่ลูกพี่ของตนยอมประกาศขอแพ้เยี่ยงนี้



    "ก็ได้  ข้าก็ไม่อยากอยู่ในป่านานๆหรอก"  หญิงสาวพูดออกไป  พร้อมกับในสมองที่คิดว่าเมื่อไหร่ไอ้ตัวที่มันซ่อนอยู่จะเริ่ม  เธออยากจะดูฝีมือซะหน่อยแล้วค่อยจัดการ   และทุกอย่างก็ดูเป็นไปตามปกติเมื่อพวกมันล่าถอยไป  พร้อมกับขบวนรถของเธอที่จัดการทำแผลทหารที่ได้รับบาดเจ็บไป  แต่ดูทุกอย่างจะดูเงียบสงัดจนผิดสังเกตไป  ความเงียบนี้ทำเอาหญิงสาวยืนยิ้มอยู่คนเดียว



    "มาแล้วซินะ"  พาร์เทียร์น่าคิด



    / ฟิว~ ~ ~ /  เสียงของลูกธนูนับสิบที่ตอนนี้กำลังพุ่งตรงมาที่เธอ  ทำเอาทหารต่างตกใจกันมาก  แต่แล้วก็ต้องแทบหยุดหายใจเมื่อธนูทั้งหมดได้ร่วงลงไปที่พื้นเหมือนเป็นเศษไม้ธรรมดา  แล้วพาร์เทียเน่ก็ต้องรีบวิ่งหลบลูกน้ำแข็งที่โผล่มาจากในป่า  แต่การเคลื่อนไหวของเธอดูเหมือนจะสบายๆมากกว่าเหนื่อย  จนดูเหมือนว่าเธอกำลังเล่นอยู่กับสิ่งพวกนี้  ทหารของเมืองแวลลิล่าที่มาทำหน้าที่รับเธอพร้อมนางกำนัลสองคนถึงกับตาค้างกับความสามารถของเจ้าหญิงแห่งพาร์เทียร์  ที่ทั้งรวดเร็ว  เก่งกาจและหนักแน่น



                   พาร์เทียร์เน่ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกสนุกที่ได้ออกกำลังกายเป็นอย่างมาก  หญิงสาวได้กระโจนตัวเองเข้าไปในป่าเพื่อที่จะไปหาต้นตอของความสนุกนี้  ใกล้แล้วๆ เธอได้กลิ่นไอเวทย์ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ  จนในที่สุดเธอก็มายืนอยู่กลางลานโล่งในป่า 



    "ไม่คิดจะออกมาหาข้าจริงๆหรือ"  เสียงหวานเอ่ยถามไปท่ามกลางความเงียบ



    "เก่งจริงเลยนะเจ้าหญิง  แต่ไม่คิดว่าจะโง่เดินเข้ามาในกับดักเอง"   สิ้นเสียงชายนับสิบก็ตีวงล้อมปิดทางออกทั้งหมด  แต่นั้นเป็นสิ่งที่ทำเอาเจ้าหญิงยิ้มอย่างเยาะเย้ย



    "พวกเจ้านั้นแหละ  คิดเยี่ยงไรมาเล่นกับเรา  ไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยหรือ"

     

    "อย่าปากมากเลยเจ้าหญิง  ไปกับข้าดีกว่านะ"  สิ้นเสียงชายผู้นั้นก็ถลามาเพื่อปล่อยเวทย์ใส่เธอในระยะประชิด  แต่คนอย่างเธอไม่มีทางโดนเรื่องพวกนี้เล่นงานหรอก 
     


                    พาร์เทียร์เน่สวนกลับด้วยการตวัดมีดสั้นจากด้านหลังตนเองแล้วโผล่ไปยืนอยู่ข้างหลังชายที่กำลังจะมาหาเธอพร้อมกับแทงมีดเข้าไปจนมิดด้าม  ทำเอาพวกผู้ชายที่เหลือรีบกรูกันเข้าไปหวังทำร้ายเธอ  แต่เธอก็ทำเพียงแค่หลบแล้วก็เอามีดแทงเข้าที่จุดบอดทั้งหลาย  จนตอนนี้เหลือเพียงเธอกับชายผู้ที่มีไอเวทย์รุนแรงที่กำลังยืนประจันหน้ากัน



    "ใครส่งเจ้ามาหรือ?"  คำถามของเธอที่ผู้ถามก็ไม่ได้ต้องการคำตอบซักเท่าไหร่



    "ถ้าบอกก็ไม่เป็นความลับซิครับเจ้าหญิงน้อย"  คำตอบนี้ทำเอาเธอเลือดขึ้นหน้า  คงไม่อยากตายดีซะแล้วมันไอ้นักเวทย์นี่  พอคิดได้แค่นั้นร่างบางก็รีบโถมตัวใส่นักเวทย์ผู้โชคร้ายอย่างไม่ยั้ง  แม้ตอนแรกๆเจ้านักเวทย์ดูจะสู้กับเจ้าหญิงอย่างสูสี  แต่ตอนนี้เขากลับเหนื่อยลงเรื่อยๆผิดกับพาร์เทียร์เน่ที่ดูจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ  และสุดท้ายก็จบลงด้วยนักเวทย์โดนเธอปาเข็มพิษเข้าใส่



    "เธอมันปีศาจ"  เสียงสุดท้ายที่รอดออกมาจากปากนักเวทย์



    "ข้านี่แหละปีศาจ  ถึงเจ้าจะเก่งอย่างไรแต่ก็ไม่มีวันหนีข้าพ้นได้หรอก  หึ"  สิ้นเสียงเธอก็หายไปจากตรงนั้นกลับไปสู่รถม้าดังเดิม  ทำเอาทหารและนางกำนัลถึงกับหน้าถอดสี  เพราะตามตัวเจ้าหญิงมีแต่เลือด  แต่คงจะไม่ใช่ของเธอแน่นอน  พวกเขาก็รีบกระวีกระวาดหลังจากที่เจ้าหญิงขึ้นรถม้าเสร็จ  แล้วก็ออกเดินทางต่อ



    "อีกไม่นานนะเจ้าหญิงเราจะได้พบกัน"  เสียงเย็นๆของชายผู้หนึ่ง  ซึ่งรอบตัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด  เลือดของผู้อื่นที่สังเวยให้กับเขา  ไอสังหารที่รุนแรงจนน่ากลัว  ริมฝีปากที่แย้มยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น  กลุ่มหมอกจากที่ใดไม่รู้พัดผ่านหน้าชายผู้นี้ไปพร้อมกับร่างของเขาที่หายไปจากที่นั่นเช่นกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×