ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Romantic Of Love สุดที่รักมารักกันไหม

    ลำดับตอนที่ #1 : Good luck or Bad luck (T-T)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 55


    Chapter 1

    Good luck or Bad luck (T-T)

    ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยย  สายแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้ตายเถอะ!! เมื่อคืนไม่น่าเล่นเฟสดึกเลยเรา นาฬิกาปลุกก็ถ่านหมด น้องชายตัวแสบก็ไม่มาปลุกฉัน อย่าให้เจอน่ะจะเขกหัวให้คอยดู อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย ฉันยังไม่อยากโดนตัดคะแนนตอนเปิดเทอมแรกของชีวิตมอปลายเลยน่ะ

    ตึก ตึก ตึก ตึก   เสียงลงบันไดที่ได้ยินก็รู้ว่าเร่งรีบมากแค่ไหน

    “นี่ๆๆๆๆ ระวังหน่อยสิยัยเฉอเอมเดี๋ยวก็ตกลงมาแข้งขาหักหรอกลูก”เสียงแม่ตะโกนบอกฉันระหว่างที่ฉันกำลังวิ่งลงบันไดอย่างเร่งรีบ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ

    “หนูไม่ใช่คนซุ่มซ่ามสักหน่อยนะค่ะคุณแม่ และตอนนี้หนูก็รีบไปโรงเรียนด้วยค่ะ” ฉันบอกคุณแม่พร้อมกับใส่รองเท้านักเรียน

    “เมื่อคืนแม่ก็เตือนเอมแล้วนิ ไม่เชื่อยังจะเล่นคอมฯไม่เลิก เป็นไงล่ะทีนี้ไปโรงเรียนสายเลย” แม่ฉันบ่นอีกแล้ว

    “แล้วอองตวนล่ะค่ะคุณแม่” ฉันตัดบทคุณแม่ไปถามถึงเจ้าน้องชายตัวดีแทนเพราะไม่อยากหูชาแต่เช้า

    “น้องไปโรงเรียนตั้งนานแล้วล่ะจ๊ะ” อองตวนไปโรงเรียนนานแล้วแต่ไม่ยอมปลุกเราเลย น่าเตะจริงๆ

    “เอ่อหนูไปก่อนนะค่ะคุณแม่ บาย บ๊ายค่ะ หนูรักแม่นะค่ะ”ฉันบอกลาแม่

    “แม่ก็รักเอมเหมือนกันน่ะลูก” แม่ยิ้มมาให้ฉันแล้วฉันก็ยิ้มตอบกลับท่าน

    คุณแม่เป็นคนใจดีมากๆสำหรับฉัน ท่านคอยแนะนำนู้นนี้ให้กับฉันเสมอ และเป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอส่วนคุณพ่อฉันนะหรอ ท่านไปทำงานที่ฝรั่งเศสจะกลับมาไทยเดินล่ะสามสี่ครั้ง ท่านมักจะงานยุ่งทุกทีที่ฉันอยากคุยเฮ้อแต่ชั่งเถอะ

    เออใช่ เกือบลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันมีนามว่า เฉอเอม ฉันเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส ฉันเกิดที่ฝรั่งเศส แต่ให้ตายเถอะฉันพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เลยเพราะอะไรน่ะหรอก็ฉันโตที่เมืองไทยน่ะสิ ไม่เหมือนอองตวนน้องชายตัวดีที่เกิดที่นู้นแล้วยังโตที่โน้นอีก แต่ก็ย้ายมาอยู่เมืองไทยในตอนมัธยมนี้เละ เรื่องภาษาไม่ต้องถามเลยมันได้ตั้งสี่ภาษาทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส ไทยแล้วยังมีญี่ปุ่นอีก ส่วนฉันนะหรอได้แค่สองภาษามีอังกฤษกับไทยเท่านั้น เฮ้อออ   พูดไปก็เจ็บใจเปล่าๆ แต่ตอนนี้ชิวิตฉันในการไปให้ถึงโรงเรียนเหลือแค่สิบนาทีเท่านั้นแล้วนี้รถมันจะติดให้ได้โล่เลยหรือไงห่ะ ติดอยู่ได้

    “ลุงชานค่ะ อีกแค่สิบนาทีเท่านั้นน่ะค่ะ มันจะทันไหมค่ะลุง”

    “ผมว่าคงไม่ทันนะครับคุณหนู” ลุงชานหันมาตอบฉันอย่างไม่ให้ความหวังฉันเลย

    “หนูต้องโดนตัดคะแนนแน่ๆเลยค่ะ คุณลุง ฮือๆๆๆ หนูจะทำยังไงดีๆๆๆ”ฉันโอดครวญ

    “ลุงว่ามีอีกวิธีหนึ่ง คือคุณหนูต้องวิ่งไปครับ เพราะอีกไม่ไกลก็ถึงโรงเรียนแล้วน่ะครับ”

    “วิ่งหรอค่ะ เอาก็เอาค่ะ งั้นหนูไปก่อนน่ะค่ะลุงชาน” บอกลุงชานเสร็จฉันก็ลงจากรถ วิ่งสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึงโรงเรียนทันเวลาเข้าแถว อ่านั้นประตูๆ เห็นประตูโรงเรียนแล้ว แต่ว่ามันกำลังจะปิดแล้ว ไม่น่ะๆๆๆๆ ม่ายยยยยยยยยย

    แอ๊กกกกกก แอ็กกกกกกกกกกก ให้ตายเถอะฉันไม่เคยต้องมาวิ่งยังกับโลกจะแตกแบบนี้มาก่อนเลยนะหอบสุดๆอ่ะ และการพยายามวิ่งของฉันก็หมดลงเมื่อประตูโรงเรียนปิดสนิทลง อ๊ายยยยยยยย ทำไมสวรรค์กลั่งแกล้งฉันอย่างนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจเลย ฉันก้มลงมองนาฬิกาข้อมือลายอังกี้เบิร์ดที่บอกเวลาแปดนาฬิกาตรง อาจารย์สุรชาติอาจารย์ฝ่ายปกครองที่มาดักนักเรียนมาสายพร้อมสมุดจดรายชื่อที่ถืออยู่ในมือ มองตรงมาที่ฉันอย่างกับจะเข้ามาบีบคอฉันอย่างนั้นเละ

    “ทำไมเธอถึงมาสาย???” อาจารย์สุรชาติถามอย่างคาดคั้น

    “คือ....เอ่อ...คือ หนู....เอ่อ”ฉันยังคิดคำโกหกที่ไม่ทำให้ตัวเองโดนตัดคะแนนได้เลยอ่าคิดสิคิดเฉอเอมคิดสิ

    “เอ้า มัวแต่เอ่อๆๆๆคือๆๆๆอยู่นั้นเละ บอกมาเร็วเข้า”

    “หนูเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อคืนน่ะค่ะ เลยทำให้ตื่นสายจนมาโรงเรียนสายอย่างนี้อะค่ะ อาจารย์”ฉันพยายามพูดให้ดูน่าสงสารที่สุดแล้ว

    “อืมมมม แล้วทำไมน้องชายเธอถึงไม่มาสายล่ะหือ” อาจารย์ถาม เออว่ะโอ๊ยเพราะแกเลยน่ะใอ่อองตวนอย่าให้เจอนะ

    “เอ่อ.....อ๋อน้องชายหนูมันไม่ไปน่ะค่ะ อาจารย์อย่าตัดคะแนนหนูเลยนะค่ะอาจารย์ หนูไม่ได้ตั้งใจมาสายเลยนะค่ะอาจารย์ T,,T”หน้าตาอ้อนวอนสุดๆเลย Acting เรานี้ใช้ได้เลยน่ะเนี่ย ญาญ่ายังต้องชิดซ้ายฮาๆๆๆๆ

    “ก็ได้ๆ..... แต่เธอต้องบำเพ็ญประโยชน์ให้กับโรงเรียนน่ะ” อุ๊ยได้ผลนะ แต่

    “อะไรนะค่ะ บำเพ็ญประโยชน์”

    “ใช่! บำเพ็ญประโยชน์ เธอจะต้องไปกวาดใบไม้ที่ร่วงจากต้นไม้บริเวณหน้าอาคารหนึ่งตรงนั้น”

    “แต่มันเยอะมากเลยนะค่ะอาจารย์ หนูกวาดคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ” ฉันประทวง จะบ้าหรอที่หน้าอาคารหนึ่งนั้นมันมีต้นไม้เป็นสิบๆต้นจะให้ฉันกวาดหมดนั้นเลยหรอ ต่อให้กวาดทั้งวันก็ไม่หมดแน่ๆ

    “แล้วใครบอกเธอล่ะว่าฉันจะให้เธอทำคนเดียว” พูดจบอาจารย์ก็เลื่อนสายตาไปข้างหลังฉันจนฉันต้องหันตามสายตาของอาจารย์

    ฉันเห็นนักเรียนผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามา เขามีผมตรงสีเทา ยาวประไหล่ คล้ายเหมือนทรงรากไทรแต่ก็ไม่ใช่ ดวงตาของเขามีสีน้ำตาลอย่างเห็นได้ชัด จมูกโด่งเป็นสันอย่างกับฝรั่งเลย ปากเรียวเล็ก เดินมาอย่างใจเย็น ยังกับว่าเขาไม่ได้มาสายต่างกับฉันที่กระวนกระวายสุดๆแต่สุดท้ายก็โดนดักจนได้

    “นี่ๆๆๆๆๆเธอจะเดินหล่ออีกนานไหมห่ะ รีบๆเดินเข้าสิ” อาจารย์สุรชาติตะโกนบอกเขา เขาเลื่อนสายตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นมาทางเรา แต่ดูเหมือนเขาจะเฉยและไม่สนใจเลยแม้แต่นิด ยังคงเดินตามอัตราเร็วที่เขาเดินมาแต่แรกเหมือนเดิม ฉันว่าหมอนี่ต้องหยิ่งแน่ๆดูจากท่าทางแล้ว แต่ดูๆไปก็หล่อจริงๆนั้นเละ หล่อกว่าน้องชายฉันซะอีก อึ๊ยยยยยยยยยยยยย พอมายืนข้างๆฉันแบบนี้อีกยิ่งทำให้มองเห็นถึงหน้าใสๆของเขา โอ๊ยทำไมถึงหล่อโฮกหล่อฮากแบบนี้เนี่ย ให้ตายเถอะโรบิล  แต่ฉันไม่สนหรอน่ะย่ะ เพราะว่าฉันน่ะมีคนที่ชอบอยู่แล้วเละ

    “ทำไมเธอถึงมาสายห่ะนี้เธอสายยี่สิบนาทีเลยน่ะ”อาจารย์สุรชาติถามเขาเหมือนกับที่ถามฉันนั้นเละ แต่หมอนั้นไม่ตอบได้แต่ยืนมองไปทางอื่น หยิ่งจริงๆ

    “ผมไม่อยากมาโรงเรียน” O.O เขาพูดออกมาหน้าตาเฉยว่าไม่อยากมาโรงเรียนอะไรของเขาเนี่ย

    “อะไรน่ะ เธอไม่อยากมาแล้วมาทำไมล่ะ”อาจารย์สุรชาติถามเขา แต่เขากลับเงียบไร้วี่แววว่าเขาจะตอบกลับ ฉันเริ่มรำคาญตะนี้แล้วนะ

    “อาจารย์ค่ะหนูว่าอย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ จะให้หนูทำอะไรก็เร็วๆเถอะค่ะ หนูอยากเข้าห้องเรียนจะแย่อยู่แล้ว” ฉันพูดออกไป และก็รับรู้ถึงความโกรธมาแพร่กระจายอยู่ข้างๆมันจะมาจากใครไปไม่ได้นอกจากคุณพี่จ่าเฉยหน้าหล่อ

    “อย่างที่บอกไปนั้นเละ ไปกวาดใบไม้หน้าอาคารหนึ่ง ฉันให้เวลาพวกเธอสองคนสิบนาทีในการกวาดเสร็จแล้วก็ขึ้นห้องของพวกเธอได้ โอเคน่ะ”

    “โอเคค่ะอาจารย์” ฉันตอบ

    “แล้วเธอล่ะ”อาจารย์หันไปถามผู้ชายหัวเทาข้างๆฉัน

    “.....”   เขากลับไม่ตอบและเฉยเหมือนเดิม แต่อาจารย์ก็ไม่ยี่หระอะไรแล้วเดินจากเราไปทิ้งฉันไว้กับใอ่พี่จ่าเฉยสองคน

    “ฉันเดินไปหยิบไม้กวาดมาให้นายล่ะกันไปรอฉันที่อาคารหนึ่งนะ” ฉันบอกเขาแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากใอ่พี่จ่าเฉย

    “นี่ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า”

    “.......”

    “นี่นาย”ฉันเอามือไปจับบ่าเขาเพื่อให้แน่ใจว่าหมอนี้จะหลับกลางอากาศ

    “เอามือสกปรกของเธอออกจากบ่าของฉันน่ะ แล้วทีหลังจะพูดอะไรก็ระวังปากหน่อยนะเดี๋ยวจะเจ็บตัวโดยไม่รู้ตัว”

    “อะไรน่ะ นายว่ามือฉันสกปรกหรอ ก่อนออกจากบ้านฉันล้างมือมาแล้วนะ แล้วฉันจะพูดอะไรมันก็ปากฉันนายไม่มีสิทธ์มาว่าฉันรู้เอาไว้ซะด้วย”

    “ถ้าเธอยังไม่หยุดพูดฉันจะปิดปากด้วยปากของฉัน” เขาทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน แต่ฉันเดินถอยหลังห่างเขาไป

    “นี่นายจะทำอะไรน่ะ”ฉันปิดปากตัวเองเอาไว้ :X

    “น่ารำคาญชะมัดเลย ผู้หญิงอย่างเธอเนี่ย” เขาปรายตามองฉันนิดหนึ่งแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป

    “แล้วนี่นายจะไปไหนห่ะ นายต้องช่วยฉันกวาดใบไม้ก่อนน่ะ”ฉันตะโกนไล่หลัง

    “ทำไมฉันต้องกวาดด้วย ฉันไม่ได้ไปโอเคกับอาจารย์นั้นสักหน่อย เธอโอเคคนเดียวเธอก็กวาดไปคนเดียวสิ”

    O^O “นายว่าไงน่ะ” วอนโดนเตะซะแล้ว

    “หึ...”เขาสะเยะยิ้มนิดหนึ่งแล้วก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีก

    “นี่นายกลับมาเดี๋ยวนี้น่ะ นี่” ฉันตะโกนตามหลังแต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะเดินกลับมาเลย  ฉันอยากจะฆ่าเขาจริงๆเลย ผู้ชายอะไรร้ายกาจที่สุด แล้วนี้ฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย นี้ฉันต้องกวาดใบไม้หน้าอาคารหนึ่งคนเดียวหรอ ไม่น่ะ

    “เฉอเอม นี่แกมายืนโง่อะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย ฉันตามหาแกตั้งนานเนะ” ฉันหันไปตามต้นเสียงและก็เห็นยัยโอโบเพื่อนรักของฉันกำลังเดินเข้ามา

    “คือฉันมาสายอ่ะ แล้วอาจารย์สุรชาติก็ให้ฉันมากวาดใบไม้หน้าอาคารหนึ่งอ่า แล้วก็กลังโมโหอยู่ด้วย”

    “นี่ใครมันมาทำให้แกโมโหได้เนี่ย บอกมา!!!เดี๋ยวฉันไปจัดการเอง”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั้นเป็นใคร สงสัยเป็นเด็กที่เข้าใหม่ล่ะมั้งฉันไม่คุ้นหน้าหมอนั้นเลย”

    “อืมมมมมมมมม”

    “เออ แล้วนี่แกตามหาฉันทำไมย่ะ”

    “เออใช่เกือบลืมไปเลย ทั้งห้องมีแค่แกคนเดียวเนี่ยเละยังไม่เข้ามาเช็คชื่อ ฉันก็เลยอาสามาตามแกง่ะ”

    “แล้วฉันจะไปยังไงล่ะในเมื่อฉันยังไม่ได้ไปกวาดใบไม้หน้าอาคารหนึ่งเลยอะแก”

    “ชั่งสิ  เรื่องอะไรที่แกต้องมากวาดคนเดียว ก็บอกอาจารย์ไปสิว่าผู้ชายคนนั้นไม่กวาดแกก็เลยไม่กวาด อาจารย์สุรชาติไม่ว่าอะไรแกหรอเชื่อฉันสิ”

    “เออๆๆๆงั้นไปกันเหอะ” J

    ฉันกับโอโบเราสองเป็นเพื่อนกันมาสามปีแล้วล่ะ เราสองคนสนิทกันมากๆ ตั้งแต่มัธยมต้นจนตอนนี้เราสองคนก็อยู่มัธยมปลายกันแล้ว ตัวติดกันยังกับปาท๋องโก๋ แล้วที่ยัยนี้บอกว่าอาจารย์สุรชาติไม่ว่าอะไรฉันเพราะยัยนี้เป็นลูกของผอ.น่ะสิ ใครมันจะกล้าทำ อะไร ยัยโอโบสวยมากๆเลยล่ะ ตัวเล็กผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง ปากเล็กจมูกหน่อย ตัวขาวมากๆด้วยแล้วแต่ฉันก็สวยเหมือนกันนั้นเละ คิคิ(ชมตัวเองเป็นด้วย)เราสองคนเดินจูงมือตรงไปยังห้องของเรา ห้องม.4/1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×