คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : EP. 7 เป็นเรื่องจนได้ / 100
จักรยานที่ยืมมาจากธาราปั่นไปตามถนนหนทางและระหว่างที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อย สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะถูกลากให้ขึ้นรถตู้คันนั้น ทั้งที่เธอคนนั้นพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นแต่คนพวกนั้นก็ยังไม่ยอมรามือซ้ำยังจะให้เธอเข้าไปในรถตู้ให้ได้
“เฮ้ย ทำอะไรอ่า” เพราะทนมองดูพฤติกรรมป่าเถื่อนนั่นไม่ไหวจึงต้องตะโกนห้าม ผู้หญิงก็ตัวเล็กเพียงนิดเดียวยังจะทำร้ายกันได้ลง และเพราะเป็นละแวกเล็กจึงไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา มันเลยเป็นโอกาสของพวกนิสัยไม่ดีคิดรังแกคนที่อ่อนแอกว่าได้
“น้องอย่าเสือก”
หนึ่งในสามชี้นิ้วมาหาทิวเขา นอกจากหน้าตาไม่เป็นมิตรแล้วคำพูดนั้นก็ยังหาความสุภาพไม่ได้เลย ถึงตอนนี้ก็ทำให้รู้สึกสงสารผู้หญิงร่างบางคนนั้นแล้ว
“ไม่เสือกไม่ได้เว้ย ปล่อยผู้หญิงเลยนะ” ทิวเขาว่าเสียงแข็งค่อยๆ เดินไปหา ไม่ได้จู่โจมทันทีกลัวจะเสียเปรียบอีกฝ่ายที่มีมากกว่า
“ชอบเสือกนักใช่ไหม ได้”
หนึ่งในสามคนนั้นพูดแล้วพุ่งตัวจะเข้ามาทำร้ายแต่ทิวเขาไหวตัวทันใช้ทักษะการเป็นอดีตนักมวยหลบคู่ค่อสู้ได้ทันแล้วใช้เท้าถีบใส่จนหนึ่งในสามล่มหน้าคว่ำ อีกสองคนเหมือนจะพุ่งเข้ามาหาแต่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในรถบอกให้ถอยแล้วสั่งให้คนทั้งสามถอยตัวออกไป ไม่นานรถตู้คันใหญ่ก็ขับออกไปเล่นเอาคนที่คิดว่าจะโดนดีเข้าแล้วถึงกับงง
“เป็นอะไรมากไหม”
เสียงนั้นดังขึ้นลบความคิดของทิวเขาไว้หมด เขามองแล้วยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“เราไม่เป็นอะไร แล้วเธอล่ะเป็นอะไรมากไหม” จบประโยคนั้นเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา แต่ดูจากสีหน้าก็พอรู้ว่ายังไม่โอเค แม้ทิวเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไรแต่การที่เห็นผู้หญิงถูกทำร้ายโดยที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชายนั้นมันดูโหดร้ายเกินไปและมันก็ไม่ควรเป็นแบบนั้น
สุดท้ายก็เปลี่ยนแผนมาส่งเธอคนนั้นที่ห้องโดยทราบชื่อทีหลังว่าพิมพ์ และเพิ่งรู้ว่าหญิงสาวเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันหลังจากได้เห็นรูปถ่ายในไอดีไลน์
“ขอบคุณอีกครั้งนะ ทั้งเรื่องที่ช่วยและก็เรื่องที่เดินมาส่งเป็นเพื่อนด้วย”
“แล้วทำไมพวกมันถึงได้มาหาเรื่องพิมพ์ได้ล่ะ” ทิวเขาถามต่อไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆ แค่อดสงสัยไม่ได้
“จริงๆ พวกมันก็แค่ทำตามคำสั่งของเจ้านายมันเท่านั้นแหละ” พิมพ์ว่าสีหน้าดูเศร้า
“เจ้านาย มาเฟียเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก ก็แค่ลูกคนรวยที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง อยากได้อะไรก็ดีดนิ้วสั่งโดยไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง”
“เกลียดจริงๆ เลยคนประเภทนี้” ทิวเขาพูดอย่างที่รู้สึกและไม่เคยเข้าใจความคิดของคนพวกนี้ว่าทำไมถึงได้ชอบใช้อำนาจมาข่มคนที่อ่อนแอกว่า แทนที่จะทำประโยชน์กลับกลายเป็นที่น่ารังเกียจของทุกคน
“แต่ทิวเขาเก่งจัง ชกต่อยก็เป็นด้วย”
“ก็ไม่อยากบอกเลยว่าเคยเป็นนักมวยเก่ามาก่อนน่ะ” คนว่ายิ้มอ่อนๆ เอามือขึ้นมาเกาคอตัวเองอย่างเขินๆ
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง”
“งั้นเราว่าเรากลับหอพักก่อนดีกว่า พิมพ์ก็พักผ่อนนะ จะไปไหนมาไหนก็ดูดีๆ ด้วยว่ามีใครตามมาหรือเปล่า”
“อือ ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
“เราไปละ” ทิวเขายิ้มส่งท้ายแล้วเดินจากไป ปั่นจักรยานเพื่อนเพื่อกลับไปที่หอพักในมหาวิทยาลัยแต่พอเวลาที่สมองได้หยุดพักเรื่องอื่นๆ เรื่องของรุ่นพี่ข้างบ้านที่แอบรักก็ผุดเข้ามาให้คิดถึงอีก
ความวุ่นวายของทิวเขาเหมือนจะจบลงแล้วแต่ในทางกลับกันเรื่องของหวายกับหมอบียังไม่จบเมื่อคนที่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมากกลับกลายเป็นคนที่ตอนนี้โคตรไม่เข้าใจสุดๆ ในสายตาของหนุ่มวิศวะปีหนึ่งที่ยังต้องมานั่งกินข้าวมื้อค่ำเป็นเพื่อนรุ่นพี่ต่างคณะแถมพอจะตีตัวออกห่างก็เหมือนถูกดักเอาไว้ทุกทาง
“ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” คนบ่นพึมพำแต่จงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน ถูกใช้ให้มาแจกชีทไม่พอตอนนี้ยังถูกลากให้มานั่งทานข้าวด้วยกันอีก ดูเหมือนไอ้พี่หมอบีคนนี้จะไม่ค่อยมีเพื่อนเลย และนั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ชอบมาตามเกาะแกะพี่รหัสของเขาบ่อยๆ
“ก็น้องเลือกเองไม่ใช่เหรอครับ” หมอบีว่า มือยังถือช้อนตักอาหารใส่ปากอย่างไม่เดือดร้อน ถึงคนที่นั่งตรงข้ามจะแสดงสีหน้าหงุดหงิดมากแค่ไหนแต่ก็ยังยอมนั่งเป็นเพื่อนไม่คิดจะตีจากทำให้หมอบีคิดว่าน้องวิศวะคนนี้คาดหวังอะไรบางอย่างจากตัวเขา
“ผมหรอเลือก” หวายชี้นิ้วมาที่ตัวเองงงมากที่ได้ยินหมอบีพูดแบบนั้น
“มีอะไรจะสารภาพหรือเปล่า”
“สารภาพ ไม่มีครับ” หวายรีบตอบ ชักอยู่ไม่เป็นสุขกลัวจะถูกจับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีคู่แข่งในเรื่องของความรัก เกรงว่าหากรู้ความจริงแม้แต่วินาทีเดียวก็จะไม่ยอมเสียเวลาอยู่กับเขาแน่แต่สายตาที่หมอบีมองมานั้นทำเอาขนลุกแปลกๆ
“น้องแอบชอบพี่อยู่ใช่ไหม ที่พยายามกันพี่ออกจากพี่รหัสของน้องก็เพราะว่าแอบชอบพี่อยู่ใช่ไหม” ไม่รู้ว่าคำถามนี้เล่นใหญ่ไปไหมแต่ก็คงทำให้คนฟังร้อนตัวขึ้นมาบ้างแหละเผลอๆ อาจยอมพูดความจริงออกมา
“หา ไปกันใหญ่แล้วครับ” หวายโวย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคิดแบบนั้น
“งั้นก็สารภาพมา ว่าที่พยายามกันพี่ออกจากธนูเพราะอะไร ถ้าไม่พูดพี่จะเข้าใจว่าน้องชอบพี่จริงๆ”
“พี่นี่มันหลงตัวเองจริงๆ เลย ผมบอกให้ก็ได้ก็เพราะว่าเพื่อนผมชอบพี่ธนู ผมแค่อยากให้เพื่อนผมได้มีเวลาทำคะแนนบ้าง ไม่ใช่ให้พี่หมอทำคะแนนอยู่แต่ฝ่ายเดียว” หวายว่าจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ไม่คิดว่าจะต้องมาเผยความลับให้คู่แข่งของทิวเขาทราบจนอาจเป็นข้อเสียเปรียบให้กับเพื่อนแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ก็ไอ้พี่หมอมาเข้าใจผิดเขาก่อน
“ออ ทำเพื่อเพื่อน งั้นพรุ่งนี้มาทำหน้าที่นี้อีกนะถ้าไม่อยากให้พี่ไปแย่งเวลาทำคะแนนของเพื่อนน้องอีก” คนกินเสร็จแล้วก็ยกมือเรียกพนักงานมาเก็บเงินไม่สนกับสีหน้าแตกตื่นของอีกฝ่ายหลังจากได้ฟังประโยคนั้น
และแม้จะอยากถามต่อแต่ก็เหมือนไอ้พี่หมอบีจะไม่อยากเสวนาด้วย ถึงได้รีบเดินออกจากร้านไปและแม้จะอยากแยกทางกันตรงนี้เลยแต่ก็เหมือนยิ่งผูกติดเพราะอีกฝ่ายก็ยังจะหยิบยกเรื่องพี่ธนูมาพูดให้ฟังจนต้องยอมไปกับพี่มันอีก จึงได้แต่นั่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกระทั่งรถเบนท์คันดำเข้ามาจอดถึงหน้าหอพักชายแล้วเขาก็ยังทำหน้างงอยู่แต่แทบสะดุ้งเมื่อมีบางอย่างกดลงไปที่แก้มข้างนั้น
“อะไรของพี่เนี่ย หยิกแก้มผมทำไม” หวายถามหน้าตาตื่น มือหนึ่งยกขึ้นมาแตะแก้มข้างที่โดนสัมผัส
“ก็เห็นใจลอยอยู่ก็นึกว่าหลับใน” หมอบีว่ายิ้มมุมปาก ตอนแรกก็แค่รอว่าอีกฝ่ายจะลงจากรถเมื่อไรกระทั่งเสียงฟ้าร้องขู่คำรามก็แล้วจนฝนตกลงมาอีกฝ่ายก็ยังนั่งทำหน้ามึนอยู่ไม่เลิก เขาเลยต้องทำแบบนั้นเพื่อให้รู้ตัว ถือเป็นการประเมินระดับความรู้สึกของคนที่อยู่ด้วยว่าตอนนี้อาการถึงขั้นโคม่าหรือยัง
ด้านหวายได้แต่พ่นควันออกทางจมูก หันไปมองนอกรถถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ ฝนก็ช่างเลือกเวลาตกเสียจริง มือขาวกำลังจะเปิดประตูรถแต่มันเปิดไม่ออกเพราะคนขับยังไม่ยอมปลดล็อก เขาจึงหันมาขมวดคิ้วทำหน้างงใส่
“น้องจะลงไปทั้งที่ฝนตกแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวก็เป็นหวัด พี่ขี้เกียจรักษา”
“ผมเป็นหวัด ผมซื้อยากินเองได้ ไม่ต้องถึงมือพี่หมอมารักษาผมหรอก” หวายว่าไม่สนใจกับการกระทำของอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างจากเบาะหลัง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะกะจังหวัผิดไปถึงกับจะทรงตัวไว้ไม่อยู่เดือดร้อนเขาต้องเข้าไปพยุงแขนแล้วดึงขึ้นมาแต่อะไรคงไม่แย่ไปกว่าการที่เราต้องมานั่งสบตากันแบบนี้
“จะทำอะไรผม” หวายถามหน้านิ่ง สายตามองอีกฝ่ายไม่กะพริบเห็นอยู่ว่าไอ้พี่หมอมันขยับหน้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกนั่น
“น้องนั่นแหละ จะทำอะไรพี่ครับ” คนถามปั้นหน้าตาย เลื่อนสายตาลงไปมองเบื้องล่าง เห็นชัดว่าเป็นรุ่นน้องวิศวะปีหนึ่งที่กำลังดึงแขนของเขาไว้แถมยังจับไว้ไม่ปล่อยแต่พอถูกทักแค่นั้นกถูกปล่อยมือในทันทีหมอบีเพียงยิ้มมุมปากพร้อมกับยื่นของบางอย่างที่เอามาจากเบาะข้างหลัง
“น้องเอาพี่ร่มไปใช้ก่อน ยังไงก็ต้องได้เจอกันอีกแน่นอน ไว้ค่อยมาคืนตอนที่เจอกันก็ได้” ร่มในมือถูกยื่นไปให้แต่คนนั่งข้างยังไม่ยอมรับมันไป เขาเลยกระตุกมือตัวเองให้แล้วส่งสายตาดีๆ ราวกับจะข่มน่าแปลกน้องวิศวะมันยอมรับร่มไปแม้หน้าตาจะบอกบุญไม่รับก็เถอะ
สงครามประสาทน้ำลายจบลงแล้วแต่กลับต้องมาปะทะกับสายตาชวนจับผิดของเพื่อนจอมยุ่งที่ห้องอีกเพราะดันไปรู้เห็นอะไรมา
“ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมาป่านนี้” ทิวเขาถามเสียงเรียบแต่แววตาจับผิด เหตุเพราะบังเอิญไปเห็นรถเบ็นท์คันคุ้นมาส่งหวายถึงหอพักแตยังไม่อยากคาดเดาอะไรจึงรอถามเพื่อนก่อน
“แล้วมึงอ่า ความรักคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว อย่าทำให้กูเสียเวลาเปล่านะ” หวาไม่ตอบแต่ถามกลับ เดินมาวางกระเป๋าสะพายลงบนเตียงของตัวเอง แปลกใอยู่ไม่น้อยที่วันนี้เห็นธาราอยู่ที่ห้องด้วย ร้อยวันพันปีไม่ค่อยได้รวมตัวกันครบทีมแบบนี้แต่ไม่ได้ถามมากเพราะรู้ว่าบุคคลนี้โลกส่วนตัวสูงลิ่ว
“มีพิรุธ ถามแล้วเบียงประเด็นไม่ยอมตอบ” ทิวเขาเดินมายืนเกาะตรงเสาเตียง สายตายังไม่เลิกมองด้วยความสงสัย
“กูไม่ได้มีพิรุธเชี้ยอะไรทั้งนั้น กูก็ไปกันพี่หมอบีออกห่างพี่ธนูเพื่อให้มึงได้มีโอกาสทำคะแนนไง จนกูไม่รู้ว่าที่กูกำลังทำอยู่เนี่ยมันจะได้ผลหรือเปล่า” คนว่ากำลังปลอดกระดุมเสื้อออก ไม่ทันตั้ตัวถูกทิวเขาดึงตัวมาโอบไหล่ไว้
“ต้องได้ผลสิมึง ยังไงกูก็ต้องขอบใจมึงมากเลยนะ ว่าแต่เป็นพี่หมอบีเองหรือที่มาส่งมึงใต้แฟลตน่ะ”
“ก็เออไง กูทุ่มเทขนาดนี้แล้ว มึงต้องรักกูให้มากๆ เลยรู้ไหม”
“เออ กูต้องรักมึงมากๆ อยู่แล้วแต่น้อยกว่าพี่ธนูของกูนะ”
“เออ” คนตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาไม่ทันจะได้เข้าห้องน้ำ สายเรียกเข้ามือถือของทิวเขาก็ดังขึ้น เขาเลยยืนรอฟังด้วยความอยากรู้
‘ครับ พี่จากชมรมว่ายน้ำหรือครับ’ ทิวเขาว่าพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัยส่งสายตามึนงงให้กับเพื่อนที่อยู่ในห้องทั้งสองคน
ช่วงนี้มีโปรลดราคาด้วยน๊าาาาา ฝากด้วยค่า
ความคิดเห็น