ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : EP.6 ผู้ป่วยติดเตียง / 100
ผ้าห่มผืนหนาถูกเอามาคลุมจนถึงหน้าอก ก่อนจะตอบคำถามจากปลายสายที่โทรมาถามไถ่อาการของเพื่อนรัก
‘ครับพี่ซน’
‘ธนูเป็นไงบ้าง’
‘หลับไปแล้วครับ กินข้าวต้มเสร็จก็กินยาต่อเลย นี่คงจะเพลียมากก็เลยนอนไปแล้ว’ ทิวเขาว่า เดินออกมาคุยข้างนอกเพราะไม่อยากให้เสียงของเขารบกวนการพักผ่อนของคนป่วย
‘เออๆ ฝากดูแลมันให้ดีๆ นะ กูก็อยากกลับไปดูมันแต่ติดที่ว่าวิชานี้มันยาก สมองกูไม่ได้อัจฉริยะเหมือนมันเลยต้องเข้าเรียน’
‘ไม่ต้องห่วงครับพี่ซน ผมจะดูแลให้อย่างดี ไม่ให้เป็นอะไรได้ง่ายๆ หรอกครับ’
‘ดีแล้ว งั้นกูวางละนะ’ ซนว่าพอปลายสายขานรับเขาก็กดวางสายทันที ไม่ทันจะเดินกลับเข้าตึก หวายรุ่นน้องก็ทักขึ้นมาก่อน
“พี่ซนตกลงว่าพี่ธนูอาการดีขึ้นหรือยัง” หวายวิ่งมาหา ตอนที่รู้ว่าพี่รหัสของเขาป่วยก็พลอยเป็นห่วงแต่ก็คงแพ้ทิวเขาที่วิ่งแจ้นไปหาถึงที่พัก
“ก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้นละมั้ง ตอนนี้กินยานอนพักไปแล้ว แต่ยังไงกูก็ต้องขอบคุณเพื่อนมึงที่อาสาไปช่วยดูแลมันให้ กูจะได้เข้าเรียนอย่างไม่ต้องกังวลอะไร”
“เออพี่ซน เรื่องพี่ธนูป่วยห้ามไปบอกคนนอกคณะนะครับ ผมไม่อยากให้คนอื่นไปขัดจังหวะตอนที่เพื่อนผมกำลังทำคะแนนกับพี่ธนูอยู่” หวายได้ทีขอร้อง เพราะไม่อยากให้มีอะไรมาขัดเพื่อน เวลาแบบนี้ก็ควรเร่งทำคะแนนให้อีกฝ่ายรู้สึกประทับใจ
“นี่มึงหมายถึงหมอบีเหรอ”
“จะพี่หมอบีหรือว่าใครก็แล้วแต่ครับแต่พี่หมอบีให้ระวังไว้เป็นกรณีพิเศษ”
“งั้นตอนนี้กูว่ามึงช่วยรับหน้าแทนกูหน่อยสิ” ซนว่าส่งซิกด้วยสายตา อีกฝ่ายหันไปมองตามแล้วถึงกับเม้มปากเข้าด้วยกันเพราะไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้
“สวัสดีซน” บีทักทายเสียงอ่อน แล้วเหลือบตามองที่หวายแวบหนึ่ง
“เออ หวัดดีหมอ” ซนยกมือทักพร้อมกับยิ้มให้เหลือบตามามองที่รุ่นน้องในคณะอย่างรู้กัน
“เรามาตามหาธนูน่ะ วันนี้ซนได้เจอธนูบ้างไหม คือเราโทรหาธนูแล้วแต่ธนูไม่รับสายก็เลยเป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไรเข้า”
“อ๋อ พอดีธนูเขา...”
“พอดีพี่ธนูติดธุระสำคัญอยู่นะครับ ไม่สะดวกรับสายใครในตอนนี้ ผมเองก็ติดต่อพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน พี่หมอบีมาก็ดีแล้วคือผมมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะเกี่ยวกับวิชาที่เรียนแต่พี่ซนสมองไม่ดีก็เลยช่วยอะไรผมไม่ได้เลย ส่วนพี่ธนูที่เป็นพี่รหัสของผมก็ไม่ว่างสอนผมอีก เพราะงั้นพี่หมอบีช่วยสอนผมหน่อยนะครับ”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ตอนนี้เลยครับ ไปครับ ผมไม่ชอบอะไรที่มันคาราคาซัง” หวายไม่พูดเปล่าแต่จับมือหมอบีแล้วลากออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของซนที่มองอยู่
ขณะที่คนนอนซมอยู่บนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย แล้วดึงผ้าห่มออกจากตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ทิวเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำถึงกับขมวดคิ้วงงแล้วเดินมาหาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ธนู ทำไมตัวร้อนอย่างนี้” คนเอ่ยพึมพำออกมาทั้งที่ฝ่ามือยังวางอยู่ที่หน้าผากของคนป่วย นี่ขนาดกินยาเข้าไปแล้วก็ยังหนีไม่พ้น
ทำยังไงกันดีล่ะทีนี้
เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มบนตัวคนไข้ตอนนี้ถูกถอดออกไปกองอยู่ที่พื้นแล้วด้วยความทุลักทุเล เพราะคนไข้ไม่ยอมอยู่เฉยทั้งดิ้นหนีทั้งสะบัดตัวออกห่างเล่นเอาเหนื่อยแถมตัวคนไข้ก็ใหญ่กว่าเขาอีก
“ขอโทษนะครับพี่ธนู ผมไม่ได้อยากจะล่วงเกินอะไรพี่เลยนะแต่ถ้าไม่รีบเช็ดตัวตอนนี้แล้วไข้ขึ้นสูงมันจะแย่เอานะครับ” ทิวเขาอธิบาย แต่สายตามองนิ่งที่ตัวของธนู มันน่ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าและยิ่งเป็นส่วนนั้นก็ยิ่งน่ามองเป็นที่สุด
“ไอ้ทิว มึงคิดอะไรของมึงอยู่เนี่ย” ทิวเขาว่าเสียงสั่นแล้วเอามือขึ้นตบหัวตัวเองเบาๆ กับอารมณ์ร้อนที่กำลังพุ่งปรี๊ดอยู่ในขณะนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะทำใจให้สงบลง
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ ทำ อย่าวู่วาม อย่าร้อนรน ใช่ อย่างนั้นแหละ” เสียงนั้นแหบพร่า สายตาที่ยังมองไปทั่วร่างขาวเริ่มฝ้าฟาง ช่างเป็นคนป่วยที่มีเสน่ห์อย่างที่สุด ผ้าชุบน้ำพอชุ่มกำลังถูไถไปตามเนื้อตัวอย่างเบามือที่สุดแต่กระนั้นก็ยังทำให้คนบนเตียงตื่น
“ทำอะไร” ธนูถามเสียงอ่อนทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่แต่ก็รู้สึกเหมือนร่างกายโดนเข้ากับอะไรบางอย่างจนรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“พี่ธนูตัวร้อน ผมเลยเช็ดตัวให้อยู่ครับ” ทิวเขาตอบเสียงอ่อนกลัวจะถูกต่อว่าแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนคนบนเตียงจะละเมอตื่นเสียมากกว่า ทิวเขายิ้มมุมปากยังคงเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน
ผ่านไปสักพักธนูอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ อาการนอนกระสับกระส่ายก็หายไปแล้ว ทิวเขานั่งลงที่ขอบเตียงแล้วเอามือขึ้นมาวางไว้ที่หน้าผากของคนป่วย
“ดีจริง ตัวไม่ร้อนแล้ว” เขาว่า สายตายังมองนิ่งที่ใบหน้าของธนู นานแค่ไหนแล้วที่คนผู้นี้ทำหัวใจวุ่นวายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
มันนานแค่ไหนแล้วนะ
“มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยได้บอกพี่เลย เป็นเรื่องที่ผมปืนหน้าต่างเข้าห้องพี่ในคืนนั้น” จู่ๆ ธนูก็คิดถึงเรื่องในคืนนั้น เมื่อหลายปีก่อน เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยได้บอกใครเลย
“ไอ้ธนูมันขี้ขลาด ที่มันอ้างว่าไม่ชอบเรื่องชกต่อยเพราะมันน่ะขี้ขลาด เป็นผู้ชายหรือเปล่าวะ หรือแบบนี้ต้องเปลี่ยนมาใส่กระโปรงผู้หญิงแล้ว”
เสียงหัวเราะดังขึ้นตามหลัง มันแทนตัวเองว่าเป็นหัวหน้าเด็กแว๊น ทำตัวไร้สาระวันๆ ก็เที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นล่าสุดคือธนูที่รู้จักกันดีในนามของติวเตอร์นักบุญของหมู่บ้าน เป็นคนที่เพอร์เฟคจนพวกมันอิจฉา หลายๆ เรื่องและหลายๆ เหตุการณ์แม้ไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงแต่ก็ทำให้ชื่อเสียงของพี่ธนูเสียหายแต่เพราะเป็นลูกคนใหญ่คนโตในหมู่บ้านจึงไม่มีใครคิดอยากข้องเกี่ยวจนกระทั่งคืนนั้น
“พี่นั่นแหละ หยุดว่าพี่ผมซะที เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกนักเลงไม่เอาไหนอย่างพวกพี่ที่ดีแต่ทำเรื่องให้ปวดหัว เรียนก็ไม่เรียนแถมยังเที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นอีก แล้วอย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะครับไอ้เรื่องที่ทำน่ะ ทั้งเรื่องไปปล่อยลมล้อจักรยานพี่ธนู ไหนจะเรื่องแชทไปหลอกสาวโดยแอบอ้างว่าเป็นพี่ธนูอีก ทุกคนรู้หมดเพียงแต่เขาไม่อยากเอาเรื่องก็เท่านั้นเอง”
“ไอ้เด็กข้างบ้านมันนี่วอนซะแล้ว ได้ข่าวว่ามึงเป็นนักมวยนี่ มาต่อยกับกูหน่อยไหมล่ะ ถ้ามึงชนะ กูจะเลิกวุ่นวายกับไอ้ธนูมัน กล้าไหมล่ะ”
เอาจริงตอนนั้นทิวเขาไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากต้องการให้พวกมันเลิกวุ่นวายกับพี่ธนูของเขา จึงยอมรับคำท้าไป
“กล้า ถ้าไม่หมาหมู่”
“ผมคิดว่าตอนนั้นผมจะแพ้เสียแล้ว แต่สุดท้ายหมาหมู่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมชนะพวกมันจริงๆ” คนเอ่ยยิ้มมุมปาก มือขาวกุมมือหนาข้างนั้นไว้ไม่ปล่อย ทั้งที่ถูกชกจนระบมไปหมดทั้งตัว ทั้งที่โดนหมาหมู่รุมกระทืบแต่ก็รอดมาได้ซ้ำยังชนะพวกมันอีก แม้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ที่จะได้มันก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมา
“ไม่ว่ายังไงอย่าเป็นอะไรไปอีกนะครับ เห็นพี่ธนูป่วยแบบนี้แล้วผมอยากป่วยแทนเลย” ปากเอ่ยแค่นั้นแต่สายตายังมองนิ่งที่คนป่วยด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
ด้านของสองหนุ่มที่ยังอยู่ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่คนที่บอกว่ามีเรื่องจะให้ช่วยก็ยังนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จามาเกือบสองชั่วโมงแล้วเล่นเอาว่าที่หมองง
“ไหนว่ามีอะไรจะถามพี่ยังไงละครับ สรุปไม่มีอะไรจะถามแล้วเหรอ” หมอบีถามขึ้น ตั้งแต่ตอนแย่งพูดตัดหน้าซนแล้ว ไหนจะโดนลากมาด้วยกันอีก มันเหมือนมีบางอย่างไม่ค่อยชอบมาพากล
“เออ มีครับ วิชานี้เลยครับ” หวายว่า จริงๆ ไม่ได้อยากให้สอนตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่เพราะไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรเพื่อดึงตัวรุ่นพี่คนนี้ให้ออกห่างจากพี่รหัสของเขาเพื่อที่เพื่อนสนิทจะได้มีโมเม้นท์ดีๆ กับคนที่รักมาตั้งเนิ่นนาน
“เดี๋ยวนะ เออ พี่เอาโทรศัพท์ไปไว้ไหนก็ไม่รู้ ขอยืมโทรศัพท์น้องหน่อยได้ไหมครับ พี่กลัวว่าจะมีคนโทรเข้ามาน่ะ”
“อ๋อนี่ครับ” หวายยื่นมือถือตัวเองให้หมอบี ท่าทางยังงงๆ
“ปลดล็อคด้วยสิครับ แบบนี้พี่จะโทรออกได้ยังไง” หมอบีว่าพร้อมกับส่งมือถือคืน รอเจ้าของปลดล็อคเขาเลยรับมาดูต่อนิ้วเรียวกดเบอร์โทรหา รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแต่แกล้งทำเป็นโทรต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอจึงกดเข้าไปดูอะไรบางอย่างในมือถือเครื่องนั้น
“นี่เราชอบพี่งั้นเหรอ”
“หา” หวายทำหน้างง ก่อนจะได้รับความกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายโชว์อะไรบางอย่างที่อยู่ในมือถือของเขา
ภาพที่ถ่ายในวันนั้นทั้งที่คิดว่าจะกดลบไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังเก็บไว้ในเครื่องมาจนถึงวันนี้ สุดท้ายมันก็โป๊ะแตกถูกจับได้ซะนี่
“ที่บอกว่าถ่ายรูปหมาวันก่อน จริงๆ แล้วตั้งใจจะถ่ายพี่สินะ” หมอบีว่า จ้องหวายตาไม่กะพริบ
“เออ เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะ” หวายจะบอกแต่ถูกแย่งซีนพูดขึ้นมาเสียก่อน
“อีกเรื่อง เราไม่ใช่คนไม่เก่งนี่ ธนูเคยบอกว่าเขามีน้องรหัสที่สามารถเป็นติวเตอร์สอนคนได้เลย ดังนั้น แค่วิชาวิทย์พื้นๆ พวกนี้คงไม่ใช่ปัญหามั้ง แต่เพราะเราแอบชอบพี่ ก็เลยอยากมีเวลาอยู่กับพี่”
“แบบนั้นคิดไปเองแล้วละครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ซะหน่อย” หวายเถียง อยากอธิบายแต่ก็แอบหมั่นไส้ในความมั่นหน้าของไอ้พี่หมอ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจจากที่ไหนถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะว่าเขาชอบ
“แน่ใจ” บีถามหน้านิ่ง
“ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ” หวายตอบมองหน้าไม่มีหลบพร้อมกับลุกขึ้น เกมนี้จบแล้วแถมจบแบบที่มีคนหลงตัวเองด้วย
“แล้วจะไปไหน ไม่ถามพี่เรื่องวิชาแล้วเหรอ”
“ไม่แล้วครับ ผมว่าผมไปถามเพื่อนในห้องดีกว่า ไปละครับ” หวายตัดบทจะเดินจากแต่ถูกดักไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“อะไรกับผมอีกเนี่ย” หวายหันมาทำหน้าเซ็ง มองคนเนี๊ยบกำลังลุกขึ้นยืน
“ก็พี่ติดต่อพี่รหัสน้องไม่ได้ เพราะฉะนั้น น้องไปช่วยพี่ติวรุ่นน้องที่ตึกคณะพี่หน่อยนะครับ วันนี้คนเยอะสอนคนเดียวไม่ไหว”
“แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ ผมพึ่งปีหนึ่งเองนะ จะเอาอะไรไปสอนคณะแพทย์”
“ก็เป็นความรู้พื้นฐานทั่วไปไม่งั้นก็ช่วยพี่แจกชีทเลื่อนสไลด์ก็ยังดี แต่ถ้าไม่สะดวกพี่โทรตามธนูพี่รหัสเรามาก็ได้ เอ๊ะ หรือจะไปตามที่ห้องพักดี อาจจะเจอตัวก็ได้”
“เออ ไปครับ งั้นผมไปช่วยพี่ก็ได้ ทำไมชอบไปวุ่นวายกับพี่ธนูเขานักนะ” หวายบ่นพึมพำ กระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่นก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้กับหมอบีคนเนี๊ยบ
มือของหมอบีล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วเลื่อนสไลด์มองเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามาถึงกับยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเดินตามไปด้วยกัน
‘ครับพี่ซน’
‘ธนูเป็นไงบ้าง’
‘หลับไปแล้วครับ กินข้าวต้มเสร็จก็กินยาต่อเลย นี่คงจะเพลียมากก็เลยนอนไปแล้ว’ ทิวเขาว่า เดินออกมาคุยข้างนอกเพราะไม่อยากให้เสียงของเขารบกวนการพักผ่อนของคนป่วย
‘เออๆ ฝากดูแลมันให้ดีๆ นะ กูก็อยากกลับไปดูมันแต่ติดที่ว่าวิชานี้มันยาก สมองกูไม่ได้อัจฉริยะเหมือนมันเลยต้องเข้าเรียน’
‘ไม่ต้องห่วงครับพี่ซน ผมจะดูแลให้อย่างดี ไม่ให้เป็นอะไรได้ง่ายๆ หรอกครับ’
‘ดีแล้ว งั้นกูวางละนะ’ ซนว่าพอปลายสายขานรับเขาก็กดวางสายทันที ไม่ทันจะเดินกลับเข้าตึก หวายรุ่นน้องก็ทักขึ้นมาก่อน
“พี่ซนตกลงว่าพี่ธนูอาการดีขึ้นหรือยัง” หวายวิ่งมาหา ตอนที่รู้ว่าพี่รหัสของเขาป่วยก็พลอยเป็นห่วงแต่ก็คงแพ้ทิวเขาที่วิ่งแจ้นไปหาถึงที่พัก
“ก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้นละมั้ง ตอนนี้กินยานอนพักไปแล้ว แต่ยังไงกูก็ต้องขอบคุณเพื่อนมึงที่อาสาไปช่วยดูแลมันให้ กูจะได้เข้าเรียนอย่างไม่ต้องกังวลอะไร”
“เออพี่ซน เรื่องพี่ธนูป่วยห้ามไปบอกคนนอกคณะนะครับ ผมไม่อยากให้คนอื่นไปขัดจังหวะตอนที่เพื่อนผมกำลังทำคะแนนกับพี่ธนูอยู่” หวายได้ทีขอร้อง เพราะไม่อยากให้มีอะไรมาขัดเพื่อน เวลาแบบนี้ก็ควรเร่งทำคะแนนให้อีกฝ่ายรู้สึกประทับใจ
“นี่มึงหมายถึงหมอบีเหรอ”
“จะพี่หมอบีหรือว่าใครก็แล้วแต่ครับแต่พี่หมอบีให้ระวังไว้เป็นกรณีพิเศษ”
“งั้นตอนนี้กูว่ามึงช่วยรับหน้าแทนกูหน่อยสิ” ซนว่าส่งซิกด้วยสายตา อีกฝ่ายหันไปมองตามแล้วถึงกับเม้มปากเข้าด้วยกันเพราะไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้
“สวัสดีซน” บีทักทายเสียงอ่อน แล้วเหลือบตามองที่หวายแวบหนึ่ง
“เออ หวัดดีหมอ” ซนยกมือทักพร้อมกับยิ้มให้เหลือบตามามองที่รุ่นน้องในคณะอย่างรู้กัน
“เรามาตามหาธนูน่ะ วันนี้ซนได้เจอธนูบ้างไหม คือเราโทรหาธนูแล้วแต่ธนูไม่รับสายก็เลยเป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไรเข้า”
“อ๋อ พอดีธนูเขา...”
“พอดีพี่ธนูติดธุระสำคัญอยู่นะครับ ไม่สะดวกรับสายใครในตอนนี้ ผมเองก็ติดต่อพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน พี่หมอบีมาก็ดีแล้วคือผมมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะเกี่ยวกับวิชาที่เรียนแต่พี่ซนสมองไม่ดีก็เลยช่วยอะไรผมไม่ได้เลย ส่วนพี่ธนูที่เป็นพี่รหัสของผมก็ไม่ว่างสอนผมอีก เพราะงั้นพี่หมอบีช่วยสอนผมหน่อยนะครับ”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ตอนนี้เลยครับ ไปครับ ผมไม่ชอบอะไรที่มันคาราคาซัง” หวายไม่พูดเปล่าแต่จับมือหมอบีแล้วลากออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของซนที่มองอยู่
ขณะที่คนนอนซมอยู่บนเตียงเริ่มกระสับกระส่าย แล้วดึงผ้าห่มออกจากตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ทิวเขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำถึงกับขมวดคิ้วงงแล้วเดินมาหาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ธนู ทำไมตัวร้อนอย่างนี้” คนเอ่ยพึมพำออกมาทั้งที่ฝ่ามือยังวางอยู่ที่หน้าผากของคนป่วย นี่ขนาดกินยาเข้าไปแล้วก็ยังหนีไม่พ้น
ทำยังไงกันดีล่ะทีนี้
เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มบนตัวคนไข้ตอนนี้ถูกถอดออกไปกองอยู่ที่พื้นแล้วด้วยความทุลักทุเล เพราะคนไข้ไม่ยอมอยู่เฉยทั้งดิ้นหนีทั้งสะบัดตัวออกห่างเล่นเอาเหนื่อยแถมตัวคนไข้ก็ใหญ่กว่าเขาอีก
“ขอโทษนะครับพี่ธนู ผมไม่ได้อยากจะล่วงเกินอะไรพี่เลยนะแต่ถ้าไม่รีบเช็ดตัวตอนนี้แล้วไข้ขึ้นสูงมันจะแย่เอานะครับ” ทิวเขาอธิบาย แต่สายตามองนิ่งที่ตัวของธนู มันน่ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าและยิ่งเป็นส่วนนั้นก็ยิ่งน่ามองเป็นที่สุด
“ไอ้ทิว มึงคิดอะไรของมึงอยู่เนี่ย” ทิวเขาว่าเสียงสั่นแล้วเอามือขึ้นตบหัวตัวเองเบาๆ กับอารมณ์ร้อนที่กำลังพุ่งปรี๊ดอยู่ในขณะนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะทำใจให้สงบลง
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ ทำ อย่าวู่วาม อย่าร้อนรน ใช่ อย่างนั้นแหละ” เสียงนั้นแหบพร่า สายตาที่ยังมองไปทั่วร่างขาวเริ่มฝ้าฟาง ช่างเป็นคนป่วยที่มีเสน่ห์อย่างที่สุด ผ้าชุบน้ำพอชุ่มกำลังถูไถไปตามเนื้อตัวอย่างเบามือที่สุดแต่กระนั้นก็ยังทำให้คนบนเตียงตื่น
“ทำอะไร” ธนูถามเสียงอ่อนทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่แต่ก็รู้สึกเหมือนร่างกายโดนเข้ากับอะไรบางอย่างจนรู้สึกขนลุกขึ้นมา
“พี่ธนูตัวร้อน ผมเลยเช็ดตัวให้อยู่ครับ” ทิวเขาตอบเสียงอ่อนกลัวจะถูกต่อว่าแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนคนบนเตียงจะละเมอตื่นเสียมากกว่า ทิวเขายิ้มมุมปากยังคงเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน
ผ่านไปสักพักธนูอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ อาการนอนกระสับกระส่ายก็หายไปแล้ว ทิวเขานั่งลงที่ขอบเตียงแล้วเอามือขึ้นมาวางไว้ที่หน้าผากของคนป่วย
“ดีจริง ตัวไม่ร้อนแล้ว” เขาว่า สายตายังมองนิ่งที่ใบหน้าของธนู นานแค่ไหนแล้วที่คนผู้นี้ทำหัวใจวุ่นวายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
มันนานแค่ไหนแล้วนะ
“มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยได้บอกพี่เลย เป็นเรื่องที่ผมปืนหน้าต่างเข้าห้องพี่ในคืนนั้น” จู่ๆ ธนูก็คิดถึงเรื่องในคืนนั้น เมื่อหลายปีก่อน เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยได้บอกใครเลย
“ไอ้ธนูมันขี้ขลาด ที่มันอ้างว่าไม่ชอบเรื่องชกต่อยเพราะมันน่ะขี้ขลาด เป็นผู้ชายหรือเปล่าวะ หรือแบบนี้ต้องเปลี่ยนมาใส่กระโปรงผู้หญิงแล้ว”
เสียงหัวเราะดังขึ้นตามหลัง มันแทนตัวเองว่าเป็นหัวหน้าเด็กแว๊น ทำตัวไร้สาระวันๆ ก็เที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นล่าสุดคือธนูที่รู้จักกันดีในนามของติวเตอร์นักบุญของหมู่บ้าน เป็นคนที่เพอร์เฟคจนพวกมันอิจฉา หลายๆ เรื่องและหลายๆ เหตุการณ์แม้ไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงแต่ก็ทำให้ชื่อเสียงของพี่ธนูเสียหายแต่เพราะเป็นลูกคนใหญ่คนโตในหมู่บ้านจึงไม่มีใครคิดอยากข้องเกี่ยวจนกระทั่งคืนนั้น
“พี่นั่นแหละ หยุดว่าพี่ผมซะที เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกนักเลงไม่เอาไหนอย่างพวกพี่ที่ดีแต่ทำเรื่องให้ปวดหัว เรียนก็ไม่เรียนแถมยังเที่ยวไปหาเรื่องคนอื่นอีก แล้วอย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะครับไอ้เรื่องที่ทำน่ะ ทั้งเรื่องไปปล่อยลมล้อจักรยานพี่ธนู ไหนจะเรื่องแชทไปหลอกสาวโดยแอบอ้างว่าเป็นพี่ธนูอีก ทุกคนรู้หมดเพียงแต่เขาไม่อยากเอาเรื่องก็เท่านั้นเอง”
“ไอ้เด็กข้างบ้านมันนี่วอนซะแล้ว ได้ข่าวว่ามึงเป็นนักมวยนี่ มาต่อยกับกูหน่อยไหมล่ะ ถ้ามึงชนะ กูจะเลิกวุ่นวายกับไอ้ธนูมัน กล้าไหมล่ะ”
เอาจริงตอนนั้นทิวเขาไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากต้องการให้พวกมันเลิกวุ่นวายกับพี่ธนูของเขา จึงยอมรับคำท้าไป
“กล้า ถ้าไม่หมาหมู่”
“ผมคิดว่าตอนนั้นผมจะแพ้เสียแล้ว แต่สุดท้ายหมาหมู่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมชนะพวกมันจริงๆ” คนเอ่ยยิ้มมุมปาก มือขาวกุมมือหนาข้างนั้นไว้ไม่ปล่อย ทั้งที่ถูกชกจนระบมไปหมดทั้งตัว ทั้งที่โดนหมาหมู่รุมกระทืบแต่ก็รอดมาได้ซ้ำยังชนะพวกมันอีก แม้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ที่จะได้มันก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมา
“ไม่ว่ายังไงอย่าเป็นอะไรไปอีกนะครับ เห็นพี่ธนูป่วยแบบนี้แล้วผมอยากป่วยแทนเลย” ปากเอ่ยแค่นั้นแต่สายตายังมองนิ่งที่คนป่วยด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด
ด้านของสองหนุ่มที่ยังอยู่ใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่คนที่บอกว่ามีเรื่องจะให้ช่วยก็ยังนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จามาเกือบสองชั่วโมงแล้วเล่นเอาว่าที่หมองง
“ไหนว่ามีอะไรจะถามพี่ยังไงละครับ สรุปไม่มีอะไรจะถามแล้วเหรอ” หมอบีถามขึ้น ตั้งแต่ตอนแย่งพูดตัดหน้าซนแล้ว ไหนจะโดนลากมาด้วยกันอีก มันเหมือนมีบางอย่างไม่ค่อยชอบมาพากล
“เออ มีครับ วิชานี้เลยครับ” หวายว่า จริงๆ ไม่ได้อยากให้สอนตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่เพราะไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรเพื่อดึงตัวรุ่นพี่คนนี้ให้ออกห่างจากพี่รหัสของเขาเพื่อที่เพื่อนสนิทจะได้มีโมเม้นท์ดีๆ กับคนที่รักมาตั้งเนิ่นนาน
“เดี๋ยวนะ เออ พี่เอาโทรศัพท์ไปไว้ไหนก็ไม่รู้ ขอยืมโทรศัพท์น้องหน่อยได้ไหมครับ พี่กลัวว่าจะมีคนโทรเข้ามาน่ะ”
“อ๋อนี่ครับ” หวายยื่นมือถือตัวเองให้หมอบี ท่าทางยังงงๆ
“ปลดล็อคด้วยสิครับ แบบนี้พี่จะโทรออกได้ยังไง” หมอบีว่าพร้อมกับส่งมือถือคืน รอเจ้าของปลดล็อคเขาเลยรับมาดูต่อนิ้วเรียวกดเบอร์โทรหา รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแต่แกล้งทำเป็นโทรต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอจึงกดเข้าไปดูอะไรบางอย่างในมือถือเครื่องนั้น
“นี่เราชอบพี่งั้นเหรอ”
“หา” หวายทำหน้างง ก่อนจะได้รับความกระจ่างเมื่ออีกฝ่ายโชว์อะไรบางอย่างที่อยู่ในมือถือของเขา
ภาพที่ถ่ายในวันนั้นทั้งที่คิดว่าจะกดลบไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังเก็บไว้ในเครื่องมาจนถึงวันนี้ สุดท้ายมันก็โป๊ะแตกถูกจับได้ซะนี่
“ที่บอกว่าถ่ายรูปหมาวันก่อน จริงๆ แล้วตั้งใจจะถ่ายพี่สินะ” หมอบีว่า จ้องหวายตาไม่กะพริบ
“เออ เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะ” หวายจะบอกแต่ถูกแย่งซีนพูดขึ้นมาเสียก่อน
“อีกเรื่อง เราไม่ใช่คนไม่เก่งนี่ ธนูเคยบอกว่าเขามีน้องรหัสที่สามารถเป็นติวเตอร์สอนคนได้เลย ดังนั้น แค่วิชาวิทย์พื้นๆ พวกนี้คงไม่ใช่ปัญหามั้ง แต่เพราะเราแอบชอบพี่ ก็เลยอยากมีเวลาอยู่กับพี่”
“แบบนั้นคิดไปเองแล้วละครับ ผมไม่ได้ชอบพี่ซะหน่อย” หวายเถียง อยากอธิบายแต่ก็แอบหมั่นไส้ในความมั่นหน้าของไอ้พี่หมอ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจจากที่ไหนถึงได้คิดเป็นตุเป็นตะว่าเขาชอบ
“แน่ใจ” บีถามหน้านิ่ง
“ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ” หวายตอบมองหน้าไม่มีหลบพร้อมกับลุกขึ้น เกมนี้จบแล้วแถมจบแบบที่มีคนหลงตัวเองด้วย
“แล้วจะไปไหน ไม่ถามพี่เรื่องวิชาแล้วเหรอ”
“ไม่แล้วครับ ผมว่าผมไปถามเพื่อนในห้องดีกว่า ไปละครับ” หวายตัดบทจะเดินจากแต่ถูกดักไว้ก่อน
“เดี๋ยว”
“อะไรกับผมอีกเนี่ย” หวายหันมาทำหน้าเซ็ง มองคนเนี๊ยบกำลังลุกขึ้นยืน
“ก็พี่ติดต่อพี่รหัสน้องไม่ได้ เพราะฉะนั้น น้องไปช่วยพี่ติวรุ่นน้องที่ตึกคณะพี่หน่อยนะครับ วันนี้คนเยอะสอนคนเดียวไม่ไหว”
“แล้วทำไมต้องเป็นผมล่ะ ผมพึ่งปีหนึ่งเองนะ จะเอาอะไรไปสอนคณะแพทย์”
“ก็เป็นความรู้พื้นฐานทั่วไปไม่งั้นก็ช่วยพี่แจกชีทเลื่อนสไลด์ก็ยังดี แต่ถ้าไม่สะดวกพี่โทรตามธนูพี่รหัสเรามาก็ได้ เอ๊ะ หรือจะไปตามที่ห้องพักดี อาจจะเจอตัวก็ได้”
“เออ ไปครับ งั้นผมไปช่วยพี่ก็ได้ ทำไมชอบไปวุ่นวายกับพี่ธนูเขานักนะ” หวายบ่นพึมพำ กระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่นก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้กับหมอบีคนเนี๊ยบ
มือของหมอบีล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วเลื่อนสไลด์มองเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามาถึงกับยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเดินตามไปด้วยกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น