ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    How to love ก็เด็กมันร้าย

    ลำดับตอนที่ #12 : EP.6 คนป่วยติดเตียง / 50

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 64


    EP. 6

    คนป่วยติดเตียง

    “มาได้ไง”

     

    เป็นประโยคสั้นๆ ที่ออกมาจากปากของธนู ด้วยไม่คิดว่าตื่นมาแล้วจะได้เห็นหน้าทิวเขาก่อนเป็นคนแรก นับตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่นด้วยอาการท้องเสียถ่ายเหลวเล่นเอาซนต้องไปซื้อยาที่คลีนิคมาให้เลย ถึงตอนนี้อาการปวดจะทุเลาลงบ้างแล้วแต่มันก็ยังรู้สึกปั่นป่วนอยู่ภายใน

     

    “ผมจะมาได้ยังไงนั้น พี่ไม่ต้องสนใจหรอก ให้รู้แค่ว่าที่ผมมาหาพี่ถึงที่นี่ก็เพราะว่าผมเป็นห่วงพี่” ทิวเขาตอบสายตาจ่อนิ่งที่คนบนเตียงกับสภาพที่ยังดูไม่สู้ดีนัก

     

    “อย่าลีลา ที่กูถามเพราะว่ากูต้องการคำตอบ” ธนูย้ำ เขาไม่ชอบเลยที่ตัวเองต้องมาป่วยแบบนี้มันทำให้ดูอ่อนแอในสายตาของคนอื่น

     

    “พี่เนี่ยนะ จริงๆ เลย” ทิวเขาเปรยเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง สบตาพี่ธนูแล้วขำเบาๆ ไม่ลืมตอบคำถามนั้นของอีกฝ่าย “จะเรียกว่าเป็นโชคชะตาก็ได้ เพราะผมตั้งใจไปหาพี่ที่ตึกคณะแล้วบังเอิญได้เจอกับพี่ซนพอดี ผมเลยได้รู้ว่าพี่ธนูป่วย”

     

    “แสดงว่าเป็นไอ้ซนสิน่ะที่เอากุญแจมาให้มึง”

     

    “ครับ พี่ซนเป็นคนเอากุญแจมาให้ผมเอง แล้วนี่พี่ทานอะไรมาหรือยัง จะทานข้าวต้มสักหน่อยไหม มันยังร้อนอยู่เลย”

     

    “ข้าวต้ม” คนทวนขมวดคิ้วงงใส่ จนได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมจากเด็กข้างบ้าน

     

    “อ๋อ ผมซื้อมาจากข้างนอกน่ะ คิดว่าถ้าพี่ได้กินอาหารอ่อนๆ ก็น่าจะดีต่อกระเพาะอาหารของพี่ ฉะนั้นถ้าเลิกสงสัยแล้วก็มากันกันเถอะนะครับ”

     

    “ไม่กินและก็ไม่ต้องมายุ่งด้วย มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย” ธนูบอกปัด ไม่อยากรับความหวังดีจากคนเกเรที่วุ่นวายกับชีวิตเขาไม่เลิก สำคัญสุดคือไม่อยากติดหนี้บุญคุณให้ต้องชดใช้กันอีก

     

    “ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกครับเพราะผมเป็นห่วง และพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามความห่วงใยของผมด้วย” คนเอ่ยยื่นหน้ามาหาแล้วยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นยืนจะเดินไปหยิบชามมาใส่ข้าวต้มแต่ชะงักเท้าเมื่อได้ยินหนึ่งประโยคจากคนไข้บนเตียง

     

    “นายมันดื้อ ดื้อด้านแถมยังวุ่นวายไม่เลิก”

     

    “ที่ผมเป็นแบบนั้นเพราะว่าผมเป็นห่วงพี่ยังไงละครับ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ” ทิวเขาอธิบายเสียงอ่อน มันเป็นเพียงเหตุผลสั้นๆ ที่ค่อนข้างสำคัญกับเขามาก

     

    “เข้าใจงั้นเหรอ หึ” ธนูพึมพำเบาๆ แล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่น ยังคงได้ยินคำพูดของทิวเขา

     

    “เอาเถอะครับ พี่ไม่ต้องเข้าใจผมก็ได้แล้วเช้านี้กินยาบ้างหรือยังครับ พี่ซนบอกผมว่าเมื่อวานไปซื้อยาให้พี่แล้ว ว่าแต่ยามันอยู่ตรงไหนนะ” ทิวเขาว่าพร้อมกับสาวเท้าเดินตามหาสุดท้ายก็พบว่ามันวางอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขาเลยหยิบมันมาถือเอาไว้ในมือ

     

    “มึงกลับไปเถอะ กูจะนอนแล้ว”

     

    “นอนพักแต่ไม่กินยาไม่กินอะไรเลยมันจะหายหรือครับ เอาเป็นว่าผมจะเลิกวุ่นวายกับพี่ถ้าพี่ธนูยอมกินข้าวต้มนี่แล้วก็ยอมกินยานี่ตามไปด้วย” คนเอ่ยชูซองยาในมือ แม้จะเห็นสายตาแห่งความไม่พอใจนั่นแต่หากไม่ทำแบบนี้คนป่วยก็จะเอาแต่นอนซมไม่ยอมกินอะไรแน่นอน

     

    “วุ่นวายชะมัด” ธนูถึงกับบ่นพึมพำ ทั้งที่ออกปากไล่ไปแล้วแต่ก็เหมือนพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเมื่อคนฟังไม่ได้ทำตามเลยสักนิด ซ้ำยังจุ้นจ้านจัดการเสียจนวุ่นวาย หากไม่ติดว่าปวดท้องถ่ายจนหมดแรงแล้วป่านนี้จะลุกขึ้นมาดึงหูแล้วลากออกไปจากห้องด้วยตัวเอง

     

    “โอ๊ย”

     

    “ปวดท้องหรือครับ” ทิวเขาถามขึ้นในทันทีเมื่อเห็นคนบนเตียงเอามือขึ้นมากุมท้องตัวเองไหนจะเสียงร้องนั่นอีก หน้าตาซีดเซียวอย่างกับผีดิบ อาการหนักแบบนี้ทนมาได้ยังไงก็ไม่รู้

     

    “มา ผมช่วย” คนว่าเดินมาจะช่วยประคองแต่ถูกปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเลยด้วยซ้ำ

     

    “ไม่ต้อง”

     

    “แรงยืนจะไม่มีอยู่แล้วยังจะอวดเก่งอีกนะครับ แบบนี้ใครกันแน่ครับที่ดื้อ” แม้จะถูกคนพี่ต่อต้านทั้งคำพูดและสายตาแต่คนน้องอย่างทิวเขาก็ไม่คิดย่อท้อ ยังไงก็เป็นคนป่วยหากไม่คิดจะดูแลก็คงไม่มาตั้งแต่ทีแรก

     

    ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกโดยมือของหนุ่มน้อยปีหนึ่งพร้อมกับร่างคนป่วยที่ถูกวางลงบนชักโครก สายตาของทิวเขายังคงแสดงออกถึงความห่วงใย เพราะในใจของเขานั้นอยากดูแลพี่คนนี้ให้ถึงวินาทีสุดท้ายแต่มันก็คงเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น

     

    “ออกไปดิ”

     

    “ไหวแน่นะครับ หรือจะให้ผมอยู่ช่วยจนพี่เสร็จกิจเลยก็ได้นะ ยังไงก็คนเคยๆ กันอยู่แล้ว”

     

    “เคยบ้าบออะไรของมึง”

     

    “แหม...จะอายอะไรละครับ เมื่อสมัยตอนเด็กๆ พี่กับผมก็แก้ผ้าอาบน้ำคลองด้วยกันบ่อยๆ นี่จำไม่ได้แล้วเหรอครับ”

     

    หน้าตาคนพูดดูยิ้มระรื่นต่างจากคนฟังที่แดงก่ำจนไม่รู้ว่านั่นเป็นเพราะพิษไข้หรือความโมโหกันแน่

     

    “กูบอกให้ออกไปไง ฟังประสาคนไม่รู้เรื่องเหรอ” ธนูขึ้นเสียง ปวดท้องก็ทำเอาล้าอยู่แล้วนี่ยังต้องมาปะทะฝีปากกับเจ้าเด็กเกเรข้างบ้านคนนี้อีก

     

    “ก็ผมเป็นห่วงนี่นา อยากช่วยพี่จริงๆ นะ”

     

    “ไม่ต้อง กูไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะต้องมีคนมาช่วยดูแลเรื่องแบบนี้”

     

    “งั้นก็อย่าล็อคประตูนะครับ ถึงปากจะบอกว่าไหวก็เถอะ ยังไงก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี”

     

    เหมือนพูดแค่ให้ได้ยินเท่านั้นเพราะหลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นจบไปแล้วประตูห้องน้ำก็ปิดลงในทันทีแถมยังล็อคประตูใส่อีกเล่นเอาคนเป็นห่วงได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจ

     

    เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกั้นกลางระหว่างเราสองคนเอาไว้แต่ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าสิ่งนั้นคืออะไร

     

    และกว่าที่ประตูห้องน้ำจะเปิดออกก็เล่นเอาคนรอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะกลัวว่าคนป่วยจะอาการยิ่งแย่ลงแต่พอได้เห็นหน้าจากความอึดอัดจึงค่อยๆ หายไปมองคนร่างสูงที่กำลังเดินกุมท้องตัวเองไปยังเตียงนอนตัวเอง

     

    “กินข้าวต้มซะหน่อยนะครับ เนี่ยมันยังอุ่นอยู่เลย จะได้กินยาแล้วก็นอนพักอย่างที่พี่ต้องการยังไงละครับ” ทิวเขาบอก เขาใช้เวลาที่อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำไปจัดการกับข้าวต้มที่ซื้อมาและคาดหวังไว้ว่าคนป่วยจะยอมกินมันบ้าง

     

    “ไม่กิน” ธนูตอบเพราะยังไม่หิว ค่อยๆ ลงมานั่งที่เตียง สภาพร่างกายในตอนนี้อยากพักเต็มแก่แต่เพราะมีทิวเขาอยู่ในห้องเลยได้แค่นั่งเอาหมอนหนุนหลังมองอีกฝ่ายนิ่ง

     

    “อย่าดื้อสิครับ ไม่งั้นผมไม่ไปนะ”

     

    “จะเอาชนะให้ได้เลยใช่ไหม”

     

    “ผมไม่ได้อยากเอาชนะ แต่ผมแค่อยากให้พี่หาย อย่างน้อยกินข้าวต้มรองท้อง ไม่หมดก็ไม่เป็นไรครับพี่จะได้กินยาต่อไง” ประโยคนั้นกึ่งขอร้องแกมอ้อนวอนหวังเพียงคนบนเตียงจะยอมทำตาม

     

    “น่าเบื่อจริงๆ เลย” ธนูพึมพำสุดท้ายก็ยื่นมือออกไป อีกฝ่ายเหมือนเข้าใจรีบส่งชามข้าวต้มให้ด้วยรอยยิ้ม

     

    เพียงคำแรกที่กินก็เหมือนจะกระตุ้นอาการปวดท้องอีกแล้วแต่เพราะอยากให้ทิวเขาออกไปจึงพยายามกินต่อเรื่อยๆ กระทั่งหมดแล้วจึงค่อยกินยาตาม ในสถานการณ์แบบนี้ทำไมถึงได้รู้สึกอ่อนแอขนาดนี้

     

    ทิวเขากลับเข้ามาในห้องของธนูอีกครั้งหลังจากที่เอาชามข้าวต้มไปล้าง แต่เพราะคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงกับการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้คิดว่าอีกฝ่ายคงนอนหลับไปแล้ว สองเท้าก้าวไปข้างหน้าก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง

     

    “หลับจริงๆ แล้วสินะ” ปากบ่นออกไปแค่นั้นพร้อมกับค่อยๆ ย่อตัวลงซึ่งในระยะประชิดตัวแบบนี้ก็ทำให้ยิ่งตกหลุมรักมากขึ้น

     

    ทิวเขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมา ความรู้สึกที่มีให้ธนูนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังไม่เคยหมดลงไปซ้ำมันยิ่งทวีคูณมากขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะรักได้มากขนาดนี้

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×