ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    How to love ก็เด็กมันร้าย

    ลำดับตอนที่ #11 : EP. 5 กฏแรงดึงดูดของใจ / 100

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 64


    ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์

     

    กล้วยทอดยังร้อนถูกโยนไปให้ซนโดยคนซื้อหน้าตาบอกบุญชัดเจน

     

    “ขนมเนี่ย ถ้าจะให้ก็เอามาให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง โยนกันแบบนี้ถ้าตกพื้นขึ้นมามันเสียดายของ” ซนว่าโชคดีที่รับถุงกล้วยทอดเอาไว้ได้ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากินแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะเหลือบตามองคนร่างสูงที่นั่งลงตรงข้าม สายตาส่อแววอาฆาตร

     

    “มองหน้ากูทำไมวะ” ซนถามปากยังเคี้ยวกล้วยทอดอยู่

     

    “บอกกู ว่ามึงกำลังวางแผนอะไรอยู่” ธนูถาม เขาแค่สงสัยถึงอะไรบางอย่างที่ยังไม่สามารถพิสูจน์แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ไอ้ซนจะทำอะไรบางอย่างกับตน

     

    “กูเหรอ ไม่เข้าใจว่ะ อธิบายใหม่ดิ กูงง”

     

    “วันนี้ที่สนามกีฬา มึงนัดไอ้ทิวมันมาใช่ไหม” คนถามสายตาแน่วแน่มองคนตรงหน้าเห็นชัดว่ามันกำลังหลบสายตา

     

    “กูไม่ได้นัด”

     

    “มึงโกหก”

     

    “กูเปล่าโกหก กูไม่ได้นัดน้องมันมาจริงๆ นะ” ซนตอบ จริงๆ ก็ไม่ใช่คนนัดซะหน่อยแค่ทำตามแผนการของทิวเขาจึงไม่ใช่คนนัดอีกฝ่ายมา

     

    “งั้นมึงมีธุระอะไรด่วน ถึงทิ้งกูไปแบบนั้น” ธนูยังถามไม่เลิก นิสัยคนโกหกมักจะร้อนตัวและทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะกดดันเหล่านั้น

     

    “เออ ตอนนั้นกูเพิ่งนึกได้ว่าลืมปิดแอร์ในห้องนอนว่ะ กูกลัวว่าจะถูกมึงด่าถ้ากลับไปแล้วเห็นว่าแอร์มันเปิดทิ้งไว้ กูก็เลยรีบกลับไปก่อนไง”

     

    “มึงโกหก ก่อนออกมากูเช็คแล้วว่าแอร์มันไม่ได้เปิด”

     

    “มึงจะไปเช็คได้ยังไง นั่นมันห้องนอนกูนะ เหอะน่า กูกลัวมึงจะด่าจริงๆ เลยรีบกลับไปไง” ซนยังยืนยันหนักแน่น รู้จักนิสัยของธนูคนนี้ดี ว่าจะต้องทำทุกทางให้เขาจนมุมแล้วคลายความจริงออกมา แต่ขอโทษครั้งนี้ซนไม่ยอมเสียท่าแน่

     

    “แล้วตอนนี้มึงไม่คิดว่ากูจะด่ามึงเหรอ ไอ้สัด”

     

    “นี่ไง กูถึงไม่อยากบอก กูก็รีบไปปิดแล้วไง มึงยังจะเอาอะไรอีก”

     

    “งั้น...มึงไปรู้อะไรมาเกี่ยวกับไอ้เด็กทิวนั่น”

     

    “รู้อะไร”

     

    “มึงจะเล่าดีๆ หรือจะให้กูบังคับ”

     

    “ไอ้ธนู...” ซนตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งท่ารับ ก็ถูกอีกฝ่ายเข้ามาล็อกคอเอาทั้งที่ยังกินกล้วยทอดอยู่ จนเกือบจะสำลัก พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้นและหากไม่มีใครมาขัดขึ้นเสียก่อน ซนคงไม่รอดแล้ว

     

    “ทำอะไรกันอยู่เหรอ” หมอบีถามขึ้น ตกใจที่เห็นคนสองคนกำลังฟัดเหวี่ยงกันอยู่โดยคนถูกกระทำได้แต่ร้องขอให้ปล่อยส่วนคนที่กระทำก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตาม

     

    “เฮ้ย ไอ้หมอบี มึงมาได้จังหวะพอดีเลย” ซนรอดพ้นมาได้เพราะหมอบีจริงๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่ลืมหยิบถุงกล้วยทอดมาถือไว้ด้วย

     

    “จังหวะพอดี อะไรเหรอซน” หมอบีมถามหน้างง

     

    “คือ ไอ้ธนูมันบ่นหิวนะ มึงพามันไปหาอะไรกินหน่อยสิ มีเรียนตอนสิบโมงยังพอมีเวลา เดี๋ยวกูไปจองที่นั่งให้ก่อนนะ” จบประโยค ซนก็วิ่งออกไปทันที โดยมีธนูยืนมองพร้อมกับขบกรามแน่น

     

    หลังจากที่พากันมาที่โรงอาหารฝั่งวิทย์ ก็สังเกตเห็นว่าคนที่ซนบอกว่าหิว ตอนนี้ยังไม่ได้แตะข้าวในจานตรงหน้าสักเม็ด แถมหน้าตาก็เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างจนต้องถามออกมาด้วยความอยากรู้

     

    “นี่ตกลงไม่ได้หิวจริงๆ ใช่ไหม”

     

    “ไม่ได้หิว แค่หงุดหงิดใครบางคน” ธนูตอบ หน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์ตั้งแต่เจอเด็กทิวเขานั่นก็เหมือนความสงบสุขในชีวิตของเขาค่อยๆ หมดลง จนตอนนี้มีแต่ความวุ่นวายอยู่ในหัวเต็มไปหมด

     

    “แปลกจัง ปกติไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ใครคนนั้นคงทำนายหงุดหงิดมากจริงๆ”

     

    “ช่างมันเถอะ อ้อนี่ค่าชีทของวันนั้น” คนว่าพร้อมกับยื่นเงินในมือให้อีกฝ่าย วันนั้นแค่อยากแกล้งทิวเขาขายหน้าเล่นแต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยไว้

     

    “ไม่เป็นไร นายเก็บไว้เถอะ”

     

    “ไม่เอา ค่าชีทไม่ใช่บาทสองบาท เอาไปเถอะ ฉันไม่ชอบติดค้างใคร” เงินตอนนี้ถูกยัดใส่มือของหมอบีไปแล้วเพราะไม่อยากติดค้างจึงไม่อยากให้มันคาราคาซังแต่เรื่องทิวเขา พยายามเท่าไรก็เหมือนว่ามันจะยุ่งเหยิงไปหมด แถมไอ้เพื่อนเวรยังทำตัวมีพิรุธอีก

     

    “งั้นก็ขอบคุณ”

     

    “กูต่างหากที่ต้องขอบคุณ วันนี้เวลาเดิมนะ แล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวมื้อนี้ กูต้องไปแล้วว่ะ ไว้เดี๋ยวเจอกันเย็นนี้นะหมอ”

     

    “โอเค” หมอบียกมือลาพร้อมกับยิ้มให้คนที่รีบวิ่งออกไป ขณะที่ตอนนั้นหวายนั่งสังเกตการณ์อยู่อีกโต๊ะหนึ่ง

     

    “ใช่คนที่ไอ้ทิวพูดถึงอยู่เหรอเปล่าวะ” จากคำบอกกล่าวของเพื่อน ทั้งหน้าตา บุคลิก ส่วนสูงก็ดูจะตรงเกือบหมดแต่ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องถ่ายรูปไปให้มันยืนยันอีกที กล้องมือถือตั้งท่าเตรียมถ่าย ภาพแรกถ่ายไว้แต่หน้ายังไม่ชัด หวายเลยลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้อีกจนลืมตัวกระทั่งมีเสียงทักขึ้นเขาถึงกับหน้าเหวอ

     

    “ทำอะไรครับน้อง ถ่ายรูปพี่ทำไม” หมอบีถามเสียงเข้ม ตอนแรกไม่ได้สนใจกับน้องนักศึกษาปีหนึ่งคนนั้นแต่พอสักพักเริ่มรู้สึกว่าน้องมันตั้งใจจะถ่ายรูปเขาจึงจ้องถามกลับไปด้วยความสงสัย

     

    “เออ ผม...ไม่ได้ถ่ายพี่ครับ คือผมจะถ่ายหมาที่อยู่ข้างหลังพี่นะครับ” หวายแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ พร้อมกับโชว์หลักฐานว่าถ่ายหมาตัวดำที่นอนอยู่ใต้โต๊ะ โชคดีที่ไหวพริบดีและต้องขอบคุณเจ้าหมาประจำถิ่นที่ทำให้เขารอดพ้นจากความสงสัยนั่น

     

    “ขอตัวนะครับ”

     

    น้องปีหนึ่งเดินจากไปแล้วแต่หมอบียังมองไม่เลิก สีหน้าและแววตายังบอกว่าสงสัยอยู่ก่อนจะหันมามองที่เจ้าหมาดำที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น

     

    “พี่ซนบอกว่าวันนี้สี่โมงเย็นพี่ธนูมีนัดติวน้องที่คณะแพทย์ กูมีลางสังหรณ์ว่าไอ้พี่หมอบีคนนั้นจะไปติวด้วย” ทิวเขารายงานเพื่อนแต่หวายถามอีกอย่าง

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่มึงต้องซื้อของกินไปให้พี่ธนูเขาด้วยวะ เขาไปติวหนังสือจะมีเวลาที่ไหนมากิน” หวายทำหน้างง ตั้งแต่ตอนที่มันชวนออกมาซื้ออะไรแล้วบอกจะเอาไปฝากพี่รหัสของเขาจนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ในการเสียเงินครั้งนี้

     

    “มึงจำไม่ได้หรือยังไง ตอนนั้นที่กูไม่มีเงินจ่ายค่าชีทไอ้พี่หมอบีมันได้หน้าไปแล้ว วันนี้กูต้องได้หน้าบ้างละ อย่างน้อยกูก็จำได้ว่าพี่ธนูเคยชอบกินเค้กใบเตย” ทิวเขาอวด

     

    “แต่มันจะดีเหรอวะ เอาแต่ซื้อไปให้พี่เขา ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ มีหวังมึงไม่มีเงินจะแดกแน่”

     

    “กูจะหางานทำ”

     

    “เฮ้ยมึง กูว่าหาวิธีอื่นดีกว่านะ ยังมีวิธีอื่นที่จะชนะใจพี่ธนูเยอะเลยมึง ไม่จำเป็นต้องเสียตังบ่อยๆ แบบนี้ มึงยังแบมือของที่บ้านอยู่เลยนะ”

     

    “แล้วไอ้วิธีที่มึงว่ามันวิธีไหนวะ” คนถามตั้งตารอฟังแต่ที่ไหนได้

     

    “ตอนนี้กูยังนึกไม่ออกว่ะ”

     

    “งั้นก็เอาวิธีนี้ไปก่อน กูซื้อไปแล้วยังไงก็ต้องถึงมือพี่ธนู” คนว่าพร้อมกับชูกล่องใส่เค้กใบเตยที่ถือออกมาจากร้านหน้ามหาวิทยาลัย

     

    และเมื่อถึงเวลาทั้งสองก็มาหาติวเตอร์ธนูถึงตึกคณะแพทย์แต่เพราะไม่รู้ว่าสอนกันตรงมุมไหนจึงเดินหาไปทั่วก่อนจะตัดสินใจถามคนที่นั่นจนรู้ว่ามาสอนกันที่ไหนแต่ภาพที่เห็นคือต่างจากที่คิดเอาไว้มาก

     

    “มึงไหนว่าแค่มาติวหนังสือวะ แล้วทำไมถึงมีของกินเพี๊ยบเลย” หวายกระซิบบอกเพื่อน แปลกใจที่จุดติวหนังสือมีออาหารวางเต็มโต๊ะยาว แถมยังมีเค้กใบเตยก้อนโตอีก ไม่ทันจะถามต่อประโยคหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลัง

     

    “น้องใช่รุ่นน้องที่ถ่ายเอกสารให้พี่ธนูวันนั้นหรือเปล่าครับ พี่ว่าพี่จำไม่ผิดนะ” หมอบีถามขึ้น เหลือบตามองคนที่ยืนข้าง คนนี้ก็จำได้ว่าเพิ่งเจอกันเมื่อตอนเช้าที่โรงอาหารของฝั่งวิศว แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

     

    “จำไม่ผิดหรอกครับ ผมเอง” ทิวเขาตอบหน้าซึม เหมือนโดนไม้ฟาดใส่หน้าอย่างแรง คิดว่าทำดีแล้วแต่ก็มีคนที่ทำออกมาดีกว่าเป็นร้อยเท่า มาตอนนี้ถึงกับเซ็ง

     

    “แล้วมาทำอะไรแถวนี้ครับ หรือว่ามาหาเพื่อน ถ้าไม่รีบมากินขนมด้วยกันก่อนไหม พี่สั่งมาเยอะเลย ส่วนเค้กใบเตยนี่เว้นให้พี่ธนูเขานะครับ”

     

    “เออ ไม่ดีกว่าครับ ผมต้องรีบไปหาเพื่อนก่อน ไปนะครับ” ทิวเขารีบปฏิเสธ จูงมือเพื่อนแล้วเดินออกไป ถึงของในมือที่อยากให้คนที่ชอบมาตอนนี้ดูท่าว่าจะเป็นหมันเสียแล้ว

     

    “เจ็บว่ะ” คนพูดน้ำตาตกใน เจ็บจี๊ดๆ แต่ก็ยังมีเพื่อนปลอบใจอยู่ข้างๆ

     

    “มึงใจเย็นๆ นะ มันแค่ก้าวแรกเว้ย อย่าเพิ่งท้อ” หวายเอามือขึ้นมาโอบไหล่ทิวเขา เห็นใจมันเพราะอีกคนดูเหนือกว่ามาก แต่ก็ไม่อยากให้หมดกำลังใจไป ยิ่งเห็นมันหันหน้ามามองราวกับอ้อนวอนแล้วก็นึกเห็นใจ

     

    “กูหมายถึง มึงเหยียบตีนกูอยู่เว้ย”

     

    “เออๆ ขอโทษเว้ย แล้วมึงเอาไงต่อวะ” เกือบจะทำเอาเห็นใจแล้วถ้ามันไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน

     

    “ไม่รู้ว่ะ ขนาดกูคิดว่าทำแค่นี้แล้วจะทำให้พี่ธนูเขาประทับใจบ้างที่กูดูใส่ใจและเทคแคร์พี่เขาแต่วันนี้ไอ้พี่หมอบี ทำให้กูรู้ว่ากูต้องทำให้คนรอบข้างพี่ธนูเขาประทับใจด้วย มันถึงจะชนะใจพี่เขาได้”

     

    “งั้นมึงจะถอยหรือจะสู้ต่อ”

     

    “มึงคิดว่าเพื่อนอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูรักของกูมาตั้งนานแล้ว จะมายอมให้กับคนที่มาทีหลังกูได้ยังไงวะ ถึงกูจะไม่ใช่พระเอกแต่กูคือตัวร้ายที่ชอบพระเอกเว้ย”

     

    “แหม กูชอบมึงจังเลยว่ะ มาขอกอดที”

     

    “หยุดเลย ไอ้ความคิดที่จะชอบกู ยังไงกูกับมึงก็เป็นเพื่อนกัน กูไม่มองเพื่อนเป็นอย่างอื่นเว้ย” ทิวเขาว่าไม่ยอมให้หวายกอด

     

    “ไอ้สัด กูหมายถึงกูชอบที่มึงต่อสู้กับความรักของมึง ไม่ได้หมายความว่ากูจะชอบมึงแบบนั้นซะหน่อย” หวายรีบแก้ตัว ไม่เข้าใจว่ามันคิดแบบนั้นได้ยังไง

     

    “ก็แล้วไป เตือนไว้ก่อนนะว่าห้ามชอบกูเด็ดขาดเพราะกูยังไม่อยากตัดขาดมึงออกจากความเป็นเพื่อน”

     

    “ไอ้สัดเอ๊ย” หวายสบถออกมา มองหน้าเพื่อนอย่างหาเรื่องแล้วถามเรื่องเค้กใบเตยที่อยู่ในมือทิวเขา

     

    “แล้วจะเอายังไงกับเค้กใบเตยนั่นดี”

     

    คำถามนั้นทำให้ทิวเขาต้องก้มลงมองเค้กใบเตยที่อยู่ในมือของตัวเอง มันคือความตั้งใจและความมุ่งมั่นซึ่งก็ไม่อยากให้ความทุ่มเททั้งหมดนั้นสูญเปล่าไป

     

    ค่ำแล้ว ธนูเพิ่งกลับมาถึงที่พัก แวบแรกที่เห็นซนยืนอยู่ก็แปลกใจไม่น้อยแต่ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมืออีกฝ่ายบอกว่ามารอ

     

    “นี่มารอกูจริงดิ”

     

    “อืม” ซนย้ำอีกครั้งพร้อมกับยื่นของในมือให้ “เอาไป มีคนฝากมาให้”

     

    “เค้กใบเตย” ธนูทวน ถ้าจะบอกคนเอามาให้คือหมอบีก็ไม่น่าจะใช่เพราะตอนนั้นก็กินเค้กใบเตยอยู่ที่ตึกคณะแพทย์จนหมดแล้ว

     

    “มึงนี่เสน่ห์แรงจังเลยนะ เดี๋ยวหมอ เดี๋ยวเภสัช”

     

    “มึงพูดเชี้ยอะไร กูไม่มีใครทั้งนั้นแหละ แล้วนี่ไปเอามาจากไหน เอากลับไปคืนเขาเลยนะ กูไม่ใช่คนที่จะเอาของๆ ใครง่ายๆ ถ้าไม่รู้จัก”

     

    “มึงก็รู้จักน้องมันดี” คนว่าไม่พูดเปล่าแต่ยัดถุงที่ใส่เค้กให้อีกฝ่าย แค่ต้องมานั่งรอเจอมันก็นับว่าเสียเวลาแล้วแต่ก็ต้องยอมเพื่อผลลัพธ์ที่พนันกับเพื่อนไว้ “กูไปละ คืนนี้ไม่รบกวนมึงแล้วนะ พอดีเอากุญแจลงมาด้วย” ซนล้วงเอากุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาโชว์เพื่อนพร้อมกับตบบ่าธนูไปสองสามครั้งแล้วเดินจากไป

     

    ด้านของธนูยกมือข้างที่ถือถุงใส่เค้กใบเตยขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาและเหมือนว่าในนั้นจะมีกระดาษโน๊ตพับครึ่งติดมาด้วย เขาหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน

     

    ‘พี่ธนู ช่วยรับเค้กใบเตยของผมไปด้วยนะครับ แม้มันอาจดูไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับเค้กใบเตยที่พี่หมอบีซื้อให้พี่ แต่ผมก็ตั้งใจซื้อมาให้พี่เลยนะ ได้โปรดอย่าทิ้งมันนะครับ เพราะมันคือความรู้สึกทั้งหมดของผมที่อยากให้พี่

     

    รักนะครับ

     

    ทิวเขา’

     

    คนอ่านจบถึงกับทำหน้านิ่ง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไงแต่ว่า...เค้กใบเตยนี่ถ้าต้องกินเข้าไปอีกก็คงจะเอียนน่าดู

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×