คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : EP. 5 กฏแรงดึงดูดของใจ / 50
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ๆ”
เพราะเสียงนั้นทำให้คนที่ยังเดินวอร์มก่อนวิ่งจริงในสนามถึงกับต้องหันไปมอง เพราะธนูถูกซนปลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อมาขอให้วิ่งเป็นเพื่อน ในตอนแรกก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่คนอย่างซนจะมีความคิดแบบนี้ได้ แต่ก็ยอมตามใจมันกระทั่งมาถึงสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยแต่ไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีคนมาทักแถมยังเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะเจออีก
“อ้าว น้องทิวเขา นี่มาวิ่งเหมือนกันเหรอ” ซนถามสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากเพื่อนที่มากับเขาด้วยที่ดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนัก
“ครับ แล้วนี่พี่ๆ มานานกันเหรอยังครับ วิ่งได้กี่รอบแล้ว” ทิวเขาถามต่อเหลือบตามาหาธนูเห็นไม่สนใจเขาเพราะพยายามหันหน้าไปมองทางอื่นราวกับไม่อยากคุยด้วย
“เพิ่งมาไม่นานแต่น้องทิวเขามาก็ดีแล้ว งั้นพี่ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ พอดีเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระน่ะ” คนว่าตบไหล่ธนูไปสองสามทีก็วิ่งออกไปเลยไม่สนกับเสียงเรียกที่ดังตามหลัง
“ไอ้ซน ธุระอะไรของมึงวะ มึงเป็นคนชวนกูมาวิ่งเองนะเสือกมามีธุระอะไรอีก ไอ้ซนกลับมาก่อนเว้ย ไอ้ซน” เสียงตะโกนเรียกเพื่อนไม่ได้ผล แถมยังต้องมาอารมณ์เสียกับคำพูดของเด็กข้างบ้านอีก
“ถึงพี่ซนไม่อยู่ พี่ก็มาวิ่งกับผมได้นะ แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะพี่ต้องแบ่งเวลามาวิ่งในหัวใจของผมด้วย”
“น้ำเน่าว่ะ” คนว่าเอ่ยแค่นั้น ค่อยๆ เร่งเท้าเดินให้เร็วขึ้น ยังไงก็มาถึงสนามแล้วถ้าไม่วิ่งเลยก็น่าเสียดาย
“น้ำเน่าแล้วยังไงครับ มันก็ทำให้คนพูดรู้สึกดีก็แล้วกัน”
“แต่กูฟังแล้วจะอ้วก”
“ก็อยากให้ฟังไว้ให้ชินหูนะครับ เพราะอีกหน่อยพี่อาจต้องได้ยินคำพูดแบบนี้บ่อยๆ” จบคำพูดประโยคนั้น คนร่างสูงก็วิ่งนำออกไปเลยโดยไม่มีการรีรอแถมยังวิ่งเร็วจนเขาตามไม่ทัน
“พี่จะรีบวิ่งไปไหนเนี่ย รอผมด้วยสิ พี่ธนู” เสียงนั้นตะโกนไล่หลังคนที่วิ่งไปไกลแล้ว จนทิวเขาต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ทันคนข้างหน้าแต่บอกได้คำเดียวว่า...เหนื่อย
ทางด้านของซน หลังทำหน้าที่ของตัวเองได้เสร็จสิ้นแล้วก็มายืนซื้อเครื่องดื่มอยู่หน้าร้าน ความจริงวันนี้ได้วางแผนกับทิวเขาเรียบร้อยแล้วเรื่องที่จะชวนธนูมาวิ่งด้วยกัน และเพราะเป้าหมายคือเงินหมื่นที่จะได้หลังจากที่ภารกิจพิชิตหัวใจที่ร่วมทำกับทิวเขาสำเร็จ ต่อให้เป็นคนนอนขี้เซาขี้เกียจตื่นเช้ามากแค่ไหนก็ต้องแหกขี้ตาตื่นเอาและระหว่างนั้นเองก็ได้เจอกับรุ่นน้องในคณะแต่เสือกถามอะไรที่มันไม่เข้าท่า
“อ้าวพี่ซน ตื่นเช้ามาได้ไงครับเนี่ย” หวายถามขึ้น แปลกใจที่เช้านี้มาเจอกับรุ่นพี่ซนได้เท่ากับคำเล่าลือต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับพี่เขาก็อาจไม่เป็นความจริง
“ทำไมวะ”
“ก็ผมไปได้ยินรุ่นพี่ปีสามนินทาพี่ว่าพี่เป็นประเภทไม่ชอบตื่นเช้าและถ้าไม่มีเรียนก็จะตื่นเที่ยงโน่นเลย เวลานัดทำรายงานกลุ่มเลยต้องนัดกันหลังเที่ยงเป็นอย่างต่ำ”
“สัด เชี้ยตัวไหนนินทากูวะ เออ แต่ช่างแม่งมันเหอะ แล้วมึงอ่า มาทำอะไรตรงนี้ หรือว่าถูกพี่ปีสองเรียกมาทำกิจกรรม แต่กูว่ามันเช้าไปไหม”
“อ๋อ เปล่าครับ พอดีเพื่อนผมมันชวนผมมาวิ่ง แต่พอเจอเป้าหมายมันก็เสือกทิ้งผมไปเลย”
“เป้าหมาย อะไรวะ” คนถามขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ถ้าผมบอกพี่ไป พี่อย่าไปบอกพี่รหัสผมนะ ไม่งั้นผมโดนกินหัวแน่”
“เออ ไม่บอก เล่ามา” ด้วยความอยากรู้ทำให้ซนรับปากหวายที่จะไม่บอกเรื่องนี้ให้ธนูรู้เพราะคิดว่ามันน่าจะมีอะไรดีๆ
“ก็ไม่มีอะไรมากครับแค่เพื่อนผมชอบเพื่อนพี่” คนที่เอ่ยออกไปไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจแต่อย่างใดส่วนคนฟังก็ทำหน้างงอยู่
“เพื่อนมึงชอบเพื่อนกู เพื่อนมึงคนไหนวะ แล้วเพื่อนกูคนไหน”
“โอ๊ยพี่ แล้วเรากำลังพูดถึงใครกันอยู่ล่ะ ทำไมเข้าใจยากอย่างนี้เนี่ย”
“ก็พูดให้มันเคลียร์หน่อยสิ เพื่อนมึงกูจะไปรู้จักได้ยังไง ส่วนเพื่อนกูที่กำลังพูดถึงอยู่ก็...เชี้ย ไอ้ธนูเหรอ” ซนทำหน้าตกใจสุดๆ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นธนู คนที่ไม่มีแววว่าชาตินี้จะมีแฟนกับใครเขาแต่ก็ยังเสือกไปพนันกับเพื่อนต่างคณะอีก
“ก็ใช่นะสิครับ เพื่อนผมชอบพี่ธนูและตอนนี้เชี้ยแม่งกำลังรุกทำคะแนนจีบเพื่อนพี่อยู่ ไม่รู้ป่านนี้วิ่งกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“เดี๋ยวนะ เพื่อนมึงชอบไอ้ธนู แล้วตอนนี้เพื่อนมึงก็กำลังวิ่งอยู่กับไอ้ธนู อ้าว นี่มึงเป็นเพื่อนกับน้องทิวเขาเหรอ”
“อ้าว พี่ก็รู้จักมันด้วยเหรอ”
“เออดิ แล้วมึงบอกว่าเพื่อนมึงชอบไอ้ธนู เป็นไปได้ไงวะ” นั่นสิเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยทำให้เขาชนะพนันเพื่อนแต่ก็ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องที่ว่ามันชอบธนู
“พี่ซนไม่รู้อะไร มันน่ะชอบของมันมานานแล้ว ผมสงสารเลยช่วยมันเท่าที่จะช่วยได้ ก็ระดับพี่ธนูใครจะกล้าไปแหย่ด้วย” จบประโยคนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทันทีเล่นเอาหวายงงจนต้องถามออกไป
“ขำอะไรวะพี่”
“กูว่ากูเข้าใจแล้ว เพื่อนมึงนี่ร้ายเหมือนกันนะ ตอนแรกบอกจะมาช่วยกู ที่ไหนได้ช่วยทำให้ตัวเองมีโอกาสได้ใกล้ชิดคนที่ชอบมานาน นับถือมันจริงๆ เลยว่ะ”
“นี่แสดงว่าไอ้ทิวมันก็มาขอให้พี่ช่วยงั้นเหรอ แต่ทำไมมันไม่เคยบอกอะไรผมเลย”
“ถ้ามันไม่บอก งั้นเดี๋ยวกูบอกมึงเองแต่ตอนนี้จ่ายค่าน้ำให้กูด้วยนะแก้วหนึ่งแลกกับความลับที่กูจะบอก” ซนว่าพร้อมกับหยิบชาเย็นมาถือไว้ในมือ ไม่รอโดนทวงเขารีบดูดขึ้นทันที
“เดี๋ยวสิพี่ จริงๆ รุ่นพี่ต้องเลี้ยงรุ่นน้องสิ ไหงเป็นรุ่นน้องเลี้ยงรุ่นพี่ได้ล่ะ” หวายทำหน้างงแต่ก็ยอมควักเงินจ่ายให้
“เออน่า ออกให้กูก่อน” คนพูดตอนนี้ปากยังดูดชาเย็นไม่หยุด ขณะที่ในสนามทิวเขายังวิ่งตามธนูอยู่ ท่าทางดูเหนื่อยล้าเต็มทนจนต้องเอ่ยปากถามคนที่วิ่งนำหน้าออกไป
“พี่จะวิ่งอีกกี่รอบเนี่ย เราวิ่งกันมาหลายรอบแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอไง” ทิวเขาพูดตามหลัง ยังคงวิ่งตามไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่เริ่มเฉื่อยลงไปทีละนิด
“ถ้าเหนื่อยก็ไปพักซะ จะมาวิ่งตามกูทำไม”
“ก็ผมอยากอยู่ใกล้พี่นี่”
หลังจบประโยคนั้น คนที่วิ่งนำหน้าอยู่ก็หยุดกะทันหันแล้วหันมามองคนที่วิ่งตามหลังอย่างช้าๆ รอจนกระทั่งร่างนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเสียงลมหายใจหอบถี่
“แล้วนี่มึงไม่มีเรียนหรือยังไง ถึงมาวิ่งตามกูอยู่ได้”
“มีครับแต่เป็นตอนเก้าโมง และนี่มันก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเอง ยังพอมีเวลา” ทิวเขาอธิบายยังหายใจไม่เต็มปอดก็เห็นคนร่างสูงวิ่งออกไปอีกแล้ว เขาถึงกับสูดหายใจเข้าออกยาวๆ แล้ววิ่งตามไปอีก
ที่ห้องพัก หวายกลับมาอาบน้ำาเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว รออยู่สักพักถึงได้เห็นร่างของทิวเขาปรากฏตัวแต่สภาพดูสะบักสะบอมจนต้องถามออกมา
“ทำไมมึงดูเหนื่อยจังเลยวะ จะไปเรียนไหวไหมเนี่ย”
“ไหวดิแต่ขอกูพักก่อน พี่ธนูแม่งโหดว่ะ ไม่สงสารกูเลยสักนิด กูวิ่งตามแทบไม่ทัน” คนว่าล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง เป็นคนวางแผนการนี้เองแต่กลับต้องมาเหนื่อยแทบขาลาก อีกหน่อยพอระบมมันจะปวดกว่านี้อีก
“ก็พี่ธนูเขาเป็นนักกีฬาวิ่งของมหา’ ลัย แล้วมึงเป็นนักกีฬาอะไรไม่ทราบ” หวายว่า เดินมากอดอกพิงกับเสาเตียง มองดูเพื่ออย่างเวทนา ดันมารักขอสูงมันก็เลยต้องพยายามให้มากหน่อย
“กูเป็นนักมวยไง” คนว่าหันมาตอบเพื่อน เสียงยังหอบ
“หรอออไอ นักมวยแต่วิ่งแค่นี้ก็หอบแล้ว ถุ้ย”
“แล้วมึงจะมาซ้ำเติมอะไรกูนักหนาวะ”
“ก็กูเห็นแล้วเวทนามึง พี่ธนูไม่ได้เก่งแค่ติวหนังสือ แต่ยังเป็นนักกีฬาเหรียญทองของมหา’ ลัยอีกด้วย อ้อ อีกเรื่องที่กูไม่รู้ว่ามึงรู้หรือยัง คือพี่ธนูของกูเนี่ย เป็นเดือนมหาลัยด้วย”
“ทำไมมึงดูรู้เรื่องของพี่ธนูดีจังวะ”
“ก็นั่นน่ะมันพี่รหัสกู กูต้องมีข้อมูลตอนที่ไปขอลายเซ็นกับพี่เขา ทำไม...หรือมึงอยากล้วงข้อมูลพี่ธนูจากกู”
“ถ้าได้ก็ดี ถึงกูจะรู้จักกับพี่ธนูมาตั้งแต่เด็ก แต่บางเรื่องกูก็เพิ่งรู้เอาจากมึงนี่แหละ” ทิวเขาว่า สีหน้าดูเหนื่อยล้า อย่างเรื่องนักกีฬาวิ่งหรือแม้แต่เรื่องเดือนมหา’ ลัย ก็นับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่เขาเองก็เพิ่งได้รู้จนคิดไปอีกว่าสามปีที่ไม่ได้เจอกันอาจเป็นสามปีที่เขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพี่ธนูคนนี้
“เอาน่า ข้อมูลมันสามารถอัพเดตใหม่ได้ แต่ข้อมูลเก่าที่มึงมีมันอาจจะทำให้มึงดูเหนือกว่าคนที่คิดจะมาจีบพี่ธนูแข่งกับมึง”
“มึงคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”
“มึงก็ลองคิดดูให้ดีๆ ในตอนนั้นมึงกับพี่ธนูได้สร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันในขณะที่คนพวกนั้นที่มาจีบพี่ธนู เพิ่งจะรู้จักกับพี่เขาเอง ความทรงจำอะไรจะมาสู้มึงได้ แล้วว่าแต่มึงกับพี่ธนูมีความทรงจำดีๆ เหลือไว้ไหม” หวายถามต่ออยากรู้ภูมิหลังของความรักของเพื่อน
“ความทรงจำดีๆ ระหว่างกูกับพี่ธนูนะเหรอ ไม่มีเลยว่ะ เอาจริงกูก็ไม่ต่างอะไรจากข้อมูลเก่าที่พี่ธนูอาจจะเตรียมดีลีทออกไปจากสมองของเขาแล้ว” ประโยคนั้นพูดเองยังเจ็บเลย แต่เพราะไม่คิดจะสิ้นหวังและพยายามมาโดยตลอด การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ธนูคือความสำเร็จในก้าวแรกแต่มาถึงก้าวสองก็เหมือนจะสะดุดให้แล้ว
แล้วแบบนี้ควรจะทำยังไง
ความคิดเห็น