คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP. 2 ถ้าบอกว่ารอก็จะรอ / 100
สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นของธนูก็ทำให้เขาต้องขับรถมาถึงคณะจนได้ หลังพระอาทิตย์ตกดินแบบนี้ก็เหมือนจะมีแค่ความมืดมิดเท่านั้นที่แทรกซึมเข้ามา ตรงที่นั่งหน้าลานเกียร์ตอนนี้ไร้ซึ่งผู้คน แม้แต่หมาเจ้าถิ่นก็ยังหายหน้าไป ยังคงไล่สายตายังโต๊ะที่นั่งเรียงตามตัวอักษรก็เห็นชัดว่าไม่มีใคร ทำให้ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยว่าสิ่งที่กำลังกังวลอยู่นั้น สุดท้ายน้องมันไม่ได้รอจริงๆ
“ดีแล้วที่มึงไม่ได้รอกู” ธนูบ่นพึมพำกับตัวเองเตรียมหันหลังเดินจากแต่กลับชะงักเท้าไว้เพราะเสียงร้องโอ๊ยนั่นที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หนุ่มวิศวะปีสามเงยหน้าขึ้นไปยังต้นเสียงแล้วถึงกับขมวดคิ้วงง ค่อยๆ เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงกับตกใจตื่นเพราะคนที่คิดว่าไม่อยู่รอเขาแล้วแท้จริงนั้นกำลังยืนอยู่บนต้นไม้เก่าแก่ของคณะ
"ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นวะ" ปลายเสียงถามขึ้นทันทีและนั่นถึงกับรู้สึกผิดเพราะหลังจบประโยคนั้นก็เหมือนจะได้เห็นใครบางคนตกต้นไม้ต่อหน้าต่อหน้าเล่นเอาตกใจตื่น
"เอ้าๆ ระวังหน่อย” คนว่าได้แต่มองเท่านั้นไม่ได้เข้าไปช่วยประคอง รอจนกระทั่งอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเองพร้อมกับคำถามกำกวม
"นี่พี่เป็นห่วงผมหรอ"
"กูกลัวว่าคณะกูจะเสียชื่อต่างหาก แล้วมึงไปทำห่าอะไรข้างบนนั้น" คนว่าสายตายังจ้องอยู่ที่นักศึกษาปีหนึ่งที่กำลังเอามือสะบัดเสื้อผ้าตัวเองเพื่อปัดฝุ่นออกไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ
"ก็ผมรอพี่อยู่ตั้งนานพี่ก็ไม่มาซะทีแถมไอ้หมาที่ไหนก็ไม่รู้มาเห่าใส่ผมอีก พี่ก็รู้ว่าผมกลัวหมามากขนาดไหน ผมเลยต้องปีนขึ้นไปอยู่บนนั้นก่อน"
"แล้วมึงยังจะรออยู่ตรงนี้อีกทำไมวะ ทำไมไม่กลับไปเลย"
"ก็พี่บอกให้ผมรอ ผมก็ต้องรอสิ ในเมื่อผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดพี่แล้วก็ไม่อยากทิ้งโอกาสนั้น ถึงแม้ว่าพี่อาจจะแกล้งไม่มาตามที่นัดกันไว้ก็ตาม" ทิวเขาว่า จริงๆ ก็พอจะรู้ว่าการนัดหมายครั้งนี้อาจมีโอกาสสูงที่เขาจะได้กินแห้วแทนข้าว แต่เพราะความอยากรู้อีกนั่นแหละที่ทำให้ต้องอดทนรอถึงขนาดนี้
"เออ ขอโทษละกัน กูไม่ได้ตั้งใจ" ธนูว่าเสียงอ่อน ผิดก็ต้องขอโทษอย่างน้อยก็ทำให้คลายความรู้สึกผิดที่ทิ้งมันไปแบบนั้น
"เดี๋ยวนะที่พี่บอกไม่ได้ตั้งใจ ก็แสดงว่าพี่ไม่ลืมสินะว่าพี่นัดผมเอาไว้" คนว่าทำเสียงอ้อน มองคนที่ยังยืนทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับความผิดในครั้งนี้แถมยังไม่ยอมรับผิดอีก
"แต่มึงก็ไม่น่าจะรอ"
"ก็พี่บอกให้ผมรอ"
"แล้วถ้ากูบอกให้มึงไปตาย มึงจะไปไหม" ธนูถามเสียงแข็งรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทียิ่งมาฟังคำตอบจากปากของทิวเขาก็ทำเอาหน้าร้อนเพราะความกวนตีนของมัน
"ก็...ต้องรู้ก่อนว่าถ้าผมตายจริงๆ แล้วพี่จะอยู่ไม่เป็นสุข พี่จะไม่มีทางชอบใคร และพี่จะคิดถึงแต่ผมเพียงคนเดียว ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ไปตายตามที่พี่บอกได้"
"เพ้อเจ่อ แล้วดูสภาพมึงตอนนี้สิ มอมแมมอย่างกับลูกหมา" จริงอย่างนั้นเพราะจากที่เห็นตอนนี้กับช่วงกลางวันนั้นเหมือนเป็นหนังคนละม้วนกันเลย
"ทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษพี่คนเดียวเลยนะ เนี่ย หนีหมาไม่พอยังจะมาโดนมดแดงกัดให้อีก เจ็บชะมัด" ทิวเขาว่าพร้อมกับยื่นแขนให้ดูตำแหน่งที่โดนกัด ส่วนธนูถึงกับถอนหายใจ ไม่ได้เห็นแผลนั่นเพราะมันมืดแล้วแต่ถ้าโดนมดแดงกัดจริงๆ ก็คงจะแสบร้อนน่าดู
“แล้วนี่มึงเอารถมาไหม”
“ถามทำไมครับ”
“ตอบกูมาเหอะน่า จะย้อนทำไม” คนถามเริ่มส่งสายตารำคาญ
“เดินมาครับ”
"งั้นพักหอในใช่ไหม เดี๋ยวกูไปส่ง"
"ไปส่ง แล้วเรื่องกินข้าวของเราล่ะ พี่จะเบี้ยวผมหรอ" ทิวเขาทำเสียงงอนส่งสายตาเศร้าๆ ไปให้ ไฟตรงเสากระทบกับเงาในดวงตาของเขาดูระยิบระยับรอฟังคนตรงหน้าอธิบาย
"กูไม่ได้จะเบี้ยว แต่กูไม่ไปกับมึงในสภาพนี้หรอกนะ ถ้าจะไปกินก็ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วเดี๋ยวจะพาไปหาอะไรอร่อยๆ กิน"
“พูดแล้วนะ ไม่ใช่ว่ามาส่งผมที่หอแล้วก็ขับรถหนีกลับไป ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะโกรธพี่จริงๆ แล้วนะ”
“ก็โกรธสิ กูสนหรอ” ธนูว่าหน้าตาย ยืนกอดอกนิ่งแต่พอเห็นทิวเขาเดินเข้ามาหาเขากลับถอยหลังออกโดยอัตโนมัติ
“เนี่ย ทำไมชอบทำร้ายจิตใจผมนัก ทั้งที่ผมแคร์พี่มากนะทำไมพี่ไม่แคร์ความรู้สึกของผมเลย” ทิวเขาว่าสีหน้าเซ็งเป็ด
“พล่ามอยู่นั่นแหละ ตกลงจะไปไม่ไปถ้าไม่ไปกูจะได้กลับ”
"ก็ต้องไปสิ คนอุตส่าห์รอมาตั้งนาน” คนว่าทำเสียงงอนสุดท้ายก็ยอมตามหลังคนพี่ไปยังรถก่อนฟอร์จูนเนอร์คันดำจะขับมาจอดหน้าหอพัก
“กูรอในรถนะ อย่าช้าละ” ธนูว่าแล้วหลับตาเอนตัวลงกับเบาะที่ปรับให้ต่ำลง ส่วนทิวเขาก็ขึ้นมาที่ห้องเตรียมจัดการเปลี่ยนชุดใหม่แต่กลายเป็นว่าการที่พี่วิศวะปีสามมาส่งน้องเภสัชปีหนึ่งถึงหอพักเข้าตาคนในห้อง
"เดี๋ยวนะมึง นั่นใช่รถพี่ธนูหรือเปล่าวะ” หวายถามอย่างสงสัย เป็นหนึ่งในสี่คนที่ได้พักอยู่ด้วยกันกับทิวเขาและจากป้ายรถฟอร์จูนเนอร์คันนั้นก็คิดว่าจำไม่ผิด
“ใช่” ทิวเขาว่ากำลังเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลองโดยที่ยังมีสายตาชวนสงสัยของหวายมองอยู่
“แล้วมากับรุ่นพี่กูได้ไงวะ”
"ก็แล้วทำไมจะมาไม่ได้ ก็นั่นนะ ว่าที่แฟนกูในอนาคต"
"เชี้ย...เล่นของสูง" หวายดูมีสีหน้าตกใจสุดๆ เพราะไม่คิดว่าทิวเขา เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันจะทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ถึงขนาดคิดจะจีบรุ่นพี่ธนู ติวเตอร์หน้าหล่อแต่แอบแฝงไว้ด้วยความโหด
"ไอ้หวาย มึงควรรู้เอาไว้นะว่าเพื่อนมึงคนนี้เป็นคนที่ชอบตะเกียกตะกาย ต่อให้จะสูงแค่ไหนกูจะขึ้นไปให้ถึงจนได้" ทิวเขาเอ่ยแล้วเดินไปสำรวจตัวเองหน้ากระจกเครื่องแป้ง หวายฟังแล้วถึงกับส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายแทน
"เออ แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนวะ" คนถามเดินมาหยิบถุงขนมมาเปิดกินพร้อมกับรอคำตอบจากเพื่อน
"หมายถึงไปทำยังไงพี่ธนูถึงมาส่งกูได้นะเหรอ" ทิวเขาเอียงหน้ามาถาม
“เปล่า กูหมายถึงมึงน่ะไปทำอีท่าไหนถึงมาอยู่ในสภาพนี้ได้”
“เรื่องมันยาวไว้กูกลับมาเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้ขอไปเดทกับว่าที่แฟนกูก่อนนะ” จบคำคนพูดยิ้มทะเล้นออกมาแล้วเดินหน้าลอยออกไปจากห้องทิ้งหวายให้ต้องทำหน้าหนักใจ ชักเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาแล้ว
ที่ร้านอาหารเพิ่งถูกพนักงานเอามาเสิร์ฟจนครบแต่คนที่บอกจะมาเลี้ยงกลับเอาแต่มองหน้าไม่ยอมลงมือกินซะทีจนทิวเขาต้องเอ่ยปากถาม ในมือถือช้อนส้อมรอแล้ว
“มองหน้าผมอยู่ได้ หรืออาหารที่สั่งมันไม่น่ากินครับ”
“เปล่าแต่ที่กูมองมึงเพราะมึงมันไม่เคยเปลี่ยนเลย”
“ยังไงอ่า” ทิวเขาขมวดคิ้วด้วยความงง
“ก็ชอบเอาชนะไง”
“อ๋อ ถ้าพี่จะหมายถึงที่วันนี้ผมยังรอพี่ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่อาจจะแกล้งผมด้วยการไม่มา ก็อาจจะใช่นะ แต่ผมชอบเอาชนะเฉพาะกับคนที่ผมสนใจเท่านั้นและก็หวังไว้ลึกๆ ว่าสักวันจะชนะใจพี่เขาได้”
“หมายถึงกูงั้นเหรอ”
“ก็รู้ตัวนี่ครับ”
“ฝันไปเถอะมึง” ธนูบอกหน้าเซ็ง ตักอาหารใส่จานตัวเองโดยมีสายตาของเด็กข้างบ้านมองอย่างยิ้มๆ
ความคิดเห็น