ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    How to love ก็เด็กมันร้าย

    ลำดับตอนที่ #4 : EP.2 คนที่บอกว่ารอก็จะรอ / 50

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 64


    เย็นแล้วกับบรรยากาศในคลาสโดยติวเตอร์พี่ธนูวิศวะปีสาม หลังจากที่สอนจนจบบทเรียนไปแล้วก็ถึงเวลาเลิกเสียที มือหนากำลังเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าเป้อย่างเรียบเรื่อย ถึงการสอนในวันนี้จะใช้เวลานานกว่าที่คิดเอาไว้เหตุเพราะคนเข้าเรียนไม่รักษาเวลา แม้จะเคยพูดถึงเรื่องนี้มาหนหนึ่งแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิมจนตอนนี้ขี้เกียจจะพูดแล้ว

     

    "ขอบคุณมากนะครับพี่ที่มาสอนพวกเรา นี่ครับค่าตอบแทน" 

     

    ธนูรับถุงขนมมาจากตัวแทนของรุ่นน้องที่เขาอาสาติวให้เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มที่แยกมาจากเด็กเรียนเก่งโดยการสอนในครั้งนี้คาดหวังเอาไว้ว่าผลสอบในรอบถัดไปจะอยู่ในมีนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความขยันทบทวนและตั้งใจใฝ่หาความรู้ของพวกรุ่นน้องเอง หลังจากที่รับของตอบแทนแล้วก็สะพายเป้เตรียมเดินออกจากห้องเรียนไม่ทันจะก้าวไปไหนไกลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

     

    "เฮ้ยธนู มึงติวน้องเสร็จแล้วใช่ไหม" เสียงนั้นมาจากคนร่างสูงกับเสื้อช็อปสถาปัตย์กางเกงยีน ชอบมัดผมไว้ข้างหลังตามสไตล์หนุ่มเซอร์แต่เรียนดี

     

    "เสร็จแล้วครับ" ธนูตอบหน้านิ่งมือหนึ่งยกขึ้นมาถอดแว่นตาแล้วเก็บใส่กล่องยัดใส่กระเป๋าเสื้อช๊อปแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้มีรุ่นพี่ต่างคณะมาเยี่ยมเยียนถึงที่ 

     

    "เสร็จแล้วก็ดี พอดีกูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อยน่ะ" 

     

    "ช่วยเหรอครับ" ธนูขมวดคิ้วทำหน้ามึน เพราะเดาไม่ออกว่าเรื่องที่รุ่นพี่สถาปัตย์ต้องการให้ช่วยคืออะไรกระทั่งได้รับความกระจ่างในเวลาต่อมา

     

    "ขอบใจมึงมากนะ นี่ถ้าบัดดี้กูไม่มาท้องเสียไปก่อน กูคงไม่รบกวนมึงหรอก เพราะลำพังแค่มึงติวให้น้องในเอกมึงก็หนักพออยู่แล้ว"

     

    "ไม่เป็นไรครับ เรื่องติวหนังสือให้น้องๆ ผมชอบอยู่แล้ว" ธนูว่าหลังจากที่รู้ว่าพี่สถาปัตย์ปีสี่ต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร เขาก็ไม่ปฏิเสธเพราะคิดเสมอว่าการติวหนังสือให้รุ่นน้องเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของรุ่นพี่ และก็ทำแบบนั้นมาโดยตลอด

     

    "อืม ยังไงก็ขอบคุณละกัน ไว้เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนมึงละกัน" คนว่ากำลังโอบไหล่ธนูพร้อมกับตบเบาๆ ยังมีเสียงตอบกลับมาให้รู้สึกดี

     

    "ไม่เป็นไรครับพี่ สบายๆ ไม่ต้องคิดมาก"

     

    "เออๆ งั้นกูไปดูน้องๆ กูก่อน ได้ติวเตอร์ธนูมาสอนแบบนี้ สอบครั้งหน้าคะแนนคงอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น" จบประโยคทั้งสองก็โบกมือลาใส่กัน รุ่นพี่ปีสี่เดินจากไปแล้วโดยที่ธนูยังมองอยู่ เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนจะยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

     

    เวลาเดียวกัน คนนั่งรออย่างทิวเขายังไม่ไปไหน หลายชั่วโมงกับการทำหน้าเหงาอยู่ตรงนี้โดยที่ไม่วี่แววว่าจะเห็นร่างเงาของธนูโผล่มาจนอดบ่นให้ตัวเองฟังไม่ได้

     

    "พี่ธนูนะพี่ธนู ใจคอจะให้ผมรออีกนานแค่ไหน" คนว่าทำหน้าเซ็ง จนบางทีก็นึกท้อใจแต่พอมาคิดถึงเรื่องที่รอมาได้ถึงสามปีก็เลยฮึดสู้ด้วยการทนรออีกสักหน่อยเพียงเพราะหวังไว้ลึกๆ ว่าความอดทนในวันนี้จะทำให้เขาสมหวังในวันข้างหน้า พอคิดได้แบบนี้ก็ค่อยมีแรงจูงใจขึ้นมาหน่อยแต่ว่า...มันมีบางอย่างที่กำลังเป็นอุปสรรค

     

    โฮกๆ โฮกๆ โฮกๆ

     

    คนที่ตั้งใจว่าจะนั่งรอไม่ไปไหน หลังได้ยินเสียงนั้นถึงกับลืมตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เพราะทิวเขานั้นตอนเด็กๆ ฝังใจกับการโดนหมากัดแล้วต้องถูกฉีดยาไปหลายเข็ม ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหมาเห่าก็จะเสียอาการและเป็นอย่างที่เห็น 

     

    "พี่ธนู เมื่อไรพี่จะมาสักที ผมจะไม่ไหวแล้วนะ โอ๊ย"

     

    คนว่าตอนนี้ยืนอยู่บนต้นไม้แล้วโดยที่สายตายังเล็งไปที่หมาดำซึ่งยังเห่าใส่เขาไม่เลิก เล่นเอาตัวสั่นไปหมด แถมยังมาโดนมดแดงกัดเข้าให้อีก ไม่รู้เวรกรรมอะไรถึงต้องมาซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้ ข้าวก็ยังไม่ได้กินแถมคนที่บอกจะเลี้ยงก็ไม่รู้ว่าจะโผล่หัวมาตอนไหน

     

    "เฮ้ยธนู ทำไมวันนี้มึงกลับมาเร็วจังวะ"

     

    เป็นเสียงทักของซนที่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เตรียมออกไปลัลล๊าข้างนอก แต่เพราะวันนี้ได้เจอธนูก่อนเคารพธงชาติมันเลยรู้สึกแปลกๆ จนต้องเอ่ยปากถามออกไป

     

    "กูก็แค่อยากจะกลับมาก่อนที่มึงจะออกไปก่อนบ้างไม่ได้หรือไง" คนว่าเดินมาวางกระเป๋าเป้ลงที่โต๊ะหนังสือตัวเองก่อนจะเดินมาหยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่า นิ้วเรียวปลดมาถึงกระดุมสองเม็ดบนยังได้ยินคำถามดังมาจากเพื่อนจอมจุ้น

     

    "เออ แต่กูก็ยังรู้สึกแปลกๆ ว่ะ ปกตินะถ้ามึงไม่มีติวหนังสือให้รุ่นน้อง มึงก็จะไปสิงตัวอยู่ที่หอสมุดกลางอยู่จนกระทั่งปิดถึงจะกลับมาที่ห้อง กิจวัตรมึงเป็นแบบนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้มึงแปลกจริงๆ" ซนว่าแล้วหรี่ตามอง

     

    "มึงเลิกแปลกใจในตัวกูได้แล้ว จะไปไหนก็ไป กูจะอาบน้ำนอนแล้ว"

     

    "นั่นไง แปลกเข้าไปใหญ่ ตั้งแต่รู้จักมึงมาเคยนอนก่อนกูที่ไหนแบบนี้มันมีพิรุธ" ซนเปลี่ยนมาชี้นิ้วใส่แต่พอเพื่อนทำท่าจะกัดเขารีบหุบนิ้วกลับทันที " มีพิรุธนะมึง อย่าบอกนะว่ามึงหนีใครมา"

     

    "กูไม่ได้หนี" ธนูปั้นหน้านิ่ง หันมาสนใจกับการถอดเสื้อตัวเอง ในใจตอนนี้คิดถึงเด็กข้างบ้านที่ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังจะรออยู่ที่เดิมหรือถอดใจไปหาอะไรกินเองแล้ว แต่ก็ภาวนาว่าให้น้องมันเลือกทำอย่างหลัง

     

    "เออ ไม่บอกก็ไม่บอก กูขี้เกียจซักไซ้แล้ว แต่คืนนี้ดึกหน่อยนะ พอดีนัดไอ้พัด มันพารุ่นน้องมาเลี้ยงหรือมึงเปลี่ยนใจจะไปนั่งกินน้ำชาโง่ๆ กับพวกกูวะ"

     

    "เชิญพวกมึงเหอะ กูขี้เกียจไม่อยากออกไปไหนแล้ว" ธนูว่าแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจซนอีก

     

    "แปลก" ซนว่าพร้อมกับหรี่ตามอง 

     

    สามสิบนาทีผ่านไป ธนูเดินออกมาจากห้องน้ำกำลังจะมุ่งหน้าไปหยิบชุดนอนในตู้ไม้ เสียงมือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูถึงกับชะงักเพราะเป็นปลายสายที่ไม่คิดว่าจะโทรเข้ามา

     

    'เออสวัสดีครับ น้าเรียม' คนเอ่ยเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง

     

    'ธนูหรือลูก น้าเรียมเองนะ น้าจะโทรมาถามว่าเราได้เจอกับทิวเขาหรือยัง รู้ใช่ไหมว่าน้องสอบติดที่เดียวกับธนู นี่ก็ไปตั้งหลายวันแล้ว น่าเลยอยากรู้ว่าธนูได้เจอน้องแล้วหรือยัง'

     

    'เออ เจอแล้วครับ' ธนูว่า เม้มปากเข้าหากัน ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

    'ดีจริง เนี่ยน้าต้องขอบคุณธนูเลยนะที่ช่วยขัดเกลาความคิดของทิวเขามัน น้าอยากให้ธนูรู้เอาไว้เลยว่าที่ลูกชายน้าสามารถสอบเข้ามหาลัยได้เพราะน้องมันเชื่อฟังคำพูดของธนูว่าให้มันสอบเข้ามหาลัยให้ได้ ที่น้องตั้งใจเรียนก็เพราะว่าธนูบอกน้อง เนี่ย น้าก็ไม่คิดว่ามันจะเชื่อฟังธนูมากขนาดนี้ ยังไงน้าก็ฝากให้ธนูช่วยดูๆ ทิวเขามันด้วยนะ ถือว่าน้าขอร้อง ได้ไหมธนู'

     

    'เออ ได้ครับ' ทุกคำพูดที่ได้ฟังทำเอาสะอึก จนรู้สึกผิดเลยที่ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป

     

    'ได้ฟังแบบนี้แล้วน้าก็สบายใจ งั้นน้าไม่รบกวนแล้วละ ถ้าธนูเจอทิวเขาอีกก็ช่วยบอกให้มันโทรมาหาน้าบ้าง น้าคิดถึงน่ะ'

     

    'ครับ แล้วผมจะบอกให้ครับ สวัสดีครับ' คนวางสายถึงกับถอนหายใจออกมา จากที่ได้ฟังคำพูดของน้าเรียมก็ทำให้นึกถึงบทสนทนาระหว่างเขาและทิวเขาในวันนี้

     

    “พูดเองนะ ว่าจะรอ” 

     

    “ครับ และผมก็เชื่อด้วยว่าพี่ธนูต้องรีบสอนน้องๆ ของพี่ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้พาผมไปเลี้ยงข้าว”

     

    “งั้นมึงก็รอไป กูมาเมื่อไรมึงก็ได้ไปกินข้าวเมื่อนั้นแหละ”

     

     

     บทสนทนาเหล่านั้นทำเอาคนคิดถึงกับหน้าหน้าเซ็งก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบ หากเด็กเกเรคนนั้นยังรอเขาอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน หากเป็นแบบนั้นจริงก็คง...รู้สึกผิด

     

    "มึงคงไม่รอจริงๆ ใช่ไหม"

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×