คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : EP. 1 คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ / 100
"ใครวะมึง"
ซนสะกิดด้วยเสียงข้างๆ หูของธนู เมื่อไล่ดูผ่านสายตาตัวเองก็เห็นชัดว่าต้องเป็นน้องปีหนึ่งแน่ๆ ดูได้จากป้ายชื่อที่คล้องคออยู่แต่ประเด็นคือน้องมันไปรู้จักกับธนูได้ยังไง
"สวัสดีครับพี่เพื่อนพี่ธนู ผมทิวเขาเป็นแฟน...คลับของพี่ธนูเขานะครับ" ทิวเขาแนะนำตัว ส่งสายตายียวนมาทางคนร่างสูง ภายใต้แว่นตานั่นยังเห็นถึงความหล่อทะลุออกมา ซึ่งก็ยังเป็นพี่ธนูคนเดิมเมื่อสามปีที่แล้วไม่เปลี่ยน
"แฟนคลับ เดี๋ยวนะ นี่น้องใช่น้องปีหนึ่งหรือเปล่า"
"ใช่ครับ" คนตอบยังมั่นหน้ายิ้มใส่
"อ้าวแล้วไปรู้จักเพื่อนพี่ได้ไง" ซนถามหน้ามึนขณะที่กำลังโอบไหล่ธนูอยู่
"รู้จักมาตั้งนานแล้วละครับ พอดีบ้านเราอยู่ติดกัน ปืนข้ามรั้วข้ามหน้าต่างกันออกบ่อย" แม้จะโดนมองด้วยสายตาดุๆ แบบนั้นแต่สำหรับทิวเขามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นดี ก็คิดว่าวันนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วเพราะคณะเราอยู่คนละฝั่งกันแต่คงเป็นพรหมลิขิตแหละที่นำพาให้มาเจอกันจนได้
"นี่มึงปีนหน้าต่างเป็นกับเขาด้วยเหรอวะ กูนึกว่ามึงเก่งแต่เรื่องติวหนังสือเป็นอย่างเดียว" คนว่าหัวเราะใส่เพื่อนเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีวีรกรรมเล่นซนกับใครเขา นี่ถ้าไม่ได้มารู้จากปากของเด็กข้างบ้านมันละก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด ก็ออกจะคุณชายซะขนาดนั้น
"กูไปก่อนนะ เผอิญมีธุระต้องสะสาง" ธนูตัดบท ดึงมือเพื่อนออกจากการเกาะไหล่ มือหนึ่งกระชับกระเป๋าสะพายไว้ก่อนสายตาจะเล็งมาที่ทิวเขา "ส่วนมึง...มากับกู" เอ่ยจบก็ก้าวเท้าเตรียมเดินแต่กลับชะงักกึกเมื่อได้ยินประโยคคำถาม
"เดี๋ยวสิครับ ผมยังคุยกับเพื่อนพี่ไม่เสร็จเลยนะ ว่าแต่พี่เถอะจะพาแฟน...คลับอย่างผมไปไหนเหรอครับ" คำพูดนั้นฟังดูเหมือนไม่มีอะไรแต่สายตาที่ส่งมาหาติวเตอร์หนุ่มนั้นบอกให้รู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นซึ่งก็คงมีแค่ทิวเขากับธนูเท่านั้นที่รู้ดี
"เออนั่นดิ มึงจะพาน้องมันไปไหน"
"ไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหม" ธนูหันมาว่าซนก่อนจะดึงมือทิวเขาแล้วลากออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาและสีหน้าชวนมึนงงของซน
พ้นจากตรงนั้นไปนานแล้วแต่คนนำทางก็ยังจะลากให้เดินไปด้วยกันอีกจนไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ตอนนี้คืออารมณ์พาไปหรือเพราะอยากทำแบบนั้นจริงๆ กันแน่
"อยากจะจับมือผมก็บอกกันดีๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นจะต้องฉุดกระชากลากถูกันเลย ไหนว่าไม่ชอบความรุนแรงไง" จบคำนั้นทิวเขาก็ถูกปล่อยอย่างเป็นอิสระ ต่อหน้าลานเกียร์ของคณะวิศวะซึ่งเป็นที่เล่าลือถึงความขลังแต่กลับไม่น่าสนใจเท่ากับคนที่กำลังยืนปั้นหน้าดุใส่อยู่ตอนนี้
"อย่ามากวนประสาท"
"งั้นผมไม่กวนแล้วก็ได้แต่จะมาเข้าเรื่องเลยละกัน" ทิวเขาว่า ยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ "ผมมาทวงสัญญา"
"สัญญาอะไร"
"อย่าทำเป็นลืมสิพี่ ถึงมันจะผ่านไปแล้วสามปีแต่ผมยังจำมันได้อยู่นะว่าคืนนั้นพี่พูดอะไรกับผม"
คำพูดของทิวเขาทำให้ธนูนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้น คนที่บ้าบิ่นบุกเข้าห้องนอนคนอื่นโดยพละการแถมยังต้องมาทำแผลให้ด้วยความสมเพชเวทนาอีก เป็นคนเดียวที่ชอบมีเรื่องชกต่อยและอาจพูดได้ว่าทิวเขาในตอนนั้นกับตอนนี้ดูต่างกันลิบลับ
"ก็ตั้งใจเรียนซะสิ ถ้ามึงสอบเข้ามหาลัยเดียวกับกูได้ มึงก็ได้เจอกู"
"ถือว่าเป็นคำสัญญาแล้วน๊า ว่าถ้าผมสอบเข้ามหาลัยเดียวกับพี่ได้ พี่ต้องยอมให้ผมเจอตัวบ่อยๆ”
"เออ กูจะรอ"
"แล้วยังไง กูก็เจอมึงตามที่พูดแล้วนี่ไง" ธนูว่าไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดในคืนนั้น เพราะไม่คิดว่าทิวเขาจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกับเขาได้ และมันก็น่าทึ้งที่เด็กเกเรไม่เอาดีด้านการเรียนคนหนึ่งจะทำเรื่องนี้สำเร็จ
"มันไม่ใช่แค่นั้นสิพี่ ผมรอมาตั้งสามปี มีไลน์พี่แต่ก็เหมือนไม่มีเพราะส่งอะไรไปพี่ก็ไม่เคยอ่าน จะโทรไปคุยก็กลัวจะรบกวน นี่ผมอดทนมากแค่ไหนพี่รู้ไหม สามปีเลยนะที่ผมไม่ได้เจอหน้าไม่ได้คุยกับพี่เลย"
"ตอนนี้มึงก็ได้เจอหน้ากูแล้วนี่ไง ได้คุยกับกูแล้วด้วย เพราะงั้นก็ถือว่าคำพูดในคืนนั้นจบแล้วนะ"
"ไม่จบง่ายๆ แบบนี้สิ" ทิวเขาว่าสีหน้าเหมือนไม่พอใจ
"แล้วมึงจะเอายังไง"
"จะเอาไงนะเหรอ พี่ก็ไม่น่าถามผมแบบนี้ เพราะพี่เองรู้ดีว่าเป้าหมายผมจริงๆ มันคืออะไร" ทิวเขาว่าส่งสายตาซึ้งๆ ให้
"กูไม่รู้เว้ย" ธนูปัดทำหน้าฟัดเหวี่ยงพยายามไม่คิดถึงมันอีก
"แกล้งทำเป็นลืมแบบนี้ ผมไปบอกเพื่อนพี่ดีมั้ยว่าผมน่ะ....เป็นแฟนพี่” ทิวเขาว่าปั้นหน้าขรึมใส่แต่แทนที่อีกฝ่ายจะกลัวกลับพูดประโยคที่ทำเอาคนฟังเสียวหลังวาบ
“มึงกล้าลองดีกับกูเหรอ ถ้ามึงทำแบบนั้น มึงก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากูอีก”
“โธ่พี่ธนู ทำไมไม่อ่อนโยนกับผมบ้างเลย ทีตอนแนะนำตัวกับน้องในเอกพี่ก็ยังพูดจาดีๆ อยู่เลย นี่ก็สามปีแล้วนะพี่จะไม่พูดดีๆ กับผมบ้างเลยเหรอ” คนว่าค่อยๆ ขยับเท้าเข้ามาใกล้แต่ก็เหมือนเคยเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรู้ทันรีบถอยห่างออกไปอีก
“ใช่ สามปีที่มึงก็ยังไม่เลิกกวนโมโหกู”
“ก็ผมชอบพี่จริงๆ นี่นา เนี่ยต้องตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือมากแค่ไหนถึงจะสอบเข้าที่เดียวกับพี่ได้ พี่ก็น่าจะให้รางวัลกับความตั้งใจของผมหน่อย ไม่ใช่เจอกันวันแรกก็ทำเหมือนจะผลักไสไล่ส่งผมไปให้ไกลๆ แบบนี้” คิดว่าถ้าหากเล่นบทคนขี้สงสารอาจทำให้อีกฝ่ายเห็นใจขึ้นมาบ้าง ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
“เอาเถอะในฐานะที่มึงตั้งใจเรียนจนสามารถเข้ามาเรียนในมหาลัยนี้ได้ อย่างน้อยน้าเรียมก็จะได้ภาคภูมิใจกับเขาบ้างที่มีลูกชายเอาดีด้านเรียนมากกว่าเรื่องชกต่อย กูยอมพามึงไปเลี้ยงข้าวก็ได้”
ประโยคสุดท้ายเหมือนคนพูดจะจำใจแต่กลายเป็นว่าคนที่ได้ฟังถึงกับตาโตใส่ด้วยความแปลกใจพร้อมกับทวนในสิ่งที่ได้ยินนั้นอีกครั้ง
“พี่ว่าไงนะ นี่พี่จะพาผมไปกินข้าวด้วยกันจริงๆ เหรอ”
“หรือมึงจะไม่ไป”
“ไปสิพี่ ไปเลยไหม” ทิวเขาว่าหน้ายิ้ม ก้าวเท้านำออกไปก่อนแต่ชะงักไว้เพราะคำพูดของธนู
“เดี๋ยว”
“หะ” คนถูกขัดหันหน้ามามองพลางขมวดคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจ
“กูมีติวน้องที่คณะ”
“แล้ว”
“กูก็ต้องไปติวไง ส่วนมึงถ้ายังอยากจะรอกูพาไปเลี้ยงข้าวก็รอจนกว่ากูจะมารับ” ธนูว่าดึงกระเป๋ามาหยิบชีทออกมายังมีเสียงของทิวเขาถามมา
“แล้วจะให้ผมรอตรงไหนอ่า”
“ก็แล้วแต่มึงสิ”
“งั้นผมไปรอในใจพี่ได้ปะ” ทิวเขาว่า ยิ้มทะเล้นใส่แต่กลับต้องผิดหวังเพราะคนฟังไม่อินแถมยังปั้นหน้าบึ้งตึงใส่อีก “โอเค งั้นผมรอที่ตึกคณะพี่ละกัน พี่จะได้ไม่ต้องวนรถไปรับผมที่หอพัก ว่าแต่ติวเสร็จกี่โมงอ่า”
“ไม่รู้ ไม่มีกำหนด”
“ติวอะไรไม่มีกำหนด” คนถามขมวดคิ้วใส่อีกครั้ง
“ก็จนกว่าเนื้อหาบทนั้นจะหมดไง ถ้ามึงรอไม่ไหวก็กลับไปก่อนได้เลย แล้วเรื่องที่กูจะเลี้ยงข้าวมึงในวันนี้ก็ถือว่าโมฆะ”
“งั้นผมก็ไม่กลับ ยังไงก็จะรอ รอมาตั้งสามปีแล้วกับอีกแค่รอไม่กี่ชั่วโมงทำไมจะรอไม่ได้”
“พูดเองนะ ว่าจะรอ” คนพูดหรี่ตามอง ยังอยากให้มั่นใจว่าเด็กมันยังจะรออยู่
“ครับ และผมก็เชื่อด้วยว่าพี่ธนูต้องรีบสอนน้องๆ ของพี่ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้พาผมไปเลี้ยงข้าว”
“งั้นมึงก็รอไป กูมาเมื่อไรมึงก็ได้ไปกินข้าวเมื่อนั้นแหละ” ธนูว่าแล้วค่อยๆ เดินจากไป ไม่ถึงนาทีก็หันหน้าไปมองเห็นว่าทิวเขากำลังเดินไปหาที่นั่ง เขาหันหลังกลับแล้วแสยะยิ้มพร้อมกับคำพูดพึมพำ
“รอไปเถอะมึง” แล้วเท้าหนาก็เดินจากไปโดยไม่หันไปมองคนข้างหลังอีก
ความคิดเห็น