คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกริ่นนำ วีรกรรมเด็กข้างบ้าน
คืนวันเสาร์ เวลา 22 นาฬิกา 30 นาที ห้าสิบห้าวินาที
ท่ามกลางความมืดสนิทมีเสียงกุกกักดังขึ้นและค่อยๆ ถี่จนคนที่นอนแล้วต้องลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะเลื่อนมือคลำหาบางอย่างมาถือไว้ เพียงรอจังหวะของแข็งในมือก็ถูกโยนไปที่ตำแหน่งเสียงนั้นทันที
"โอ๊ย"
หลังเสียงนั้นจบ ไฟในห้องก็เปิดสว่างขึ้นทันที เผยให้เห็นหน้าตาคนบุกรุกยามวิกาล ธนูหรือเกริกพล เป็นเจ้าของห้องส่วนไอ้คนที่ร้องเสียงหลงเหมือนลูกหมาเมื่อครู่นี้คือทิวเขา เด็กข้างบ้านที่ชอบปืนป่ายเข้าห้องนอนคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต อาทิตย์นี้นับเป็นครั้งที่สองแล้ว
"ทำกันได้ ผมเจ็บนะพี่" คนว่ากำลังเอามือขึ้นมาลูบหัวตัวเองหลังถูกของแข็งปาใส่ พอไฟสว่างถึงได้รู้ว่านั่นคือหัวสายชาร์ตแบต ทำเอาเจ็บซ้ำเจ็บซ้อนเพราะแค่บาดแผลก่อนหน้าก็ทำเอามึนแล้วหนหนึ่ง
"ก็ใครใช้ให้มึงมาปีนขึ้นห้องกูแบบนี้ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าหาทำ ทีนี้จะมาหาว่ากูใจร้ายไม่ได้นะ ไอ้เด็กเวร" ธนูว่าแต่กลับสะดุดที่ใบหน้าของทิวเขา คราวที่แล้วก็ว่าเยอะแล้วมาคราวนี้มันเยอะยิ่งกว่า
"แล้วหน้ามึงไปโดนใครเขาฟัดมาอีกวะ" เรียกได้ว่าครั้งไหนที่เจอกันแล้วทิวเขาไม่มีบาดแผลให้เห็นจะเป็นอะไรที่แปลกพิสดารมากซึ่งครั้งนี้ก็ถือว่าปกติเพียงแต่อดสงสัยไม่ได้เลยเผลอถามออกไป
"ก็แบบนี้แหละที่ยังไม่อยากกลับบ้านเพราะกลัวแม่จะเห็น ขี้เกียจฟังแม่บ่น บ่นเช้าบ่นเย็นบ่นได้ตลอดเวลา" คนว่าเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงด้วยท่าทีเหนื่อยล้าก่อนจะหรี่ตามองเจ้าของห้องที่กำลังกอดอกยืนอยู่ตรงหน้า
"พี่ธนู คืนนี้ผมขอนอนนี่นะ"
"คิดว่าห้องกูเป็นโรงแรมหรือไง ไม่เอา ยังไงพรุ่งนี้แม่มึงก็ต้องเห็นอยู่ดี แผลเยอะขนาดนี้วันเดียวไม่หายหรอก"
"โธ่ พี่ก็แก้ตัวให้ผมหน่อยสิว่าหกล้มหรือมอไซค์ล้มก็ได้ แม่ผมเชื่อพี่อยู่แล้ว" ทิวเขาว่า ไม่ใช่แค่แม่ของเขาคนเดียวเท่านั้นที่ชื่นชอบลูกชายบ้านนี้ คนในละแวกนี้ต่างก็ชื่นชมในตัวพี่ธนูคนนี้ ด้วยความเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่งถึงขนาดเป็นติวเตอร์ให้กับลูกหลานของคนในละแวกนี้ แถมยังใจดีสอนให้ฟรีอีก แต่ความดีเหล่านั้นกลับไม่เคยแบ่งปันมาถึงเขาเลย
"ร้ายนะมึงให้กูโกหกแม่มึงน่ะ" ธนูว่า ไม่ชอบใจที่ทิวเขานอกจากไม่ตั้งใจเรียนแล้วยังทำตัวเกเร ไปมีเรื่องชกต่อยกับคนโน้นทีคนนี้ทีแถมยังจะมาให้เขาช่วยโกหกผู้ใหญ่เพื่อเบี่ยงเบนความผิดของตัวเองอีกและหากไม่คิดว่านั่นคือคนข้างบ้านที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ป่านนี้จะโทรแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกและสร้างความรำคาญให้กับเจ้าของบ้านไปแล้ว นี่นับว่ายังเมตตาให้อยู่
"นะพี่ธนู อีกหน่อยผมก็กวนใจพี่ไม่ได้แล้ว ได้ข่าวว่าพี่สอบเข้ามหาลัยชื่อดังได้ และก็คงไม่ได้กลับมาที่นี่บ่อยๆแล้ว เพราะงั้นถือว่าช่วยผมอีกสักครั้งนะ"
"แต่ต้องไม่ใช่ให้กูโกหกแม่มึงแบบนั้น"
"ก็ได้ ไม่ต้องโกหกแม่ผม แต่เปลี่ยนให้ผมนอนที่นี่กับพี่นะ พี่ธนู ผมไหว้ละ" ทิวเขายกมือไหว้ พลางกะพริบตาปริมๆ คาดหวังว่าเจ้าของห้องจะยอมใจอ่อนอีกสักครั้ง
"มึงเนี่ยนะ ไม่เคยเปลี่ยนเลย" ธนูถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า อยากจะปฏิเสธเสียงแข็งแต่ก็สมเพชกับหน้าตาที่มีแต่บาดแผลแบบนั้น จนไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบมีเรื่องชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งที่วัยนี้ควรตั้งใจกับการเรียนให้มาก
ไม่นานผ้าขนหนูก็ถูกมือหนาโยนใส่คนที่ยังนั่งอยู่ที่ปลายเตียง อีกฝ่ายทันรับมาถือไว้ได้แต่ก็ส่งสายตามึนงงไปให้พร้อมกับประโยคคำถามอย่างซื่อ
"โยนผ้าขนหนูให้ผมทำไม"
"ก็ถ้าจะนอนที่ห้องกู มึงก็ต้องไปอาบน้ำก่อน แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เห็นแล้วมันสกปรก" คนว่าทำหน้าไม่ถูกใจสิ่งนี้
"งั้นผมยืมชุดพี่ด้วยสิ หรือว่าจะให้ผมแก้ผ้านอนกับพี่ก็ได้นะ อันนี้สะดวกสุด" คนว่ารีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหา แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกชี้นิ้วใส่
"หยุดเลย อย่ามาเข้าใกล้กูเด็ดขาด แล้วมึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ส่วนชุดเดี๋ยวกูเอาให้"
"ไม่อาบได้ไหมอ่า ถ้าบอกว่าเสื้อสกปรก ผมจะถอดทิ้งตรงนี้เลยแต่ไม่อาบได้ไหม มันหนาวอ่า" เสียงนั้นอ้อนให้น่าดูแต่เหมือนว่าจะใช้ไม่ได้ผล
"มึงจะไปดีๆ หรือจะให้กูโยนมึงออกจากหน้าต่างบานเดียวกับที่มึงปีนขึ้นมา"
"ไปก็ได้ ทำไมชอบดุผมจัง ทีกับคนอื่นนะก็เห็นพูดคุยดีอยู่"
"ก็คนอื่นมันไม่เหมือนมึงไง แทนที่จะตั้งใจเรียนมัวแต่ไปทำเรื่องอะไรก็ไม่รู้ และยังมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก บุญแค่ไหนแล้วที่กูเมตตาไม่ไล่ตะเพิดมึงไปน่ะ"
"พี่ไม่ทำแบบนั้นแหรอก เพราะพี่เองก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน" คนว่ายื่นหน้าไปให้พร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวนั่น
"จะลองดูไหมล่ะ เดี๋ยวกูจะเอาเรื่องที่มึงมีเรื่องชกต่อยวันนี้ไปบอกน้าเรียม จะเอาแบบนั้นไหมล่ะ"
"พอเลย งั้นผมไปอาบน้ำก็ได้ ทำไมไม่อ่อนโยนเหมือนตอนที่คุยกับคนอื่นบ้าง"
"ยัง ยังจะบ่นอีก ไปได้แล้ว เดี๋ยวกูก็เปลี่ยนใจไม่ให้มึงนอนค้างที่นี่หรอก" สิ้นคำธนูก็เห็นร่างคนข้างบ้านค่อยๆ สาวเท้าออกไปแต่ยังทำหน้าบึ้งตึงใส่ เขามองจนลับถึงกับถอนหายใจออกมา
ผ่านไปไม่นานคนในห้องน้ำก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันไว้ครึ่งท่อนล่าง ทำให้เห็นว่าผิวขาวนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำหลายตำแหน่ง ธนูยืนเอามือสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เห็นอีกฝ่ายกอดอกเนื้อตัวสั่น
"นั่งลง"
ทิวเขาทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียง สายตายังมองนิ่งที่คนร่างสูงซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆ
"หันหลัง"
"ทำไมต้องหัน พี่จะทำอะไรผมกันแน่ อย่าบอกนะว่าพี่จะ..." คนถามทำสายตาชวนคิดลึกก่อนจะโดนดีดนิ้วใส่หน้าผากเล่นเอาแสบ
"กูจะทายาให้มึง ในหัวมึงเนี่ยนะ คิดแต่ละเรื่อง"
"เอ้า ก็ใครจะไปรู้ล่ะ โอีย เบาๆ สิพี่ ผมเจ็บนะ" ไม่ทันที่ทิวเขาจะทันได้ตั้งตัว ก็โดนอีกฝ่ายจับหันหลังแทบร้องซี๊ดด้วยความเจ็บ ตอนนี้ร่างกายมันระบมไปหมดแล้ว ทั้งจากบาดแผลเก่าและใหม่ที่ปะปนกันไปหมด
"ก็ถ้ารู้ว่าเจ็บแล้วจะไปมีเรื่องชกต่อยทำไม เอาเวลามาตั้งใจอ่านหนังสือและเรียนไม่ดีกว่าเหรอ" ปากว่าแต่มือยังไม่หยุดทายาให้ทิวเขา เสียดายโอกาสดีๆ ที่คิดว่าหากตั้งใจเรียนมากกว่านี้ก็จะเป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่แต่ทุกวันนี้ได้ยินแต่เพียงเสียงบ่นตั้งแต่เช้ายันเย็น หากแถมรอบดึกไปด้วยคงเป็นอะไรที่หนักหนาแล้ว
"งั้นถ้าผมตั้งใจเรียน พี่จะให้ผมเป็นแฟนพี่ไหมล่ะ"
"อายุแค่นี้คิดเรื่องพวกนี้แล้วเหรอ เอาเรื่องเรียนให้รอดก่อนไหม"
"ผมก็สิบหกแล้วปะ ทำไมถึงคิดเรื่องมีแฟนไม่ได้" ทิวเขาว่าเอียงหน้ามาหาแต่กลับโดนดันให้หันกลับไปเหมือนเดิมพร้อมกับอาการปวดแปลบๆ ยามที่โดนทายาแรงๆ
"เพราะมึงยังเด็กสำหรับกูไง อีกอย่าง กูไม่ชอบคนเกเร"
"แต่ผม..."
"และกูก็ไม่ชอบคนดื้อด้วย"
"พี่ธนู..."
"นิสัยเด็กๆ แบบนี้อย่ารึคิดอะไรแบบนั้นกับกู เข้าใจไหม เอาไว้ให้มึงโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยมาพูดเรื่องนี้กับกู" ธนูว่าก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ไม้โดยมีโต๊ะขนาดพอดีกับของที่วางอยู่
"พี่..." ทิวเขามองตามเห็นอีกฝ่ายกำลังหยิบตำราเรียนมาเปิดออก โดยที่ยังมีเสียงพุูดออกมา
"ชุดอยู่ตรงนั้นไปเอามาใส่ซะแล้วก็ไปนอนได้เลย กูจะอ่านหนังสือต่อ"
"ดึกแล้วก็ยังต้องอ่านอีกเหรอพี่ นอนก่อนดีไหม" ทิวเขาว่าพร้อมกับเดินไปหยิบชุดที่เจ้าของห้องเตรียมมาให้ ระหว่างนั้นก็จัดการสวมใส่ไปพลางและคำตอบที่ได้ก็ทำเอาชะงัก
"เพราะมึงไงกูถึงนอนไม่หลับ แล้วมึงก็อย่ากวนประสาทกูอีก กูจะอ่านหนังสือแล้ว"
"งั้นผมนอนดูพี่อ่านหนังสือแทนได้ไหม " จบประโยคนั้น ทิวเขาก็เดินมานั่งลงที่เตียงค่อยๆ หย่อนตัวลงไปนอนแต่หันข้างเข้าหาคู่สนทนา เห็นอีกฝ่ายหันหน้ามามองด้วยใบหน้าบึ้งตึ้ง
"อย่าทำหน้าบึ้งใส่ผมสิ อีกหน่อยพี่ก็ต้องไปอยู่หอในแล้ว ผมคงไม่ได้เจอหน้าพี่อีกนาน และผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรแบบนี้อีก"
"ก็ตั้งใจเรียนซะสิ ถ้ามึงสอบเข้ามหาลัยเดียวกับกูได้ มึงก็ได้เจอกู"
"ถือว่าเป็นคำสัญญาแล้วน๊า ว่าถ้าผมสอบเข้ามหาลัยเดียวกับพี่ได้ พี่ต้องยอมให้ผมเจอตัวบ่อยๆ" ในประโยคนั้นบอกถึงความหวังอยู่หน่อยๆ
"เออ กูจะรอ" คนตอบสีหน้าบอกว่ารำคาญเต็มทนแล้วก่อนจะหันกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือบนโต๊ะ ยังได้ยินเสียงเล็ดลอดจากคนบนเตียง
"ถ้างั้นเจอกันนะครับ พี่ธนูของผม" ทิวเขาว่าหน้าตายิ้มๆ ด้านธนูที่ยังก้มหน้าอ่านหนังสือได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะมั่นใจว่าเด็กเกเรไม่ตั้งใจเรียนแบบนั้นไม่มีทางสอบติดมหาลัยเดียวกับเขาแน่นอน
ความคิดเห็น