[TONORITZ] รักเธอเสมอ
คนนึงบอกให้อีกคนรอ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป คนนั้นกลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
ผู้เข้าชมรวม
720
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พระอาทิตย์มักจะส่องแสงในยามเช้า และลับขอบฟ้าไปในยามเย็น วนเวียนอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่กับหัวใจของใครบางคน มันกลับไม่เคยหมุนตามไปด้วย หัวใจดวงนี้มันหยุดหมุนไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่คนคนนั้นเดินจากไป
ริท รอพี่ก่อนนะ พี่ไปไม่นานหรอก พี่รักริทเสมอนะ แล้วพี่จะรีบกลับมา
คำสัญญาในวันนั้น เรืองฤทธิ์ยังจำมันได้ดีและยังทำตามสัญญานั้นเสมอ แต่สำหรับใครอีกคน เรืองฤทธิ์ไม่รู้เลยว่า สัญญานี้มันจะยังสำคัญสำหรับคนคนนั้นอยู่รึเปล่า ...
“ริท ริท ริท!!!” ร่างเล็กสะดุ้งทันทีที่เพื่อนร่วมงาน เรียกอย่างเสียงดัง
“มีอะไรรึเปล่า เรียกซะเสียงดังเลย”
“ท่านประทานเรียกพบหน่ะ ตอนนี้เลยนะริท” บอกธุระของตนเองก่อนที่จะกำชับให้เรืองฤทธิ์ไปพบท่านประธานตอนนี้เลย
“อ่า จ๊ะ ขอบคุณมากนะ” ส่งยิ้มแทนคำขอบคุณก่อนที่สองเท้าจะก้าวเดินำปพบท่านประธานที่ว่า อย่างไม่แปลกใจสักนิด
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง เรืองฤทธิ์จัดการเคาะประตู 2-3 ครั้งก่อนที่จะเอ่ยคำขออนุญาต ยังไม่ทันที่คนที่อยู่ภายในจะตอบรับ มือบางก็ถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูและเปิดเข้าไปเสียแล้ว
ภายหลังเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องที่ดูหรูหราสมกับห้องของท่านประธานบริษัท เรืองฤทธิ์ไม่รู้เลยว่า ณ เวลานี้ไม่ใช่ท่านประธานคนเดิมที่เขารู้จักเสียแล้ว ซึ่งเป็นใครบางคนที่เรืองฤทธิ์ได้เห็นแล้วจะต้องประหลาดใจเป็นแน่ ทันทีที่เก้าอี้ตัวใหญ่หมุนกลับมาเพื่อให้คนที่มาเยือนนั้นได้เห็นหน้า สมองของเรืองฤทธิ์เหมือนหยุดสั่งการไปในทันที ตาเบิกโพลง สองขาสั่นระริกแทบจะยืนไม่อยู่ในเวลานี้ ในขณะที่อีกคนกลับส่งยิ้มบางๆมาให้
“คุณเรืองฤทธิ์ใช่ไหมครับ? ผม ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ประธานบริษัทคนใหม่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คำเอ่ยทักทายแนะนำตัวทั่วๆไป แต่มันกลับทำร้ายจิตใจของเรืองฤทธิ์อย่างมากมายทีเดียว
คำว่า ยินดีที่ได้รู้จัก ตลกสิ้นดี ผู้ชายตรงหน้าเรืองฤทธิ์นี้ไม่ใช่คนเดียวกันกับที่เรืองฤทธิ์รู้จักอีกต่อไป นี่มันคงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยติดต่อกลับมาเลยตั้งแต่ไปอยู่เยอรมัน แค่เรืองฤทธิ์คิดแค่นั้น ขอบตามันก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที น้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ต่อไปนี้เราคงจะเป็นได้แค่คนที่รู้จักกันเท่านั้น
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ? เชิญนั่งก่อนสิ แค่ผมไม่ให้คุณนั่งคุณถึงกับต้องร้องไห้เลยหรือ” คำถามติดตลกที่ดูเหมือนจะห่วงใยคนตรงหน้า แต่สำหรับคนฟังกลับไม่คิดเช่นนั้น
“เปล่าครับ พอดีฝุ่นมันเข้าตา ท่านประธานมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” คำแก้ตัวที่ดูจะไปน้ำขุ่นเสียหน่อย แต่ภาคินก็ไม่คิดติดใจอะไร
“พอดีผมได้ยินมาจากท่านประธานคนก่อนหน่ะครับ ว่าคุณทำงานด้านเครทีฟเก่งมาก ผมเลยอยากให้คุณช่วยผมหน่อยครับ คุณพอจะมีเวลาว่างช่วยผมรึเปล่าครับ”
“ท่านประธานอยากจะสั่งให้ลูกน้องอย่างผมทำอะไร ผมก็ต้องทำอยู่แล้วล่ะครับ” ก้มหน้าก้มตาตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะประชดหน่อยๆ คำพูดที่ใช้ก็ออกจะดูห่างเหิน นายเรืองฤทธิ์คนนี้ต้องเจียมตัวไว้สินะว่าเราหน่ะมันแค่ ลูกน้อง!
“พอดีในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ มันเป็นวันสำคัญ สำหรับผมและคนที่ผมรัก ผมอยากที่จะให้คุณช่วยจัดคอนโดของผมให้หน่อย เอาให้มันดูโรแมนติกหน่อย พอดีผมอยากที่จะของเค้าแต่งงาน”
คำพูดของภาคินเปรียบเสมือนมีดแหลมกรีดลงที่กลางจิตใจของเรืองฤทธิ์ น้ำตาที่เพิ่งห้ามให้มันหยุดไหล พาลที่ไหลลงมาอีกรอบ แต่งงาน เรืองฤทธิ์จำเป็นที่จะต้องยินดีกับเจ้านายอย่างภาคินด้วยไหมนะ หัวใจแห่งการรอคอยตลอดเวลาที่ผ่านมามันเคยมีแสงริบหรี่นำทางเสมอ แต่ในวันนี้วันที่ภาคินเอ่ยปากว่าจะแต่งงาน มันเหมือนภาคินเอาน้ำมารดลงบนหัวใจที่เคยมีแสงให้ดับลง และพลอยทำให้หัวใจดวงนี้แตกสลายไปด้วย
“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะเริ่มทำงานวันนี้เลยละกันนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ ส่วนนี่ก็คือคีย์การ์ดคอนโดผม คุณจะเข้าไปวันไหนเวลาไหนก็ได้นะครับ แล้วแต่คุณ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
พอพูดจบปุ๊บ เรืองฤทธิ์ก็ไม่รอช้ารีบก้าวเท้าออกจากห้องทันที หลังจากทำงานให้ภาคินเสร็จเรืองฤทธิ์ตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกทันที แล้วเขากับภาคินจะได้ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก สำหรับสถานะ แค่คนรู้จักนั้นเขารับมันไม่ได้จริงๆ
หลังจากวันนั้นเรืองฤทธิ์ก็เข้าไปจัดคอนโดให้ภาคินทุกวันหลังเลิกงาน คอนโดของภาคินออกแนวหรูแต่เรียบง่าย ห้องรับแขกที่มีโซฟาสีดำตั้งอยู่ไว้ดูทีวี LCD ที่มีระบบเซอราวด์รอบทิศทาง ออกสีแนวทึมๆเข้ากับผู้ชายอย่างภาคินดี ในส่วนของห้องครังที่มีเพรียบพร้อมทุกอย่างแต่เหมือนกับไม่เคยได้ใช้งาน แต่ในส่วนของห้องนอนเรืองฤทธิ์ไม่กล้าหรอกที่จะก้าวก่ายและเข้าไปใช้มัน แต่ห้องนี้มันก็ดูเรียบร้อยจนเกินไปสำหรับภาคิน เพราะเท่าที่เรืองฤทธิ์รู้จักภาคินมา เค้าไม่ใช่ผู้ชายเรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ
“พี่โตโน่! ริทบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ถอดเสื้อผ้าแล้วกองไว้แบบนี้หน่ะ มันไม่เรียบร้อย ทำไมไม่รู้จักเก็บบ้างนะ” เรืองฤทธิ์ที่กำลังบ่นภาคินอย่างหงุดหงิน แต่คนถูกบ่นอย่างภาคินนี่สิดูท่าจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาซะเลย นอนดูทีวีอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ
“ก็พี่รู้ไง ว่ายังไงริทก็ต้องมาเก็บให้พี่อยู่ดี จริงมั๊ย??” พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ พร้อมกับเดินมากอดเรืองฤทธิ์ที่ด้านหลัง แถมยังขโมยหอมแก้มเรืองฤทธิ์ไปซะฟอดใหญ่ ส่งผลให้ร่างที่โดนกอดนั้นหน้าขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาทันที
ภาพความทรงจำเก่าๆลอยเข้ามาในหัวของเรืองฤทธิ์ มันก็พาลจะทำให้น้ำตาไหลลงมาอีก เรืองฤทธิ์รู้ดีว่าความสัมพันธ์แบบนั้นมันคงไม่มีทางเป็นไปได้อีก ในเมื่ออีกคนกำลังจะแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ เสียใจ เจ็บปวด เจ็บมากๆ แต่คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มันจบแล้ว ...
“คุณเรืองฤทธิ์ครับ!”
“เอ่อ ขอโทษครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ผมถามคุณตั้งนานแล้วว่า มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ?”
“ไม่มีหรอกครับ ผมจัดการไว้หมดแล้วละ เหลือตกแต่งอีกสักนิดหน่อยก็เสร็จแล้วละครับ”
เรืองฤทธิ์ตั้งใจตกแต่งห้องให้กับภาคินอย่างสุดฝีมือ แต่เขาคงจะทำเสร็จได้เร็วกว่านี้ถ้าไม่มีภาคินมาคอยป้วนเปี้ยน ถามนู่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดชะมัด ไม่รู้จะอยากรู้อะไรนักหนา แต่ในที่สุดแล้วเรืองฤทธิ์ก็จัดห้องให้ภาคินได้สำเร็จอย่างสวยงาม
“แล้วพรุ่งนี้คุณพอจะว่างไหมครับ ผมอยากให้คุณมาตรวจดูแลความเรียบร้อยให้ผมอีกทีหน่ะครับ”
“ได้ครับ ผมว่าง” ตกปากรับคำไป ทั้งที่ในใจเจ็บปวดเหลือเกิน ภาคินต้องการที่จะทำร้ายกันไปถึงไหนนะ
“พรุ่งนี้ 1 ทุ่มตรง อย่าลืมมานะครับ” เรืองฤทธิ์พยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไป
น้ำตาที่ไหลลงมาพร้อมกับสายฝน ทันทีที่เรืองฤทธิ์ก้าวออกจากคอนโดของภาคิน เหมือนฟ้าจะสงสารเรืองฤทธิ์และต้องการที่จะปลอบประโลมให้เรืองฤทธิ์หายเศร้า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เรืองฤทธิ์จะร้องไห้ให้กับผู้ชายอย่างภาคิน พรุ่งนี้จะไม่มีเรืองฤทธิ์ที่อ่อนแออย่างวันนี้อีก
1 ทุ่มตรง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554
ทั้งที่หัวใจไม่อยากเลยที่จะมาที่นี่อีก แต่สมองมันดันสั่งการให้เท้าสองข้างก้าวมาเอง แล้วมันเป็นเพราะอะไรนะพอมาถึงหน้าห้องกลับไม่กล้าแม้แต่เคาะประตู ยืนอยู่ตรงหน้าห้องสักพัก ก็ตัดสินใจยื่นมือไปเปิดประตูเข้าไป ภาคินเห็นเรืองฤทธิ์มายืนหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขานานสองนาน ภาคินรู้ถึงความรู้สึกของเรืองฤทธิ์ดี แต่เขากลับอยากให้คนที่เขารักได้มีความสุขที่สุด เพราะงั้นการที่ภาคินทำแบบนี้ เขาคิดดีแล้วว่ามันดีที่สุด สำหรับเราสองคน
ทันทีที่เรืองฤทธิ์ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป เพลงคุ้นหูก็ดังขึ้นมาทันที
~ แค่ได้มองตาเธอในวันนั้น จากที่เราเจอกันแค่ครั้งเดียว เปลี่ยนชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวให้มีความหมาย
ไม่ว่าฉันและเธอ ต่างคนต่างมาต่างกันเท่าไหร่ คำว่ารักจะผูกใจเราไว้ ไม่ให้ไกลกัน ~
เรืองฤทธิ์จำได้ว่าวันแรกที่เขาและภาคินเจอกัน ก็คือวันนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราเจอกันที่สวนสาธารณะ วันนั้นฝนตกอย่างหนัก เราเจอกันโดยบังเอิญ และก็เป็นภาคินที่ช่วยกันฝนให้เขา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มารู้จักกัน และ .. รักกัน ..
~ จากที่เคยเย็นชาก็หวั่นไหว จากเป็นคนอื่นไกลก็คุ้นเคย สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลย เธอบอกกันให้รู้
เปลี่ยนชีวิตฉันไป อยากอยู่นานๆเพื่อจะเฝ้าดู วันพรุ่งนี้รักเราจะเป็นอย่างไร ~
วันนั้นที่ภาคินบอกเขาว่า ต้องไปทำงานที่เยอรมัน ใจของเรืองฤทธิ์มันด้านชาไปหมด หวั่นไหว หวาดกลัว กลัวว่าถ้าต้องห่างกันนานๆ ภาคินจะเปลี่ยนไป และสุดท้ายมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วันนี้เขารู้แล้วละ ว่า รักแท้มันแพ้ใกล้ชิด จริงๆ
~ ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆกัน
ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์ ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย ~
แสงไปในห้องถูกสาดส่องไปทางภาคินที่นั่งดีดกีตาร์และร้องเพลงอยู่ตรงกลางห้อง ภาคินร้องท่อนสุดท้ายคลอไปกับเพลงที่เปิด เมื่อเพลงจบลง คนที่กลางห้องวางกีตาร์ลง และเดินเข้ามาหาเรืองฤทธิ์ ส่งดอกกุหลาบในมือให้เรืองฤทธ์ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวนั้นจะอึ้งค้างไปเสียแล้ว น้ำตายังคงไหลออกมาอย่างไม่หยุด ดวงตาหวานมองภาคินอย่างไม่เข้าใจ
“แต่งงานกับพี่นะริท” คุกเข่าพร้อมกับยื่นแหวนในมือให้เรืองฤทธิ์ แหวนที่ร่างบางบอกว่าชอบมาก และภาคินก็คิดว่ามันเหมาะที่สุดที่จะมาเป็นแหวนแต่งงานของเขาสองคน
สายตาจากเรืองฤทธิ์ที่มองมายังภาคิน เป็นสายตาแห่งความไม่เข้าใจ สับสน คนตรงหน้านี้ต้องการที่จะเล่นตลกอะไรกับเขาอีก ที่ทำให้เขาเสียใจทุกวันนี้ยังไม่พออีกรึไง
“คุณต้องการเล่นตลกอะไรกับผมอีก ห๊ะ คุณภาคิน”
“พี่ไม่ได้เล่นตลก และทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำลงไปก็เพื่อเซอร์ไพรส์ริท พี่ต้องการให้ห้องๆนี้ ให้มันเป็นห้องหอของเราสองคน พี่อยากให้ห้องตกแต่งออกมาถูกใจริทที่สุด และพี่ก็ไม่เคยลืมริทเลย พี่ยังจำสัญญาของเราได้เสมอ สัญญาว่าเราจะกลับมาเจอกันอีก พี่ทำงานเก็บเงินเพื่อให้มีวันนี้ พี่รักริทนะ และพี่จะรักริทตลอดไป”
“แล้วพี่คิดว่าความรู้สึกของริทมันเป็นของเล่นรึยังไง พี่ไม่ติดต่อมาพี่รู้มัยว่าริทกลัวแค่ไหน กลัวว่าพี่จะไม่รักริทแล้ว กลัวว่าพี่จะมีคนอื่น แล้วพอพี่กลับมาพี่ยังทำแบบนี้กับริทอีก ริทเสียใจนะรู้มั๊ย” ต่อว่าคนเป็นพี่ซะยืดยาว พร้อมกับน้ำตาที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไหลมาเพราะดีใจ หรือ เสียใจกันแน่
สองแขนแกร่งโอบกอดรอบตัวของคนตัวเล็กกว่าไว้อย่างห่วงแหน กลัวว่าถ้าปล่อยไปอีกคนคนนี้จะไม่ได้อยู่ให้เค้ากอดอีกแล้ว ภาคินกระซิบที่ข้างหูเรืองฤทธิ์อีกครั้ง
“แต่งงานกับพี่นะครับ คนดี”
“อื้ม” ตอบรับไปอย่างอู้อี๊ น้ำตาที่ตอนนี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว หลงเหลือไว้แต่เพียงหน้าที่แดงระเรื่อ ด้วยความเขิล
ภาคินขยับคลายอ้อมกอดของเรืองฤทธิ์ แล้วจ้องมองดวงหน้าหวานด้วยสายตาอ่อนโยน เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างกันและกัน ภาคินโน้มหน้าเข้าไปใกล้เรืองฤทธิ์เรื่องๆ จนหน้าของคนทั้งสองอยู่ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไปพร้อมๆกัน ทันทีที่ริมฝีปากแตะกัน มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่โหยหากันมานาน เรืองฤทธิ์เอียงคอให้ความร่วมมือกันภาคินเป็นอย่างดี ริมฝีปากหนาเริ่มไล้เลียริมฝีปากบางไปเรื่อยๆ สอดลิ้นหนาเข้าไปชิมความหวานของคนตรงหน้า ซึ่งคนตรงหน้านี้ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
ทันทีที่หลังของร่างบางสัมผัสกับโซฟา ภาคินไม่รอช้า เริ่มไซร้ต้นคอที่ขาวเนียนละเอียดทันที พร้อมกับทำรอยแดงๆไว้ เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า คนตรงหน้านี้มีเจ้าของแล้ว และคนคนนั้นก็คือเขาเอง ....
ผลงานอื่นๆ ของ Nomboo:D ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nomboo:D
ความคิดเห็น