ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Karate-รักนี้ที่โรงยิม

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 สมาชิกใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 50


    ตอนที่ 5 สมาชิกใหม่


                ความเหนื่อยล้าและคลั่งแค้นจากการเผชิญหน้ากับสาวหน้าใสใจกวนทีน
    ที่ทำไห้เตหงุดหงิดทั้งคาบเรียนมีเสียงกริ่งบอกหมดเวลาเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาทุกข์ของ
    เขาได้รวมทั้งชมรมคาราเต้ที่ทำไห้เขามีความสุขแม้ต้องห้ำหั่นกับสมาชิกเพื่อความเป็น
    ใหญ่ ทว่าหากจะเป็นกัปตันก็ต้องล้มกัปตันคนก่อนไห้ได้เสีย


                เตยังไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่โรงเรียนรามาขึ้นเสื้อ เขาพบหนุ่มน้อยคาราเต้
    ที่ท้าเขาประลองคาราเต้แบบคาบูรางิถึงเตจะแพ้แต่เขารู้อยู่เต็มอกว่าหมอนั่นเล่นผิดกติกา 




                 จึงเกิดเป็นความแค้นขึ้นมาในใจเขา ทว่า เมื่อได้รู้ว่ากัปตันของโรงเรียนสหเกรียงไกลเป็นคนๆเดียวกับไอ้ขี้โกงนั่นมันทำไห้เขาตื่นเต้นที่อยากจะฆ่ามัน ในขณะที่เหล่าสมาชิกคาราเต้กู่ร้องดีใจว่ากัปตันของเขามาแล้ว เต ที่ถึงแม้จะเคยสู้แต่ไม่เคยเห็นหน้าตาทันทีที่เขาหันกลับไปก็ต้องตะลึง

                ใบหน้าขาวสะอาดนัยน์ตาเลื่อนลอยที่ไม่สามารถเดาได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
    รูปร่างบอบบางแต่หมัดหนักตัวไม่สูงไม่เตี้ยเกินไป เป็นผู้หญิงคนที่สองที่ทำไห้เตเกลียดมากกว่าผู้หญิงธรรมดารองจากผู้หญิงที่เรียกว่าแม่



                 "นี่มันยัยพิรภานี่!!" เตร้องบอกไม่อยากเชื่อสายตาว่ายัยคนนี้จะตามมาหลอก
    หลอนได้ถึงชมรมคาราเต้ แถมเป็นกัปตันซะด้วย



                "อ๊ะ ไอ้กระเทยหวงไข่นี่" เธอพูดใบหน้ายังคงไร้ความรู้สึกแค่มีเลิกตาขึ้นเล็กน้อย




                "เอ่อกัปตันครับคือ เขามาขอประลองกับกัปตันน่ะครับ พะ..พวกเราห้ามเขาแล้วนะครับ คือ...เขาล้มพวกเราได้หมดเลยน่ะครับ"ป๊อดพูด





                "หึ! ก็ดีจะได้ไม่ต้องเคลียหลายคนไห้ยุ่งยาก เป็นคนๆเดียวกันก็ดี วันนี้แหละ
    ฉันจะสางบัญชีแค้นกับเธอแล้วเอาตำแหน่งกัปตันมา" เตพูดพร้อมตั้งการ์ดเพื่อต่อสู้แม้เนื้อตัวจะบอบช้ำจ้ำเป็นจุดๆมีเลือดซิบเล็กน้อย 




                "ก็ได้ แต่...นายต้องสัญญาด้วยคำสัตย์ของนักคาราเต้และลูกผู้ชายอย่างนายก่อนว่าไงตกลงมั้ย" พีทพูดนัยน์ตาเริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์



                "อะไรก็ว่ามาซี้!"



                "ไม่ว่านายจะแพ้หรือชนะต้องทำตามกฎที่บัญญัติไว้ของชมรมคาราเต้สายคาบูรางิและข้อปฏิบัติของชมรมคาราเต้โรงเรียนสหเกรียงไกล" เธอพูดด้วยเสียงอันดังและชี้ไปที่ป้ายบอกบทบัญญัติกับกฏของชมรม



                "ได้!! ฉันสัญญาจะทำตามกฏและข้อบัญญัติของที่นี่ทุกประการ"

     


                "ดี! งั้นเริ่มประลองกันได้...อ้อเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ คนขี้แพ้อย่างนายน่ะชนะ
    ฉันไม่ได้หรอก" พีทพูดพร้อมเดินมากลางโรงยิม



                "ไว้ประลองเสร็จก่อนดีกว่าแล้วเธอค่อยปากดี! " เตกำหมัดแน่นสายตาแน่วแน่เดินเข้าเดินเข้าไปประจัญหน้ากับพีท





     
                "ผมจะเป็นกรรมการไห้แล้วกันนะครับ"ป๊อดพูดยืนคั่นกลางระหว่างเตกับพีท

     


                สายตาของเหล่าผู้คนจับจ้องที่นักสู้ทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อรอฟังเสียงสัญญาณบอกเริ่มการห้ำหั่นของสิงห์ร้ายและจิ้งจอกโหด




                "เริ่มได้!! "  ทันที่เสียงสัณญาณเริ่ม ผู้คนต่างเงียบกริบไม่มีใครคิดจะเปล่งเสียงออก




                เตเต้นฟรุ๊คเวิร์คไปมาเพื่อหาจังหวะจู่โจมแต่ทว่าพีทกลับนิ่งเฉยใบหน้าไร้อารมณ์อยู่เช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด จนกระทั่งเธอจ้องมองเตด้วยสายตาอำมหิต เตถึงกลับเหงื่อใหลเขาจ้องกลับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดอย่างยากลำบากในใจกำลังปลุกใจตนเองด้วยความแค้นที่พีททำกับเขาไว้ตลอดทั้งวันนี้





                พีทขยับเข้าไปไกล้เตเรื่อยๆสร้างความกดดันไห้กับเขาคนดูต่างหยุดหายใจกันไปเป็นแถบๆ  นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริงของกัปตันสินะ กัปตันพีทเอาจริงแล้ว   ไอ้หล่อนั่นไม่รอดแน่ในที่สุดกัปตันก็จะแสดงความเป็นคาราเต้สายคาบูรางิไห้มันรู้





                ในที่สุดเตตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายบุกก่อนเขาพุ่งเข้าหาพีทอย่างทันทีทันใดด้วยความมันใจในฝีมือ




                "ฉันขอเริ่มก่อนล่ะนะ ย่าส์!! "

                

                พลั่ก!! " (0.0)(0.0) (0.0) (0.0)" เหล่าคนดูต่างตะลึงกับเหตุการณที่เกิดขึ้น!!



     

                 "อ้ากกกกกกกกก!! โอยยยยยยย>0<" เตร้องโหยหวนกุมของรักทั้งน้ำตา   ขาเรียวยาวของพีทเสยเขาหว่างขาของเตอย่างจัง

     



                 "-.-" สีหน้าของพีทยังคงไม่รู้สึกอะไร



               "เอาล่ะเป็นอันว่าฉันชนะอิปป้ง ต่อไปนี้กัปตันของที่นี่ก็ยังเป็นฉัน" เธอพูด




               "เอ่อ...กัปตันครับมันผิดกติกาไม่ใช่เหรอ" แดนพูด




               "ฉันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะสู้ภายใต้กฎของคาราเต้น่ะฉันใช้กฏของทางโกลต่างหากคนอ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด"พีทพูดเดินไปที่ป้ายบอกกฏและหันกลับไปชี้หน้าเตพร้อมพูดว่า




               "ตามกฏของที่นี่คนที่แพ้กัปตันแต่เป็นสมาชิกชมรมจะต้องทำหน้าที่ เบ๊!! ไห้กัปตันเป็นเวลา 2 สัปดาห์!"




               "จะบ้าเรอะ! ใครจะไปเป็นเบ๊ไห้เธอ โอยยยย..." เตโต้กลับด้วยความโมโห




               "นายสัญญาด้วยสัตย์ของตัวเองไม่ใช่เหรอว่าจะทำตามกฏของที่นี่น่ะ"พีทพูด



               "อ้าว! กัปตันครับ กฏนี่มันไม่มีไม่ใช่เหรอครับ"แกลบพูดขึ้น พีทส่งสายตาเฉือดเฉือนมาที่แกลบ




               "ใช่! ไอ้กฏบ้าๆบอๆแบบนั้นไม่มีใครตั้งไว้ไห้เธอหรอก" เตพูดเริ่มหายจุกเล็กน้อยแต่ยังคงยืนจากพื้นไม่ได้




              "ไอ้แกลบมานี่หน่อยซิ กฏเนี่ยมันมีอยู่ฉันจะไห้แกดูไห้เต็มตา" แกลบจำใจเดินแบบกล้าๆกลัวๆไปหาพีท




               "ไม่มีนี่ครับ" แกลบพูดคิ้วขมวดหลังจากที่ไปจ้องแผ่นป้ายใกล้ๆ





                

                 หมับ! "ไหนดูดีๆซี่" พีทจับคอที่ไม่ค่อยจะมีของแกลบและกดไห้ดูป้ายชัดๆที่บรรทัดล่างไร้ตัวอักษรใด




               โป้ก! อ้ากกกกกกกกก 




               "เอ้าๆ ดูดีๆหน่อยสิทำไมต้องเอาหัวไปโขกด้วย- -+"  หัวของแกลบถูกแรงบีบของพีทพลักไปชนอย่างจังจนเหล่าคนดูสะดุ้งตามและรู้อยู่เต็มอกว่าเธอจงใจ




               โป้กกกๆๆๆ!! แว้กกกกกกกแอ๊ฟ อุ๊ฟ!!



               "แหนะยังไม่หยุดอีกพอได้แล้วกลับไปที่ของแกได้แล้วไป๊" เธอถีบแกลบกลับเข้าที่หัวของเขาปูดโนมีเลือดซิบออกมาคนอื่นๆต่างมองด้วยความสยดสยอง




               "ดูสิเลือดเต็มไปหมดหยั่งงี้จะเห็นกฏข้อนั้นไม่เนี่ย"เธอพูดมองเลือดที่เปื้อนด้วยสีหน้าปกติไม่รู้สึกอะไร





               "ก็กฏข้อนั้นไม่มียังจะยัดเยียดอีกยัยบ้า!! " เตกล่าวด้วยความเดือดดาล




               "มีสิ! เอางี้ ใครก็ได้เอาผ้ามาเช็ดเลือดออกที" ถึงจะพูดแบบนี้ทว่าพีทกลับส่งสายตาเลือดเย็นที่บอกนัยๆว่าใครก้าวออกมาตาย!!




               "เฮ้อแย่จริงๆเลยพวกแกเนี่ย ฉันเช็ดเองก็ได้    เเอ...ผ้าขี้ริ้ว  อยู่นี่เอง" เธอหยิบปากกาเมจิกแนที่จะเป็นผ้าขี้ริ้วและเขียนอะไรสักอย่างบนป้ายทับกองเลือด





                แกรกๆๆๆ






               "เอ่อ...กัปตันครับ"ป๊อดเอ่ยขึ้น"




              "อะไรเหรอ"




               "นั่นมันปากกาครับไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว"



               "อุ๊ยตายจริงฉันหยิบผิดสินะ ขอบใจมาก แหมคนเรามันเผลอกันได้" แต่สำหรับทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ค่อยจะเชื่อเธอ




               "อ๊ะ!! นี่ไงกฏที่ว่าดูซะไห้ดี" เธอพูดขณะที่เตลุกขึ้นยืน ปรากฎไห้เห็นบรรทัดล่าสุดที่เขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงิน





               "เธออย่ามาโมเม เพิ่งเขียนไปเมื่อกี้นี่นา"เตท้วงยังคงกุมน้องชายแน่น




               "เมื่อกี้อะไร นี่นายจะผิดคำสัญญารึไง เอ้าทุกคนใคร 'เห็นด้วย'กับฉันบ้างว่ากฏข้อนี้ถูกเขียนอยู่บนกระดาน ใช่มั้ย?"




               ทุกคนต่างยกมือเพราะมัน(เพิ่ง)ถูกเขียนอยู่บนกระดานจริงๆ พีทเกิดรอยยิ้มที่มุม ปาก



               "ถึงมันจะถูกเขียนอยู่บนกระดานแต่ไม่ใช่บทบัญญัติที่ถูกต้องซะหน่อย"เตเถียงอย่างเหลืออดคิ้วเริ่มขมวดด้วยความเจ็บไม่หายและเริ่มหงุดหงิด




               "ทำไมจะไม่ถูกต้องไหนนายลองอ่านกฎข้อที่ 1 บนกระดานซิ" เธอท้าทายด้วยสีหน้านิ่งเฉย




               " กฎข้อที่ 1 หากมีการเพิ่มกฎข้อใหม่โดยกัปตัน สมาชิกในชมรมทุกคนจะต้อง 'เห็นด้วย'จึงจะถือว่าเป็นบทบัญญัติที่ต้องปฏิบัติตามของชมรม  เฮ่ย! " เตอ่านพีทยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์




               "กฎข้อนี้ถูกลงมติโดยสมบูรณ์แล้ว! เมื่อไม่กี่วินาทีนี้เอง"




               "อ๊ะ!!0o0 " เหล่าสมาชิกต่างอุทานตกใจ กฎข้อนี้ลงมติโดยพวกเขาจริงๆด้วย




               "จะบ้าเรอะ!! เธอหลอกกันชัดๆ! ทุกคนเห็นด้วยมั้ยว่าพวกนายไม่ได้เต็มใจที่จะลงมตินั่นเลย" เตตะโกนเสียงดัง




               "ดูไว้ซะ!!  เหล่านักสู้คาราเต้ นี่คือบุคคลที่ฉันไม่อยากไห้พวกนายเป็น เขาคือกาลกิณีของคาราเต้ผู้สูงด้วยความสัตย์อย่างพวกเรา พยายามที่จะผิดคำสัตย์สาบานที่ถือเป็นสิ่งสำคัญพอๆกับชีวิตของพวกนาย อยากจะถามอีกครั้งกฎพวกนี้มีไว้ทำไม? เพื่อบีบบังคับพวกนายเหรอ? ไม่ใช่! มันคือความภาคภูมิใจของพวกเราชาวคาราเต้ต่างหาก เป็นสิ่งที่พวกนายพึงปฏิบัติเพื่อตัวของพวกนายได้ฝึกฝนความยากลำบากนี้เพื่อภายภาคหน้าพวกนายจะได้เป็น ลูกผู้ชายเต็มภาคภูมิ!!" พีทปล่อยคำพูดที่ระดับความเมาพอๆกับสุรา 60 ดีกรีจนไฟในดวงตาของทุกคนลุกโชน




               "โอ้ววววว! เราภูมิใจที่ได้ปฏิบัติตามกฎของกัปตัน" กู่ไม่กลับเสียแล้วสำหรับลูกผู้ชายเต็มภาคภูมิพวกนี้




               "เฮ่ย!! อย่าไปหลงคารมยัยนั่นสิเฟร้ยไอ้พวกบ้า นายกำลังหลงผิดอยู่นะ" เตเอ่ยอย่างบ้าคลั่ง พีทยังคงสีหน้านิ่งเฉยแต่กลับกระตุกต่อมหงุดหงิดของเต




               "นายต่างหากที่กำลังหลงผิด ใช่มั้ยครับลูกพี่"ไอผอมพูด



               "ใช่!สิ่งสำคัญของลูกผู้ชายคือการรักษากฎและคำสัตย์ยิ่งชีพ"แดนพูดกำมือแน่วแน่



                "เอาล่ะไหนพูดพร้อมๆกันซิ ว่าฉันคือใคร! "



              "กัปตันพีทผู้สูงด้วยบารมี!!" ผุ้คนกู่ร้องดั่งคนประท้วงรัฐบาล




               "ดีมาก! วันนี้เย็นมากแล้วพวกนายกลับบ้านได้ ส่วนเสื้อผ้าไม่ต้องซักเอาไว้ไห้เบ๊คนใหม่ของเราซัก เอ้าเร็วเข้าถอดเสื้อ! "





               "โอ๊ส!(ครับ)"




               "เฮ่ย! จะบ้าเรอะ จะให้ฉันซักคนเดียวเนี่ยนะ" เตพูด




               "ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ"พีทพูดสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะเดินออกจากโรงยิมตามด้วยคนอื่นๆ

     

               "ยัยบ้าเอ๊ย ! ฉันอยากจะฆ่าเธอ"เตตะโกนสุดเสียงไล่หลังไป



               "มันเป็นวิถีอีกทางหนึ่งของลูกผู้ชาย" โอ๊ตพูดตบไหล่เตเบาๆ


               เฟี้ยววววววววว ปึก   แว้กกกกกกกก!! เตก้านคอเพื่อนรักด้วยความโมโหทว่าโอ๊ตเอามือรับได้ทัน




               "แหมล้อเล่นนิดเดียวเอง เดี๋ยวไม่ช่วยซะเลยนี่"

                        -------------------------------

                ย่าส์!! ปัง!ๆ โป้งป้าง เสียงซ้อมกระสอบทรายดังขึ้นในโรงยิมที่มีเพียงชายหนุ่มรูปงามกำลังฝึกซ้อมคาราเต้ หยาดเหงื่อที่ผุดพลายทั่วร่างบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น คิ้วขมวดใบหน้าตึงเครียด อารมณ์ที่หงุดหงิดตลอดเวลาเขาคือ เต เตชา สิงหโชคมหาชนก เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่ไหนกำลังทำอะไรอยู่ก็ไม่อาจจำได้ที่น่าแปลกเขาไม่คิดสงสัยหรือถามตนเองเลยในขณะนี้ แม้เท้าที่กระทบกระสอบทรายด้วยความเร็วแรงอยากจะไห้สัมผัสของเสียงดังเข้าประโสตแต่ก็ได้แค่เสียง สัมผัสปลายเท้านั้นเหมือนกำลังเตะลมอยู่ พละกำลังที่เขาคิดว่าน่าจะหมดเมื่อชั่วโมงก่อนแล้วแต่ทว่า เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียแรงเลยแม้แต่น้อย นี่ล่ะมั้งคือสิ่งที่เหนี่ยวรั้งไห้ชายผู้นี้ซ้อมอยู่ในโรงยิมที่ไม่รู้จักมีเพียงกระสอบ รอบๆห้องไม่มีทางออกและทางเข้าเลยสักทาง     ทันใดนั้นเอง!!

     

               "กรี๊ด!! พี่เตอยู่นั่นแหนะพวกเรา" เหล่าผู้หญิงสมาพันธ์รักคนหล่อแห่งโรงเรียนสหเกรียงไกลได้ปรากฎอยู่เบื้องหลังร่วมร้อยกว่าคน


               "กรี๊ดคิดถึงจังเลยค่ะพี่เต"



               "บอกเบอร์หน่อยสิ"




               "ไปเดทกันนะค่ะ"




               "พี่เตขาาาาาาาาาาาาาา" พวกเธอต่างกรีดร้องโหยหาเตและกรูกันเข้ามาดั่งสัมภเวสีแย่งกินเศษบุญ




               "เหวออออ!! ช่วยยยยด้วย! " เตวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในเส้นทางที่จู่ๆก็เกิดขึ้นเบื้องหน้ารู้ตัวอีกทีโรงยิมได้กลายเป็นเส้นทางในโรงเรียนสหเกรียงไกล แต่กระนั้นพวกเธอก็ตามมาได้ดูจะมากกว่าเมื่อครู่เป็นเท่าตัว




                เขาเลี้ยวตรงหัวมุมที่เคยใช้วิ่งหลบพวกเธอเหล่านี้มาก่อน ทันทีที่เขาพ้นหัวมุมเข้าไปเมื่อหันไปดูด้านหลังก็พบว่าพวกเธอหาเขาไม่เจอแล้ว  เตหอบด้วยความเหนื่อยก่อนจะเลิกหน้ามองดูเบื้องหน้าของเขาปรากฎว่าเส้นทางในโรงเรียนสหเกรียงไกลกลับกลายเป็นหน้าชมรมคาราเต้ของโรงเรียนรามาขึ้นเสื้อ



               "พี่เตอยู่หนายยยยยย! " เตได้ยินเสียงแว่วๆเขารีบวิ่งไปหลบหลังโรงยิม เมื่อพบชายหนุ่มคนหนึ่งเขาก็รู้สึกโล่งใจ ชายคนนั้นใส่หมวกปิดหน้ารูปร่างก็คุ้นๆตาเหมือนเคยเจอที่ไหน




               "เฮ่! นายน่ะชื่ออะไรเหรอหันมาคุยกันหน่อยสิ" เตทัก เขาเพียงสะดุ้งและค่อยๆหันมา เขาถอดหมวกออก! ชายเบื้องหน้ากลับกลายเป็นหญิงสาวผมยาวเคลียบ่ามีนัยน์ตาที่นิ่งเฉยเป็นเอกลักษณ์ เตจำเธอได้ยัยพิรภา!!




               "ฉันชื่อพีท เป็นกัปตันของที่นี่!" เธอพูดจบก็ควักสนับมือมีหนามเหล็กแหลมใส่ที่มือขวาและพุ่งเข้าหาเต



               "แว้กกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆ" เตวิ่งหนีไปอีกทางอย่างสุดฝีเท้าไปในทางที่หมือนไม่ใช่ทางเป็นห้วงมิติที่มืดมิดมองไม่เห็นเบื้องหน้า



               ปั๊ก!! เตรู้สึกว่าชนใครคนใดคนหนึ่งเข้าปลายเท้าของเขาสังเกตเห็นเส้นผมสีม่วงแปร๊ดหล่นลงมาอยู่ปลายรองเท้าสีแดงวาว เตไล่สายตาขึ้นมาจนถึงใบหน้า เป็นอะไรที่เตคุ้นเคยที่สุด รอยยิ้มที่เสแสร้งแฝงแผนการณ์เอาไว้ลงลิปสีม่วงเข้ม




               "คะ..คุณแม่" เตอุทานออกมา



               "ไงจ๊ะลูกรัก ชอบผู้หญิงบ้างรึยัง!! " ดารุรีแม่ของเตถลึงจาใส่พร้อมกับเดินช้าๆเข้าไปใกล้เตที่พยายามเดินออกห่าง




               "อย่าเข้ามานะคุณแม่.." ก่อนที่เตจะหันหลังและใส่เกียร์ม้าวิ่งแต่แล้วก็พบว่าในทางมืดมิดที่มองไๆม่เห็นอะไรกลับมีเหล่าผู้หญิงตามมาเตพบว่าพวกเธอเริ่มมีร่างกลายที่กลับสู้สภาพเดิมบางคนแขนมีขนขึ้นบ้างใบหน้าโค้งต่ำโหนกสูงสภาพนั้นคือชะนี! จากเสียงร้องที่เคยเปล่งว่าเตๆอย่างเสียงสูงไพเราะ บัดนี้กลับกลายเป็นประโยคสันดานดิบ




               "ผัวๆๆๆๆๆๆ" และพวกเธอก็เดินหรือปีนกันมาอย่างช้าๆสมามัคคีกันเมื่อหันไปอีกด้านพีทก็ยังคงชูกำปั้นติดสนับเหล็กที่เปื้อนเลือด                  




               เตหมดหนทางเดินอีกต่อไปแล้ว เขาไม่มีที่ไห้หนีได้อีกแล้ว เขาหมุนตัวไปรอบๆเผื่อจะมีทางไห้หนีจากวิกฤตนี้ได้แต่ก็ไม่มีทั้งๆที่ระยะห่างก็ใกล้เข้ามาทุกที ทันใดนั้นเองพวกเขาพุ่งเข้าหาเตด้วยความกระหายเลือดจากร่างมนุษย์เปลี่ยนเป็นร่างปีศาจที่น่าหวาดหวั่นและสยดสยอง



               "ว้าาาาาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกกกกก!! ช่วยด้วย!"  เตหลับตาตะโกนสุดเสียงและแล้ว...



                ก๊อกๆๆๆ! เสียงเคาะประตูดังขึ้นเตเลิกตามองดูปรากฎว่า!! เขาอยู่ในห้องของตัวเองที่มีแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา ไร้วี่แวว ปีศาจชะนี ผีพีท และจอมกระหายเลือดอย่างคุณแม่




               "คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าครับ" เสียงพ่อบ้านเล็ดลอดเข้ามาไห้ได้ยิน


               เตถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าสิ่งที่เขาเจอเป็นเพียงฝันร้าย ก่อนจะบอกกล่าวพ่อบ้านที่เป็นห่วงเพราะเสียงร้องที่หวาดกลัวของเตเมื่อครู่



               "ไม่มีอะไรหรอก ผมฝันร้ายน่ะ" เตลุกขึ้นจากเตียงและแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียน ยังคงนึกอยู่ในใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝันขอไห้เป็นแค่ความฝัน                       



                วันนี้โอ๊ตเพื่อนสนิทของเตบอกเขาว่าตื่นสายเพราะเมื่อคืนเล่นเกมส์จนดึก เตเลยต้องผจญมาร(ผู้หญิง)โดยไม่มีผู้ช่วย เขานำหมวกมาใส่และกระดาษหนังสือพิมพิ์ปิดหน้าเช่นเคย                                                                                                  



               เมื่อลงมาจากรถไฟใต้ดินเตก็เดินหลบๆซ่อนเลาะไปตามกำแพงบ้านหลบเลี่ยงผู้หญิงอย่างสุดๆ แต่ในขณะที่เดินอยู่นั้นเองมีอะไรซักอย่างแหวกผ่านอากาศมา




               เฟี้ยววววว! โป้ก  โอ๊ยยยยย ใครวะ    กระเป๋าหนังสีดำมีตราโรงเรียนสหเกรียงไกลลอยมาจากข้างหลังและกระแทกหลังหัวของเตอย่างจังจนแทบเซ




               "ว่าไงเบ๊ไข่แตก(ชื่อใหม่)"พีทพูดสีหน้าเฉยชาเช่นเดิม




               "นี่เธอทำอะไรเนี่ย มันเจ็บนะเฟร้ย" เตพูด



               "ลืมแล้วเหรอว่าฉันคือใคร หิ้วกระเป๋าตามมา" พีทพูดพร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว




                "มือไม่มีรึไงนะ ยัยพิการเอ๊ย! " เตสบถและเดินไปหยิบกระเป๋าของพีท ทว่า...



               "อึ๊ดดด...โอ๊ยย. นี่เธอใส่อะไรในกระเป๋าเนี่ยทำไมมันหนักอย่างนี้!!" เตทั้งยันทั้งลากกระเป๋าใบเล็กๆที่ไม่น่าจะมีอะไรอยู่ข้างใน แต่น้ำหนักร่วมร้อยกว่าๆ




               "อะไรก๊าน นายเป็นนักคาราเต้จริงๆน่ะเหรอไอ้แบบนี้ฉันฝึกถือทุกวันจนชินถ้านายทำไม่ได้ ไปเอากระโปรงแม่นายมาใส่ซะจะดีกว่า" พีทพูดด้วยสีหน้าสมเพช




               "ใครบอกว่าฉันถือไม่ได้กันเล่า! เธอเดินลากสังขารของตัวเองไปก่อนเถอะ" เตพูดวางฟอร์มแม้ความจริงแล้วเขาแทบจะขาดใจ แค่ยกมันอยู่นิ่งๆซัก10วินาทีก็ลากเลือดอยู่แล้วนี่เจ้าหล่อนจะไห้เดินถือจนเข้าประตู

     

     
                ผ่านไป 5 นาที ในความรู้สึกของเตมันช่างยาวนานและทรมานเหลือเกินแม้ประตูโรงเรียนจะเห็นอยู่รำไรก็ไม่ช่วยไห้รู้สึกดีขึ้นได้เลย กล้ามเนื้อทุกจุดบนร่างกายกระตุกขึ้นเพื่อออกลากกระเป๋าของพีท เหงื่อใหลออกมาเพื่อระบายความร้อนจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย สภาพของเตตอนนี้เสมือนกรรกรหลังงอกำลังพยายามยกของหนักตามหลังเถ้าแก่ แวบนึงที่พีทหันมามองเตและสบตากับเขาเธอรีบหันหน้ากลับไป




               "อุบ! คิก..คิก" พีทกลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลัง




               "นี่ เธอหัวเราะอะไร" เตเริ่มเหลืออดกับท่าทีของเธอ



               "เปล่าๆไม่มีอะไร" พีทกลับมาสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิมแต่ความสงสัยของเตยังไม่หมดไป


               "นี่ยัยบ้า! ฉันถามจริงเถอะ แฮ่ก..แฮ่ก.เธอ..ยกแบบนี้ได้ทุกวันเลยเหรอ"


               "นี่นายโง่หรือแกล้งโง่ ฉันเป็นผู้หญิงนะ พละกำลังน้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ไมโตรคอนเดรียก็ไม่มี ถ้านายยกยังจะไม่ไหวอย่างนี้แล้วฉันจะไปยกได้ยังไง แล้วเรียกฉันว่ากัปตันด้วย"พีทพูดสีหน้านิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไร



               เฟี้ยววววววตุบ!! เพลก!  กระเป๋าใบหนักหล่นลงพื้นเสียงดังพอๆกับความโกรธที่ประทุในอารมณ์ของเตพีทเอามืออุดหูอย่างรู้ทัน




               "นี่เธอ ยัยกัปตันติงต๊อง!! เธอหลอกฉันนี่ โธ่เว้ย!!เรามาประลองกันอีกทีฉันจะล้มเธอแล้วเป็นกัปตันแทน"เตตะโกนอย่างเดือดดาลข้าวของประจุยกระจายจนหมวกและหนังสือพิมพิ์ที่ปิดบังหน้าตาอยู่หายไป



                (0.0)(0.0)(0.0)(0.0) เหล่าพวกผู้หญิงทั้งที่อยู่ด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลังต่างมุ่งสายตามาที่พีทและเต(เพราะอยู่ใกล้กัน)


                "พี่เตอยู่นี่โว้ยยยยย"

               "พี่เตจาหนีไปหนายยยยยยยย้ากกกกกกกก"


               "พี่เตๆๆๆๆๆๆๆๆ"

               "เด๋วเอาอุปกรณ์จับพี่เตไปด้วย"


               "แว้กกกกกกชะนีออกมาจากความฝานนนน"เตคลุ้มคลั่งโวยวายทำอะไรไม่ถูก เหมือนตกอยู่นรกทั้งเป็น



               "บื้ออะไรอยู่เล่าหนีเซ่ " พีทลากเตวิ่งหนีมาด้วยกันเหมือนเรื่องไบโอที่นางเอกกับพระเอกวิ่งหนีเหล่าซอมบี้ที่ไม่มีวันตาย




                 เตได้สติอีกทีก็พาพีทหนีมายังที่ๆเขาเคยหลบพวกเธอหล่านั้นพ้น

               "นายนี่กลิ่นเหม็นไม่ใช่ย่อยพวกผีเปรตตอมกันไห้หึ่ง" พีทใช้คำเปรียบเปรยด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกเช่นเคย

               "ฉันอยากไห้มันเป็นแบบนี้ซะที่ไหนเล่า!พวกผู้หญิงนี่น่ารำคาญชะมัด" เตบ่นอย่างหงุดหงิดเต็มที

                 และแล้ววันทั้งวันของเตก็เป็นวันที่เหนื่อยหน่ายที่สุดต้องคอยหลบสิ่งของที่พวกผู้หญิงในห้องตั้งใจ(ขว้าง ปา)มาไห้ ทั้งยังต้องคอยรับใช้กัปตันทั้งเรียนเขียนอ่านทำแบบทดสอบส่วนเจ้าหล่อนก็นั่งหลับเหมือนที่เคย เมื่อถึงเวลาพักหลางวันทื่กัปตันนัดพบที่โรงยิมเตและโอ๊ตก็เดินไปด้วยกัน





     ณ โรงยิมคาราเต้


                 พีทเดินไปหน้าโรงยิมอย่างสง่าผ่าเผยในขณะที่ทุกคนคำนับเธอยังกับพระเจ้า


                "เอาล่ะที่ฉันนัดพวกนายมาวันนี้เพราะอยากจะบอกว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะฝึกหนักเพื่อเตรียมพร้อมกับการแข่งทั่วประเทศ เพื่อเกียติของพวกเราและสถาบัน พร้อมแล้วใช่มั้ย!!"




               "โอ๊ส>0<"


               "ฉันฝึกหนักทุกวันอยู่แล้ว"เตบ่นกับโอ๊ต


               แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสนทนาแลกเปลี่ยนข่าวสารกันนั้นเองประตูที่ถูกปิดอย่างสงบเมื่อไม่นานก็เปิดขึ้นอีกครั้ง



               "โอ้ส! ขออนุญาติค้า ฉันมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมค่ะ"


                 สายตาทุกคู่ในโรงยิมจับจ้องไปที่เด็ก ใช่! น่าจะเป็นเด็กอายุ 12-13รัดแกะข้างเดียวรูปร่างเตี้ยผอม



                "ฉันชื่อ สา วันวิสา อิซึโจ อยู่ชั้น ม.4/6 คาราเต้สายแดงดำ ค่า กัปตันคนไหนเหรอค่ะ?"


               "ฉันเองกัปตัน จะสมัครใช่มั้ย ไอ้แดน ไอ้แกลบ ไอ้ผอม ทดสอบหนูน้อยคนนี้ซิ ถ้าพวกแกแพ้งานซักผ้าวันนี้พวกแกทำแทน"พีทพูดพร้อมกับนั่งลงกินขนม ส่วนคนอื่นๆก็เจียดพื้นที่บางส่วนไห้ทั้ง 4 ประลองกันและนั่งลงเช่นกัน



               "แหมกัปตันครับจะไห้ผมทำเด็กได้ลงคอเลยเหรอ"แดนพูดมองเด็กเบื้องหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า


               "นี่พูดไห้ดีๆนะฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อยอายุ 16 แล้วด้วย"เธอเถียง


                "ลูกพี่ครับ แหมผมอยากออมมืออยู่หรอกน่าแต่กลัวควบคุมไม่ได้น่ะครับ"แกลบพูด


               "หึ! ไม่ต้องออมมืออะไรทั้งนั้นเข้ามาทั้งสามคนด้วย"สาพูดและตั้งการ์ดที่ทำไห้เตต้องตะลึงนี่เป็นการ์ดที่มีได้และเสียมากพอๆกันซึ่งส่วนมากไม่มีใครเสี่ยง


     


               "อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งละกันเด็กน้อยเอ๊ย! "ไอ้ผอมพูด และตั้งท่าทันทีก่อนจะพยายามพุ่งเข้าใส่


     


                ฮ่าห์!  เอี๊ยดดดด..  มีมือปริศนามาหยุดไอ้ผอมไว้ มือของลูกพี่แดนนั่นเอง


     

               "เดี๋ยวก่อนซี้ ไอ้ผอม"เขาพูด "ยังไงซะเด็กก็คือเด็กแกจะไม่ปราณีเลยรึไง?"


               "นั่นดิไอ้ผอม ฉันเห็นด้วยกับลูกพี่นะ"ไอ้แกลบพูดและเดินพุงห้อยไปข้างๆแดน


               "นี่หนู ถ้าเธอก้มกราบงามๆอย่างว่าง่าย พวกพี่ๆอาจจะออมมือต่อยเบาๆไห้ก็ได้นะฮ่าๆๆๆๆๆ" แดนพูดและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตามด้วยลูกน้องหัวเราะตาม



               "ปากเหม็น! หน้าตาไม่หล่อยังทำตัวทุเรศอีก" สาเบะเล็กน้อยสายตาถลึงทึง


               "หนะ..หนอย ลูกพี่มันว่าลูกพี่อ่ะ" ไอ้ผอมพูด


               "ใช่ๆ ผมก็ได้ยินมันหาว่าลูกพี่ปากเหม็น แถมพูดความจริงว่าลูกพี่หน้าตาไม่หล่อนิสัยก็ทุเรศ"แกลบเสริม


              โป๊ก!! อ้ากกกกก ผอมและแกลบประสานเสียงกันโอดร้องด้วยความเจ็บเนื่องด้วยการเขกหัวของลูกพี่


               "ไม่ต้องย้ำ! มันว่าพวกแกน่ะแหละ" แดนจ้องหน้าสาเขม็งเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังจะไถตังค์เด็ก


               "หึ! จะเอาเรอะ? ไอ้พวกกระเทยขี้ขลาด กลับไปใส่ผ้าถุงแม่ไป!!แบร่! " สาแลบลิ้นตบท้าย


               "อีนังนี่ ผมทนไม่ไหวแระขอสั่งสอนซะหน่อยเถอะ!"แกลบกำลังกลิ้ง(วิ่ง)ไป


               "เฮ่ย! ใจเย็นก่อ0..อ้ากกก ว้ากกก" ขณะที่แดนกำลังจะห้ามลูกน้องก็มีสิ่งของปลิวมาจากคนดูพร้อมเสียงด่าทอ


               "เมื่อไหร่จะเริ่มกันซะทีฟร่ะ"


               "เดี๋ยวก็ออดแล้วยืดยาดอยู่นั่นแหละ"


                "ไปตายซะไอ้กร๊วก"

               "กลัวสู้เด็กไม่ได้รึไง"


               "ไอ้ขี้ขลาด กลับไปลงนรกได้แล้ว ไอ้ฟาย"


               "เฮ่ย พอ!! " เสียงหนึ่งดังกึกก้อง น่ากลัวและเปี่ยมไปด้วยพลัง กัปตันพีทตะโกนร้องหยุดสถานการณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคยก่อนจะหยิบขนมใส่ปากและพูดต่อ



               "เอิ้มยันไอ้แง้ว(เริ่มกันได้แล้ว)"


               "โอ๊ส! " ป๊อดขานรับก่อนจะไปยืนคั่นกลางระหว่างเด็กน้อยจอมแก่นกับไอ้บ้าสามตัว เตเองก็ใจจดใจจ่อจ้องมองสาเพราะเขารู้สึกคุ้นๆกับเธอคนนี้ แล้วเขาก็พบว่ากิตรเดินมาข้างหลัง

      


               "อ้าวกิตรไมมาช้าจังวะ" โอ๊ตถาม


               "พอดีผ.อ.ขอไห้ไปเป็นวิทยากรไห้กับครูสายวิทย์โรงเรียนเราน่ะ" กิตรตอบขยับแว่นเล็กน้อยท่ามกลางสายตาอึ้งตะลึงของเพื่อนทั้งสอง  กิตรถามต่อเมื่อเห็นสถานการณ์ในโรงยิม"แล้วนี่เขามีอะไรกันเหรอ"




               "พอดีมีเด็กเข้าใหม่มาน่ะ ยัยกัปตันบ้านั่นเลยไห้ประลองกับไอ้กร๊วกสามตัวนั่น"เตพูด





               "เฮ่ย! โรงเรียนเราไม่มีเด็กม.ต้นไมใช่เหรอ"กิตรถามเมื่อมองดูสา






               "สงสัยมีแม่เป็นอาจารย์โรงเรียนนี้ล่ะมั้งเลยได้มาเที่ยว(ไม่ใช่- -เขาอายุ 16แล้วตะหาก)"โอ๊ตตอบ






               "แล้วเด็กคนนี้ชื่ออะไรงั้นเหรอ"กิตรถามในขณะที่โอ๊ตเริ่มออกคำสั่ง

            


       "เตรียมพร้อม!...เข้าที่! "





               "เห็นว่าชื่อ วันวิสา อิซึโจ ..อะไรเนี่ยแหละ"เตตอบ




                "หืม? ตระกูลอิซึโจ! ชะ..ชื่ออะไรนะ" กิตรมีท่าทีตกใจ





               "ชื่อวันวิสา...ทำไมเหรอ"เตตอบอย่างงงๆ




              "ก็เด็กคนนั้นน่ะ...!"





                "เริ่มได้! " ทันทีที่สัญญาณบอกเริ่มดังขึ้น ไอ้แกลบกับผอมพุ่งไปสองตัวหมายจะปล่อยหมัดตรงใส่เด็กน้อยด้านข้าง ทว่า!! สาเตะสูงตปบหน้าไอ้แกลบจนล้มตึงและหันมาชกตรงที่ลิ้นปี่ของไอ้ผอมอย่างลวดเร็วจนร่วงและไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอีก






                "แอ๊ฟฟฟฟฟ์"ทั้งสองประสานเสียง   ตุบ! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนคนในยิมเงียบกริบมีเพียงขนมของพีทที่ยังดังต่อเนื่องด้วยการขบกันของฟันกราม






               "ต่อไปก็ตาแก!ไอ้ขี้เหร่"เธอชี้หน้าไปที่แดน





               "เหอะ เธอทำลูกน้องของฉันหยั่งงี้มันอภัยกันได้ยากล่ะนะ"เขาพูดขณะไปพยุงสองเถาที่นอนน้ำลายฟูมปากก่อนจะแสยะยิ้มแล้วพูด"แต่ถึงยังไงเด็กอย่างเธอก็คงสู้ฉันไม่ได้(เหงื่อตกไม่สบตากับสา) เอางี้ถ้าเธอยอมขอโทษดีๆบางทีฉันอาจจะปราณีก็ได้นะ นังเด็กน้อย"






               "อ๊ายยย อย่ามาเรียกฉันว่าเด็กนะ ฉันโตแล้วววว" สาเกิดอาการไม่พอใจและฟลุ๊คเวิร์กเข้าใส่แดนดั่งสายฟ้าหมุนตัวและ..






                "ดะ..เดี๋ยวก่อนนังห..แอ๊ฟ!! " ศอกเข้าที่หน้าอย่างจังตามด้วยชกตรงสี่ห้าหมัดจนเลือดอักปากแดนก่ายมือไปจนโดนหน้าอกเธออย่างไม่รู้ตัว







               "อูยยย..เฮ่ย! เมื่อกี้โดนไม้กระดานที่ไหนฟ..อั่กกก!!โอกกกก0^0"






                สาอัดแดนด้วยท่าโดมาวาชิ(หมุนตัวเตะ)ทุกคนต่างอึ้งทึ่งอ้าปากค้างพีทถึงกับหยุดกินขนมจากนั้นเธอก็เกี่ยวมากระทุ้งเข่าที่จุดลูกชายของแดนพอดี จนล้มลงน้ำลายฟูมปากในขณะที่ลูกน้องทั้งสองได้สติพอดี




               เมื่อโอ๊ตปากค้างจนน้ำลายใหลจึงกลับมาถามกิตรด้วยเสียงอันสั่น "เองว่าเด็กนั่นทำไมวะ?"




               "ก็ คาราเต้MVPม.ต้นที่เป็นลูกครึ่งญี่ป่น-ไทยน่ะสิ ถึงว่าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นในทีวี"เตตอบแทน





               "ใช่ครับและตระกูลอิซึโจได้ฉายาว่า ตระกูลคาราเต้ ทั้งตระกูลเป็นคาราเต้ทุกคนได้แชมป์โอลิมปิคทุกคนด้วย"กิตรเสริม






                และทุกคนในยิมต่างซุบซิบเสียงเซงแซ่กันทั้งยิม หัวข้อประเด็นเม้าท์คือ ท่าโดมาวาชิที่นักคาราเต้สายดำส่วนมากยังทำกันไม่ค่อยจะได้ ซึ่งท่านี้นับเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวของนักคาราเต้บางคน





               "ห๊ะ!!0.0 ลูกพี่แดน" ไอ้ผอมมองดูลูกพี่ดิ้นชักตาถลน




               "กัปตันพีท! นังเด็กเปรตมันกระทุ้งไข่นุ้ยลูกพี่ ผิดกติกาครับ" ไอ้แกลบกระวนกระวายฟ้องพีท ซึ่งเธอเองก็มีสีหน้าเปลียนไปและลุกยืนขึ้นไปประจัญหน้ากับสาเอ่ยด้วยเสียงเย็นๆว่า





               "อัดลูกน้องฉันซะน่วมงั้นเหรอ?"





               "ใช่! เธอกล้ามากนะนังเด็กบ้า" ไอ้ผอมชี้หน้าด่าสาแต่อยู่นอกรัศมีของเธอ





               "เมื่อกี้ท่าโดมาวาชิ ใช่มั้ย?"พีทถามค่อยๆเดินเข้าไป





               "อะ..โอ๊ส"เธอตอบ แต่ทันใดนั้นสาสะดุ้งพร้อมๆกับคนทั้งยิมที่เห็นๆอยู่ มือของพีทพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและ..





                "เธอคือสมาชิกของชมรมนับตั้งแต่บัดนี้ ฉันรับเธอ!"พีทพูดตบบ่าสาเบาๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนไอ้แกลบกับไอ้ผอมอ้าปากค้าง




               "โอ๊ส! ขอบคุณค่ะกัปตัน"เธอน้อมตัวขอบคุณพีทสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนจุกที่เธอรัดหมุนติ้วๆอย่างน่าพิศวง




               "แต่กัปตันครับยัยนี่เล่นผิดกติกานะครับ"ไอ้ผอมแย้ง



               "พวกแกสามตัววันนี้ซักผ้าด้วยล่ะ" พีทพูดสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะเดินเหยียบแดนโดยไม่รู้




                 แย้กกกกกกกกกก!!




               "ละลูกพี่"สมุนทั้งสองต่างหลังน้ำตา






               "ฮ่าๆๆๆๆๆ สมน้ำหน้า" สาเยาะเย้ยแบบเด็กๆ




               "ยัยเด็กบ้าเดี๋ยวเถอะ! " ไอ้แกลบขู่สาแต่ทว่ากลับเดินร่นไปข้างหลังไอ้ผอมก็ทำตามเมื่อเห็นสาจะตั้งการ์ด





               อ๊ออดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงเรียกแห่งนรกดังขึ้นทำไห้นักเรียนทุกคนต้องไปรับกรรมในภาคบ่าย




               "ฝะ..ฝากไว้ก่อนเถอะ!!" ไอ้ผอมพูดก่อนจะช่วยกันกับไอ้แกลบพยุงลูกพี่ของมันออกไปอย่างรวดเร็ว




               "อ๊ะ! นั่นใช่ เตชา สิงหโชคมหาชนก รึเปล่าค่ะที่เป็นตัวเก็งของโรงเรียนเดอะปริ๊นนี่"



               "ใช่แล้วล่ะ เธอนี่ตาถึงจริง ฮ่าๆๆๆๆๆ"เตหัวเราะอย่างคนบ้า




               "ไอ้เบ๊ไข่แตกมาถือกระเป๋าไห้ฉันซิ"พีทพูดขัดจังหวะ




                "นี่ฉันชื่อเตนะยัยกัปตันโรคจิตร" เตโวยวายด้วยอาการหงุดหงิด




               "ว่าแต่มาทำอะรไที่นี่ง่ะ"สาถามต่อ "ย้ายโรงเรียนแล้วเหรอ?"



               "อืมใช่"เตตอบ 




               "ว้าววิเศษไปเลย หยั่งงี้การแข่งทั่วประเทศต้องชนะแน่เลย"สาตื่นเต้นจนจุกของเธอหมุนไม่หยุด




               "แล้วทำไมไม่ได้เป็นกัปตันหละแพ้กัปตันคนนี้เหรอ?"เธอชี้ไปที่พีท




               "ใช่เห็นหยั่งงี้หมอนี้กระจอกมากเลยแหละ ที่สำคัญมันหื่นด้วยเห็นผู้หญิงทีไรโหวกเหวกโวยวายทุกที"พีทพูดถอนหายใจและโยกไหล่เล็กน้อย





               "หน้าตาก็หล่อไม่น่าเลย"สามองเตด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ




               "จะบ้าเรอะ! เข้าใจผิดแล้ว! "เตเริ่มโมโห





               "เอาน่าใจเย็นไปเรียนกันเถอะ ไอ้กิตรมันไปแล้วนะ"โอ๊ตปรามเต





               "นี่ถือกระเป๋าไห้ฉันด้วย      หมอนี่เป็นเบ๊ฉันน่ะ"พีทสั่งการเตและอธิบายเมื่อเห็นสายตาสงสัยของสา




               "ยัยบ้า! หัดถือเองมั่งเซ่ ฮึ่ย!" เตเข้าไปจับกระเป๋าแต่ทันใดนั้น!...หมับ!




                  แว้กกกกกกกก!! เลือดใหล




                  หูกระเป๋าของพีทมีสนับมือเหล็กแหลมวางอยู่ผู้เคราะห์ร้ายอย่างเตจึงโดนมันเข้า




                 "นายซุ่มซ่ามเองนี่ ฉันชอบถือสนับมือไปพร้อมกับกระเป๋าน่ะ"พีทตอบสีหน้าไร้ความรุ้สึกก่อนจะเดินออกไปตามด้วยสาที่พูดตบท้าย



               "คราวหลังทำอะไรก็ระวังหน่อยสิ"




               "แย้กกกกกกกกก ฉันจะฆ่ายัยนั่น! " เตตะโกนอย่างคนบ้า



               "เออน่าใจเย็นไว้เพื่อน"





               "เย็นยังไงวะไอ้โอ๊ตมันจงใจแกล้งฉันแถวทำไห้ฉันต้องอยู่ในสภาพทุเรศโดนเด็กอายุไม่ถึง15สอนเอา(เกิน15แล้วเฟร้ย)แบบนี้มันน่าแค้นมั้ยล่ะ!!"









    *******************************************************************



    ช่วยเม้นไห้หน่อยนะจร้า นึกว่าสงสาร แหะๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×