คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ผู้หญิงนี่น่าหงุดหงิด
ตอนที่ 2 ผู้หญิงนี่น่าหงุดหงิด
เช้าของวันหนึ่งที่แจ่มใสในห้องนอนสุดหรูประดับประด้วยคลิสตัลและโคมไฟระย้าเตียงนอนกว้างขวางเป็นทีนอนแบบสี่เสามีหน้าต่างถ่ายเทอากาศรับบรรยากาศที่สดชื่นจากภายนอกเข้ามาเหมือนกับจิตใจของเตที่ตอนแรกนึกว่าจะไปตายอย่างนรกซะแล้ว(อันทีจริงก็เป็นไปแล้วล่ะ)แต่ยังดีที่มีชมรมคาราเต้ปรากฏไห้เห็น ใช่แล้ว!! เขาจะได้ลงแข่งแล้วและวันนี้ถ้าเขาผ่านการคัดตัวก็จะได้อยูในชมรม สมัครลงแข่งทีมไห้ได้ ที่สำคัญนี่เป็นโรงเรียนสหเกรียงไกลเสียด้วย! โรงเรียนที่ชมรมคาราเต้ดีที่สุดในเขตนี้(ถึงแม้เขตนี้จะมีแค่ 3 โรงเรียนก็ตามเถอะ)
"ยาฮู้ดีใจจังเลยว้อย! " เตร้องบอกออกมาขณะยืดเส้นยืดสายและตามด้วยฝึกชกเตะกับลมที่ทำเป็นประจำทุกวัน
"ย้าฮ้า! จะได้ลงแข่งแล้......! " อารมณ์ของเตหยุดชะงักกระทันหันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปผู้หญิงในหนังสือเรียนเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำไห้นึกขึ้นมาได้ว่านี่คือโรงเรียนสห! มีผู้หญิงที่น่าเบื่อน่ารำคาญปนยั๊วะเยี้ยอยู่ในนั้นด้วยและเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานเตก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกขนพาลลุกสู้ตามๆกัน จะทำยังไงดี? ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงยัยพวกนี้จะขับรถไปก็อันตรายพวกเธอคงขวางกันแน่ๆ เดินไปแบบเมื่อวานได้เดี้ยงเหมือนเมื่อวาน จริงสิ! ต้องหาคนมาคุ้มกัน แล้วใครดีล่ะ? ถ้าไปบอกแม่ว่าจะเอาบอดี้การ์ดไปกันผู้หญิง...แม่ยิ่งอยากไห้เราใกล้ชิดผู้หญิงไม่ไห้แน่นอน
"ก็มันหวง.....ที่หวงเพราะรักเธอนะคนดี.....อยากไห้เธ....แกร๊ก! " เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเหมือนเสียงสวรรค์ประทานเมื่อหน้าจอโชวเบอร์ว่า ศิรศักดิ์(โอ๊ต) เพื่อนสนิทของเขานั่นเอง
"เฮ่ย! โอ๊ตเหรอ..."
("เออข้าเอง คือ..ข้ามีเรื่องจะบอกหวะ")
"อะไรเหรอ?"
("คือ...ข้าย้ายโรงเรียนแล้วนะ มันเป็นเหตุกระทันหันอ่ะ เลยได้ย้ายมาอยู่ โรงเรียนสหเกรียงไกล")
"สหเกรียงไกล....สห! เฮ่ยจริงดิ!! "
("ก็เออดิวะ มีไรเหรอ")
"สุดยอด! เองอยู่ที่เดียวกับข้าเลย เออไอโอ๊ตช่วยเดินไปโรงเรียนกับข้าได้มะ" เตคิดว่าโอ้สวรรค์โปรดเขาแล้วไห้โอ๊ตเดินมาเป็นเพื่อนคอยกันพวกผู้หญิงไห้
("อยู่ที่เดียวกันเหรอเนี่ย ทำไมวะ?")
"เออมาเหอะน่าเด๋วข้าค่อยเล่าไห้ฟังว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่เดียวกับเองโอเคนะ....เออหวัดดีแค่นี้แหละ"
เตยิ้มกับตัวเองอย่างเจ้าเล่ห์และรีบลงมือแต่งชุดนักเรียนตรงอกด้ายซ้ายปักตัวย่อ ส.ก ด้านขวาปักชื่อ เตชา สิงหโชคมหาชนก ใส่กางเกงขาสั้นสีดำถุงเท้าสีขาวยาวเกือบถึงเข่าและรองเท้านันยางสีดำ จากนั้นก็เอาหนังสือยัดใส่กระเป๋าหนังแบบถือ และรีบแปรงฟันล้างอย่างลวก หน้าของเตไม่ต้องดูแลอะไรก็ขาวใสไร้ความมันคิ้วคมเข้มแก้วตาแวววาวไม่แปลกเลยที่เตจะถูกผู้หญิงรุมล้อมบ่อยๆ น่าจะเรียกว่าเขาเพอเฟคเลยก็ว่าได้ทั้งรวยทั้งฉลาดกีฬาเด่นสูง 178 หนัก 69 มาตรฐานชายไทย สี่สิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักเป็นกล้ามเนื้อแต่ความเพอเฟคนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคมเพราะถึงแม้เตจะโหดร้ายกับพวกผู้หญิงยังไงพวกเธอก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจตราบใดที่เขายังไม่เป็น ตุ๊ด!
ระหว่างทางที่เดินออกจากคฤหาสน์เตก็ยิ้มเล็กยิ้มใหญ่จนทั้งสาวใช้และแม่ของเขาเข้าใจว่าเตมีความรักแล้ว! และคงจะหายเกลียดผู้หญิงแล้วด้วย เตเดินเข้ารถไฟฟ้าใต้ดินและไม่ลืมที่จะเอาหมวกกับหนังสือพิมพ์มาปิดหน้าเพราะเตไม่ได้เนื้อหอมกับผู้หญิงวัยรุ่นเท่านั้นทั้งวัยทอง วัยใกล้ฝาโลงแย้มต่างก็พากันคลั่งเตเมื่อได้เห็นหน้า เตเดินออกมาจากรถไฟและรอโอ๊ตเพื่อนผู้ที่จะช่วยชีวิตเขาได้ และด้วยเวลาที่ผ่านไปไม่นาน
"เฮ่ย! เต หวัดดี"
"อ้าวมาแล้วเหรอไอโอ๊ต มานี่ดิ๊จะบอกแผนอะไรบางอย่าง" เตกวักมือเรียกเพื่อนของเขาเพื่อนของเขาคนนี้ไม่ได้จัดว่าหน้าตาดีตัวเตี้ยกว่าเตหน่อยและหนักกว่าเตเยอะแต่ไม่ถึงกับอ้วนหน้าตาตกกระเมื่อมายืนคู่กับเตแล้วเหมือนจะเสริมบารมีไห้เต
"เออมีไรว่ามา"
"คือ....เองช่วยมากันพวกผู้หญิงไห้ข้าหน่อยดิ" เตพูดอย่างดูเชิง
โป๊ก! โอ๊ย! เตร้องลั่นออกมาเมื่อมือของเพื่อนกระทบกะโหลกของเขา
"แหมน่าหมั่นไส้ทำอย่างกับว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์เลยนะเอง ไอเราก็อยากไห้ผู้หญิงมารุมล้อมจนต้องขอไห้เองคอยกันบ้าง"
“แล้วตกลงเองจากันไห้มั้ยล่ะ”
“ฮือ..เองอย่าพูดแบบนี้สิข้าฟังแล้วอยากจะร้องไห้ เองกะข้าน่าจะสลับร่างกันนะ”
เตและโอ๊ตเดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและตามคาดเพียงแค่เตเดินออกมานักล่า(เต)ทั้งหลายต่างก็โผล่กันพรึบพรับด้วยสีหน้าหื่นกามสุดๆ
“ไอโอ๊ตข้านับหนึ่งถึงสามวิ่งเลยนะเฟ้ย” เตกระซิบบอกโอ๊ตขณะที่เหล่าผู้หญิงค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าเข้ามาหาแต่ละคนมีผ้าเช็ดหน้าใส่อย่าสลบไม้เบสบอล ยาเสน่ห์กุญแจรถและกุญแจห้องโรงแรม รอยยิ้มของพวกเธอน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรดีโดยเฉพาะที่พวกเธอแต่งหน้ากัน ปากแดงแจ๊ด คิ้วหนาเตอะ แก้มเป็นจุดสีแดงวงใหญ่ๆไม่รู้ว่าพวกเธอแต่งหน้าเป็นรึเปล่าหรือเพราะแต่งมากไปจากสวยกลายเป็นสยอง
“1-2-3! วิ่งงงงงงงงงงงงงงง!! “ทันทีเสียงสัญญาณของเตดังขึ้นทั้งเตและโอ๊ตต่างวิงไม่คิดชีวิตพวกผู้หญิงก็ไล่ตามมาติดๆปากบอกว่า รอด้วยสิค่ะ รักเตนะ เป็นแฟนกันเถอะ นายน่ารักมากเลย มารู้จักกันเถอะนะ แต่การกระทำของพวกเธอไม่น่าไห้หยุดคุยด้วยเลยเพราะต่างคนต่างถือไม้หน้าสาม ไม้เบสบอลง้างจะฟาดวิ่งไล่ตามมา
“เหวอ! มันไล่ตามมาแล้วเต! “ โอ๊ตพูดขึ้นเมื่อไม้เบสบอลลอยมาแตะหัวเขา
“กระโดดเซ่! “ เตพูดพร้อมกับฉุดดอ๊ตกระโดดมาทิ้งนระยะห่างขณะที่กำลังโดดพวกผู้หญิงก็แทบละลายหายไปตรงนั้นต่างกรี๊ดวี๊ดว๊ายลั่น
และเป็นเหมือนเมื่อวานไม่มีผิดจำนวนคนค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเตได้ยินพวกเธอพูดว่า “คนนุ้นน่ะพี่เตใครตามทันจะได้เป็นแฟน”นี่เองสาเหตุสาเหตุสำคัญที่พวกผู้หญิงเยอะขึ้นเรื่อยๆ เตวิ่งจนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่แพ้โอ๊ตที่หายใจแทบไม่ทัน
ทั้งสองลัดเลาะเข้ามาในโรงเรียนและวิ่งซิกแซกรอบโรงเรียนอยู่สองรอบเพื่อไห้พวกผู้หญิงตามไม่ทันและในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดตรงที่เดิมที่เมื่อวานเตเข้ามาหยุดพัก
“แฮ่กๆๆๆ
.โอยยยยยไม่สนุกเลย! “ โอ๊ตโอดครวญขึ้นมาขณะทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าและพยายามสุดออกซิเจนเข้าไปมากที่สุด
“ข้าล่ะเบื่อยัยพวกนี้จริงๆผู้หญิงนี่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยอะไรก็ไม่รู้วันๆเอาแต่ทำเรื่องไร้สาระไล่จับผู้ชายคุยนินทาคนอื่นเป็นกิจวัตร บ้างก็ตบกันเพื่อแย่งผู้ชาย แต่งหน้าซะเว่อเกินเด็กไม่ได้ออกมาสวยเล้ย แล้วแบบนี้ผู้ชายคนไหนเขาจะเอามาเป็นแม่ของลูก” เตบ่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนโอ๊ตหูชาและประชดกลับมาว่า
“ลองเองเกิดมาหน้าตาทุเรศบ้างสิแล้วเองจะไม่คิดแบบนั้นเลย”
“ไอความหล่อความสวยน่ะมันกินไม่ได้หรอกนะ วัยรุ่นทุกคนแหละเวลาคบหาใครก็จะดูจากหน้าตาแต่พอแก่ตัวลงไปเริ่มมีการศึกษามีหน้าที่มีงานทำเขาก็จะหาคู่ชีวิตที่มีคุณภาพเป็นแม่และพ่อของลูกได้ไม่มีใครเขาคิดถึงหน้าตาหรอก แล้วเองน่ะยังไม่มีงานทำหาเลี้ยงตัวเองยังไม่ได้ก็ยังไม่ต้องคิดจะมีคู่อะไรกับเข.....! ไอโอ๊ต!! ” เตเล่นพูดปรัชญาจนไม่ทันสังเกตว่าโอ๊ตหลับไปตั้งแต่ทีเขาพล่ามเรื่องความสวยความหล่อ
“อือ...พูดจบแล้..เหร...อห้าวววว!”
“หัดฟังที่คนอื่นเขาพูดบ้างเซะ! “
“นี่ข้าน่ะเห็นเองพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ 2 ขวบแล้วนะว่าคนอื่นเขายังเด็กเองมันก็เด็กหัดทำตัวไห้เหมือนวัยรุ่นทั่วไปมั่งเดะเป็นผู้ใหญ่แล้วค่อยมาคิด”
อ๊อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
“เฮ่ยเขาเรียกไห้ไปเข้าแถวรีบไปเถอะ” โอ๊ตพูดเสร็จก็เตรียมถลาออกไปแต่เตคว้าตัวเอาไว้
“อะไรอีกวะ! “
“ไห้ข้าใส่หมวกก่อนดิออกไปแบบเปิดเผยงี้เดี๋ยวข้าก็โดนทึ้งอีกล่ะ”
“ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย...เป็นประชา..รัฐ ผไทของไทยทุกส่วน..อยู่ดามรงโคงว้ายด้า...”
“เฮ่ยไอโอ๊ตเองว่าแถวผู้หญิงมันค่อยๆใกล้เข้ามารึเปล่าวะ” เตถามโอ๊ตที่เข้าแถวอยู่ด้านหน้าของเขาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าแถวผู้หญิงที่ขนาบข้างห่างแถวผู้ชาย 10 ก้าว บัดนี้มันเหลือแค่ 3 ก้าวเฉพาะบริเวณรัศมีใกล้ๆกับเต
“ข้าว่านะ ถ้าเพลงจบเองโกยขึ้นห้องเลย ห้องเรียนเราห้อง 432 ใช่ป่ะ”โอ๊ตกระซิบบอกเต
“อืม ตึก 4 ชั้น 3 ห้องที่ 2”
“...สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี...เถลิงประเทศชาติไทย..ทวี...”
“เตรียมนะไอโอ๊ต! “ เตพูดขึ้นมาเมื่อเริ่มรู้สึกถึงรังสีของสาวที่แผ่เข้ามาบ่งบอกไห้รู้ว่าทันทีที่เพลงจบพวกเธอตจะเข้ามาตะครุบแน่
“มีไชย...ไช..โย”
ทันทีที่เสียงเพลงจบความวุ่นวายก็เกิดขึ้นโดยเตและโอ๊ตโกยออกจากแถวอย่างสุดชีวิตตามด้วยกระบวนทัพผู้หญิงที่ตะโกนต่อๆกันว่า นั่นไงพี่เตจับมาไห้ได้! เขาทั้งสองเฉียดโดนไม้เบสบอลหลายครั้งที่พวกผู้หญิงปามาตามด้วยคำพูดที่ว่า เดี๋ยวสิค่ะรอด้วย จาหนีไปไหนล่ะเตสุดหล่อ
ทุกอย่างดูโกลาหลไปหมดทั้งครูหมาแมวถูกชนระเนระนาดมีเสียงวี๊ดว๊ายดังมาแต่ไกลเหมือนอยุ่ในป่าอนุรักษ์ชะนีไม่มีผิดเลย พวกเขาต้องคอยหลบวนไปวนมากว่าจะขึ้นบันได้ของตึก 4 ได้
แต่ในที่สุดก็รอดมาได้เพราะมันถึงเวลาเรียนแล้วสาวๆต่างพากันปาของใส่เตด้วยความเสียดายที่ไล่ตามไม่ทัน โอ๊ตเพิ่งคิดได้วันนี้เองว่าความหล่อน่ะเป็นภัยหลังจากได้เห็นหัวปูดเขียวคล้ำของเพื่อนแต่ไม่ว่าจะมีแผลเท่าไหร่มันก็ไม่ได้บั่นทอนความหล่อของเตเพื่อนสุดเพอเฟคของเขาคนนี้เลย พวกเขาทั้งสองเปิดประตูห้องเรียนออกและก็พบว่านักเรียนมากันครบแล้วและมีอาจารย์ท่านหนึ่งกำลังเช็คชื่ออยู่เธอใส่แว่นทรงกลมแหลมมัดผมเป็นมวยใส่กระโปรงยาวกลีบรอบและเสื้อลายลูกไม้แขนตุ๊กตาสีเหลือง
“อ้าวมาก็ดีแล้ว! นี่นักเรียนทุกคน นี่คือเด็กใหม่ที่ผ.อ.ฝากเข้ามานะเดี๋ยวจะไห้เขาแนะนำตัว เอ้าเชิญ! อาจารย์ท่านนั้นพูดด้วยเสียงแหลมเล็กบาดแก้วหูและทำไม้ทำมือบอกใบ้ไห้เตออกมาพูดหน้าชั้น ซึ่งเพียงแค่เก้าออกมาก็มีเสียงกรีดร้องเบาๆในลำคอของสาวๆแต่พวกเธอก็ไม่กล้าทำอะไรได้มากกว่าส่งสายตาหยาดเยิ้มไห้เตเพราะมีสายตาของอาจารย์คอยปรามๆอยู่
“ผมชื่อ เตชา สิงหโชคมหาชนกครับย้ายมาจากโรงเรียนชายล้วน เดอะปริ้น”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะนายเตชาครุชื่อ อัจฉรานะเป็นที่ปรึกษาของ 5/2 เอ้ามีใครมีคำถามอะไรมั้ย!? “ ทันที่ที่อาจารย์อัจฉราพุดจบก็มีสาวๆยกมือกันไห้พรึบพรับซึ่งหน้าของเตก็เริ่มจะบูดเบี้ยวเพราะเขาเริ่มเบื่อแล้วอยากเรียนแล้ว
“หนูมีคำถามค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาเธอแต่งหน้าหนาเตอะมัดแกะสองข้างตัดผมหน้าม้า
“ว่ามา” อาจารย์อัจฉราผายมือไห้พูด
“เตมีแฟนรึยังค่ะ..แล้วบ้านอยู่ที่ไหน?”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวผมมีสิทธิ์ที่จะไม่บอก”
“แล้วเตชอบอะไร หรือเกลียดอะไรค่ะ” เพื่อนของเธอพูดขึ้นมา
“ผมชอบความสงบและ เกลียดผู้หญิง!! “ เตตะคอกลั่นห้องจนทุกคนสะดุ้งเฮือกแต่ทันทีทันใดพวกเธอก็หันไปซุบซิบกันเสียงดังว่า “ว้ายเท่ห์จังเลยเนอะเธอ ดูหน้าตาหงุดหงิดนั่นสิน่ารักที่สุด” เตได้แต่ถอนหายใจและเอามือกุมหน้าผาก
ปัง!!ๆๆๆ เสียงไม้เรียวกระทบโต๊ะดังขี้นทุกอย่างจึงเงียบลงด้วยฝีมืออาจารย์อัจฉราเพียงเท่านี้เตก็พอเดาออกว่าอาจารย์ท่านนี้ต้องดุแน่ๆขนาดนักเรียนแสบแบบนี้ยังจ๋อย
“คือ ผมชื่อ สิรศักดิ์ ทวนธานีครับ” โอ๊ตเอ่ยแนะนำตัวบ้าง
“เอ้าใครมีคำถามอะไรมั้ย” อาจารย์อัจฉราพูดจบนักเรียนทุกคนก็ส่ายหน้าเป็นประวิงจนโอ๊ตแทบอยากจะร้องไห้กลางห้องเสียจริงๆ
“เอาล่ะเดี๋ยวนาย ศิรศักดิ์เธอไปนั่งข้างนายชิราวุฒนะ”อาจารย์อัจฉราบอกและชี้ไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอ่านตำราเรียนอย่างขมักขะเม้นโดยไม่สนใจอะไรรูปร่างดูสำอางใส่แว่นหนาเตอะผิวขาวจั๊วะนัยน์ตาสีดำเป็นประกาย
โอ๊ตเดินเข้าไปใกล้ๆเรื่อยและพอเห็นหน้าชัดๆเขาก็ตกใจอุทานออกมาและเมื่อชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าเขาก็อุทานเช่นเดียวกันต่างคนต่างชี้หน้ากันท่ามกลางความสนใจของคนทั้งห้อง เตเห็นหน้านายคนนั้นชัดๆก็อุทานออกมาเหมือนกัน
“ไอกิตรเองย้ายมาอยู่นี่เองเหรอ! “ โอ๊ตทักด้วยรอยยิ้ม
“โชคดีอะไรอย่างนี้วะเพื่อนเลิฟ” กิตรทักตอบและทั้งสองก็ลุกขึ้นมากอดกันคนทั้งห้องต่างตบมือบางคนถึงกับน้ำตาใหลด้วยความซึ้งใจในมิตรภาพ
“เอ้าหยุดๆๆ! นั่งที่ได้แล้ว” อาจารย์อัจฉราเป็นตัวขั้นจัง
หวะเสมอและเธอก็พุดต่อด้วยเสียงอันดังเมื่อโอ๊ตนั่งที่แล้ว
“เตชาเธอไปนั่ง.....”อาจารย์อัจฉราสอดส่องสายตาหาที่ว่างและเหมาะสมกับเตถึงพวกสาวๆต่างทำที่ข้างๆตัวเองไห้ว่างและส่งสายตาอ้อนวอนไปไห้อาจารย์อัจฉราแต่แล้วสายตาของเธอก็มาหยุดลงที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ติดริมหน้าต่างหลังห้องเธอกำลังนอนหลับเป็นทองไม่รู้ร้อนผมยาวเคลียบ่าที่มัดรวบและผูกโบว์สีน้ำเงินถูกระเบียบเรียบร้อยอกเสื้อคอปกแขนตุ๊กตาด้านซ้ายสลักชื่อว่า พิรภา ดวงแก้วกมล เธอสวมกระโปรง 6 จีบสีกรมท่าตัวยาวเลยเข่าและถุงเท้าที่สั้นแค่ตาตุ่ม
“เธอไปนั่งกะยัยพิรภา” เกิดสีหน้าหมดหวังและอารมณ์เสียของผู้หญิงทั้งห้องพวกเธอส่งสายตามุ่งร้ายมาที่พิรภาเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเพราะถูกเรียกชื่อ
เตเดินด้วยอารมณ์หงุดหงิดและพยายามหลบมือไม้ของหญิงสาวที่ยื่นออกมาขณะเขากำลังเดินไป เตเดินไปหาเด็กสาวที่กำลังสลึมสะลือและเมื่อเขานั่งลงเธอก็หันมาจ้องหน้าเต
“ เฮ่ย! “ เธออุทานออกมาเสียงดังและโดนสายตาของอาจารย์ปรามไว้เธอชี้หน้ามาที่เตซึ่งเตก็คิดอยู่ในใจว่ายัยนี่จะจับเราแน่เลย
พิรภานั่งก้มหน้าและคิดในใจ ไอหมอนี่ที่เจอกันที่โรงเรียนรามาขึ้นเสื้อนี่หว่า ยังไม่เข็ดรึไงนะแพ้แล้วยังมีหน้ามาสมัครโรงเรียนสหเกรียงไกลอีก แต่แล้วเธอก็เกิดความคิดดีๆและหัวเราะอย่างคนโรคจิตเบาๆซึ่งเมื่อเตได้ยินเขาก็เริ่มแขยงว่าเธอคนนี้จะทำอะไรไห้เขาหงุดหงิดอีก
ในระกว่างการสอนวิชาภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์เจฟฟรี่พวกผู้หญิงต่างใช้กลอุบายต่างๆนาๆเพื่อไห้ได้ใกล้ชิดกับเต บางคนเผลอทำผ้าเช็ดหน้าตก ดินสอหล่น ไม้บรรทัดปลิวและก็วานไห้เตเก็บไห้ซึ่งของที่ตกเหล่านี้กองเป็นภูเขาเลากาโต๊ะของพิรภาดูคล้ายกองขยะไปแล้ว 2-3ครั้งแรกเตก็เก็บไห้อยู่หรอกพอมากๆเข้าเขาก็ใช้เท้าเขี่ยออกไปมันมากขึ้นไปอีกเขาก็เริ่มปิดหูไม่สนใจอะไรจ้องไปที่กระดานดำถึงแม้คำสอนเหล่านั้นไม่ได้เข้าหูเลยแม้แต่นิดก็ตาม ที่มารับภาระแทนคือพิรภาที่โดนพวกดินสอปากกาเหล่านั้นตกใส่หัวแต่สีหน้าของเธอยังคงไร้ความรู้สึก
การสอนผ่านไปครึ่งชั่วโมงดินสอปากกาไม้บรรทัด ผ้าเช็ดและอื่นๆจำนวน 100 กว่าอันมาอยู่ที่โต๊ะของพิรภาสีหน้าไร้ความรู้สึกของเธอเริ่มหงุดหงิดตามเต คราวนี้หนักกว่าเดิมพวกผู้หญิงคิดกลยุทธใหม่โดยการเข้าไปถามเตบอกว่าไม่เข้าใจตรงนั้นตรงนี้แรกๆก็สามสี่คนหลังๆก็ปาไปครึ่งห้องทั้งๆที่เจฟฟรี่ถามเป็นภาษาอังกฤษซึ่งทุกคนน่าจะรู้เรื่องว่าใครมีอะไรสงสัยมั้ยได้สัก 10 กว่ารอบ พอเจฟฟรี่จะสอนต่อโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นและเจฟฟรี่ก็เดินออกจากห้องไป
“นายไม่ชอบผู้หญิงเหรอ เตผู้หวงไข่” พิรภาพูดขึ้นมาสีหน้าไร้ความรู้สึกในขณะที่คนทั้งห้องเริ่มเล่นส่งเสียงดังพวกผู้หญิงก็จับหลุ่มวี๊ดว๊ายเตกัน แต่เมื่อเตได้ยินคำว่าหวงไข่ก็นึกเอะใจเธอคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับวันนั้นรึเหล่านะหรือว่ามาแอบดูอยู่หรือเธอแค่พูดตลกๆเท่านั้น
“ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่เกลียดเลย! “ เตพูดกลับสีหน้าเริ่มหงุดหงิดกว่าเดิม
“งั้นแม่นายก็ตายแล้วสิ” พิรภาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเดิมๆแต่คนฟังถึงกับอารมณ์ขึ้นเตผุดลุกจากเก้าอี้จนคนทั้งห้องหันมามอง
“ที่ฉันเกลียดผู้หญิงไม่ได้หมายความว่าญาติๆที่เป็นผู้หญิงของฉันจะตายนะ!! “ เตตะคอกใส่พิรภาที่สีหน้ายังเมินเฉยมองตรงไปที่กระดานดำ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้เธอก็หันมามองเตพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
“เหรอ! งั้นพ่อนายก็คงตายแล้วสิใช่มั้ย ปากบอกเกลียดผู้หญิงแต่นิสัยนายน่ะเหมือนผู้หญิงเด๊ะเลย จู้จี้ขี่บ่นหงุดหงิดง่าย หรือว่า...นาย แอบเป็น..!!”พอเตได้ยินเท่านั้นแหละเขาก็ระเบิดออกมาเลยด้วยการทุบโต๊ะแต่พิรภาก็ยังคงสีหน้าเดิมๆไร้ความรู้สึกแต่ในใจของเธอนั้นลิงโลดเพราะได้แกล้งคนสำเร็จแล้วใบหน้านั้นถ้ามองดีๆจะเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของเธอ
“ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงแต่มาพูดจาอย่างนี้อย่านึกว่าฉันจะไม่กล้านะ”
“ก็แล้วไม่ทำเลยล่ะคนที่มีจิตใจเป็นผู้หญิงน่ะสามารถมีเรื่องกับฉันได้เลยนะ จะตบกันที่ไหนดีล่ะตัว”
“นี่เธอ!! “ เตโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่พิรภากล่าวหาเขาเสียๆหายขณะที่คนทั้งห้องฮือฮากันยกใหญ่พวกผู้หญิงบ่นว่าอยากจะช่วยเป็นเนืองๆแต่ก็บอกว่าใครจะกล้ามีเรื่องกับยัยนั่นล่ะ
ปัง!!! ๆ เสียงแปลงลบกระดานกระทบโต๊ะโดยฝีมือของเจฟฟรี่ที่พึ่งเข้ามา
“This time is study English!” เขาพูด นักเรียนทุกคนจึงหยุดการกระทำทุกอย่างและนั่งที่อย่างสงบเตได้แต่ข่มอารมณ์ไว้ขณะที่พิรภายังคงไร้ความรู้สึก
เตนั่งลงอย่างหงุดหงิดพลางมองค้อนพิรภาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จกานั้นเจฟฟรี่ก็สอนต่ออย่างปกติ พิรภาก็เริ่มปฏิบัติการยั่วเตต่อเธอพึมพำเป็นเพลงเบาๆแต่เตได้ยินว่า “เกลียดตุ๊ด! เกลี๊ยดเกลียดๆ เกลียดตุ๊ด! “เท่านั้นไม่พอเธอยังแกล้งหยิบกวีและกระจกขึ้นมาบอกว่า แต่งซักหน่อยสิผมของหล่อนน่ะเป๋แล้วนะ
“นี่เธอ! พอซักทีเถอะรำคาญ” เตทนไม่ไหวก็ระเบิดออกมาได้ยินกันทั้งห้องและเจฟฟรี่ก็หันมาส่งสายตาก่อนจะเรียกเขา
“you! read this page now”
“เอ่อ..อ่า..ok” เตตอบทั้งที่อารมณ์ยังค้างส่วนพิรภายังทำหน้านิ่งเฉยแบบเดิม
“John Carpenter was educated at Western Kentucky university. He began making short films in 1962. He won an academy award for Best Live-Action Short Subject in 1970, for The Resurrection of Broncho Billy (1970). Carpenter formed a band in the mid-1970s called The Coupe de Villes. Since the 1970s, he has had numerous roles in the film industry including writer, actor, composer, producer, and director.”
เตพูดอย่างรวดเร็วด้วยสำเนียงที่หากไม่เห็นหน้าคงนึกว่าเป็นชาวอังกฤษอย่างแน่นอนเขาทำไห้คนทั้งห้องไม่เว้นแต่เจฟฟรี่ทำหน้าเอ๋อไปเลยคนที่ไม่สนใจมีอยู่คนเดียวคือ พิรภานั่นเอง
“Ok sit down” เจฟฟรี่พูดตะกุกตะกักเล็กน้อยส่วนเตก็บอกThank you เบาๆ
จากนั้นเตก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้อย่างรวดเร็วทันใดนั้น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!! “ เตร้องลั่นอย่างคนบ้าพร้อมทั้งสปริงตัวยืนตรงลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งจะลงนั่งเพียงวินาทีเท่านั้น
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เอิ๊กๆๆ 5555+” พิรภาหัวเราะจนตัวงออยู่กับที่นั่งขณะที่คนอื่นๆในห้องตกใจกันและทุ่มความสนใจมาที่เต เตหันไปที่เก้าอี้ก็พบ เป๊ก ตัวเป้งๆ4-5ตัวหงายด้านอันแหลมคมอยู่ตรงที่ที่เขาเคยหย่อนก้นนั่งและบางตัวมีเศษผ้าของเขาติดอยู่ด้วยความโกรธของเตพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใดมือหนึ่งกำหมัดแน่นตัวสั่นระริกอีกมือจับก้นที่ถูกเป๊กทิ่มอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม เขาหันขวับมาที่พิรภา
“เธอเป็นคนเอาเป๊กมาวางไว้ใช่มั้ย!! “ เตตะคอกใส่พิรภาและหยิบเป๊กตัวหนึ่งยื่นไห้พิรภาดู ตอนนี้คนในห้อง ผู้ชายก็พยายามเก็บอาการขำไว้ ส่วนผู้หญิงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเตบางคนถึงกับร้องไห้กลัวว่าเตจะเจ็บ..ก้น..
“เห? นายพูดเรื่องอะไรของนายน่ะ เป๊ก! ตายจริงนายเอามาโรงเรียนด้วยเหรอแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเรียนงานบ้านเลยนะจะเอามาปักคลอสติสรึไง? “ พิรภาตอบด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่ไร้ความรู้สึกหลังจากชักดิ้นชักงอจนพอใจแล้ว
“ก็เธอไม่ใช่เรอะ! ที่เป็นคนเอามาน่ะ! อย่านึกว่าเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะใม่กล้าทำอะไรเธอนะ“
“ไหนบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงไง นี่เข้ามาอยู่ไม่ทันครบวันก็คิดสัปดนกับฉันซะแล้ว” พิรภาพูดด้วยสีหน้าเดิมๆซึ่งในสายตาคนทั่วไปนึกว่าเธอกำลังกวนTeenแต่จริงๆแล้วเธอเป็นอย่างนี้อยู่แล้วและไม่มีใครเคยเดาความคิดเธอออกเลย แม้แต่เตที่ตอนนี้กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเขาไม่รู้จะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ยังไงดี นี่เป็นวันอะไรของเขาที่มาเจอแต่ผู้หญิงน่าหงุดหงิดทั้งวันโดยเฉพาะเธอคนนี้
“เธอจะเอายังไงกับฉัน! เตถามด้วยความเหลืออด
“บ้าสินายไห้ฉันพูดเรื่องอะไรลามก! “
“จะบ้าเรอะ! ฉันหมายถึงเธอต้องการอะไรกันแน่ถึงมากวนฉันอย่างนี้น่ะ”
“Stop! “ เจฟฟรี่ตะโกนออกมาดังๆเมื่อพบว่าคนทั้งห้องเริ่มเสียงดังกันมากขึ้นบ้างซุบซิบกันว่าสงสารพี่เตจังไปมีเรื่องกับยัยนั่น เราไม่กล้าช่วยซะด้วยสิ แต่เมื่อได้ยินเสียงเจฟฟรี่ทุกคนก็ยอมกลับสุ่สภาพเดิมเตได้แต่เก็บอารมณ์ไว้ขณะปัดเป๊กทิ้งและพึมพำในใจว่าฝากไว้ก่อนเถอะไห้พิรภาได้ยิน พิรภาก็พึมพำกลับ ฉันไม่ใช่ธนาคารนะไม่มีดอกเบี้ยไห้นายหรอก แต่หน้าเธอยังคงเดิมและไม่มองหน้าเตด้วยซ้ำ แต่คำพูดนี้ทำไห้เตหันขวับเส้นเลือดในหัวเต้นตุบๆ เขารู้สึกทั้งโกรธและหงุดหงิดเท่าที่เคยเป็นมาเลย
และตลอดทั้งคาบเช้าไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอก็จะก่อกวนหรือไม่ขัดขวางไม่ว่าจะตอบคำถามอะไรเธอก็จะถกปัญหาขึ้นมาใหม่จนตอบไม่ได้
“...สมการนี่เท่ากับ Xยกกำลังสองครับ”
“แล้วทำไมมันถึงได้อย่างนั้นล่ะ” พิรภาถามเมื่อเตพูดจบ
“ฉันอธิบายไปแล้ว” เตตอบอย่างข่มอารมณ์
“แต่ที่นายบอกมันไม่ใช่นี่ สมการตัวนี้ต้องใช้วีธีนี้แล้วก็เอามาบวกกันถ้าไห้เอาไปลบแล้วคูณอย่างนั้น สมการข้อนี้ก็ทำได้เหมือนกันดูสิ พอทำมาถึงตรงนั้นแล้วเราก็เอามาบวกกันคำตอบก็ออกมาเหมือนกันน่ะสิ” พิรภาพูดพร้อมกับชี้ไปที่หนังสือและสมุดที่มีสมการต่างๆมากมายซึ่งเตดูแล้วนี่มันมั่วชัดๆ! แต่ที่เธอพูดแบบมีหลักการทำไห้คนทั้งห้องซุบซิบกันบางคนพูดว่านี่เตโง่กว่ายัยขี้เลื่อยนั่นที่ได้เกรด 1 วิชาคณิตศาสตร์เนี่ยนะ
ปัง! เสียงไม่เรียวกระทบโต๊ะทำไห้นักเรียนนั่งที่โต๊ะอย่างเรียบร้อยรวมทั้งเตที่พยายามข่มอารมณ์
“นี่มันชั่วโมงฉันนะ เรียนต่อได้แล้วฉันแค่ต้องการคำตอบเฉพาะข้อนี้เท่านั้นไม่ต้องถกปัญหาอื่นขึ้นมาหรอก เอ้า เปิดไปหน้าที่ 38! “
ออดดดดดดดด!
เสียงสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้งนักเรียนทุกคนออกปากเฮลั่นพวกสาวๆรีบกรูเข้าล้อมรอบเตและส่งเสียงชวนเตไปกินข้าวเที่ยงในความคิดของเตพวกเธอส่งเสียงระงมดังดั่งเปรตในนรก เขาตัดสินใจตะโกนดังๆเพื่อไห้ผู้หญิงพวกนั้นตกใจและดึงมือโอ๊ตลากออกมาจากฝูงชะนีและตรงรี่เข้าห้องโรงอาหาร
“แฮ่กๆๆๆ...โอย..เหนื่อยๆ” ทั้งโอ๊ตและเตหอบจนตัวงอเมื่อมาถึงโรงอาหาร ที่นี่เป็นโรงอาหารที่ใหญ่ไม่แพ้โรงเรียนเดอะปริ้นของเขาเลย มีร้านขายอาหารเรียงยาวกันเป็นตับและมีอาหารทุกอย่างเท่าที่ในโลกนี้เคยมีมาทุกร้านต่างแหกปากชวนนักเรียนอย่างกับอยู่ในตลาดนัดหรือตลาดสดไม่มีผิด และตอนนี้เตกับโอ๊ตและกิตรที่วิ่งตามมาเมื่อกี้ก็รู้สึกแล้วว่าตอนนี้ไม่มีที่นั่งเลย ซ้ำมีพวกผู้หญิงมากหน้าหลายตาเกือบทั้งโรงต่างทำท่าทางเชื้อเชิญเขาทั้งสามไห้ไปนั่งและมีผู้หญิงมาชวนเตมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งเตก็บอกปัดไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะเพียงแค่เห็นสายตาของพวกเธอเตก็สยองกินข้าวไม่ลงแล้ว
“บอกว่าไม่ไปไงเลิกมาเซ้าซี้ได้แล้ว รำคาญ!! “ เตบอกไล่ผู้หญิงคนที่ 25 ได้แล้วที่มาชวนเขาและทำท่าทางยั่วยวนแต่ในสายตาของเตเหมือนชะนีซกมกไม่มีเสื้อใส่เสียมากกว่า
“โอย...แล้วเมื่อไรจะหาที่นั่งได้ฟ่ะเนี่ย” โอ๊ตยานคางอย่างเบื่อหน่ายเพราะเขาก็เริ่มเมื่อยและเหนื่อยกับการหาที่นั่งปราศจากสิ่งมีชีวิตที่เตเพื่อนเลิฟเกลียด(ผู้หญิง)
“ไอเต ทำไมแกไม่ตอบตกลงผู้หญิงซักคนวะเราไม่มีที่จะกินข้าวแล้วนะ ข้าหิวไส้กิ่วหมดแล้ว คาบต่อไปเรียนวิทย์ด้วยต้องใช้สมองแต่สมองไม่มีพลังงานมันก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่นะ” กิตรบ่นอย่างเด็กเรียนที่หิวข้าว
“แกก็ลองมองยัยพวกนั้นดูสิ มีตัวไหนบ้างทีไม่คิดจะเขมือบฉันดูหน้าพวกนี้สิ” กิตรทำตามที่เตว่าและก็สะดุ้งเล็กน้อยเขาพบว่าพวกนี้กำลังจ้องเตตาเป็นมันน่าจะเรียกว่าทั่วโรงอาหารเลยก็ว่าได้ พวกเธอตอนนี้ดูแล้วเหมือนปิศาจด้วยหน้าตาและท่าทางของเธอทำไห้กิตรสยองไปด้วย แต่ทันใดนั้นเหมือนสวรรค์มาโปรดอีกครั้งกิตรมองเห็นโต๊ะว่างตัวหนึ่งและรอบๆโต๊ะตัวนั้นมีแต่ผู้ชายซะด้วย
“ไอเตมีโต๊ะว่างว้อยยยยยยยยยย” กิตรตะโกนบอกไห้เพื่อนรู้เหมือนกับว่าพวกเขาเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย เตและโอ๊ตวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อจองโต๊ะนั้นก่อนจะมีใครแย่งไปหรือพวกผู้หญิ้งมาขอนั่ง
พวกเขาข้ามโต๊ะแล้วโต๊ะเล่าท่ามกลางความแตกตื่นของคนที่กินข้าวอยู่ ใกล้แล้วอีกนิดเดียวมือของเตจะสัมผัสโต๊ะแล้วขาของเขาลอยล่องมาตามแขนกำลังจะลงสุ่พื้นพร้อมมือที่แตะโต๊ะ อีกนิด...อีกนิด...จะถึง ถึงแล้วแตะโต๊ะแล้ว....
ตูมมมมมมมมม พลั่ก โอ๊ยยยยยยยยยยยย!!
ทันทีที่มือแตะโต๊ะก็มีกระเป๋าหนังปริศนาพุ่งเข้าที่ท้องเตเต็มๆขณะอยู่กลางอากาศทำไห้เขาเบรกอย่างกะทันหันทำไห้เพื่อนที่ตามาล้มลงพร้อมกับเตที่รับแรงจากกระเป๋าที่พุ่งมาด้วยความเร็ว180 ก.ม.ต่อช.ม.
“ กระเป๋าใครวะ! “ เตตะโกนออกมาพร้อมกับลุกจากพื้นมือข้างหนึ่งหยิบกระเป๋ามืออีกข้างกุมหน้าท้องที่แสบๆร้อนๆและจุกมาก
“ฉันเห็นโต๊ะตัวนี้ก่อน เพราะฉะนั้นฉันต้องได้นั่ง! “ เสียงใสๆไร้ความรู้สึกดังขึ้นเบื้องหน้าเตเห็นพิรภายืนเท้าสะเอวอยู่บนโต๊ะอาหารตัวยาวตัวนี้
“ฉันมาก่อนนะ” เตเถียงกลับไปเพราะตอนนี้เขาหิวมากแล้ว
“นี่ถามจริงเถอะถ้าฉันไห้โต๊ะตัวนี้ไปนายจะกินข้าวได้เหรอ?” พิรภาถามพร้อมกับลงมาจากโต๊ะยืนประจันหน้ากับเตขณะที่ตอนนี้คนทั้งโรงอาหารจ้องมองมาที่พวกเขาเหล่าผู้หญิงทั้งหลายต่างจ้องพิรภาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเพราะเธอมาหาเรื่องเตและพวกเธอเหล่านั้นต่างตะโกนบอกเตว่า มานั่งโต๊ะฉันก็ได้นะเตสุดหล่อ
“ทำไมฉันถึงจะกินไม่ได้ล่ะ ต้องกินได้อยู่แล้วตอนนี้ฉันหิวมากเธอช่วยไปไกลๆก่อนฉันจะลงมือกับเธอ”
“ก็ได้ ฉันจะไห้โต๊ะตัวนี้ไปแต่นายจะกินข้าวไม่ได้หรอก”
“ทำไม?” พิรภาเพียงแต่ทำหน้าเจ้าเล่ห์และทันใดนั้นเธอก็วิ่งกระแทกเตอย่างรวดเร็วจนเขาเซเกือบล้มแต่เพื่อนๆเขาพยุงไว้
“ยัยบ้าเอ๊ย!” เตสะบดเสียงดังไล่หลังพิรภาที่วิ่งตรงไปที่ห้องน้ำหญิง และเมื่อหันมามองรอบๆตัวเขาก็พบว่าพวกผู้หญิงกำลังกรูเข้ามาช่วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวเตรีบตะโกนสุดเสียงพร้อมกับทุบโต๊ะ
ปัง!
“ไปกันได้แล้ว ไปไห้หมดเลยไป๊! “ ถึงแม้พวกเธอจะยอมกลับไปนั่งที่แต่เสียงก็ดังไม่หยุดพวกเธอต่างทำหน้าสยดสยองเข้าไปไหญ่และวี๊ดว๊ายกันว่า น่ารักจังเลยเนอะเธอ
เตถอนหายใจก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อควักเงินจากกระเป๋าสตางค์ไปจับจ่ายหาของลงท้อง แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจ กระเป๋าตังหายไปไหน? เมื่อกี้...ยัยนั่นชน..รึว่า!!
“อ้ากกกกก ยัยบ้านั่น ขโมยกระเป๋าตังฉัน!! “ เตร้องโวยวายก่อนจะวิ่งรี่ตรงเข้าที่ห้องน้ำหญิง เขากระชากประตูเปิดทีแรกพวกผู้หญิงก็ตกใจกันแต่พอรู้ว่าเป็นเตพวกเธอกลับโชว์เนื้อหนังและกรูเข้าหาเต และแล้วเตก็เห็นพิรภาอยุ่ตรงมุมสุดของห้องน้ำเธอกำลังล้วงเงินในกระเป๋าเขาอยู่
“ยัยบ้า! เอากระเป๋าตังฉันคืนมานะ” เตพูดและพยายามเดินไปหาพิรภาขณะที่พวกผู้หญิงเกาะกันพะรุพะรังเหมือนหมัดเกาะหมาเน่า
พิรภาตกใจเล็กน้อยก่อนจะกระโดดข้ามหัวทั้งเตและพวกผู้หญิงไปทางประตูและตะโกนสุดเสียงโดยที่เตไปห้ามไม่ทันเพราะถูกพวกชะนีคลอเคลียอยุ่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดช่วยด้วยพวกโรคจิตบุกห้องน้ำหญิงค้ากรี๊ดดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆ!!! “เท่านั่นแหละทั้งผู้ชายทั้งครูกรูกันเข้ามาและพิรภาก็อาศัยจังหวะนั้นหลบหนีไป
“เฮ่ย! ยัยบ้ากลับมานะ ไอ้ขี้ขโมย! “
“อ๋อเตชาเด็กใหม่นี่เอง นี่เล่นข่มขื่นผู้หญิงกลางวันแสกๆเลยเรอะ”อาจารย์ท่านหนึ่งพูด ถึงแม้พวกผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเกาะเตแต่ทว่าในสายตาของคนอื่นกลับมองว่าเขาพยายามข่มขืนพวกเธอทั้งๆที่มีเป็นโขยงแถมยังกอดหอมเตอย่างเต็มใจ
“ไม่ใช่นะอาจารย์ เข้าใจผิดแล้ว”
“ไปห้องปกครองเดี๋ยวนี้แล้วปล่อยพวกเธอไปซะ! “
“ผมไม่ได้รั้งยัยพวกนี้ไว้ซะหน่อย อยากไห้มันออกไปด้วยซ้ำจะหายใจม่ายออกแล้ว”
“ โหแก้ตัวน้ำขุ่นๆ รีบปล่อยพวกเธอเดี๋ยวนี้”
“ อะไรกันโว้ยยยยยยยยยยยยยยย!!ทำใมวันนี้มันซวยอย่างนี้วะ “
ความคิดเห็น