ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คันปากอยากเล่า

    ลำดับตอนที่ #2 : คันปากอยากเล่า : เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 57


    สงกรานต์ผ่านไปแล้วนะครับ ผมคิดว่าหลายคนคงไปเที่ยวแบบเดียวกับผม.... (สงสัยอะดิว่าผมไปไหนมา)

     

    “ผมไปพัทยามาครับ” ระหว่างทางผมกับพี่ชายก็หาเพลงใน Soundcloud ฟังกัน ช่วงนี้ผมติดเพลงจากการ์ตูนของDisney เรื่อง Frozen ครับ ปกติผมก็ไม่ค่อยฟังเพลงการ์ตูน Disney หรอก แต่เรื่องนี้เพลงมันเพราะจริงๆ ฟังที่ไรผมขนลุกทุกที

    เพลงที่ผม พี่ชาย และแก๊งเด็กๆที่บ้านร้องกันติดปากมากที่สุดก็คือ Do you wanna build a snowman?(ชื่อเพลง) ผมคิดว่าเนื้อร้องในท่อนแรกๆของเพลงมันน่ารักดี เพลงที่ผมฟังเป็นเวอร์ชั่นไทยนะครับ ผมว่าเพลงมันมีพลังยิ่งกว่า ภาษาอังกฤษ ที่เป็นต้นฉบับเสียอีก ดังนั้นระหว่างทางก็จะได้ยินเสียง ผม พี่ชาย และเด็กๆร้องท่อนฮุกเพลงนี้ตลอดทาง ไม่ว่าจะเจอกวาง เจอกระต่าย เจอฝน หรือเจอหน้ากันก็จะทักกันด้วยประโยคนี้ “มาปั้นมนุษย์หิมะด้วยไหม~~” ดูเหมือนพวกผมเป็นคนดีชอบแบ่งปันยังไงชอบกล อาจจะฟังดูติ๊งต๊อง ครอบครัวของผมก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่ด้วยกันแบบต๊องๆแบบนี้มีความสุขดี ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงที่พวกเราชอบมาที่สุด แต่ไม่รู้ทำไม...เพลง For the first time in forever มันช่างติดหูผมเหลือเกิน  ท่อนฮุกมันร้องว่ายังไงนะ....



     

    นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน มีประดับไฟ มีดนตรี เป็นครั้งแรกที่รอมาเนินนาน จะได้เต้นทั้งคืนสักที~’

     

    โดยที่ผมไม่รู้เลยว่ามันอาจจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างกับผมก็ได้....

     

     

    4.00 p.m.

    ผมกับพี่ชายนอนอืด อ่านนิยายอยู่ในห้องพักหลังจากนั่งขดอยู่บนรถมาหลายชั่วโมง ทว่าเวลาแห่งความสุขที่หมดไปกับการพักยืดขา บิดขี้เกียจ นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นปาเก้ในห้องพักช่างสั้นนัก ผมสองคนนอนอยู่ได้ไม่นานมารเด็กทั้งหลายก็มาผจญ พวกนางเข้ามาบังคับผมกับพี่ชายให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปเล่นน้ำสระที่อยู่ด้านหน้าของโรงแรม ในตอนแรกเราทั้งสองคนก็ปฏิเสธ สุดท้ายก็ต้องไปเพราะพวกเธอเอาท่านพ่อของเธอซึ่งเป็นอาของพวกผมมายืนกดดัน “ปาย~ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย จะได้ไปเล่นน้ำ” ผมสองคนมองหน้ากันก่อนจะคลาน(หมดแรง)ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ‘ถามตรูรึยังว่าอยากไปรึเปล่า โถ่~’ - -;

     

    ผมกับพี่ชายไปนั่งเล่นอยู่ริมสระอยู่พักใหญ่ จนพี่ชายโดนพ่อของผมถีบลงน้ำผมจึงลงน้ำตามไป..... ผมลอยไปลอยมาอยู่ในสระด้วยความขี้เกียจ เนื่องจากผมห่างหายจากการว่ายน้ำสระแบบจริงๆจังๆมาราวๆ 6 ปี ตอนนี้ผมจึงไม่ค่อยมีแรงเล่นน้ำอย่างเมื่อก่อน ได้แต่ลอยไปลอยมา เกาะขอบสระ เกาะบันไดฆ่าเวลารอน้องๆกลับขึ้นห้อง

     


    ประมาณ 15 นาที ผ่านไป หลังจากที่พี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมถ่ายรูปตัวเองขณะเล่นน้ำสระส่งให้เพื่อนผ่านทางไลน์สมใจ เธอก็จุดประเด็นใหม่ขึ้นมา

     

    “เจ๊อยากเล่นบานาน่าโบ้ทอะ ไปเล่นกับเจ๊ป่ะ” ว่าแล้วอาของผมก็ลุกขึ้นไปถามราคาบานาน่าโบ้ทให้ทันที ไม่ถึง 5 นาที อาของผมก็เดินกลับมา “ครึ่งชั่วโมง 600  1 ชั่วโมง 1200”

     

    “เอาป่ะออกคนละ 200” เจ๊ถามแก๊งเด็กโต เด็กโตในที่นี้ก็จะมีเจ๊ใหญ่อายุเฉียดๆ 30 พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของผมอายุประมาณ 22 ตัวผม และ น้องสาวคนโตซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเช่นกัน อายุประมาณ 15 ปี แก๊งนี้เป็นไงเป็นกันอยู่แล้ว แต่....ต้องเป็นของฟรีนะ ฮ่าๆๆ(หัวเราะอย่างชั่วร้าย)

     

    ตามแนวทางของผมและพี่ชาย ถ้ามากับครอบครัวมันต้องมาแบบอิ่มจังตังค์อยู่ครบ เราสองคนมีชีวิตอยู่อย่างยาจกเหมือนกันทั้งคู่ ที่ทำไปทั้งหมดนี้ก็เพื่อนิยาย และการ์ตูนทั้งนั้น(ฮ่าๆๆ) เรื่องเงินๆทองๆผมกับพี่ชายเข้าใจกันดี “เฮ้ย! 200 ซื้อการ์ตูนได้หลายเล่มเลยนะ” ผมหันไปบอกพี่ชาย

     

    “ของผมอะ ได้เล่มเดียว” ส่วนใหญ่พี่ชายผมจะเน้นไปทางนิยายซะมากกว่า ส่วนผมเน้นการ์ตูนจำนวนเล่นเลยต่างกัน

     

    “นั้นแหละน่า”

     

    “เฮ้ย! เราสองคนเล่นบานาน่าโบ้ทครั้งแรงเลยนะ ไม่สนหรอ” น้องสาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมหาแนวร่วม น้องผมโตมาแบบไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ขนาดขึ้นมอเตอไซด์พ่อน้องเค้ายังไม่ให้ขึ้นเลย ‘กุล่ะเพลีย’

     

    จะว่าไปมันก็น่าสนนะ ผมกับมันหาเรื่องเล่นบานาน่าโบ้ทมานานแล้ว ทว่าตามที่ผมเล่าเมื่อครู่แหละครับ พ่อน้องเค้าไม่ให้เล่น ‘ห่วงลูกสาวเข้าใจป่ะ!’

     

    “มาเอานี่เดี๋ยวย่าออกให้ 600 จะเล่นต่อก็ไปออกกันเอง” ย่าของผมที่ร้อยวันพันปีไม่เคยออกจากบ้าน ทว่าทริปนี้น้องสาวคนกลางของแก๊งมารเด็กดันไปแซะออกมาจากบ้านจนได้ สุดท้ายก็กลายเป็นเจ้ามือในการเล่นบานาน่าโบ้ทของพวกผม อะโฮ๊ะๆๆๆ (เสร็จโก๋)

     

    ผมเป็นคนสายตาสั้น ก่อนจะเดินไปเล่นบานาน่าโบ้ท ผมถอดแว่นทิ้งไว้ที่สระน้ำก่อนจะเดินไปริมทะเล แว๊บแรกที่ผมเห็นน้ำทะเลนี่แทบจะเดินกลับสกปรกแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ขนาดผมไม่ได้ใส่แว่นยังเห็นขยะเยอะขนาดนี้ ถ้าผมเห็นแบบเต็มตาก็คง... แต่ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเล่นต้องมาก่อน แถมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมและน้องสาวจะได้เล่นบานาน่าโบ้ท ‘มันต้องมีอะไรทำให้ประทับใจแน่ๆ(มั้ง?)’ ผมคิด

     

    ผมยืนรอคนขับเรืออยู่พักนึง เขาตัวสูง ผิวสีน้ำตาล ผมสั้น ใส่แว่นดำ ผมว่าเขาเท่ดีนะ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่บนเรือลากโยนเสื้อชูชีพให้พวกผม รวมแล้วพวกเรามาเล่นกัน 5 คน มีอาของผม น้องสาว พี่สาว ผม และพี่ชาย เรานั่งกันตามลำดับนี้เลย เรียงจากหัวไปท้ายผมกับน้องสาวหุ่นจะอ้วนคล้ายๆกัน ยืนข้างกันนึกว่าฝาแฝด ไม่ทราบว่าผมควรดีใจกับเรื่องนี้รึเปล่า - -;

     

    ครั้งแรกที่ผมปีนขึ้นไปบนเรือกล้วย... ‘ตื่นเต้นว่ะ >_<’ ปกติก็ได้แต่นั่งเรือหางยาวแถวบ้าน นั่นก็ใกล้ชิดน้ำพอตัวเลยนะ ยิ่งหน้าน้ำเยอะ น้ำคลองแทบจะล้นเข้ามาในเรือ ทว่าครั้งนี้มันต่างกัน ผมรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนน้ำ เรือเริ่มออกตัวผมยิ่งตื่นเต้น ผมเห็นพวกเราเคลื่อนตัวผ่านผิวน้ำห่างออกจากฝั่งขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อออกห่างจากฝั่งสมใจพี่คนขับเขาก็บังคับเรือให้ขนานกับกับฝั่งและคลื่น....

     

    คลื่น!! คลื่น~~~ ไม่นะ แค่นั่งเฉยๆก็รู้สึกดีอยู่หรอก พอคลื่นมาเท่านั้นแหละทำเอาผมใจแป้วเลยล่ะ เพราะเวลาคลื่นกระทบกับเรือกล้วยพองลม เรือกล้วยเจ้ากรรมมันก็สะเทือนไปตามแรงคลื่นไปด้วย อาของผมเริ่มเด้งขึ้นจากเรือ แต่ก็ยังเหนียวอยู่ ต่อมาก็น้องผม พี่สาว ผม สุดท้ายก็พี่ชายตามลำดับ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่าผมเป็นตุ่นในเกมทุบหัวตุ่น คนหนึ่งลง อีคนขึ้นสลับกันไปสลับกันมา ถึงตรงนี้เสียงแหกปากเริ่มตามมาครับพี่น้อง “กรี๊ดดดด~~ อ๊ากกกกก~” เมื่อสัญญาณแต๋วแตกเริ่มปะทุ ไอ้คุณพี่คนขับก็เริ่มส่ายเรือลากเล็กน้อยให้คลื่นจากเรือลากกระทบกับเรือกล้วยจากที่เด้งกันเป็นเกมทุบตุ่น ตอนนี้เด้งกันหนักกว่าเดิมถ้าไม่บอกว่าเล่นบานาน่าโบ้ทนึกว่าพวกผมเล่นเรื่องสั่นสลายไขมันอยู่นะเนี่ย

     

    พี่คนขับเขาคงหมั่นไส้ล่ะครับ จากที่เด้งกันได้สักพวกผมก็เริ่มชินนั่งเงียบกินลมชมวิวกันเฉย ผมมองกลับเข้าไปที่ฝั่ง ผมนั่งเลยที่พักมาไกลมากตึกรามบ้านช่องริมหาดผ่านตายตาผมไปเรื่อยๆ มองดูสบายตา ‘สวยจัง’ ถึงจะมองไม่ค่อยเห็นก็เถอะ  ....ทว่าเคยได้ยินรึเปล่าครับ เวลาแห่งความสุขมันอยู่กับเราไม่นาน ยิ่งผมเอาชีวิตอันนบอบบางของผมไปฝากไว้กับคุณพี่คนขับเรือแล้วละก็.... ‘ไม่ตายดีแน่’ พวกผมเงียบปากกันไม่ทันไร พี่ท่านก็ลากพวกเราไปกลางทะเล และเข้าโค้งทันที พวกผมถูกเหวี่ยงจากการเข้าโค้ง “เอนตัวทิศตรงข้ามกับที่เรือเอน” อาผมตะโกนให้ทุกคนทำตาม จะรีรออะไรก็ทำตามสิครับ.... โค้งแรก ไม่มีใครลงไปเล่นน้ำกลางทะเล

     

    “เฮ้ย! บ้านเรานี่ก็หนึบเหมือนกันนะเจ๊มากับเพื่อน ยังไม่ทันเข้าโค้งก็ลงไปเล่นน้ำกันแระ” เจ๊พูด เออ...จริง ถ้าไม่ได้อาผมก็คงลงไปเล่นน้ำนานแล้ว

     

    ความภูมิใจจากการรอดโค้งแรกยั้งไม่ทันจากหายพี่คนขับลากพวกเรากลับฝั่ง และตีโค้ง ทีนี้พวกผมก็ทำเหมือนเดิม ‘เอนตัวไปทิศตรงข้ามกับแรงเหวี่ยง’ โค้งนี้ผมสู้ตายเพราะมันใกล้ฝั่งเหลือเกินเห็นขยะลอยแล้วสยอง ผมสู้ได้อยู่ครึ่งทาง สุดท้ายก็ ตูม! เทกระจาด พวกผมลงไปกลิ้งอยู่ในน้ำสูงเลยตาตุ่มขึ้นมาหน่อย ระหว่างที่ผมถูกสะบัดลงจากเรือ ผมสัมผัสกับผิวน้ำเพียงเสี้ยววิฯหนังจากนั้นผมก็ลงไปตักทรายด้วยกางเกงตอนตกน้ำ พอลองเขย่ากางเกงดูทรายเป็นกีโลฯก็ร่วงลงมาจากกางเกง ‘ป๊าดดดด~ ตกลงพี่จะให้ผมเล่นตักทรายหรือเล่นบานาน่าโบ้ทกันแน่นครับ!!’

     

    “หมดรอบแล้วหรอ” ผมถามพี่คนขับ

     

    “ยังครับ เหลืออีก 15 นาที”

     

    “อ้อ~” การโดนเทกระจาดครั้งที่หนึ่งผ่านไปด้วยดี(มั้ง?) ผมปืนขึ้นเรือแบบเหนื่อยๆ แขนทั้งสองข้างเริ่มล้า เนื่องจากต้องเกร็งแขนอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนดีดตกเรือ

     

    พอทุกคนเข้าที่พี่คนขับก็ไม่รอช้า เอาเรือออกจากฝั่งทันที ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม พี่คนขับพาเราออกห่างจากฝั่ง ทว่าครั้งนี้น้ำลึกกว่าเดิมมาก เขาพาพวกผมไปจนสุดหาดตรงนั้นน้ำลึกมากถึงมากที่สุด  เขาขับเรือวนรอบเรือลำใหญ่ลำหนึ่งและมุ่งหน้ากลับไปที่หาด ระหว่างที่เรือกล้วยโดนลากให้ห่างจากเรือลำใหญ่เพียงเล็กน้อย เหตุไม่คาดฝันก็เกินขึ้น พี่สาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าของผมท่าทางจะเสียงหลัก เธอเด้งไปเด้งมาทำท่าว่าจะร่วงไปทางขวา  เรือก็ขำเร็วผมไม่กล้าปล่อยมือ ถ้าปล่อยมือไปดึงพี่เขา ร้อยทั้งร้อยน่าจะจบไปทั้งคู่ ผมเลยเลือกอีกทาง คือเอนตัวไปทางซ้ายเพื่อรักษาสมดุล และแล้วความซวยก็บังเกิดพี่เขาร่วงลงไปอย่างที่ผมคิด พี่สาวของผมเป็นคนที่ชอบเผื่อแผ่ครับ เธอเอาTeenเกี่ยวผมกับข้องที่นั่งประกบหน้าหลังให้ร่วงลงไปด้วย

    “โอ้ย! ไม่ต้องลากลงมาด้วยก็ได้” น้องสาวผมเหวี่ยงด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

    “นั่งกันยังไง กลางหล่นหัวท้ายไม่ร่วง” อาผมบ่นระหว่างพยายามดึงพี่สาวผมขึ้นจากน้ำ

    “ก็เจ๊เค้าอาตีนเกี่ยวผมลงมาง่า~” ผมบ่นขณะปืนขึ้นเรือ ทว่าคนตัวอ้วนแถมขาสั้นอย่างผมปืนขึ้นเรือโคตรลำบากเลย อย่าลืมนะครับว่าตรงนั้นน้ำลึกมาก ไม่มีพื้นทะเลให้ผมยืนต้องตีขา ตะกายเรือเอาเอง  คนบนเรือก็ช่วยกันดึงแทบตายกว่าจะขึ้นได้สักคน...

     

    พี่สาวผมขึ้นได้คนแรก ผมคนที่สอง น้องสาวขึ้นได้คนสุดท้าย กว่าจะขึ้นมาได้เล่นเอาหมดแรงกันทั้งแถบ “น้อง เลือกเวลาอีกเท่าไหร่” อาผมตะโกนถามคนขับ

     

    “อีก 10 นาที ครับ!” เขาตะโกนตอบ

     

    โอ้ย~!!!” ผมพวกที่เริ่มหมดแรงร้องออกมาพร้อมกัน

     

    หลังจากนั่งไม่ทันเรียบร้อย พี่คนขับเรือลากก็เร่งเครื่องลัดเลาะแนวคลื่นไปอย่างรวดเร็ว แรงที่เรือกล้วยกระทบกับคลื่น ทำเอาคนนั่งเรือกล้วยเด้งสูงท่วมหัวคนนั่งต่อหลัง สามคนข้างหน้าเด้งสูงเท่าหัวผมจริงๆครับ แต่ผมนี่สิ เด้งถอยหยังไปทับมือพี่ชาย จะว่าไปก็สงสาร(เค้าขอโทษจริงๆนะ) พอพาเราใกล้ฝั่งความรู้สึกใจชื้นเกิดขึ้นในอก ทว่าไอ้ความรู้สึกใจชื้นนี่สิมันไม่รักผมเอาเสียเลยมาได้แว๊บเดียวมันก็ไปจากผมซะแล้ว.... ทำไมหรอครับ? ไอ้คุณพี่คนขับเรือเขาก็ลากผมออกไปนอกฝั่งครับ แล้วจะบอกอีกอย่างหนึ่งผม ไอ้การเด้งของสามคนข้างหน้า บวกกับเด้งไปทับมือพี่ชายข้างหลัง มันทำให้ผมระวังหน้าระแวงหลังอยู่ตลอดทาง

     

    ระแวงไประแวงมาตัวเองก็ไหลลงข้างเรือเสียแล้ว ผมพยายามเด้งกลับ เด้งไปเด้งกลับได้ไม่กี่ที พี่คนขับแกก็เริ่มเข้าโค้งครับ แต่โค้งได้นิดเดียว ผมก็เสียศูนย์ลอยลงทะเลไปแระ... - -;

     

    เหมือนเดจาวู สามตัวตรงกลางร่วงลงไปพร้อมกัน ตู้ม! น้องสาวผมลอยเคว้งอยู่กลางทะเล “อ้าวเฮ้ย! เป็นไร!”

    “วิ้งเลย!”

    “อะไร?”

    “ตีนใครไม่รู้ ฝากเข้ามาที่หู วิ้งเลย”

    “ฮ่าๆๆ” แทนที่จะห่วงน้อง ทั้งคนไม่ตกน้ำ ทั้งคนไม่ตกน้ำตัวเราะกันร่วน

    “เว้ย! แทนที่จะห่วงน้องมานั่งหัวเราะเดี๋ยวปั๊ด!” เฮฮากันได้สักพัก ผมก็เปลี่ยนอารมณ์มาเป็ฯอยากจะร้องไห้แทน.... ผมปืนเรือไม่ขึ้นน่ะ แขนล้า ตีขาก็แล้ว ตะกายเรือ เอาขาพาดก็แล้ว ยังไงก็ไหลลงน้ำเหมือนเดิม ตะกายอีกผลก็เหมือนเดิม ผมเริ่มตะกายไม่ไหว “พี่! ลากผมเขาฝั่งเหอะผมปีนไม่ไหวแล้ว~” ประโยคนี้ผมรีพีทเกือบสิบรอบ สุดท้าย....ผมก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเรือได้(อ้าว?)

     

    หัวใจของผมเริ่มพองโตอีกครั้งเมื่อเห็นเรือเข้าใกล้ฝั่ง พี่คนขับเรือเริ่มตีโค้งพื้นทรายอยู่ห่างจากเรื่อไม่กี่คืบ ‘มึงจะตีโค้งให้กูกลิ้งขึ้นบนฝั่งเลยหรือไง ห๊ะ!!’ สิ่งที่คิดยังไม่ทันจะหายไปจากสมอง หูผมก็เรี่ยน้ำตามแรงเหวี่ยงของเรือ ผมใช้แรงที่มียื้อให้ได้นานเท่าที่จะทำได้

    ปัก!

    เท่าที่ผมสัมผัสน่าจะเป็น “Teen”ลอยมาโดนสะโพกแต่ผมไม่แน่ใจว่าของใคร ที่แน่ๆ อีกพี่คนขับเรือเขาพาผมมาตักทรายอีกแล้วครับ รอบที่แล้วผมต้องเขย่ากางเกงเอาทรายออกใช่ไหมครับ รอบนี้หนักกว่าเดิมแค่ยืนทรายเป็นตันก็ร่วงออกจากกางเกงผม ผมถอดเสื้อชูชีพไปคืนก่อนจะเดินสะโหลดสะเหลขึ้นฝั่ง “ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันม๊ายยยย ย ย ย~” ผมร้องเพลงลอยๆ พอร้องจบเพลงนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัว

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนินนาน มีประดับไฟ มีดนตรี เป็นครั้งแรกที่รอมาเนินนาน จะได้เต้นทั้งคืนสักที~’

     

    หึ! มึงเต้นไปคนเดียวเถอะ ตอนนี้แค่เดินยังไม่ไหวเลย ผมเดินตามน้องต้อยๆกลับไปล้างตัวที่ที่พักด้วยน้ำจืด กว่าจะล้างทรายออก(จนคิดว่า)หมดก็ปาไปหลายนาที

     

    ผลสรุปของการ ‘เล่นบานาน่าโบ้ทครั้งแรก’ หมดแรงไปสองวัน ปวดแขนอีกอาทิตย์ อาจจะฟังดูเวอร์ แต่มันคือเรื่องจริงสำหรับคนไม่ค่อยออกกำลังกาย...

     

    และเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ‘มาออกกำลังกายกันเถอะครับพี่น้องชาวไทย’ TT



    zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz

    ปัั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม -> http://www.youtube.com/watch?v=7W2UMv6vb60

    เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน -> http://www.youtube.com/watch?v=qJ8qTIduEFc
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×