คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่แปด : เนรมิตความงาม
เป็นมารดาของทรราชมิใช่เรื่องง่าย
แต่งโดย เดือนสีนวล
*
ตอนที่แปด : เนรมิตความงาม
*
ยังไม่ตรวจคำผิด
ยังไม่ตรวจคำผิด
ยังไม่ตรวจคำผิด
นับตั้งแต่เสวี่ยหนิงเซียนกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม เวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้ว นางมักจะขลุกตัวอยู่ในห้องบรรทม ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาทั้งสิ้น ตกกลางดึกของทุกวันหวังกงกงหรือขันทีน้อยมักจะได้ยินเสียงสูดน้ำมูก และเสียงสะอื้นบางครั้ง คาดว่าพระสนมคงรู้สึกสะเทือนจิตใจไม่น้อย หวังกงกงอดทนรอจนถึงวันกำหนดรายงานพฤติกรรมของพระสนม เขาจึงร่ายยาวความอัดอั้นที่มีลงไปในกระดาษก่อนจะนำไปมอบให้เมิ่งไทเฮาทันที
ทว่าผ่านไปหลายวันจนถึงตอนนี้เมิ่งไทเฮาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตำหนิคนแซ่เสวี่ยเลยแม้แต่น้อย พระนางยังวางแผนจัดงานเลี้ยงประชันบุปผา เชิญชวนคุณหนูสูงศักดิ์ของแต่ละสกุล ฮองเฮา และสี่พระสนมเอกร่วมงานเท่านั้น ส่วนสนมขั้นจิ่วผินลงไปย่อมไม่มีสิทธิร่วม ซึ่งเสวี่ยหนิงเซียนก็คาดเดาว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
เมิ่งไทเฮามิใช่สตรีโง่เขลา ในอดีตนางเป็นถึงฮองเฮา ย่อมเคยรบรากับสตรีนับร้อยในวังหลัง พระนางจึงทราบจิตใจของสตรีเป็นอย่างดี สาเหตุที่นางส่งสายของตนเข้าทุกตำหนักของพระสนม ก็เพื่อจับตาดูพฤติกรรม นั่นหมายความว่าเมิ่งไทเฮาระแวงลูกสะใภ้ทุกคนที่อยู่ในรั้ววัง
ทว่าเชื้อพระวงศ์ก็มิควรถูกปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนั้น ด้วยเสนาบดีเสวี่ยเป็นขุนนางขั้นสอง นับว่ามีอำนาจในราชสำนักเกือบสามในสิบส่วน เสวี่ยหนิงเซียนเป็นบุตรีของเสวี่ยหรงซวน เสนาบดีเสวี่ยอาจโต้แย้งว่าตนทำเพื่อสั่งสอนบุตร พระนางย่อมไม่อาจตำหนิตามพระทัยนึกได้ เมิ่งไทเฮาจึงพระราชทานผ้าแพรหลวงสามพับ และหีบทองคำอีกห้าพันตำลึงเพื่อเป็นของปลอบใจหนิงเซียน
“หึ สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเฒ่า” เสวี่ยหนิงเซียนพึมพัมเสียงเบา นางเหลือบมองหีบทองคำและผ้าแผรหลวงพวกนี้ด้วนนัยน์ตาราวโรจน์ นางกำนัลนับสิบนำของพระราชทานส่งให้ตำหนักเสวี่ยหนิงเซียนอย่างเอิกเกริก ไม่ประกาศว่าเพราะเหตุใดจึงนำของล้ำค่ามาให้ สนมอื่นย่อมบังเกิดความริษยา คิดว่าหนิงเซียนกำลังเป็นที่โปรดปราณของพระนาง การกระทำของเมิ่งไทเฮาแทบไม่ต่างอะไรกับการโยนชิ้นเนื้อให้ลูกหมูที่อยู่ท่ามกลางดงสุนัข
แต่อย่างไรความต้องการของนางก็นับว่าลุล่วง ขอแค่เมิ่งไทเฮาคิดว่าตนและบ้านเดิมไม่ถูกกัน นั่นก็เพียงพอแล้ว
“หวังกงกง ฝากบอกฉิวเชียนและฉิงชิวให้ซื้อด้ายตามที่ข้าเขียนไว้ที” นางยื่นกระดาษให้ขันทีน้อย
“พะยะค่ะ”
“ห้ามใครเข้าห้องบรรทมเด็ดขาด ข้าจะปักผ้า ต้องการสมาธิเป็นอย่างมาก เข้าใจหรือไม่”
“กระหม่อมรับทราบแล้ว” หวังกงกงเม้มปาก ยามเพ่งพิจดูใบหน้าอิดโรยของพระสนม ขันทีน้อยย่อมรู้สึกสงสารเจ้านายของตน
นางแย้มยิ้มอ่อนโยนพลางเลื่อนประตูปิดจนแนบสนิท ในมุมห้องบรรทมนั้นมีตลับไม้และสมุนไพรหลายชนิด เสวี่ยหนิงเซียนจัดการเด็ดใบและนำไปตากแห้ง รอไม่นานนางกำนัลฉิวเชียนก็กลับมาพร้อมด้ายหลากสี งานอดิเรกของสนมล้วนเป็นการปักผ้าอยู่แล้ว ภายในวังหลวงจึงมีด้ายหลากสีมากมาย สามารถเบิกใช้ได้ตามใจชอบ แต่หากต้องการด้ายที่มีคุณภาพและราคาสูง ก็ต้องใช้เบี้ยหวัดมาจ่าย ซึ่งนางได้นำทองที่เมิ่งไทเฮาทรงราชทานให้ไปเบิกไหมคุณภาพสูง รวมๆ แล้วก็ประมาณสองพันตำลึงทองได้
“ฉิงชิว ข้าฝากเจ้าเขียนบัญชีด้วยนะ”
“เพคะพระสนม”
นางปิดประตูจนสนิท เมื่อแน่ใจแล้วว่านางกำนัลและขันทีน้อยไม่ได้เฝ้าอยู่หน้าห้อง ตนจึงจัดการหยิบดอกไม้สามสีขึ้นมา
อีกเจ็ดวันงานเลี้ยงประชันบุปผาที่ไทเฮาเป็นแม่งานก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
สี่พระสนมเอกนั้นมีความงามที่แตกต่างกัน ทว่าปัจจุบันตำแหน่งเสียนเฟยยังว่างเว้นอยู่ เนื่องจากอดีตเสียนเฟยสิ้นพระชนม์ด้วยโรคเรื้อรัง ต้องรออีกสามเดือนจึงจะสามารถแต่งตั้งสนมอื่นขึ้นมาเป็นเสียนเฟยได้ ระหว่างกุ้ยเฟย เต๋อเฟย และซูเฟย พระสนมเอกที่งดงามมากที่สุดย่อมเป็นสวีกุ้ยเฟย สกุลสวีนั้นเป็นคหบดีร่ำรวย ไร้อำนาจในราชสำนัก องค์จักรพรรดิซ่งจินเหยียนจึงโปรดปราณสวีกุ้ยเฟยเป็นอย่างยิ่ง สี่ปีที่ผ่านมาสวีเจียลี่ยังมีโอรสชายถึงสองพระองค์ไว้สืบทอดราชบัลลังก์ ทั้งเมิ่งไทเฮา ทั้งฮ่องเต้ซ่งจินเหยียนจึงให้ความสำคัญสวีกุ้ยเฟยรองลงจากเว่ยฮองเฮา
ภายในอุทยานหลวงนั้นมีศาลากลางน้ำขนาดใหญ่ ถูกประดับด้วยบุปผานานาชนิด ธารใสไหลเย็นเต็มไปด้วยมวลหมู่มัจฉาสีสง่า บ้างแหวกว่ายทวนธารา บ้างผุดโผล่ขึ้นมาหายใจ นางกำนัลตัวจ้อยเหลือบมองสนมทั้งสามที่กำลังสนทนากันในศาลาหยก ก็ต่างพูดคุยชื่นชมความงาม
“สวีกุ้ยเฟยงดงามยิ่งนัก”
“ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเมิ่งไทเฮาและฮ่องเต้จึงโปรดปราณสวีกุ้ยเฟย”
สวีกุ้ยเฟยย่อมได้ยินคำกล่าวชื่นชมของนางกำนัล นางแย้มยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหันไปหาเต๋อเฟยที่นั่งอยู่ข้างกาย “น้องหญิง วันพรุ่งนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว เจ้าได้เลือกอาภรณ์ไว้หรือยัง”
สวีเต๋อเฟยลอบจิกฝ่ามือของตน ในบรรดาสี่พระสนมขั้นเอก สวีเต๋อเฟยมีความงดงามน้อยที่สุด นางทราบอยู่แก่ใจดีจึงพยายามที่จะบำรุงผิวและประทินโฉม ทว่าก็ยังไม่อาจสู้พี่หญิงของตนได้
สวีกุ้ยเฟยและสวีเต๋อเฟยเป็นพี่น้องคนละมารดา โดยสวีเจียลี่ถือกำเนิดจากฮูหยินเอกสกุลสวี ส่วนสวีเต๋อเฟยหรือสวีม่านฮวากำเนิดจากฮูหยินรอง ตั้งแต่อยู่ในจวนสองพี่น้องก็คอยแข่งขันกันมาตลอด แน่นอนว่าทุกครั้งสวีม่านฮวาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดรูป สวีเจียลี่งดงามกว่า เป็นบุตรีของฮูหยินเอกย่อมได้รับการอบรมจากนางกำนัลอาวุโส นางเป็นเพียงบุตรีของฮูหยินรอง สวีม่านฮวาย่อมไม่มีความสามารถใดสู้พี่หญิงของตนได้ แค่เพียงรูปโฉมก็นับว่าอ่อนด้อยกว่าหลายขุม ถึงกระนั้นท้ายที่สุดสวีม่านฮวาก็สามารถคว้าตำแหน่งเต๋อเฟยได้ แม้ไม่เทียบเท่ากุ้ยเฟย แต่ตำแหน่งนี้ก็มิได้ต้อยต่ำ นางมีทุกวันนี้ได้ล้วนแลกมาด้วยความเพียรพยายามนับมหาศาล สวีม่านฮวาย่อมรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย ทว่าทุกครั้งสวีกุ้ยเฟยก็มักจะทำลายความมั่นใจของน้องสาวตน
หกวันก่อนสวีเต๋อเฟยได้สั่งตัดอาภรณ์จากร้านผ้าอันดับหนึ่ง ทว่าอาภรณ์ชิ้นนั้นกลับถูกสวีกุ้ยเฟยแย่งซื้อไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่นางเป็นคนสั่งตัด อาภรณ์ชุดนั้นก็ควรเป็นของนาง อำนาจบารมีของกุ้ยเฟยนั้นดูเหมือนจะไม่ห่างจากตำแหน่งเต๋อเฟยเท่าไหร่นัก แต่สวีเจียลี่มีโอรสถึงสององค์ ความโปรดปราณที่ได้รับจากพระสวามีไม่มีผู้ใดเทียบติด ไม่เว้นแม้แต่เว่ยฮองเฮา
“ขอบคุณพี่หญิงที่เป็นห่วงเป็นใยข้านะเจ้าคะ นางกำนัลของข้าได้เตรียมอาภรณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว” สวีเต๋อเฟยกล่าวเท็จด้วยใบหน้าอ่อนหวาน อาภรณ์ที่นางมีอยู่มิอาจสู้อาภรณ์ของพี่หญิงได้สักชิ้น! หากวันงานมาถึง นางต้องถูกทักท้วงว่าใส่แต่อาภรณ์ตัวเดิมเป็นแน่
“น้องหญิงหกเตรียมตัวดีเสียจริง พี่ยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะใส่อาภรณ์ตัวไหน มีชุดสวยๆ มากมายจนข้าเลือกไม่ถูกแล้ว” สวีกุ้ยเฟยหัวเราะร่วน นางมีอาภรณ์งดงามหลายพันชุด ทว่าก็ยังแย่งซื้ออาภรณ์ที่น้องสาวของตนต้องการ หรือต่อให้สวีกุ้ยเฟยสวมชุดพอเหมาะสม ไม่เน้นหรูหรางดงาม นางก็ยังคงเป็นตัวเอกของงานอยู่วันยังค่ำ
สวีเต๋อเฟยจิกฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ นางจึงขอตัวกลับพระตำหนัก แสร้งทำเป็นเวียนศีรษะและต้องการบรรมทมเสียหน่อย
จ้าวซูเฟยมองสองพี่น้องที่ลอบจิกกัน ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ตนปักมอบให้สวีกุ้ยเฟย “สวีกุ้ยเฟยชื่นชอบลายผ้าที่ข้าปักหรือไม่ ข้าตั้งใจปักมาให้ท่านเป็นอย่างดี”
ลายหงส์เริงระบำ หงส์คือตัวแทนมารดาของแผ่นดิน ไม่มีทางที่สวีเจียลี่จะไม่ชอบอยู่แล้ว สวีกุ้ยเฟยเอ่ยชื่นชมจ้าวซูเฟยก่อนจะยื่นมือรับผ้าเช็ดหน้าทันที เป็นเรื่องปกติที่ในวังหลังจะได้เห็นจ้าวซูเฟยประจบประแจงสวีกุ้ยเฟย
สวีม่านฮวาเดินกลับตำหนักของตนด้วยความโมโห หากนางกำนัลคนไหนสร้างความไม่พอใจให้ตน สวีเต๋อเฟยก็จะสั่งโบยทันที “นังชั้นต่ำเช่นพวกเจ้ามีสิทธิอะไรมามองข้ากัน!”
สวีเจียลี่ ข้าเกลียด ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก!!!
ทุกครั้งที่นางอยู่กับพี่สาวต่างมารดา สวีม่านฮวามักได้รับสายตาที่เปรียบเทียบสองพี่น้อง เพราะนางไม่งดงามเท่าพี่สาว จึงไม่เป็นที่โปรดปราณของไทเฮาและพระสวามี บางครั้งตนยังเคยได้ยินนางกำนัลนินทา แม้ท้ายที่สุดสวีเต๋อเฟยจะสั่งโบยประหารจนไม่มีนางกำนัลใดกล้าเอ่ยถึงนางแล้วก็ตาม
สวีเต๋อเฟยเป็นคนอารมณ์ร้าย เมื่อต้องออกไปสนทนากับสี่พระสนมเอก นางกำนัลจึงไม่ค่อยอยากจะตามไปรับใช้ เพราะทุกครั้งที่เต๋อเฟยสนทนากับกุ้ยเฟยทีไร นางก็มักจะกลับพระตำหนักด้วยใบหน้าเดือดดาล ไม่พอใจใครก็สั่งโบย สวีเต๋อเฟยเหยียบย่ำดอกไม้ที่ตนเป็นคนปลูกเสร็จ นางจึงผ่อนลมหายใจ พยายามยับยั้งโทสะ รอบกายไม่มีนางกำนัลใดกล้าเข้าใกล้ บ่าวทั้งหลายต่างหลีกหนีนายของตนเพราะรักตัวกลัวตาย ภายในสวนหย่อมของพระตำหนักเต๋อเฟยจึงมีเพียงสวีม่านฮวา
“สวีเต๋อเฟย” เสียงเรียกของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้น สวีม่านฮวาหันหลังกลับไปมองด้วยความไม่พอใจ กล้าดีอย่างไรถึงได้เอ่ยเรียกนางด้วยถ้อยคำห้วนๆ เช่นนี้
นางไม่เคยเห็นสตรีหน้าตาดาษดื่นเช่นนี้มาก่อน แม้แต่นางกำนัลของตำหนักนางยังดูงดงามกว่าเสียอีก
เสวี่ยหนิงเซียนมองข้ามสายตาที่ดูถูกใบหน้าของตน นางแย้มยิ้มนุ่มนวล “หม่อมฉันสามารถทำให้สิ่งที่ท่านต้องการเป็นจริงได้”
“เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าเรียกข้าอย่างไม่เคารพเช่นนี้” เต๋อเฟยเอ่ยด้วยความโมโห
“ขออภัยสวีเต๋อเฟย หม่อมฉันลืมแนะนำตัวแล้ว หม่อมฉันมีนามว่าเสวี่ยหนิงเซียน เป็นสนมขั้นจิ่วผินตำแหน่งเจาหรงเพคะ” หนิงเซียนแสร้งทำเป็นเลอะเลือน ก่อนจะถวายทำความเคารพสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้า
สวีเต๋อเฟยจำนามนี้ได้ เมื่อห้าปีที่แล้วเสนาบดีเสวี่ยส่งบุตรีถวายเข้าวังหลัง เสวี่ยหรงซวนเป็นถึงเสนาบดีกรมยุติธรรมขั้นสอง สวีเต๋อเฟยย่อมรู้สึกหวั่นเกรงต่อสกุลเดิมเสวี่ยหนิงเซียน ยังเคยคิดว่าภายภาคหน้าเสวี่ยหนิงเซียนอาจได้เป็นหนึ่งในสี่พระสนมเอก แต่ใครจะไปคาดคิดว่าแท้จริงแล้วบุตรีของเสนาบดีเสวี่ยมีใบหน้าธรรมดา ดาษดื่นจนน่าเบื่อเช่นนี้ นับตั้งแต่เข้าวังหลัง ห้าปีผ่านไปยังไม่เคยถูกเลื่อนขั้นสักครั้ง
“เจ้ามาหาข้าเพราะต้องการอะไร” สวีเต๋อเฟยเอ่ยเสียงห้วน นางเคยเห็นสนมขั้นต่ำมากมายพระยายามประจบเอาใจตนอยู่บ่อยครั้ง คาดว่านางสนมเจาหรงผู้นี้ก็คงจะต้องการเอาใจตน แต่ช่างมาได้ถูกจังหวะเสียจริง
นางกำลังต้องกระสอบทราบไว้ระบายอารมณ์พอดี ทำร้ายสนมที่ต่ำกว่าอย่างมากก็คงจะโดนตำหนิ ที่ผ่านมาสวีเต๋อเฟยเคยทำสนมมากมายเจ็บตัวไปตามๆ กัน
หนิงเซียนเมินเฉยท่าทีที่เหมือนจะประทุษร้ายตน นางรู้แก่ใจว่าสวีม่านฮวาไม่อาจทำร้ายนางได้ เพราะเสวี่ยหนิงเซียนคือผู้เดียวที่จะเนรมิตในสิ่งที่สตรีตรงหน้าปราถนา หากกล้าประทุษร้ายนาง ก็อย่าหวังว่าความปราถนานั้นจะเป็นจริง “เรียนเต๋อเฟย หม่อมฉันสามารถให้สิ่งที่ท่านต้องการได้เพคะ”
“เจ้ารู้หรือว่าข้าต้องการอะไร” นางแค่นยิ้มหยัน
“ความงาม และอาภรณ์งดงามมากที่สุดสำหรับเข้างานเลี้ยงประชันบุปผา หม่อมฉันกล่าวถูกต้องใช่หรือไม่”
ติดตามตอนต่อไป
_Talk With Me_
วันนี้ตอนน้อยนะคะ ที่ตุนไว้หมดแล้วTT
ความคิดเห็น