คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 เบื้องลึกแห่งความแปลกประหลาด
เขาไม่รู้ว่าจะสามารถหาคำพูดหรือคำบรรยายใดๆที่เหมาะสมที่จะบรรยายถึงความพิสดารของสถานที่นี้หรือไม่ แลปที่แท้จริงซ่อนอยู่หลังประตูและมันมีลักษณะไม่ต่างจากแลปที่เขาเห็นด้านนอก เมื่อเสียงปิ๊ปๆจบลง ประตูเหล็กก็ปิดสนิท มอสตี้นำเขาเดินไปตามทางเดินสีขาวสะอาดซึ่งเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ที่เดินขวักไขว่ไปมา กลิ่นของน้ำยาเคมี และกระดานที่เต็มไปด้วยสมการและตัวเลขที่ทั้งชีวิตเขาอาจจะไม่สามารถเข้าใจมันได้มีให้เห็นทั่วไปในห้อง แม้คนที่นี่มีจำนวนมหาศาลแต่นอกจากเสียงกระทบกันของหลอดทดลองและเสียงแก๊สที่พวยพุ่งมาจากหลอดทดลองแล้ว ที่นี่ก็เงียบสนิทแทบจะไม่มีเสียงพูดกันใดๆระหว่างนักวิทยาศาสตร์แต่ละคน ไม่นานนักคำอธิบายที่มาจากปากมอสตี้ก็ทำให้เขาทึ่งในความไฮเทคของสถานที่ใต้ดินแห่งนี้ แลปแห่งนี้เป็นของรัฐบาลแห่งชาติของบอสเรียน สร้างโดยเป็นความลับจากมหาอำนาจภายนอก แต่ด้วยเงินสนับสนุนจากกลุ่มประเทศเล็กๆและกำลังพัฒนาด้วยกัน โครงการสร้างอาวุธของประเทศที่กำลังพัฒนาเพื่อป้องกันการคุกคามจากมหาอำนาจจึงได้เกิดขึ้น ด้วยความลับสุดยอด แลปนี้สร้างลงไปใต้ดินลึกมากกว่าตึกห้าชั้น และมีระบบป้องกันภัยอย่างดีเยี่ยมอย่างที่เขาได้เห็นมาแล้ว และที่เขายังไม่ได้เห็นอีกมากมายซึ่งมอสตี้สัญญาว่าจะให้เขาได้ดูอย่างแน่นอนหลังจากที่เขาได้นำพัสดุไปให้เอลคิโพเรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่เลือกให้บอสเรียนเป็นประเทศผู้นำสำหรับโครงการนี้นอกจากจะด้วยสาเหตุที่บอสเรียนเป็นเกาะโดดเดี่ยวและห่างไกลจากมหาอำนาจแล้ว ยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มประเทศพันธมิตร ซึ่งมหาอำนาจคงจะต้องใช้เวลานาน หากว่าค้นพบโครงการนี้แล้ว และคิดจะทำลายมัน โครงการนี้ดำเนินการโดยพลเอกเอลคิโพเป็นผู้อำนวยการ เขาทำงานที่นี่มากว่าแปดปีแล้ว และเขาก็คิดค้นอาวุธต่างๆมากมาย ทั้งที่ทำลายล้างสูงและทำลายล้างเป็นวงกว้าง ถึงกระนั้นจากหน่วยข่าวกรองนั้นก็ยังรายงานอยู่ดีว่า อาวุธของมหาอำนาจทั้งสอง -- ชอสเซ กับ เวียนอา ยังเหนือกว่ามากนัก จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ความตึงเครียดระหว่างชายแดนของสองมหาอำนาจมีมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดสงครามขึ้นในไม่ช้านี้ และแน่นอนว่าก่อนที่มหาอำนาจจะทำสงครามกันคงจะไม่อยากให้ประเทศเล็กน้อยซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรอันมหาศาลตกไปอยู่ในมือของศัตรู แต่ละชาติจึงต้องการที่จะฮุบเอาประเทศเล็กๆไว้ในกำมือ และการเตรียมการป้องกันประเทศทุกประเทศจึงมีไปอย่างเร่งรีบ ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายอาจจะระแคะระคายมาบ้างแล้วกับข่าวการรวมตัวกันเป็นสันนิบาตินานาชาติของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแล้วแต่คงยังไม่รู้ถึงโครงการนี้ ซึ่งยังคงเป็นไม้ตายซึ่งทุกประเทศหวังเอาไว้อย่างสูงยิ่งว่าจะต้องใช้ป้องกันประเทศในสันนิบาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากเดินมาได้ครึ่งทาง มอสตี้ก็เดินไปหยิบเครื่องมือขนาดเล็ก คล้ายเครื่องคิดเลขขนาดเล็ก มาให้เขากดรหัสลงไปพร้อมกับขานชื่อใส่ช่องนั้น
0 9 6 8 8 0 3 5 8 2 1 7 4 9
“ลอฟ อคาเชีย” เสียงของเขาแม้จะไม่ดังมากนักแต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งห้องที่อยู่ในความเงียบสงบมานาน
มอสตี้นำเขาเดินต่อไปทางเดินที่คล้ายทางเดินเดิมก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องนี้ จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่ควรจะมียามรักษาความปลอดภัยอยู่ แต่ห้องแลปจริงนั้นมีเพียงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นของลำแสงพอที่จะตัดเนื้อเยื่อและกระดูกของมนุษย์ได้อยู่สองเส้นเท่านั้น มอสตี้เดินเข้าไปหาเลเซอร์อย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เขาโวยวายจะทักนั้น มอสตี้ก็เดินผ่านเลเซอร์ปลอมที่เป็นเพียงลำแสงธรรมดาเท่านั้นเข้าไปได้แล้ว เขาเดินเข้าไปหาช่องใส่การ์ดซึ่งอยู่ระหว่างเลเซอร์ปลอมและเลเซอร์จริงซึ่งอยู่ด้านหลัง เสียงสัญญาณดังปิ๊ปกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นเลเซอร์ก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบสายจากทุกด้าน ทั้งขวา ซ้าย หน้า หลัง และบนหัว เคลื่อนต่ำลงมาหามอสตี้เรื่อยๆ นอกจากนั้นยังมีเลเซอร์ที่เป็นแผงพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยจากด้านหลัง
หลังจากใจหายใจคว่ำไปเกือบนาที มอสตี้ก็จัดการแสกนม่านตา และตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอสำเร็จ ซึ่งเป็นระบบตรวจตราขั้นสูงที่สุด แสงเลเซอร์ทั้งหมดหายไปในพริบตา มอสตี้เดินต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้านต่ออันตรายใดๆที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ทิ้งให้เขาซึ่งใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มรีบเดินตามไปให้ทันมอสตี้ซึ่งไปถึงลิฟต์แล้ว ไม่นานนัก ลิฟต์ก็เปิดออกให้เขาและมอสตี้เข้าไป ลิฟต์ที่เขาคิดว่ามันคงจะไปด้านล่าง แต่ที่นี่ทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ มันเคลื่อนตัวออกและไปทางด้านข้างก่อนจะหยุดลงไม่นานนัก ประตูลิฟต์เปิดทางด้านล่าง และมีบันไดลงไป 3 ทาง นี่คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งสำหรับเขาว่า แลปแห่งนี้มันมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างน่าทึ่งที่สุด เขาเดินลงบันไดไม้เก่าๆลงไปด้านล่าง มันไม่น่าเชื่อเหลือเกินว่า พลเอกเอลคิโพ 1 ใน 7 พลเอกที่มีไม่มากนักของสันนิบาตนานาชาติจะอยู่ในที่ๆเขากำลังลงไปพร้อมกับชายแปลกหน้าซึ่งเขาเพิ่งรู้จักไม่ถึงชั่วโมง อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากปฏิบัติภารกิจให้เสร็จและออกไปดื่มกาแฟร้อนๆที่ร้านโปรดหัวมุมถนนโบร์ลาต์รของเขา
ทำไมมอสตี้จะต้องเลือกเดินลงไปที่บันไดไม้ด้วยนะ มันจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่แล้ว บันไดอิฐกับบันไดคอนกรีตสองบันไดซึ่งทอดตัวลงไปทางด้านซ้ายและขวาของลิฟต์มองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ แต่เมื่อมอสตี้กวักมือเรียกเขา เขาก็จำต้องเดินลงบันไดไม้นั้นลงไป บันไดส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่นราวกับไม่ต้อนรับเขาซึ่งเดินลงไปพร้อมกับมอสตี้สู่เบื้องล่างซึ่งมีความชื้นสูงมากทำให้เขาหายใจไม่ออกไปพักหนึ่งกว่าที่เขาจะชินและปรับตัวเข้ากับมันได้ เมื่อเดินลงไปเรื่อยๆเขาก็พบกับความเปลี่ยนแปลง บันไดไม้กลับเปลี่ยนไปเป็นบันไดคอนกรีตอย่างดี ซึ่งภายหลังมอสตี้ได้อธิบายให้ฟังว่า คนที่มีน้ำหนักติดตัวมากกว่า 100 กิโลก็จะไม่สามารถผ่านบันไดไม้นั้นมาได้ ซึ่งเป็นกับดักของพวกทหารและสายลับได้อย่างดี เนื่องจากทหารย่อมมีเครื่องหลังติดตัวมากกว่า 100 กิโลอยู่แล้วส่วนสายลับก็คงต้องมีหลายคนถึงจะปฏิบัติการได้ในสถานที่ที่รักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมเช่นนี้ เมื่อบันไดไม้นี้หักนอกจะมีสัญญาณเตือนภัยไปถึงห้องประธานาธิบดีทุกประเทศแล้ว ยังนำพวกลักลอบเข้ามากตกลงไปบนขวากเหล็กแหลมด้านล่างซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ยิ่งนึกก็ยิ่งเสียว เขาลองย้อนนึกดูหากเขาหกล้มตอนเดินลงบันไดไม้นั้นแค่ครึ้งเดียว เขาคงต้องลงไปโพสท่าโดยมีเหล็กแลมเสียบอยู่กลางอกอย่างแน่นอน เขาจะพยายามไม่คิดถึงมันเมื่อถึงขากลับ เสียงหัวเราะที่ดังมาจากลำคอของเขาเพื่อกำจัดความกลัวให้หายไปทำให้มอสตี้ซึ่งเดินอยู่ด้านหน้าหันกลับมามองอย่างตำหนิ
และแล้วพวกเขาก็มาถึงประตูคอนกรีตเสริมเหล็กหนาเหมือนที่ตอนเขาเข้ามาครึ้งแรกในห้องแลปอีกครั้งหนึ่ง มอสตี้ใส่รหัสประจำตัวและแสกนม่านตา ก็ทำให้ประตูนั้นเปิดออก มีเสียงคนซึ่งทักมากจากด้านใน
“ยินดีต้อนรับ มิสเตอร์ลอฟ ผม เอลคิโพ เอวอนาส ยินดีต้อนรับ ผมรอคุณมานานมากแล้ว”
ความคิดเห็น