คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : The White Road Generation II : Introduction
วันที่คุณมีความสุขที่สุดคือวันอะไร ?
วันสุดท้ายของการสอบ ?
วันเงินเดือนออก ?
วันที่จูบกับแฟนครั้งแรก ?
วันที่ประกาศตัวว่าชอบเพศเดียวกัน?
วันรับปริญญา ?
วันเกิดของคุณ
ของแฟนคุณ ของแม่คุณ หรือของหมาที่คุณเรียกว่าลูก ?
ใช่ มีวันมากมายที่เราสามารถเรียกมันว่าเป็น “วันที่เรามีความสุขที่สุด”
และสำหรับจูเลียวันนี้ก็คือวันนั้น
เป็นเวลาหลายนาทีที่เธอเฝ้ามองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก เธอรู้ตัวเสมอว่าตัวเองเป็นสาวสวย และรู้ด้วยว่าวันนี้เธอได้ก้าวผ่านคำว่าสวยไปสู่คำว่า “สุดแสนจะเลอโฉม” ไม่ใช่เพราะใบหน้าเรียบเนียนสดใส ไม่ใช่เพราะผิวพรรณผุดผ่อง และก็ไม่ใช่เพราะเรือนผมสีบรอนด์ที่ดัดลอน
แต่เพราะมงกุฏเพชรงามวิจิตร
เพราะจี้เพชรระยิบระยับหรูหรา
เพราะผ้าไนล่อนหุ้มแขนตกแต่งลูกไม้ยาวถึงศอก
เพราะผ้าเน็ตคลุมครึ่งศีรษะกับกระโปรงทรงสุ่มยาวลากพื้น
เพราะชุดเจ้าสาวสีขาว ที่งดงามเกินบรรยาย
ใช่ จูเลียอยู่ในชุดเจ้าสาว
เป็นเจ้าสาวที่มีรอยยิ้มแห่งความสุข และเลอโฉมดุจเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ เธอจ้องมองดวงตาของเงาสะท้อนคู่นั้น เพื่อย้ำตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
เธอกำลังจะได้เป็นเจ้าสาวแล้วจริงๆ
ตอนนั้นเองที่ประตูห้องเปิดออก จูเลียหันไป และพบกับชายหนุ่มซึ่งมองเธออย่างชื่นชม
“พร้อมหรือยังลูกรัก?” เอ็ดเวิร์ด คาร์ตันถาม เขาช่างดูภูมิฐานในชุดสูทสีดำ
“ค่ะ” จูเลียเดินเข้าไปหาพ่อซึ่งบรรจงวางสองมือบนไหล่เธอ เขาไล่สายตาสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า และเอ็ดเวิร์ดไม่พบว่ามีสิ่งใดที่ในตัวลูกสาวที่บกพร่อง จูเลียช่างเจิดจรัสไปด้วยประกายแห่งความสุขเท่าที่หญิงสาวคนหนึ่งจะพึงมี และนาทีนี้ เขารู้ดีว่าไม่มีใครหน้าไหนที่จะงดงามเท่าเธอ
“เจ้าหญิงของพ่อ” แววตาคู่นั้นส่งผ่านความรักให้หญิงสาวอย่างประทับใจ “ลูกสวยเหมือนแม่ไม่มีผิด”
“ขอบคุณค่ะ” จูเลียยิ้ม รู้สึกตื้นตันจนเกือบเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่
“มาเถอะ” เอ็ดเวิร์ดยกแขนขึ้นให้จูเลียควง “วันนี้จะเป็นวันที่ลูกมีความสุขที่สุด”
เสียงพูดคุยของแขกเหรื่อดังกึกก้องไปทั้งสถานที่เลื่องชื่อแห่งหนึ่ง
มันคือห้องโถงรูปวงกลมขนาดใหญ่ที่ปูพื้นด้วยหินอ่อนสีขาวสะอาด ผนังทุกด้านถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีทองกับซุ้มอาหาร มีทางเดินแตกออกไปสี่ทิศเหมือนเครื่องหมายกากบาท พวกมันทั้งหมดล้วนถูกครอบด้วยอุโมงค์แก้วใสทรงตัวยูคว่ำและสามารถเลื่อนได้ ตลอดความสูงร้อยกว่าชั้นเต็มไปด้วยบานหน้าต่างมากมาย ทุกบานมืดสนิทและประดับด้วยดวงดาวพร่างพราย ให้บรรยากาศราวกับงานกาล่าดินเนอร์บนอวกาศ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้นเสาสูงมโหฬารกลางน้ำพุ
มันเกิดจากการเรียงรายของแผ่นคริสตัลสี่เหลี่ยมนับร้อยนับพัน คริสตัลทุกแผ่นสามารถลอยได้เองโดยปราศจากการยึดติดระหว่างกัน มีภาพของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแสดงอยู่บนแผ่นคริสตัลเหล่านั้น และบางครั้งมันก็จะสลับเป็นภาพเคลื่อนไหวฉายเบื้องหลังการถ่ายภาพของพวกเขา
“จะผ่านไปนานเท่าไหร่ที่นี่ก็ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง”
แอชม่าแหงนมองรอบกายและยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ
“ท่าทางคุณจะมีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่มากมาย” ฟาช่าถาม
“ใช่ ฉันเคยใช้ชีวิตกับหลายคนที่ฉันรักที่นี่ แต่เชื่อฉันเถอะ ตอนฉันอยู่นะ มันไม่ได้สวยขนาดนี้ ไม่มีเสาเวอร์ๆ อันนั้น และก็ไม่เคยมีตึกคณะลอยฟ้าด้วย” ฟาช่ารู้สึกได้เลยว่าสาวผมสีแดงสดในชุดราตรีสีฟ้าสว่างไสวกำลังมีความสุขกับความทรงจำ แววตาของแอชม่าดูเคลิ้มฝัน มันเป็นอาการที่เธอแสดงออกโดยไม่รู้ตัว
“สวัสดีสาวๆ”
ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งสอง พวกเธอหันไปมอง
“มาช้าจัง” ฟาช่าบอก
“ติดธุระนิดหน่อย” จอร์แดนบอก “แหม วันนี้แต่งตัวสวยเชียว”
“จีบเลยเปล่าล่ะ?” ฟาช่าขยิบตา
“อย่าบ้าน่า ฉันไม่จีบคนที่สามารถถอดวิญญาณคนอื่นได้หรอก” จอร์แดนหัวเราะ และหันไปมองแอชม่า “วันนี้คุณดูดีมากเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” แอชม่ายิ้ม
“โอ้ ใช่ ฉันมีใครคนหนึ่งจะแนะนำให้พวกเธอรู้จัก” จอร์แดนหันกลับไปป้องปากร้องว่า “เฮ้”
แล้วเพื่อนใหม่ก็เดินเข้ามาพร้อมแก้วไวน์
“ทุกคนนี่ลูคัส”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ฟาช่าไสมือออกไปทักทายเขาอย่างเปิดเผย เธอไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าอันแสนหล่อเหลานั้นได้เลย
“เช่นกันครับผม”
“เอ่อ เธอคือฟาช่า รีเก็ต” จอร์แดนแนะนำแบบอึ้งๆ “และนี่แอชม่า ดอปเปลอร์”
ทั้งสองทักทายกัน
และไม่รู้ว่าเพราะอะไร แอชม่าถึงรู้สึกว่าอีกสายตาคู่นั้นช่างดูคุ้นเคย
ในขณะที่แอชม่าถูกความสงสัยจากชายแปลกหน้าครอบงำ
ใกล้ๆ กันความสงสัยนั้นก็กำลังเล่นงานใครอีกคน
“นึกยังไงถึงจัดงานที่นี่?” ชาเร็ตถามน้องชาย
“คงจะเพราะมันใหญ่ล่ะมั้ง” อาร์เดย์ตอบ ตอนนี้เขาสูงจนเท่าพี่ชาย ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเด็กชายเป็นเด็กหนุ่ม และเรื่องความหล่อเหลายังไม่เป็นรองใคร
“อาจจะเป็นเพราะมันหรูหราอลังการ” คริสตี้แฟนสาวของอาร์เดย์ลองทาย
“เปล่าหรอก มันเป็นที่แรกที่พวกเขาเจอกันต่างหาก”
เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏกายของชายหนุ่มสูงชะลูดในชุดสูทสีดำเหมือนเจมส์บอนด์
“ท่านอาร์คีดีมัส” พวกเขาพูดพร้อมกัน
“ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่แล้ว” อาร์คีดีมัสยิ้ม
ใช่ ไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่า ไวท์โรด อีกแล้ว
ในที่สุดเสียงดนตรีก็ค่อยๆ เงียบลง ทุกคนต่างหันไปยังเวทีหน้าน้ำพุ ซึ่งผู้นำพิธีกำลังเดินขึ้นมาอย่างงามสง่า
เป็นช่วงเวลาที่ทุกเสียงเงียบกริบ
บังเกิดบรรยากาศอันแสนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
“ขอเชิญเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวบนเวทีครับ”
เมื่อมาลาไจน์ในชุดขาวของบาทหลวงกล่าวเชิญ เหล่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็เดินขึ้นไปจากสองฟากของเวที และทันทีที่ทุกอย่างลงตัว มาลาไจน์ก็ให้สัญญาณวงดนตรีบรรเลงเพลงฮิตที่เราได้ยินกันในทุกงานแต่ง
ประตูไวท์พอยต์เปิดออก พร้อมกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาเป็นทาง
ทุกคนพร้อมใจหันไปมองหญิงงามผู้เลอโฉม แล้วความยินดีปรีดาก็ส่องประกายขึ้นมาในแววตาทุกดวง
จูเลียควงแขนเอ็ดเวิร์ดเดินบนพรมแดงที่สองข้างทางเต็มไปด้วยแขกเหรื่อผู้คุ้นหน้า เธอได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้ม การโบกไม้โบกมือ และการโค้งคำนับอย่างไม่ขาดสาย จูเลียอ้อนวอนให้เวลาผ่านไปช้าๆ เพื่อที่เธอจะได้เก็บเกี่ยวความสุขในนาทีนี้ไว้เนิ่นนาน เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจพองโต ทั้งยังเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีขาวไสว เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่บัดนี้เธอกำลังเดินไปตามขั้นบันได
จนในที่สุดเธอก็ปล่อยมือจากชายที่เลี้ยงดูเธอมาทั้งชีวิต
แล้วจับมือชายอีกคนที่เธอพร้อมจะฝากทั้งชีวิตที่เหลือ
“คุณสวยจนไม่สามารถหาคำบรรยาย” เจ้าบ่าวบอก
“คุณก็หล่อขาดใจ” จูเลียยิ้มตอบ
มาลาไจน์ใช้เวลาครู่หนึ่งในการอ่านคำสาบานระหว่างบ่าวสาว ซึ่งแน่นอนพวกเขาตอบรับในทุกคำถามอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกอย่างผ่านไปอย่างสวยงาม ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการคัดค้าน และไม่มีนางอิจฉา จนเมื่อพวกเขาแลกแหวนกัน นั่นก็เป็นสัญญาณของคำถามชุดสุดท้าย
“รับครับ”
เจ้าบ่าวตกลงด้วยรอยยิ้ม แล้วมาลาไจน์ก็หันไปใช้คำถามเดียวกันนั้นกับเจ้าสาว
“จูเลีย คาร์ตัน คุณยินดีจะรับชายผู้นี้เป็นสามีหรือไม่”
มันคือคำถามที่จูเลียรอคอยจะตอบที่สุด
แต่เมื่อถึงเวลา เธอกลับไม่สามารถตอบได้ทันที
เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
เธอก้มหน้ามองเท้า เงยหน้ามองเจ้าบ่าว เฝ้ามองดวงตาแห่งความรักอยู่หลายอึดใจ
และเมื่อนาทีที่ริมฝีปากของเธอขยับ จู่ๆ เธอก็หยุด
“จูเลีย
” มาลาไจน์เรียก
แต่เธอไม่ตอบ
อันที่จริง เธอดูเหมือนจะยืนค้างทั้งไม่หายใจ
แขกเหรื่อต่างพึมพำอย่างงุงงง จูเลียยังคงยืนนิ่ง
“จูเลีย” มาลาไจน์สะกิด แต่จูเลียไม่ไหวติง
“จูเลีย
” มาลาไจน์เขย่ามือเธอเบาๆ
“คะ..คะ” แล้วจูเลียก็รู้สึกตัว
“พระเจ้า เธอคงไม่ได้หลับในนะ” มาลาไจน์แซว ทุกคนหัวเราะ
“เปล่าค่ะ เปล่า” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน
และในตอนนั้นเองที่มาลาไจน์สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
“โอเค ไหมครับ?” เขาถามเจ้าบ่าวที่กำลังใช้นิ้วปาดน้ำตา
“ไม่เป็นไรครับ” เจ้าบ่าวยิ้มทั้งตาแดงก่ำ
ซึ่งนั่น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มาลาไจน์สังเกตเห็นคราบน้ำตาบนหน้าเจ้าสาว
“เอ่อ พวกเธอ เป็นอะไรไหม?” เขาชักรู้สึกใจไม่ดีชอบกล
“เราโอเคครับ”
ทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียว มาลาไจน์หรี่ตาจับพิรุธ แค่มองก็บอกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง
“แน่นะ”
“อืม” จูเลียพยักหน้า “เอ่อ ท่านคะ ช่วยทวนคำถามอีกครั้งนะคะ”
“ฮะ
อ๋อๆ ได้ซิ แต่เกรงว่าคราวนี้เธอคงต้องตอบล่ะนะ” มาลาไจน์หัวเราะ แล้วกระแอม “เอาล่ะ จูเลีย คาร์ตัน เธอยินยอมจะรับชายผู้นี้เป็นสามีหรือไม่”
จูเลียสบตาเจ้าบ่าวผู้หล่อเหลาอีกครั้ง แม้ดวงตาพวกเขาจะเต็มไปด้วยร่องรอยน้ำตา แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังจับมือกัน ยิ้มให้กัน บอกรักผ่านสายตาของกันและกัน
ซ้ำยังมีความนัยบางอย่าง ที่มีพวกเขาเท่านั้นที่รู้
“จูเลีย
”
เมื่อได้ยินเสียงมาลาไจน์อีกครั้ง จูเลียก็เอ่ยว่า
“รับค่ะ”
“ขอให้ประกาศให้โลกนี้ และทุกๆ โลกที่มีตัวตนได้รู้ว่า พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน”
เสียงปรบมือและเสียงกรีดร้องดังสนั่น
แล้วทั้งคู่ก็จูบกัน
นั่นแหละ วันที่มีความสุขที่สุดของจูเลีย
Dr.POP 2009 PROJECT
Present
Dr.POP’s
The
Generation
VOL. II
4 ปีก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น