ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road : Generation

    ลำดับตอนที่ #23 : The White Road Generation II : Chapter 17 "Nothing" Part I

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 52


    Chapter 17

    Nothing

     

     

     

     

     

    รีเมียสพบว่าการเดินทางด้วยรถม้าใสวิเศษช่างเงียบสงบราวกับกำลังร่อนไปในอากาศ

    ไม่มีเสียงตะกุกตะกักของเกือกม้า ไม่มีเสียงของม้าเลยด้วยซ้ำ ตัวคันรถก็ไม่มีการขยับ พวกเขาสัมผัสได้แค่ว่ามันกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ ตามเส้นทาง สิ่งเดียวที่พวกเขาได้ยินก็คือเสียงสายลมที่พัดผ่านหน้าต่างไป

    มันอาจจะเป็นลางว่านี่คือการเดินทางอันแสนสุขสบาย โนอาร์เอ่ย

    ก็ใช่ ในเมื่อทุกอย่างราบรื่นขนาดนี้คงไม่มีใครคิดเป็นอื่นได้

    รีเมียสไม่รู้ว่าระยะทางจากพรีดิกสู่สถานที่ลึกลับนั้นไกลเท่าไหร่ แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็เริ่มเห็นวี่แววของจุดหมาย มันเริ่มจากอยู่ดีๆ ทิวทัศน์ข้างนอกก็เปลี่ยนไป ไม่มีก้อนเมฆ ไม่มีเสียงสายลม ทุกอย่างเงียบสนิท เห็นแต่หมู่ดาวบนท้องฟ้าที่มืดมิด

    แล้วนาทีต่อมาทั้งสองก็รู้สึกได้ว่ารถม้าก็พุ่งดิ่งลงไป!

    รีเมียสกับโนอาร์แยกกันชะโงกออกไปนอกหน้าต่างคนละข้าง เพื่อจะพบว่ายานพาหนะของพวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่มหาสมุทร!

    โอ๊ะ โอ่…” รีเมียสเปล่งเสียงอย่างระทึกขวัญ

    บอกฉันที ว่าดำน้ำไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์ โนอาร์หน้าซีด

    และพริบตาต่อมาภาพของผืนน้ำอันเย็นยะเยือกก็เคลื่อนเข้าหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง

    วาบ!

    จู่ๆ แสงสีขาวประหลาดก็สว่าง รีเมียสหลับตาหลบแสงจ้า โนอาร์มองเห็นแค่ว่ามันเป็นดวงแสงวงกลมซึ่งมีภาพเคลื่อนไหว ดูคล้ายกับจอภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างหาที่มาไม่ได้ รถม้าพุ่งตรงเข้าไป และในที่สุดทั้งสองก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาลที่ส่งผ่านออกมาจากจอภาพ!

    วาบ!

    แสงสีขาวโพลนกลืนกินทุกสิ่งในอึดใจ แต่เพียงวินาทีแรงดึงดูดประหลาดเมื่อครู่ก็หายไป เสียงฝีเท้าของอาชาบอกให้พวกเขารู้ว่ามันได้กลับสู่พื้นดินอีกครั้ง

    และเมื่อเสียงนั้นเงียบสนิท พวกเขาก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกไป

    นอกหน้าต่างนั้นคือดงสิ่งก่อสร้างที่ไฮเทคไม่คุ้นตา รีเมียสแหงนหน้ามองฟ้า เขายิ้มร่าเมื่อเห็นภาพของทางช้างเผือกที่ทอดผ่านนภาสีน้ำเงินเข้มแปลกประหลาด โนอาร์มองเห็นทะเลดาวได้เด่นชัด พอๆ กับที่เห็นว่ามีดาวเคราะห์ดวงใหญ่ๆ มากมายกระจัดกระจายอยู่บนนั้น รีเมียสถูกความมหัศจรรย์ชักพาให้ก้าวลงจากรถม้า เมื่อมองดีๆ เขาก็พบว่าบนฟ้าไม่ได้มีแค่ดาวเคราะห์ และทางช้างเผือก

    แต่ยังหลังคาโดมที่ขาวอ่อนที่ครอบทั้งเมืองไว้อีกด้วย

    พระเจ้า ที่นี่ที่ไหนกันแน่…” รีเมียสครางอย่างตื่นตาตื่นใจ

    อย่าถาม นี่ก็ครั้งแรกของฉันเหมือนกัน โนอาร์พูด

    มากันแล้ว

    เสียงปริศนาดังขึ้นจากด้านหลัง  เมื่อรถม้าใสแจ๋วเดินจากไป มันก็เผยให้เห็นว่ามีคนมากมายยืนตั้งแถวรอพวกเขา คนเหล่านั้นล้วนสวมผ้าคลุมสีดำเหมือนๆ กัน สวมกางเกงสีดำเข้ารูปที่ยัดขาเข้าไปในรองเท้าบูทสีดำเลยเข่าเหมือนๆ กัน แต่เสื้อตัวในของแต่ละคนต่างกัน บ้างก็เป็นเชิ้ต บ้างก็เป็นเสื้อแบบย้อนยุคไปถึงสมัยหลุยส์ที่สิบสี่ และบางคนที่หุ่นดีก็ถือโอกาสโชว์ซะ

    แต่ไม่มีใครโดดเด่นเท่าหญิงสาวที่เรียกพวกเขา

    เสื้อตัวในของเธอเป็นผ้าเนื้อแข็งสีน้ำเงิน ส่วนแขนยาวและพองเหมือนชุดเจ้าชายโบราณ ตรงคอติดกระดุมปกและประดับด้วยผ้าทำเป็นระบาย เธอไว้ผมสีน้ำเงินสั้นโฉบเฉี่ยว และดวงตาสีเดียวกันนั้นก็คมกริบน่าเกรงขาม

    โนอาร์นิยามเธอในใจว่า คีตาร์ต่างดาว     

    ฉันฮาดรอนหญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงที่เรียบยิ่งกว่าเสียงตอบรับอัตโนมัติจากโทรศัพท์มือถือ ยินดีต้อนรับสู่ฮิกซ์สตริง  

    โนอาร์กับรีเมียสเดินเข้าไปหาเจ้าบ้านอย่างงามสง่า และหยุดเพื่อแนะนำตัว

    ผมโนอาร์ โพรวิส

    ผมรีเมียส เดเซอร์ริส ยินดีที่ได้…”

    แต่เมื่อรีเมียสยื่นมือออกไป ความผิดปกติบางอย่างก็บังเกิด

    รีเมียส? โนอาร์ฉงนเมื่อจู่ๆ รีเมียสก็หยุดเคลื่อนไหว

    !?

    และโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดมากนัก เขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร

    แกทำอะไรเขา? โนอาร์สลัดฝ่ามือไปจ่อหน้าฮาดรอนในทันใด

    เขาต่างหากที่กำลังจะทำอะไร

    สิ้นเสียงของฮาดรอน สัมผัสประหลาดก็กระชากเขาให้หันกลับไปมองรีเมียส!

    เปรี้ยง!

    เสียงปะทะของพลังจิตดังสนั่น อำนาจของมันเหวี่ยงโนอาร์ลอยละลิ่วไปไกล รีเมียสสาดพลังจิตเข้าใส่อีกครั้ง!

    นายทำบ้าอะไร!?”

    โนอาร์สามารถหลบการโจมตีนั้น รีเมียสพุ่งตามในทันใด และนั่นคือช่วงเวลาที่โนอาร์เห็นว่าสีตาของรีเมียสเปลี่ยนไปมันกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มแปลกประหลาด ดังเช่นสีตาของฮาดรอน!

    แฟลช!

    เส้นแสงสีขาวนับพันพุ่งเข้ารวมตัวกันที่กลางอกของโนอาร์ และพริบตาก็ระเบิดอย่างรุนแรง! – บึ้ม!แสงสีขาวสว่างวาบที่กึ่งกลางของฟากฟ้า มีร่างหนึ่งร่วงลงมา - และมีอีกร่างที่พุ่งตามไป

    ขอโทษนะรีเมียส

    แสงของพลังสีขาวปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของรีเมียสอีกครั้ง - และในวินาทีเดียวกันนั้น ร่างของโนอาร์ก็ถูกปกคลุมด้วยควันสีดำ!

    แฟลช!

    โนอาร์ยกสองแขนประสานบังหน้าเมื่อถูกห่าแสงแห่งการทำลายพุ่งเข้าโอบล้อมกายเขาสลัดแขนออก พลันนั้นพลังของรีเมียสก็หายไป พร้อมกับการปรากฏของโนอาร์โฉมใหม่ในคราบของเดย์วอ

    แมเนติกคิเนซิส!

    การโต้กลับเกิดขึ้นรวดเร็วทันใด รีเมียสถูกพลังจิตกระแทกออกไป เกิดเสียงดังเพล้งเมื่อวัตถุทรงสี่เหลี่ยมเรืองแสงมากมายปลิวตามตัวเขา รีเมียสกลับมาตั้งหลักกลางอากาศ - และพบว่าวัตถุประหลาดเหล่านั้นได้กระจายไปทั่วทิศทาง กลายเป็นวงกลมสี่มิติที่กักขังเขาไว้อย่างไร้ทางหนี เดย์วอหันกลับไปมองฮาดรอนด้วยสายตาอาฆาต - ฮาดรอนยังคงนิ่งเฉยเมื่อเดย์วอคว้าดาบทมิฬจากความว่างเปล่าในอากาศ เดย์วอหายไปตัวมาอยูเหนือร่างฮาดรอนในพริบตา ดาบทมิฬฟาดลงมา!

              เปรี้ยง!!

    ฮาดรอนสามารถหยุดดาบทรงพลังนั้นไว้ด้วยนิ้วชี้เธอกำลังอยู่ในท่วงท่าเหมือนเวลาเราให้สัญญาณเรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้างหนึ่งคัน ดวงตาของเดย์วอเบิกโตอย่างอึ้งตะลึงงัน ไม่ใช่แค่เพราะเธอหยุดดาบเขาได้ แต่เพราะพลังบางอย่างจากนิ้วชี้ของเธอกำลังทำให้ดาบของเขาละลาย แล้วก็หายไป  

    ดวงตาของทั้งคู่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว เพียงอึดใจเดย์วอก็หยุดเคลื่อนไหว สีดวงตาของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นสีเดียวกับดวงตาของฮาดรอน

    พรึ่บ

    ดาบทมิฬปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อฮาดรอนกลอกตาไปมอง มือของเดย์วอก็เอื้อมไปหยิบมัน ฮาดรอนกลอกตากลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง เดย์วอกำดาบไว้มั่น

    ราตรีสวัสดิ์

    เมื่อฮาดรอนเอ่ยเช่นนั้น เดย์วอก็เสียบดาบทะลุร่างตัวเอง!

    อั่ก…” เด็กหนุ่มโค้งตัวอย่างเจ็บปวด ดวงตาของเขาเหลือกถลน และกระพริบสลับระหว่างสีดำกับสีเงิน จนเมื่อมันกลับมาเป็นสีปกติดังเดิม สีดำที่ปกคลุมร่างเดย์วอ รวมทั้งดาบทมิฬก็หายไป โนอาร์ร่วงลงมาจากอากาศและกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ริมฝีปากของเด็กหนุ่มแยกออกจากกันเมื่อเขาพยายามจะเปล่งเสียง แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอด สายตาของโนอาร์เหลือบมองขึ้นไปยังร่างที่อยู่ตรงหน้าราวกับตั้งคำถามว่า ทำไม…” เขาพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดที่สาหัสก็กระชากเขาให้ทรุดลงอีกครั้ง

    และในที่สุดดวงตาของเขาก็ปิดลง

    อัสลาร์ ฮาดรอนเอ่ย

    ได้เลย ชายหนุ่มผมทองที่เปลือยร่างกายท่อนบนขานรับอย่างรู้กัน

    อัสลาร์เงยหน้ามองรีเมียสก็พยายามฝ่าวงล้อมกรงพลังจิตอย่างบ้าคลั่ง นิ้วมือขวาทั้งห้าของอัสลาร์แยกออกจากกัน เขายกมันขึ้นทาบตำแหน่งของรีเมียสบนฟ้า แล้วชิดนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางเข้าด้วยกัน

     

    เพียงแค่นั้นร่างของรีเมียสก็ทรุดลงหมดสติไปกับพื้นกรง    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×