ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road : Generation

    ลำดับตอนที่ #18 : The White Road Generation II : Chapter 16 "Part" Part 8

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 52


    หากคุณสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมอนโร  

    คุณก็ต้องย้อนกลับไปในตอนที่เอนย่าบอกว่า

    เกิดบางอย่างขึ้นกับมอนโร

              อะไรนะ?

    ใบหน้าของเจอร์รี่เปี่ยมด้วยความสงสัย เมื่อเห็นน้ำตาของแม่มดเฒ่ารินไหล

              หลังจากที่เจ้าถูกวิญญาณอาโพคาลีปเข้าสิง บทสวดเพื่อคลายมนตร์สะกดแห่งบาซัลดริกก็ปรากฏในหนังสืออัญเชิญของเจ้า พวกเราต่างหาทางเพื่อกำจัดศัตรูอสูรนี้ให้สิ้นซาก ข้า ท่านมาลาไจน์ และท่านเมดาโบรัน เดินทางไปยังสุสานเซเมอุสเพื่อทำพิธีอัญเชิญไม้เท้าแห่งเซเมอุส อันจะเปิดผนึกบทสวดอัญเชิญมหาเทพมาสตาร์ไคร่า แต่อุปสรรคอยู่ที่ว่าคือตอนนั้นอาโพคาลีปได้ออกไปจากเจ้าแล้ว เอนย่าสูดหายใจเข้าอย่างข่มความรู้สึก แล้วพูดต่อ ดังนั้นการที่เราจะสามารถกำจัดอาโพคาลีป เราก็ต้องมีใครซักคนที่ร่ายบทสวดเพื่อเรียกให้อาโพคาลีปมาเข้าสิง ท่านมอนโร…”

                    เสียงของเอนย่าขาดช่วงไป สีหน้าเธอช่างเศร้าโศรก

              ท่านมอนโรอาศัยช่วงที่เราตัดสินใจใช้บทสวดเพื่อเรียกอาโพคาลีป เพื่อเสียสละให้ท่านเมดาโบรันใช้พลังกำจัดมัน

                    เพียงเท่านั้น เจอร์รี่ก็หายใจกระตุก เหมือนคนที่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างถ่องแท้

                    มะหมายความว่า…”

                    ใช่ ท่านมอนโรสละชีวิตเพื่อปกป้องเราทุกคน เอนย่าถอนหายใจลากยาว และปล่อยให้เด็กสาวบนเตียงแก้วเหม่อลอยอย่างสิ้นหวัง แต่โชคดีที่ท่านยังไม่ตาย

              พลันนั้นความเศร้าสลดของเจอร์รี่ก็ถูกแทนที่ด้วยความฉงน

                    พระราชาลูก้าร่ายบทสวดเพื่อชิงวิญญาณของอาโพคาลีปกลับไป จากนั้นก็ถูกเรดแองเจิลฆ่าตาย พลังของมหาเทพมาสตาร์ไคร่าแม้จะทรงพลานุภาพแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจทำร้ายคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อย่างท่านมอนโรได้

                    ท่านกำลังจะบอกว่ามอนโรปลอดภัย

    ดวงตาของเจอร์รี่เปล่งประกาย

                    ใช่ ท่านปลอดภัย เอนย่ายิ้มพยักหน้า แต่ไร้ซึ่งท่าทางของความยินดี แต่ท่านไม่ใช่ท่านมอนโรคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

                    เจอร์รี่ไม่รู้หรอกว่าคำพูดของเอนย่าหมายถึงอะไร แล้วเธอก็ไม่คิดจะถาม เพราะหลังจากนั้นเธอได้ขอร้องให้มาลาไจน์ไปส่งเธอที่สถานีอนามัยในเมืองพรีดิก เพื่อจะรู้เห็นทุกสิ่งด้วยตาเธอเอง และเมื่อเธอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เธอก็ได้เจอกับผู้ชายสองคน 

                    เจอร์รี่…” คนหนึ่งคือมัสตาฟาน เด็กชายที่ถือชามอาหารซึ่งทักเธอเป็นคนแรก

                    เจอร์รี่…” และคนต่อมาที่เรียกชื่อเธอก็คือ...

              มอนโร…” เจอร์รี่ถูกหยุดอยู่กึ่งกลางระหว่างประตูด้วยภาพของมอนโรในชุดผู้ป่วยสีขาว

                    เธอฟื้นแล้ว ? ริมฝีปากของเด็กหนุ่มโค้งเป็นรอยยิ้ม แต่ดวงตาเขาไม่ได้แสดงความยินดี

                    ใช่ เจอร์รี่โกหกตัวเองว่าสิ่งที่เธอเห็นคงเป็นแค่เพราะเธอยังเบลอไม่หาย เด็กสาวรีบเดินเข้าไป และนั่งลงข้างๆ ชายที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องเธอไว้

                    ฉันดีใจที่เธอกลับมา มอนโรพูดกับเธอ แต่เขาไม่สบตาเธอ

                    ฉันก็ดีใจ นั่นทำให้เจอร์รี่รู้สึกไม่ชอบมาพากล

                    โทษทีที่ฉันไม่ได้ไปเฝ้าเธอ มอนโรยิ้มอีกครั้ง ขอบคุณพระเจ้าที่เธอปลอดภัย

    ตั้งแต่นาทีแรกที่ทักทายจนนาทีนี้ที่ได้ชิดใกล้ แววตาของมอนโรยังคงว่างเปล่าไม่เปลี่ยนไป หัวใจของเจอร์รี่เริ่มเต้นระส่ำด้วยความกลัว พร้อมกับความสงสัยที่ผลักดันให้เจอร์รี่ทำการทดสอบบางอย่าง เธอยกมือขวาขึ้นโบกผ่านดวงตาของเขา

                    ก่อนจะตื่นตะลึงกับความจริงที่ว่ามันไม่มีการตอบสนอง

              เป็นอะไรไปหรือเปล่า? ทำไมเงียบไป?มอนโรถามเมื่อจู่ๆ ทั้งห้องก็เงียบกริบ เจอร์รี่สะบัดหน้าหันไปมองมัสตาฟานอย่างตั้งคำถาม และเมื่อเห็นเด็กชายที่ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง เธอก็เข้าใจว่าอะไรที่มอนโรกำลังเผชิญ

                    เธอยังอยู่หรือเปล่า?

                    อยู่ซิ เจอร์รี่รีบตอบรับเสียงเรียกนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ฉันอยู่นี่ แล้วเธอก็บรรจงจับมือของเขาขึ้นมาแนบพวงแก้มใส จนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันแสนไร้เดียงสา กับแววตาที่ว่างเปล่า เจอร์รี่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความเศร้าได้อีกต่อไป ในที่สุดน้ำตาแห่งความสำนึกผิดก็ไหลออกมา และหยดลงบนหลังมือของมอนโร

                    เจอร์รี่…” เพียงแค่นั้นเด็กหนุ่มก็ถึงกับอึ้งไป

                    ฉันขอโทษมอนโร ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน เธอเป็นอย่างนี้เพราะฉัน

                    เฮ้ เฮ้ อย่าพูดอย่างนั้น มอนโรคลำฝ่ามือของเขาไปตามใบหน้าเด็กสาว และถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เขาก็สามารถปาดน้ำตาของเธอได้อย่างอ่อนโยน ฉันเต็มใจ

                    เพียงคำพูดสั้นๆ ก็ทำให้ความเศร้าของเจอร์รี่พุ่งถึงขีดสุด

                    ฉันจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับคนที่ฉันรัก ทั้งน้องชายของฉัน เมืองของฉัน ประชาชนของฉัน แล้วก็เธอ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้อง ถึงฉันจะมองไม่เห็น แต่ฉันรู้ดีว่าหน้าเธอตอนร้องไห้คงน่าเกลียดพิลึก และเมื่อมอนโรหัวเราะ เจอร์รี่ก็หัวเราะตามทั้งที่แก้มและดวงตาแดงก่ำ

                    ต่อไปนี้ฉันจะเป็นแสงสว่างให้เธอ เจอร์รี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มแห่งความซื่อสัตย์ ฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

                    แค่เธอกลับมา เธอก็ทำทุกอย่างเพื่อฉันแล้ว

                   

    เมื่อมอนโรพูดเช่นนั้น เขาทั้งสองก็กอดกัน

     

    จากวันนั้นถึงวันนี้ เจตนารมย์ของเจอร์รี่เป็นเช่นไรมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไป เธอนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนของโฮลี่พาเลซช่วงบ่าย และหวนคิดถึงความจริงว่า เธอไม่เคยบกพร่องเรื่องเป็นพยาบาลให้มอนโร เธอคิดถึงมอนโรในทุกลมหายใจ และเช่นกันเธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อมอนโร - นั่นก็เพราะเธอรักมอนโร แต่เมื่อเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับอเล็กซ์เมื่อวาน เธอกลับมาพบว่าหัวใจของเธอเต้นระส่ำด้วยความเจ็บปวด เธออดคิดไม่ได้ว่าเธอจะสูญเสียอเล็กซ์ไป และเธอไม่รู้เลยว่าเธอต้องทำตัวยังไงหากวันหนึ่งจะไม่เห็นเขา

    นี่แปลว่าฉันยังรู้สึกดีๆ กับเขาอยู่ใช่ไหม?

    เธอตัดสินใจปรึกษาความในใจกับคนที่เธอคิดว่าไว้ใจได้ที่สุด

    ใช่

    ซึ่งก็คือ ฉัน

    แล้วฉันควรจะทำยังไงดีจูเลีย ฉันทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้ ฉันทนให้ตัวเองเป็นคนทรยศต่อมอนโรไม่ได้ เจอร์รี่ระบายด้วยสีหน้าของคนที่สับสน

    ความรู้สึกดีๆ มันไม่จำเป็นต้องเป็นความรักก็ได้นี่ ฉันปลอบ เธอกับ

    อเล็กซ์รู้จักกันมาเป็นสิบปี ฉันก็รู้ ใครๆ ก็รู้ มันไม่แปลกที่เราจะรู้สึกเป็นห่วงเขา ฉันกับเพื่อนๆ ทุกคนก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน

    แต่นั่นเพราะเธอห่วงเขาในฐานะเพื่อน เจอร์รี่แทรกขึ้นมา เธอรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

     

    แล้วความจริงนั้นก็ทำให้ฉันไม่อาจหาคำมาพูดต่อได้เลย 

     

    ไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอเล็กซ์คืออะไร ฉันพยายามหาข่าวจากหลินหรือเพอเพทัว แต่พวกเขาก็บอกตรงกันว่า ไม่รู้ ซึ่งคำว่า ไม่รู้ ของคนพวกนั้น บางทีอาจหมายถึง เธอไม่จำเป็นต้องรู้

    สำหรับพวกเรา สิ่งที่ฉันรู้ก็คือเมื่อคืนอเล็กซ์ไม่ได้กลับมา

    เขาไม่ได้กลับมากินมีทบอลที่โทนี่ตั้งใจเก็บไว้ให้เขา ไม่ได้กลับมาสร้างเสียงหัวเราะอย่างที่เขาชอบทำ และฉันบอกได้เลยว่าการหายไปของอเล็กซ์เพียงวันเดียวนั้น ก็มากพอจะทำให้สถานการณ์ในหมู่พวกเราแย่ลง มันเริ่มจากการที่เราแทบไม่มองหน้ากันตอนอาหารเช้า โทนี่ไม่พยายามตลกเพราะขาดคู่หู โฮการ์ดไม่ส่งเสียงหัวเราะเพราะขาดคนให้แกล้ง ไม่มีเสียงตะโกนของวอร์ช่าเพราะขาดคนทะเลาะ คีตาร์กับเฟริสที่เงียบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบจนน่ากลัว และเจอร์รี่ก็ดูเหมือนคนที่เดินละเมอเหม่อลอยทั้งวัน

    ฉันเองก็ตกอยู่ในภาวะจิตใจที่เลวร้ายไม่ต่างกัน

    เมื่อก่อนไม่ว่าพวกเราจะลำบากด้วยกันแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวันใดที่เราคนใดคนหนึ่งจะหายไป แต่ตอนนี้ทั้งอเล็กซ์ ทั้งโนอาร์ ทั้งรีเมียส พวกเขาเริ่มหายไปทีละคน ถึงฉันจะสามารถปลอบประโลมเจอร์รี่ได้ แต่นั่นก็เพราะหน้าที่ของเพื่อนสนิท เพราะจริงๆ ฉันก็อ่อนแอไม่แพ้ใคร บ่อยครั้งที่ฉันต้องแสร้งทำว่าฉันแข็งแกร่ง ก็เพื่อให้เพื่อนคนอื่นๆ รู้ว่ายังมีใครที่พวกเขาสามารถปรึกษาได้ แต่เมื่อถึงตอนนี้ ที่ฉันยืนเท้าระเบียง และทบทวนทุกสิ่งอย่างเดียวดาย

    ฉันก็พบว่า ฉันไม่ได้แข็งแกร่งกว่าใครเลย

    พวกเขาเป็นไงบ้างคะ?

    ฉันตัดสินใจไปเยือนเพอเพทัวที่โคลอสเซียมซึ่งอึกทึกด้วยเสียงต่อสู้ตามปกติ

    เหมือนคนโดนยาเบื่อ เขาตอบได้เห็นภาพทีเดียว พวกเขาเสียกำลังใจไปมาก ข้าเลยคิดว่าจะไม่เข้มงวดกับเขาสักเท่าไหร่ ข้าเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อจิตใจ อีกไม่นานก็คงจะฟื้นตัวได้

    เหรอคะ? ฉันเปล่งเสียงอย่างเลื่อนลอย

    ใช่ พวกเจ้ายังเด็ก ต้องใช้เวลา เพอเพทัวยิ้ม เป็นอะไรหรือเปล่า?

    อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ ฉันมั่นใจว่าเขาคงเห็นแววตาหดหู่ของฉันเข้าให้แล้ว อาจารย์คะ มีเรื่องหนึ่งที่ดิฉันสงสัย

    ว่ามาซิ

    บังเอิญว่าตอนนี้อาจารย์อาโฟรไดซ์ไม่อยู่ ดิฉันเลยคิดว่ามีแต่อาจารย์ที่จะสามารถให้คำปรึกษาได้ ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องถามสิ่งที่รบกวนจิตใจมาเนิ่นนานสักที มีเวทมนตร์บทไหนที่สามารถใช้เพื่อชุบชีวิตได้หรือเปล่าคะ?

    เพอเพทัวดูราวกับคนที่ถูกความสงสัยกับความกลัวจู่โจมพร้อมกัน

    ทำไมเจ้าจึงถามถึงเรื่องแบบนั้น เขาเก่งเรื่องข่มความรู้สึกพอดู

    เผื่อสักวันเราอาจต้องใช้…”

    จะไม่มีการใช้เวทมนตร์อะไรแบบนั้น เขาแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง หากเจ้าถามเรื่องนี้กับอาโฟรไดซ์เจ้าก็จะได้คำตอบแบบเดียวกัน

    ทำไมเหรอคะ?

    ฉันมั่นใจว่าได้ยิงคำถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่รู้ว่าทำไมเพอเพทัวจึงโต้ตอบด้วยสายตาขุ่นเคือง

    ช่างเถอะ เขาถอนหายใจแล้วหลบตา เมื่ออยู่ในสนามรบ สิ่งที่เราต้องคิดไม่ใช่ว่าจะชุบชีวิตเพื่อนเราอย่างไร แต่เราจะทำอย่างไรให้ชีวิตสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ต่างหาก

    เขาหันมามองฉันอีกครั้ง แม้จะเงียบขรึม แต่ฉันก็รับรู้ถึงความปรารถนาดีในแววตาคู่นั้น

    หากพวกเจ้าแข็งแกร่งพอ ก็ไม่มีใครต้องง้อการชุบชีวิต เพอเพทัวสัมผัสมืออันแข็งแกร่งบนไหล่ของฉัน และเขามอบรอยยิ้มแบบอาจารย์ที่แสนดีให้ฉัน มีพวกเจ้าเท่านั้นที่จะปกป้องกันเองได้ จำคำข้าไว้…”

     

    นั่นจะเป็นคำที่ฉันไม่มีวันลบมันไปจากใจได้เลย

     

     

     

     

     

    เมื่อการฝึกไม่อาจดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น เหล่านักเรียนไวท์โรดจึงกระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของโฮลี่พาเลซ   

    ไม่ว่าจะเป็นคีตาร์ที่ห้องฝึกพลังจิต เจอร์รี่ในสวนหย่อม เฟริสในโคลอสเซียม และวอร์ช่าที่โกลเด้นอารีน่า แม้ทุกคนจะอยู่คนละทิศละทาง แต่ความคิดของพวกเขามุ่งตรงไปยังจุดเดียว นั่นก็คืออเล็กซ์และหากจะมีใครสักคนที่คิดถึงอเล็กซ์มากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มที่นั่งเดียวดายอยู่บนดาดฟ้าของโฮลี่พาเลซในขณะนี้

    โทนี่ ปาร์คเกอร์

    ไง พรรคพวก โฮการ์ดส่งเสียงทักทายโทนี่ที่นั่งเหม่อตามลำพัง

    ไง…” โทนี่ร้องตอบแบบพอเป็นพิธีกลับไป

    ทำหน้ายังกับคนคิดถึงแฟน โฮการ์ดแซว

    บ้าดิ โทนี่หัวเราะแห้งๆ

    นั่งด้วยได้ไหม?

    ชัวร์

    แล้วโฮการ์ดก็นั่งข้างเพื่อนร่วมชะตากรรม

    นายเป็นห่วงอเล็กซ์อยู่ล่ะซิ

    ใช่ โทนี่ก้มหน้า พลางใช้นิ้วเขี่ยพื้นไปเรื่อย

    ทุกคนก็เป็นห่วงมันเหมือนกันหมดแหละ แต่รู้อะไรไหม? โฮการ์ดถาม มันอยู่กับคนที่เรามั่นใจว่าเป็นนิยามของความปลอดภัย

                    โทนี่รับฟังแต่ไม่โต้ตอบอะไร

                    นั่นมาลาไจน์กับท่านอาโฟรไดซ์เชียวนะ ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นห่วง โฮการ์ดทำมือทำไม้ประกอบอย่างโอเวอร์ และสังเกตว่าโทนี่กำลังเม้มปาก นายคิดอะไรอยู่ ?

                    ฉันกับมันไม่เคยห่างกัน โทนี่ยังเขี่ยนิ้วต่อไป ตั้งแต่รู้จักกัน ก็ไม่เคยแยกกัน โตมาจากที่เดียวกัน เรียนที่เดียวกัน จนต่อสู้ด้วยกัน เราไม่เคยห่างกันไม่เลย…”

                    โฮการ์ดรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของโทนี่สั่นสะท้าน และเขารับรู้ถึงความทรมานในใจเพื่อน

                    เฮ้ ทุกอย่างจะต้องโอเค

    โฮการ์ดยิ้ม พลางสัมผัสมืออย่างแผ่วเบาบนไหล่นั้น แต่มันกลับทำให้โทนี่ฟุบหน้าลงกับเข่า และเขาก็นิ่งไป

                    มันจะต้องกลับมา

                    สิ่งที่โฮการ์ดทำได้ก็คือการนั่งเป็นเพื่อนโทนี่ต่อไป

     

                    แค่นั้นจริงๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×