ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road 1 (Re-birth)

    ลำดับตอนที่ #12 : Interlude - Hours Ago

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      8
      7 ส.ค. 51

     

     

    14 ชั่วโมง

    ก่อนหน้านี้

     

     

     

    ผนังห้องถูกตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ม่านน้ำตกสี่มิติ สายพลังสีขาววนเวียนอยู่ในนั้น มันเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงบรรเลงคลาสสิคที่แสนสงบและงดงาม ทุกอย่างในห้องถูกตกแต่งด้วยสีขาวสะอาด ตั้งแต่ตู้เสื้อผ้า ชุดเครื่องนอน และพื้นห้องที่เนียนละเอียดเหมือนทำจากหยก แม้บนผนังจะมีแสงวูบวาบจากจอปฏิบัติการมากมาย แต่ก็มีเพียงไฟตรงโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้นที่ส่องสว่าง แสงนั้นทอจับใบหน้าเจ้าของห้องซึ่งกำลังเหม่อมองทิวทัศน์ทะเลอันกว้างใหญ่ เขาก้มลงมองนาฬิกาที่สวมใส่ แม้จะยังคงท่าทีเคร่งขรึม แต่ก็ดูออกว่าเขามีบางอย่างกวนจิตใจ

    ปิ๊บ ปิ๊บ

    และทันทีที่เสียงสัญญาณจากนาฬิกาดังขึ้น ความกระวนกระวายในดวงตาคู่นั้นก็หายไป

    ครับท่าน

    เสียงของเขาช่างกระตือรือร้น

    จริงหรือครับ ?...ขอบคุณมากครับท่านครับ ?...ไม่มีปัญหาครับแน่ใจครับผมไม่หรอกครับ (เขาหัวเราะ) ขอบคุณครับรับรองว่าผมจะไม่พลาด ขอบคุณท่านมากจริงๆครับ

    เจ้าของห้องวางสายด้วยรอยยิ้ม อึดใจต่อมาหน้าจอนาฬิกาก็แสดงข้อความว่า

     

    มีพัสดุใหม่ 1 รายการ

     

    เด็กหนุ่มกดตอบรับ แล้วรีบเดินออกจากห้อง

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็หยุดยืนอยู่หน้าห้องหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่สนใจเสียงเคาะพอล

    รีเมียสเรียก

     

     

     

    15 ชั่วโมง

    ก่อนหน้านี้

     

     

     

     

    เสียงเพลง Touch อันโด่งดัง ยิ่งฟังอึกทึกเมื่อเปิดผ่านลำโพงรอบทิศทาง

    สิ่งที่แตกต่างก็คือลำโพงห้องนี้ ไม่ได้มีอยู่เพียงบนผนังกลางเหมือนห้องพักนักเรียนทั่วไป แต่มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งตำแหน่งรอบอ่างจากุสซี่ ที่ๆร่างๆหนึ่งกำลังผงกศีรษะ พริ้มตา ขยับนิ้ว และส่งเสียงร้องไปตามจังหวะเพลงโดยไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะผนังห้องนี้ไม่ได้ติดกับห้องไหน แถมเขาก็ไม่ใช่พวกผู้เข้าแข่งขันในรายการเรียลลิตี้โชว์ ที่เวลาร้องผิดคีย์ก็มักจะถูกนักวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตด่าว่าโง่

     

    และด้วยตำแหน่งหน้าที่การงาน คงยากที่จะมีใครกล้าโหวตเขาออก

     

    ปิ๊บ ปิ๊บ

     

    เสียงนาฬิกาดังขึ้น แล้วเขากดปุ่มตอบรับ

    ว่าไงรีเมียส ?

    อาร์คีดีมัสถาม

    ไม่เลยไม่รบกวนว่ามาเลยน้ำเสียงเธอดูไม่สบายใจนะ?(อาร์คีดีมัสกดปุ่มหรี่เสียงเพลง)  รีเมียสมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ฉันยินดีให้คำปรึกษาฮะ!!  ( เขาตกใจจนสะดุ้งไปโดนปุ่มเพิ่มเสียง จับตรงนั้น จับตรงนั้น จับนานอีกนิดนึงส์!”) โทษทีๆ เอ่อ เธอมีความจำเป็นอะไรงั้นหรือ?...อ่ออืมอืมมมสัมผัสฉัน สัมผัสฉันฮะ ฮะ อ๋อ แน่นอน ฟังอยู่ๆ ว่าต่อเลยอ่าฮะอืมม…”

    อาร์คีดีมัสเม้มปากอย่างใช้ความคิด การสนทนาเงียบไปชั่วขณะ

    โอเค ขอเวลาแป๊บนึง เดี๋ยวฉันโทรกลับ

    อาร์คีดีมัสเดินขึ้นจากน้ำ แล้วใช้พลังจิตเรียกชุดคลุมผ้าขนหนูสีขาวสะอาดมาห่มกาย เขากดปุ่มบนนาฬิกา ขณะที่ผ้าอีกผืนลอยมาเช็ดผม

    สวัสดี คุณได้ดูหนังเรื่อง พาวเวอร์อ็อฟเลิฟ ที่เพิ่งฉายเมื่อกี้ไหม เห็นว่าเป็นหนังได้รางวัลด้วยนะ ผู้อำนวยการเกริ่นด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่แปลกหรอก ใครก็ดูหนังที่ได้รับรางวัลไม่รู้เรื่องด้วยกันทั้งนั้น

    เขาหัวเราะ

    อืมม…” อาร์คีดีมัสเม้มปาก อาหารเย็นอร่อยไหม?...โอ้ใช่ๆ ผมมีเรื่องจะรบกวนนิดหน่อย มันก็แบบว่า เอ่อ ซับซ้อนนิดหน่อยคุณรู้ไหมว่าใครเป็นแชมป์ซีมูเลชั่นสปีดคนล่าสุดโอเคๆ ผมเข้าเรื่องก็ได้ ผมแค่อยากจะขอยืมประตูมิติ

    อะไรนะครับ!?”

    อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังจนอาร์คีดีมัสผลักมือออกห่าง

    ผมบอกแล้วว่ามันฟังดูซับซ้อน อาร์คีดีมัสกลับไปสนทนาอีกครั้ง

    และครั้งนี้อีกฝ่ายก็ได้ใช้เวลาแสนเนิ่นนานในการชี้แจง ซึ่งอาร์คีดีมัสก็แสดงความเป็นผู้ฟังที่ดีโดยการเปิดตู้เย็นบ้าง จัดห้องบ้าง เดินเล่นบ้าง

    ผมฟังอยู่แน่นอน อาร์คีดีมัสบอกพลางรินน้ำชา เปล่า มันเป็นเสียงรินชาจากทีวีน่ะ หนังเรื่องควีน อลิซซาเบธ

    แม้มือจะยังประกบหู แต่อาร์คีดีมัสก็เลือกจะผ่อนคลายตัวเองบนเตียงที่ปรับระดับได้

    ไม่เพียงแค่นั้น เขายังใช้พลังจิตเรียกตุ๊กตาเพนกวินตัวเบ้อเร้อมากอดด้วย

    ดีใจจังที่คุณเห็นด้วย

    ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะครับ! เสียงนั้นตวาดกลับมา

    แล้วคุณจะเสียงดังทำไม เดี๋ยวพิดจี้ก็ตกใจหมด อาร์คีดีมัสเอามือลูบตุ๊กตาเพนกวินอย่างปลอบขวัญ คิดซะว่าผมขอร้อง

    มันเป็นกฎนะท่าน

    ทุกกฎ ย่อมมีช่องโหว่ คุณฉลาดจะตาย นักการเมืองยังหาช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อฉ้อโกงได้ คุณเป็นใคร ทำไมจะหาไม่ได้จริงไหม? ริมฝีปากของผู้อำนวยการโค้งเป็นรอยยิ้ม ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ

    แล้วอาร์คีดีมัสก็วางสาย ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดจอภาพบนผนังกลาง

    เห็นไหม เรื่องควีนอลิซซาเบธจริงๆ

    อาร์คีดีมัสพูดกับพิดจี้ ขณะนี้ควีนอลิซซาเบธกำลังรินน้ำชาใส่แก้วสีขาว หลายนาทีผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดอีกฝ่ายก็ติดต่อกลับมา

    ขอบคุณ อาร์คีดีมัสทักทาย แทบจะเห็นคู่สนทนากลอกตา โอเคผมสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งเดียวแต่ ถ้ามันจำเป็นล่ะโอเคๆ ครั้งเดียวก็ได้ ขอบคุณนะครับที่ให้ความร่วมมือ

    อาร์คีดีมัสลุกขึ้นจากเตียง (อุ้มพิดจี้ไปด้วย) เขาหยุดยืนตรงหน้าต่างห้อง

    ไวท์โรดยามค่ำคืนช่างสวยงามเต็มไปด้วยสีสัน และมันยิ่งดูมหัศจรรย์เมื่อมองจากชั้นที่หนึ่งร้อยห้าสิบเอ็ดของไวท์พอยต์ เขามัวแต่ดื่มด่ำกับภาพแห่งความฝัน จนไม่ได้ใส่ใจเสียงสนทนาของคู่สาย แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังบ่น บ่น บ่น และบ่น

    ยังไงผมก็รู้สึกได้ว่าคุณเป็นห่วงเขา อาร์คีดีมัสตัดบทไม่ต้องอ่านใจหรอกครับ แค่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้

    เกิดความเงียบที่ว่างเปล่าพักหนึ่ง

    ในที่สุดเมื่อการสนทนาจบลง อาร์คีดีมัสก็รีบติดต่อกลับไปหารีเมียส

     ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะฉันจะโกหกทำไมล่ะแต่ว่ามันมีเงื่อนไขเนื่องจากเรื่องนี้เป็นการละเมิดกฏบางอย่าง แต่เพราะฉันเห็นว่ามันค่อนข้างจำเป็น กระนั้นฉันก็คิดว่ามันผิดกฏอยู่ดี แบบว่า เอ่อ ตามฉันทันใช่ไหม โอเคๆ ช่างมันเถอะ ฉันต้องตัดคะแนนเธอหนึ่งร้อยคะแนนเพื่อแลกกับสิ่งนี้โอ้ว แน่ใจนะ ?...เธอจะไม่เปลี่ยนคำตอบนะ แบบว่านี่ไม่ใช่เกมส์โชว์ เธอสามารถเปลี่ยนคำตอบได้

    คำตอบของรีเมียสทำให้อาร์คีดีมัสยิ้มอย่างภูมิใจ โดยไม่อาจพูดอะไรได้ไปครู่หนึ่ง

    พอลโชคดีจริงๆ ที่ได้เธอเป็นเพื่อน ถ้าเธอลงสมัครประธานาธิบดีเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนหนึ่งที่โหวตใช้มันให้ดีล่ะ อย่าประมาทเด็ดขาด แล้วก็…”

    อาร์คีดีมัสอ้าปากค้างเหมือนกำลังคิดหาคำพูดที่จะจบการสนทนาอย่างประทับใจที่สุด

    อย่าลืมดูควีน อลิซซาเบธ

    ผู้อำนวยการวางสาย แล้วหันกลับไปมองความมหัศจรรย์ของสถานที่ๆ อยู่ใต้การปกครองของเขาอีกครั้ง

    หวังว่าเธอจะเข้มแข็ง เพื่อเผชิญกับสิ่งที่หนักหนามากกว่านี้ เขายิ้มให้กับดวงดาวบนท้องฟ้า ราวกับจะสื่อความหมายถึงใครบางคนที่ห่างไกล

    โชคดีนะพอล

     

     

     

    15 ชั่วโมง 30 นาที

    ก่อนหน้านี้

     

     

     

    ฮัลโหลอ่านหนังสืออยู่น่ะมันเป็นนิสัยไปแล้วล่ะมีอะไรเหรอ ?...อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น?...แล้วไงต่อ?...เช่น?...เราเพิ่งรู้จักเขาสองวันโดยการ?...เธอเสียสติไปแล้วหรือไง ?...ทำให้เฟริสพูดยังง่ายกว่าเลยไม่ ฉัน คิดว่า มันไม่ใช่ทางออก(เสียงถอนหายใจ )เราต้องมีทางที่ดีกว่านี้…”

    หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดพิจารณาถึงสิ่งที่ได้ยินครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตอบกลับ

    ฉันถามจริงๆ และตอบคำเดียวนะ เธอคิดอะไรกับเขาหรือเปล่า ?... เธอคิดอะไรกับเขา ในแบบที่มากกว่าคนรู้จักทั่วไปหรือเปล่า?...”

    เจ้าของเสียงยิ้มน้อยๆที่มุมปาก รู้สึกได้เลยว่าโลกพลันสดใส

    โอเค ฉันเข้าใจจะลองดูแล้วกัน

             

    รีเมียสวางสายและถอนหายใจอีกครั้ง

     

    การบ้านมากมายยังกองอยู่บนโต๊ะเขา แต่ตอนนี้ปัญหาใหม่ได้เข้ามาแย่งซีนโจทย์เคมีพวกนั้นไปแล้ว เด็กหนุ่มพรมนิ้วกับโต๊ะอย่างใช้ความคิด และส่ายหน้าหลายครั้งเมื่อประจักษ์ว่าความคิดเหล่านั้นไม่เข้าท่าเอาซะเลย รีเมียสเดินไปเปิดจอภาพกลางห้อง เพื่อให้เสียงจากทีวีคลายเครียด

                    แต่สิ่งที่เขาพบ กลับไม่ได้ทำให้ความเครียดทุเลาลง

                    นี่คือภาพของเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงเด็กมาธีน่าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ของมีค่า ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ราคาแพง ไม่ใช่เสื้อผ้าหรูๆ แต่เป็นใครสักคนที่เขาจะสามารถเรียกว่า พ่อ หรือ แม่ ให้โอกาสพวกเขาเหมือนที่พระเจ้าได้ให้โอกาสเรา ดิฉันเชื่อว่าโลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไดอาน่า ลอสเตอร์ สำนักข่าวเอสซีไอ รายงาน

                    เพียงเท่านั้น รีเมียสก็เข้าใจความรู้สึกของพอลได้ทันที

                    เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเนิ่นนาน เบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนปรากฏอยู่บนนาฬิกาอย่างรอคอยการสัมผัส แต่เขายังลังเลที่จะกด เขารู้สึกว่ามันเป็นเหมือนประตูพิศวง ที่ไม่รู้ว่าเมื่อก้าวผ่านไปจะไปปรากฏที่ไหน ผลจากการกระทำนี้จะเป็นอย่างไร ? เขาจะเดือดร้อนไหม ? ไม่ว่าคิดยังไง คำว่า เสี่ยง ก็แดงหราอยู่ทั่วไปในห้อง

                    ปิ๊บ ปิ๊บ

                    ท่ามกลางการชั่งใจ เสียงนั้นได้ฉุดให้เขาก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง

                   

    เธอคือความหวัง

     

                    และข้อความนั้น ก็ทำให้ความลังเลไม่มีอยู่อีกต่อไป

                    รีเมียสกดเลือกเลขหมายปลายทาง แล้วโทร

                    ว่าไงรีเมียส? อาร์คีดีมัสรับสาย

              สวัสดีครับท่าน ผมโทรมารบกวนหรือเปล่าครับ?

                    ไม่เลยไม่รบกวน

                    คือ ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากท่านสักหน่อยความอึดอัดกลับมาเยือนอีกครั้ง

              ว่ามาเลย อาร์คีดีมัสบอกด้วยเสียงเต็มใจ

                    เอ่อ…” แต่รีเมียสยังไม่กล้าพูดออกไป

                    น้ำเสียงเธอดูไม่สบายใจนะ?

                    รีเมียสกัดฟัน รู้สึกแย่ที่พลาดให้อีกฝ่ายจับทางได้ กระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถพูดออกไป

                    รีเมียสมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ฉันยินดีให้คำปรึกษา

                    เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้า ในเมื่ออาร์คีดีมัสอยากได้ เขาจะจัดให้

                    ผมอยากขอยืมประตูมิติ

                    ฮะ!! จับตรงนั้น จับตรงนั้น จับนานอีกนิดนึงส์!
             
    ท่านครับ ?

    โทษทีๆ เอ่อ เธอมีความจำเป็นอะไรงั้นหรือ?เสียงอาร์คีดีมัสดูตระหนก

    เกี่ยวกับพอลน่ะครับ

    อ่อ

    คือวันนี้ท่าทางเขาจะกลับไปทุกข์ใจอีกแล้ว หลังจากที่อาการดีขึ้น

    อืม…”

    ผมคิดว่าเขาคงคิดถึงโลกมนุษย์ เอ่อ ที่ๆ เขาจากมา

    อืมมม

    ถ้าเป็นไปได้ผมก็แค่อยากจะช่วยให้เขารู้สึกดีกับที่นี่

    สัมผัสฉัน สัมผัสฉัน

    ท่านฟังอยู่หรือเปล่าครับ?

    ฮะ ฮะ อ๋อ แน่นอน ฟังอยู่ๆ ว่าต่อเลย

    ดังนั้นผมจึงคิดว่าการให้เขาได้กลับไปโลกมนุษย์สักคืนคงจะทำให้พอลดีขึ้น

    อ่าฮะ

    อย่างน้อยก็ให้เขาได้เคารพศพพ่อของเขา…”

    เพียงเท่านั้นเสียงของอาร์คีดีมัสก็เงียบไป

    อืมม…”

    รีเมียสรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดคำตอบ

    โอเค ขอเวลาซักแป๊บนะ เดี๋ยวฉันโทรกลับ

    เอ่อได้ครับ

    จากนั้นการสนทนาก็สิ้นสุด รีเมียสหยุดอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกร้อนรนไปหมด นี่เขาเพิ่งทำอะไรลงไป โทรหาผู้อำนวยการกลางดึกเพื่อขอยืมประตูมิติงั้นหรือ ? พระเจ้า ให้ตายซิ เขายังสติดีอยู่เปล่า ?

    แต่เมื่อได้ก้มลงมองข้อความบนนาฬิกาอีกครั้ง

    คำสั้นๆนั้น ก็ทำให้เขายิ้มอย่างมีความหวัง

     

     

     

    16 ชั่วโมง

    ก่อนหน้านี้

     

     

    ฮัลโหลยังหรอก ว่าไงอ้าว เหรอ ?...(ไม่คิดเหรอว่าเขาอาจตายไปเลยถ้าได้ยินเสียงเธอ หรือไง ??) บ้าน่า เขาไม่เป็นไรหรอก(ฉันเกรงว่าเขาจะยิ่งแย่ไปกว่านี้) ก็โทรหาเขาซิ(เวรแล้วไง )ไม่แน่ใจนะ ฉันขอหาดูก่อน

    เสียงปิ๊บ ปิ๊บดังขึ้นขณะที่การค้นหาเบอร์โทรศัพท์ดำเนินไปพร้อมกับการคิดหาหนทางปฏิเสธ ซึ่งในที่สุดมันก็จบลงที่การโกหกหน้าด้านๆ

    แย่จัง ฉันไม่มีเบอร์เขาแหละเป็นเสียงผิดหวังที่แนบเนียนที่สุด ขอโทษด้วยนะอะไรเหรอ ?...เธอบ้าไปแล้วเธอบ้าไปแล้วโอเคๆ ฉันพูดตรงๆก็ได้

    นั่นคือสัญญาณของการยอมแพ้

    ฉันไม่มีจริงๆไม่มีจริงๆ ฉันยืนยันได้ ไม่ไว้ใจฉันหรือไง?...แล้วไป

    เจ้าของเสียงจบประโยคด้วยการข่มสุดๆ

    โอ้วเธอชอบเขาเหรอ?...ฉันนึกว่าเธอพูดเล่นซะอีก…”

    คำพูดจากอีกฝ่ายสะกดเธอให้ไม่อาจโต้ตอบไปเนิ่นนาน

    จนเมื่อการสนทนาสิ้นสุด โลกของเด็กสาวราวกับหยุดเคลื่อนไหว

    มันทำให้เธอคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

    อย่างน้อยก็เพื่อเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง

     

    หรือไม่ก็เพื่อเพื่อนใหม่อีกคน

     

     

    ทะเลเมฆสีขาวท่ามกลางท้องฟ้าสีชมพูอ่อนคือวอลเปเปอร์บนผนัง

    พื้นห้องตกแต่งด้วยลวดลายสีขาวสลับเหลืองอ่อนดูสดใส

    บนเพดานมีโมบายรูปนกที่หมุนวนช้าๆ ขณะนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น ช่องท๊อปอ็อฟเดอะเวิร์ลกำลังฉายมิวสิควีดีโอเพลง เท่ห์ลากไส้

    และเมื่อมันจบวีเจสาวก็พูดว่า

    อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหน ช่วงต่อไปเราจะกลับมาลุ้นว่าเพลง Touch ที่นำกลับมารีมิกซ์ใหม่ จะยังครองอันดับหนึ่งเป็นสัปดาห์ที่สองหรือไม่ ใน ท๊อปอ็อฟเดอะเวิร์ล!”

    เมื่อวีเจผายมืออย่างอลังการงานสร้าง จอภาพก็ถูกปิด

    บรรยากาศในห้องกลับสู่ความเงียบจนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนเตียงของร่างๆหนึ่ง

    เด็กสาวถอนหายใจ แม้จะรู้ว่ายังไงก็คงไม่สามารถขับไล่ความรู้สึกกังวลใจไปได้ เธอเอาลิ้นดุนฟันอย่างใช้ความคิด ผ่านไปหลายนาที เธอยังนึกหาหนทางของเรื่องชวนปวดหัวไม่ออก

    ท้ายที่สุด เธอจึงตัดสินใจโทรหาคนๆหนึ่ง

    ทำอะไรอยู่?...ขยันเสมอเลยนะคือ…” จูเลียกลั่นกรองถ้อยคำในความคิด ฉันคิดว่าเราควรจะทำอะไรบางอย่างเรื่องพอลนะแบบว่า ถึงเขาจะเป็นเพื่อนใหม่ แต่เธอรู้สึกเหมือนฉันไหม ว่าเขาพิเศษมันไม่บ่อยหรอกนะที่ท่านอาร์คีดีมัสเรียกใครไปกล่าวต้อนรับด้วยตัวเองนะ ถ้าไม่นับเธอ กับ…”

    อีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาทันทีก่อนชื่อปริศนาจะถูกเอ่ยออกมา จนจูเลียรู้สึกได้ว่าต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

    ฉันก็สงสัย เธอก็สงสัย เธอไม่คิดหรือว่าพอลอาจเป็นใครสักคนที่สำคัญ อาร์คีดีมัสอาจคิดว่าคนๆ นี้ควรได้รับการใส่ใจ แล้วสาเหตุที่เขาส่งเราสองคนไปรับพอล อาจจะมีนัยสำคัญเขาอาจจะอยากให้เราดูแลคนๆ นี้ จริงๆ นะ ฉันรู้สึกได้ว่าเขาต้องมีอะไรสำคัญ แต่จะเป็นอะไรนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจถึงจะรู้จักกันแค่สองวัน แต่เธอก็มีเรื่องกับเขาตั้งแต่วันแรกถึงสองครั้ง

    จูเลียเถียง อีกฝ่ายเงียบสนิท

    แล้วในฐานะกรรมการนักเรียน เราก็ควรจะ เอ่อ แบบว่าดูแลนักเรียนใหม่ จูเลียพูดไปม้วนผมตัวเองไป ถ้าทำได้ เราก็น่าจะ อืมมให้เขาได้มีโอกาสรำลึกความหลังเล็กน้อย…”

    จูเลียกัดริมฝีปาก และตัดสินใจพูดในที่สุด

    โดยการให้เขาได้กลับไปโลกมนุษย์อีกครั้ง

    เธอเสียสติไปแล้วหรือไง ?...ทำให้เฟริสพูดยังง่ายกว่าเลย

    เสียงนั้นดังสนั่น แฝงทั้งความตกใจและไม่เห็นด้วย

    แต่เราจะทิ้งให้เขาตกอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้นะจูเลียอ้อนวอน เธอก็รู้ว่าเขาจากโลกนั้นมา ทั้งที่พ่อเขาตาย จูเลียชี้แจงอย่างใจเย็น มีความเห็นใจเปี่ยมล้นในน้ำเสียง เธอรู้สึกยังไงตอนที่ต้องจากครอบครัวมา เธอก็จำมันได้ไม่ใช่เหรอ?

    จูเลียส่ายหน้า รู้ดีว่าเผลอพูดอะไรเลวร้ายออกไป

     ฉันขอโทษที่ต้องพูดเรื่องนี้ แต่เธอโชคดีกว่าเขามาก ครอบครัวของเธออยู่ที่นี่ เธอได้โอกาสในการร่ำลา แล้วก็สามารถไปหาพวกเขากี่ครั้งก็ได้ แต่พอลไม่ใช่ เขามาไกลเกินไป และมันดูจะกะทันหันสำหรับเขา นี่ไม่ใช่โลกของเขา ลึกๆ ใจเขายังโหยหา ยังอยากจะกลับไปที่นั่น วันนี้ที่ฉันมองตาเขาฉันเองก็รู้สึกได้ และคิดว่าเธอก็รู้สึกเหมือนกัน

    การสนทนาเงียบไปครู่หนึ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด

    สำหรับเธอที่แข็งแกร่ง ย่อมมีทางออกหลายทางเสมอ แต่สำหรับพอล ฉันคิดว่าไม่ใช่สำหรับเขา ไม่มีทางออกใดที่จะดีกว่านี้อีกแล้ว

    จูเลียบอกอย่างผิดหวัง เธอได้ยินเสียงหายใจเข้าลึกๆของอีกฝ่าย เธอเดาได้เลยว่านาทีนี้เขากำลังพิจารณาสิ่งที่เธอพูด ซึ่งหลังจากปล่อยให้การพูดคุยเงียบไปเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็ตอบ

     ฮะ? คำถามนั้นนำมาซึ่งความพิศวง

    เสียงฉงนของเธอ ทำให้เขาถามย้ำอีกครั้ง

    เธอบ้าไปแล้ว!”

    จูเลียเถียง

                    หมายความว่าเธอยินดีจะช่วยงั้นหรือ? จูเลียดูไม่คาดฝัน น่าแปลกใจ ที่คำสั้นๆ เพียงคำเดียว ก็ทำให้บรรยากาศการสนทนาเปลี่ยนไป

    ขอบใจจ๊ะ

                    จูเลียกล่าวลาด้วยความเบิกบานเป็นที่สุด รอยยิ้มสดใสกลับมาเยือนอีกครั้ง เธอเอื้อมมือไปเปิดจอภาพบนผนัง เฝ้ามองมิวสิควิดีโอเพลง สตาร์ แอนด์ สกาย ที่กำลังฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง

             

              ฝากขอบฟ้า และดาวนับหมื่นพัน    ให้เธอ ไม่เหงาเดียวดาย

                    ฝากสายลม พัดความห่วงใย จากฉันไป

     

              เนื้อเพลงพาให้จูเลียหันไปมองระเบียงห้อง เธอจ้องมองท้องฟ้าที่ดวงดาวสว่างไสว และยิ้มให้มันอย่างมีกำลังใจ เธอรู้สึกว่าสามารถส่งความรู้สึกดีๆ ให้ใครสักคนผ่านดวงดาวเหล่านั้น เพราะเธอมั่นใจว่าดวงดาวมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นพลังลึกลับที่คอยส่งแรงใจ ให้เราทุกคนยังมีความหวังต่อไป

                    และเมื่อหวนคิดถึงความหวัง เธอก็คิดว่าคงไม่มีใครเหมาะกับมัน มากไปกว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังส่งข้อความถึงเขา

     

    เธอคือความหวัง

     

    จาก จูเลีย ถึง รีเมียส

     

     

     

     

    16 ชั่วโมง 30 นาที

    ก่อนหน้านี้

     

     

     

     

    ไม่มีตารางนิ้วไหนของห้องนี้ที่จะปราศจากรูปหญิงสาว

    บนผนังเต็มไปด้วยภาพเด็กสาวตาโต ผมทองที่กำลังแสดงอาการมากด้วยจริตจะก้าน

    มีรูปเธอที่โพสท่าแอ๊บแบ๊วบนพื้น

    เพดานมีรูปที่เธอโพสท่าเซ็กซ์ซี่

    มีรูปเธออยู่บนโคมไฟ เตียง ตู้เก็บของ โต๊ะเขียนหนังสือ ชักโครก รวมถึงคอห่าน

    มีอยู่สองกรณีเท่านั้นที่ห้องๆ หนึ่งจะมีรูปผู้หญิงคนเดียวได้มากมายมหาศาลเพียงนี้

    กรณีแรกคือแฟนคลับโรคจิต

    หรือกรณีที่สอง ก็คือห้องของผู้หญิงคนนั้น

     

    ซึ่งอาจจะโรคจิตกว่าแฟนคลับ

     

    โอ๊ย!!”

    เจอร์รี่ เอเวอร์ร่าเขวี้ยงตุ๊กตาหมีใส่ผนังกลางห้อง

    เธอกอดอกหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง ประเดี๋ยวก็มานั่งเท้าคาง สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเอาสองมือประสานศีรษะ เธอดูเหมือนคนฟุ้งซ่านที่ไม่รู้จะระบายความรู้สึกนั้นกับอะไร ที่ไหน

    เจ้าตุ๊กตาก็เลยซวยไป

    เจอร์รี่หวนคิดถึงเรื่องที่คุยกันตอนมื้อเย็นกับเพื่อนๆ ซึ่งเหมือนจะยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก

     

    ท่านอาร์คีดีมัสบอกว่าพ่อของพอลเพิ่งเสียชีวิต

    รีเมียสบอกทุกคนกลางโต๊ะอาหาร

    ภาพที่เห็นวันนี้คงกระทบกระเทือนจิตใจ

    มันคงไม่มากเท่ากับประโยคที่บางคนพูดหรอก เจอร์รี่จิกหางตาใส่อเล็กซ์อย่างไม่สบอารมณ์

    ก็ฉันไม่รู้นี่ อเล็กซ์ทำหน้าจ๋อย ใครจะรู้ว่ามีเพื่อนที่พ่อตายยืนอยู่ข้างๆ

    แล้วนี่ใครโทรหาเขาหรือยัง ? รีเมียสถาม

    ไม่ติดเลย โทนี่ส่ายหน้า เขาโบกมือแสดงให้เห็นว่าเพิ่งพยายามติดต่อ

    พอลคงเสียใจมาก จูเลียเอ่ย

    ฉันเฮิร์ทเสมอเวลาคนหน้าตาดีทุกข์ใจ เจอร์รี่หน้าละห้อย เฟริสกลอกตา

    แล้วเราควรทำยังไง?

    เราเหรอ ? ฉันว่าเธอต่างหาก เจอร์รี่แหว ไปขอโทษเขา เป็นไปได้ก็กราบเขาด้วย

    ฉันว่าเราอย่าเพิ่งยุ่งอะไรกับเขาตอนนี้ดีกว่า รีเมียสเสนอ เขาเจออะไรหนักหนามามาก ให้เขาได้อยู่คนเดียวสักพัก

    ใช่ เขาคงเสียใจมากที่ทำคะแนนวิชาอาวุธไฮเทคได้ไม่ดีเลย อเล็กซ์ทำหน้าเศร้า

    ฉันว่ารีเมียสหมายถึงเธอนะ เจอร์รี่เจาะจง

    อ้าวเหรอ? อเล็กซ์เหวอ โทนี่พยักหน้า

    พรุ่งนี้เขาคงดีขึ้น รีเมียสบอก

    และเมื่ออาหารจานแรกถูกเสิร์ฟ หัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนไป

     

    แต่เจอร์รี่ไม่สามารถตัดเรื่องนี้ไปจากใจได้

    เธอจะปล่อยให้คนที่เธอหลงใหลตั้งแต่แรกพบต้องซึมเศร้าได้ยังไง

    เธอคิดอยากจะโทรหาพอล แต่ก็เพิ่งพบความจริงที่ว่าเธอยังไม่มีเบอร์เขา บ้าจริง กร้านโลกอย่างเธอทำไมถึงลืมขอเบอร์หนุ่มหล่อขนาดนั้น! สิ่งที่เจอร์รี่ทำได้ก็คือนั่งร้อนรนอยู่บนเตียง เฝ้ามองรูปภาพตัวเองบนฝาผนัง พลางคิดว่า อืม เธอสวยดี ดูซิ หน้าอกเริ่ดสุดๆ ไม่ได้นะ ตอนนี้เธอจะมามัวคิดถึงตัวเองไม่ได้ เธอต้องคิดถึงสุดเลิฟซิ!

    แต่หุ่นเธอดีจริงๆ นั่นแหละ

    โอเค เพื่อตัดความเห็นแก่ตัว เจอร์รี่จึงลุกจากเตียงไปยังระเบียง

    ว้าว รูปเธอบนพื้นระเบียงนี่สวยไม่เปลี่ยนเลย

    (พอได้แล้ว!)

    เจอร์รี่บอกตัวเองในใจ หลับตา แล้วโทรหาคนสำคัญ

    ฮัลโหล เสียงคู่สายดังผ่านสปีคเกอร์โฟน

     ฮัลโหล ที่รัก หวังว่าเธอยังไม่หลับ

    ยังหรอก ว่าไง?

    ฉันมาคิดๆดู รู้สึกว่าเป็นห่วงพอลเหลือหลาย

    อ้าว เหรอ ?

    ใช่ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะปวดร้าวแค่ไหน เวลาไม่ได้ยินเสียงฉัน

    บ้าน่า เขาไม่เป็นไรหรอก

    แต่ฉัน ฉันอยากคุยกับเขานะ อยากให้เขารู้ว่าเขายังมีใครเป็นห่วง

    ก็โทรหาเขาซิ

    ประเด็นคือฉันไม่มีเบอร์เขาน่ะซิ ...เธอมีเบอร์เขาไหม ?

    ไม่แน่ใจนะ ฉันขอหาดูก่อน

    เจอร์รี่รอสาย ได้ยินเสียงปิ๊บ ปิ๊บของนาฬิกาอีกฝ่าย

    แย่จัง ฉันไม่มีเบอร์เขาแหละ ขอโทษด้วยนะ

    แต่เมื่อได้ยินคำตอบ เธอกลับมีสีหน้าไม่ไว้ใจ

    เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันรู้สึกแปลกๆ เจอร์รี่หรี่ตาจับพิรุธ

    อะไรเหรอ ?

    คำว่า แย่จัง ของเธอ เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่

    เจอร์รี่แนบนาฬิกาชิดหู

    เธอบ้าไปแล้ว

    นั่นไง! เธอมักจะพูดแบบนี้เวลาเธอซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่าง  เจอร์รี่ตาถลน เธอบ้าไปแล้ว

    คราวนี้ชัวร์

    เจอร์รี่ยิ้มอย่างผู้มีชัย

    โอเคๆ ฉันพูดตรงๆก็ได้ นั่นคือสัญญาณของการยอมแพ้ ฉันไม่มีจริงๆ

    ฮะ?...” เจอร์รี่อ้าปากค้าง เหมือนโดนคำถามไม่คาดฝัน

    ไม่มีจริงๆ ฉันยืนยันได้ ไม่ไว้ใจฉันหรือไง?

     เปล่า เปล่าเลย ฉันไว้ใจเธอเสมอแหละ เจอร์รี่ตอบเสียงใส ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคิดอะไรแน่

    แล้วไป

    ฉันก็แค่ เป็นห่วงเขามากก็เท่านั้นเอง เจอร์รี่บอก เธออาจจะคิดว่าฉันบ้า แต่ฉันฉันไม่อยากเห็นเขาตกอยู่ในสภาพนั้น ฉันไม่อยากเห็นคนที่ฉันแบบว่าเอ่อชอบ ต้องเป็นทุกข์

    เด็กสาวถอนหายใจ

    โอ้วเธอชอบเขาเหรอ?

     ฉันว่าฉันแสดงจุดยืนไปตั้งแต่นาทีที่ดมกลิ่นเขาแล้วนะ น้ำเสียงเจอร์รี่จริงจัง ฉันว่าเขาพิเศษ ไม่เหมือนใคร แล้วฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าเขาเป็นของฉัน

    ฉันนึกว่าเธอพูดเล่นซะอีก

    ฉันไม่พูดเล่นเรื่องผู้ชายหรอกนะที่รัก เจอร์รี่ยิ้มเพ้อฝัน ฉันคิดว่า ฉันชอบเขาจริงๆ นั่นแหละ

    การสนทนาเงียบหายไป

    อีกฝ่ายเหมือนจะนึกไม่ออกว่าควรต่อบทสนทนาด้วยคำว่าอะไร

    หวังว่าเธอจะหาทางติดต่อเขาได้ เจอร์รี่พูดด้วยเสียงเปี่ยมด้วยความหวัง ฉันแค่อยากให้เขารู้ว่ามีคนเป็นห่วงเขา งั้นก็แค่นี้แหละ

    แล้วเจอร์รี่ก็วางสาย เธอใช้สองแขนท้าวระเบียงแล้วมองออกไปยังหอพักชาย ที่ซึ่งใครคนหนึ่งคงกำลังจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ

              เข้มแข็งไว้นะ

                    เจอร์รี่ฝากความห่วงใยไปกับแสงดาว

     

    แม้การสนทนาจะจบสิ้น แต่จูเลียยังคงยกนาฬิกาแนบหูไว้อย่างนั้น

    เหมือนกับว่าความรู้สึกอันเปี่ยมล้นจากเพื่อนสนิทยังติดตรึงไม่จากไปไหน

    มันทำให้เธอคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

    อย่างน้อยก็เพื่อเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง

     

    หรือไม่ก็เพื่อเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่ง

     

    โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่าอีก 9 วันนับจากนี้

    ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนบางคนในกลุ่ม  

    จะเปลี่ยนไปตลอดกาล

     

     

     

     

     

     

    วันนี้

    เวลา 10.00 am

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×