ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road : Generation

    ลำดับตอนที่ #22 : The White Road Generation II : Introduction Of Chapter 17 "Nothing"

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 52


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    …3 เดือนก่อนหน้านี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หนึ่งวันหลังจากที่ปริศนาคดีโกลเด้นกายได้ถูกไขจนกระจ่าง

    หนึ่งวันหลังจากที่วิวัฒนาการเปลี่ยนแองเจิลให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตข้ามสายพันธุ์

    ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ถูกแบ่งออกไปเป็นหลายกลุ่ม

    อับดุล ราดะฮิน นำทีมสืบสวนพิเศษกลับสู่เครือข่ายใยแมงมุมเพื่อประชุมเรื่องปลายทางของสายแซไฟที่เชื่อมจากตึกจีฟิวเจอร์

    ไอซ์ กับ ฟลอเรนซ์ ถูกส่งกลับมหาวิทยาลัยเอพลิเครด

    มาลาไจน์นำเหล่านักเรียนไวท์โรดผู้สมัครใจมุ่งหน้าสู่คลอโรเนีย

                    และใครบางคนได้ถูกเรียกเข้าร่วมสุดยอดการประชุมครั้งใหญ่ ซึ่งถูกจัดในสถานที่ๆ น้อยคนนักจะไปถึง…

     

                    นี่ช่างเป็นฝันร้ายแห่งสามโลก

                    คำพูดนั้นเอ่ยขึ้นโดยชายที่ร่างกายใหญ่โตมโหฬารราวกับอนุสาวรีย์กลางเมือง เขาสวมชุดเกราะนักรบสีทองอันโอ่อ่าสง่างาม ร่างกายที่อัดแน่นด้วยมัดกล้ามเป็นสีทองสว่างไสวไม่ต่างกัน หนวดเคราตลอดจนเรือนผมของเขาเป็นสีทองปลั่ง ใบหน้าแม้จะดูสูงวัยแต่ก็ดูมีราศี บัดนี้เขานั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองที่แสนจากกว้างใหญ่ รอบกายคือเสาโรมันสีขาวที่เรียงรายเป็นวิหารสูงเกินพรรณา และเมื่อมองพ้นเขตเสาไป คุณก็จะพบว่าที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนท้องฟ้า

                    พวกท่านพอจะคิดหาทางช่วยเหลือใดได้บ้าง? เขาถาม

                    ทูลฝ่าบาท หนทางช่วยเหลือนั้นมี แต่ไม่ราบรื่นนัก เมดาโบรันตอบ เขากำลังนั่งชันเข่า และก้มหน้าอยู่บนพรมแดงที่ทอดตรงสู่บัลลังก์

                    ว่ามา

                    เราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากชนเผ่าวิหค

                    ฮึ? คิ้วอันใหญ่โตของบุรุษแห่งสีทองขมวดสงสัย

                    เจ้าชายแห่งสามโลกสูญเสียพลังแซไฟไปมาก และเพราะเรดแองเจิลได้ขีดเส้นตายสำหรับมหาสงครามเพียงหกเดือน กระหม่อมจึงไม่คิดว่าจะมีทางออกใด นอกจากจะส่งเจ้าชายไปยังดินแดนวิหคเพื่อฟื้นฟูพลังแซไซ

                    แต่ท่านก็รู้ว่าพระราชาลูก้าแห่งชนเผ่าวิหคเคยประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับคลอโรเนียทั้งสิ้น

                    กระหม่อมทราบข้อเท็จจริงนั้น แต่ฝ่าบาท หากเราไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเขา เจ้าชายแห่งสามโลกก็ไม่อาจฟื้นคืนพลังเทพ และเราก็คงหมดหนทางที่จะหยุดยั้งเรดแองเจิล ดังนั้นกระหม่อมขอให้ฝ่าบาทได้โปรดพิจารณาคำร้องขอ

                    เมดาโบรันก้มศรีษะแสดงการอ้อนวอน   มหาบุรุษส่ายหน้าและหันไปสาดสายตาไปรอบๆ ราวกับจะหาคนให้คำปรึกษา

                    ท่านมาสต้าร์ไคร่าท่านมีความเห็นอย่างไร?

                    เมื่อเขาถาม มหาเทพมาสต้าร์ไคร่าผู้น่าเกรงขามก็ปรากฏกาย

                    ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าที่ท่านเทพแห่งหอคอยน้ำค้างได้กล่าวมา เป็นความจริงที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาตอบคำถาม จริงอยู่ที่ชนเผ่าวิหคร้างลาจากการเป็นพันธมิตรกับคลอโรเนียไปเนิ่นนาน แต่อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าวิหคยังคงยึดดินแดนส่วนหนึ่งของคลอโรเนียเป็นที่มั่น พระบารมีของพระองค์ได้แผ่ร่มเงาไปถึงพวกเขา ในเวลานี้หากเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา กระหม่อมคิดว่าพวกเขาก็ควรให้ความร่วมมืออย่างไม่อิดออด

                    ยังไงพวกเขาก็คงไม่คิดต่อรองให้ข้าเป็นผู้ขอซินะ มหาบุรุษลูบเคราอย่างเข้าใจ

                    ทรงพระปรีชายิ่งนัก มหาเทพมาสต้าร์ไคร่าชม

                    งั้นได้ ข้าจะเป็นธุระในเรื่องนี้ให้

                    เพียงได้ยินคำตอบนั้น เมดาโบรันก็เงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มสว่างไสว

                    ขอบพระทัยยิ่งนักฝ่าบาท ขอบพระทัย ท่านเทพพรั่งพรูคำขอบคุณอย่างดีอกดีใจ และก้มศีรษะทำความเคารพ

                    ข้าเป็นถึงโฮราเนียมหาเทพสูงสุดแห่งคลอโรเนีย จะให้ข้าทนนิ่งเฉยเฝ้ามองอาณาจักรของข้าตกอยู่ใต้เงาอันชั่วร้ายโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร มหาเทพโฮราเนีย

    บอก

                    ทรงมีน้ำพระทัยยิ่งนัก เมดาโบรันเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

                    วางใจได้ เมื่อท่านกลับไป อคติในใจของพระราชาลูก้าจะถูกคลี่คลาย มหาเทพกล่าวด้วยท่าทีที่เรารู้กันว่าเป็นการส่งแขก

    เอ่อ ฝ่าบาท กระหม่อมมีอีกเรื่องที่อยากจะกราบทูลขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงของท่านเทพช่างประหม่า

                    มีอะไรงั้นรึ?

                    เมดาโบรันเงยหน้าขึ้นสบตามหาบุรุษอีกครั้ง

     

                    และคราวนี้เขาดูจะอึดอัดใจมากกว่าการร้องขอที่ผ่านมา…

                   

                    ขณะที่เมดาโบรันกำลังเข้าเฝ้าบุรุษที่ทรงอำนาจที่สุด มาลาไจน์ก็กำลังอยู่ในที่ประชุมซึ่งแวดล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่ร้อนรนที่สุด

                    เป็นเวลากว่าห้าชั่วโมงแล้วที่เขากับเหล่านักเรียนไวท์โรด และผู้เกี่ยวข้อง ทำได้เพียงเฝ้ารอเสียงแห่งความหวัง ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะปรากฏ

                    ท่านคิดว่ามหาเทพจะทรงเห็นด้วยหรือไม่? เอด้าถามมาลาไจน์ที่ปลีกตัวออกมายืนเดียวดายอยู่ตรงระเบียง

                    ถ้าเป็นเรื่องชนเผ่าวิหคคงไม่ยาก พ่อมดเฒ่าบอก แต่ถ้าเป็นอีกเรื่อง ข้าเองก็ไม่แน่ใจ

                    แต่เหตุผลของเราก็คือการหาแรงสนับสนุนเพื่อสมทบกองกำลัง…”

                    ข้ารู้ แต่อีกฝ่ายคงไม่คิดแบบนั้น มาลาไจน์ถอนหายใจ และข้าก็ไม่แน่ใจว่าท่านมหาเทพจะบังคับพวกเขาได้โอ้ นั่น ท่านเทพกลับมาแล้ว!”

                    เสียงฟิ้วของวัตถุแหวกอากาศเรียกความสนใจจากทุกใบหน้าให้หันไปมองพร้อมกัน และภาพของเมดาโบรันที่บินลงมาจากฟ้านั้น ก็ทำให้ริมฝีปากของทุกคนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

                    ท่านมหาเทพว่าอย่างไรบ้าง?

                    มาลาไจน์ปรี่เข้าหาเมดาโบรันทันทีที่เท้าของเขาสัมผัสพื้น

                    พระองค์ทรงให้คำมั่นจะช่วยเหลือ

    และคำตอบนั้นก็ทำให้ทุกคนตื่นเต้นดีใจ

                    งั้นก็หมายความว่าพอลจะกลับมามีพลังเทพอีกครั้งใช่ไหมคะ? จูเลีย

                    ใช่ เมดาโบรันตอบ

                    แล้วเขาก็จะไปตะบันหน้าไอ้แองเจิลนั่น อเล็กซ์ร้อง

                    เขาจะถีบก้นมันให้หน้าจมดินไปเลย โทนี่เสริม

                    แต่ขณะที่ทั้งคู่หัวเราะร่า ไม่มีใครเห็นเลยว่าวอร์ช่ากำลังเจ็บปวดกับข้อความเหล่านั้น เธอก้มหน้าด้วยท่าทางเงียบงัน ไม่อาจหันไปมองเพื่อนๆ ที่มีความสุขได้เลย

                    แล้ว เอ่ออีกเรื่องหนึ่งล่ะครับ มาลาไจน์เอ่ยคำถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ - ขณะที่ความสุขสันต์แผ่ไปรอบตัว มาลาไจน์กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันหมองมัวระหว่างเขากับท่านเทพ

                    ท่านมหาเทพตกลง…”

                    พระเจ้าเป็นพยาน งั้นมันเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ? มาลาไจน์ยิ้มร่า ยังไม่อาจตีความจากสีหน้าทุกข์ใจของเมโดรัน

                    ท่านไม่ได้ตกลงทั้งหมด

                    เพียงได้ยินคำตอบ ความรู้สึกของมาลาไจน์ก็เหมือนจะดิ่งฮวบในทันใด

                    มะหมายความว่ายังไง?

                    เราต้องเลือก เมดาโบรันหันมาสบตาพ่อมดเฒ่าอย่างท้อใจ ท่านมหาเทพตกลงเงื่อนไขไว้แค่สองคนเท่านั้น

                    สองคน? มาลาไจน์ส่งเสียงหัวเราะอย่างสิ้นหวัง สองคนจากสามพันเนี่ยนะ?

                    ใช่ แค่สองคน เมื่อเมดาโบรันยืนยันเช่นนั้น มาลาไจน์ก็หันกลับไปด้วยท่าทางของคนชราผู้อ่อนแรง

                    นี่มันจะไม่เป็นการแล้งน้ำใจไปหน่อยรึ? พ่อมดเฒ่าพึมพำกับตัวเอง

                    ข้าเสียใจ ข้าทำดีที่สุดแล้ว เมดาโบรันเอ่ยทั้งก้มหน้า เกรงว่าท่านต้องทำการเลือกเดี๋ยวนี้

                    ฮะ? มาลาไจน์สะบัดหน้าอย่างคนที่ถูกความโชคร้ายซัดซ้ำอีกระลอก

                    ท่านมหาเทพไม่อยากให้เราประวิงเวลา เลือกวันนี้ ออกเดินทางวันนี้ และพรุ่งนี้ดำเนินการ เมดาโบรันส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง เราไม่มีทางเลือกจริงๆ

                    โอเค โอเค…”

    และนั่นคือนาทีที่มาลาไจน์ดูเหมือนคนแก่เสียสติมากที่สุด - ศีรษะของเขาหันไปมองกลุ่มเด็กๆ ที่ส่งเสียงเฮฮา ใบหน้าของเขาระบายไปด้วยความเศร้าสลดเมื่อตระหนักว่า อีกไม่ช้า เด็กๆ พวกนี้จะเสียเพื่อนสองคนไป

                    เป็นสองคนที่จะจากพวกเขาไปเนิ่นนาน

                    เป็นสองคนที่เขาจะไม่ได้พูดคุย ไม่ได้เห็นหน้า

                    และเป็นสองคนที่จะจากไปอย่างไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง

                    มาลาไจน์รู้สึกถึงความกดดันที่สุมกายเมื่อประจักษ์ว่าเขากำลังทำหน้าที่ผู้กุมโชคชะตา แต่ในที่สุดเขาก็ต้องจำใจเอ่ยคำสองคำออกไปว่า

                    รีเมียส โนอาร์

                    เมื่อได้ยินเสียงเรียก สองหนุ่มก็ขานรับ

                    ครับ?      

     

     

     

     

     

     ช่วงนี้ของปี ไม่ใช่หน้าฝนสำหรับเมืองพรีดิก

    และเมื่อจู่ๆ ฝนก็ตก มันย่อมนำความหดหู่มาสู่ทุกคน

                    สายฟ้าฟาดผ่านหน้าต่างห้องนอนห้องหนึ่งในบ้านหัวหน้าชนเผ่า ที่ซึ่งสลัวด้วยแสงไฟจากเชิงเทียนเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะเขียนหนังสือ และแสนจะเงียบสงัดทั้งที่มีคนอยู่ในนี้ถึงสี่คน

                    จะไปนานเท่าไหร่?

                    จูเลียเอ่ยขณะนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง

                    คงประมาณห้าเดือน รีเมียสตอบ เขานั่งอยู่ข้างๆ เธอและกำลังจับมือเธอ

                    ห้าเดือนเลยเหรอ?...” เสียงของจูเลียช่างอ่อนแรง

                    อืม…” รีเมียสส่งเสียงในลำคอ เขายังคงบีบมือเธอไว้แน่น

                    นายไม่คิดจะปรึกษาพวกเราก่อนเลยหรือ? คีตาร์ที่ยืนกอดอกพิงผนังถาม

                    ท่านมาลาไจน์ต้องการคำตอบเดี๋ยวนั้น โนอาร์ที่พิงผนังฝั่งตรงข้ามตอบ เขาต้องเตรียมการเพื่อส่งคนมารับเรา

                    แต่นี่มันห้าเดือนเลยนะ…” คีตาร์เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แม้จะเคร่งขรึม แต่ดวงตาของเธอฉายชัดซึ่งความหวั่นไหว ห้าเดือนเชียวนะ

                    ไม่ต้องกังวลไปหรอก เราจะได้รับการดูแลจากคนที่เก่งที่สุด โนอาร์ยิ้มอย่างพยายามรักษาบรรยากาศ คีตาร์จะละสายตาขุ่นเคืองไปจากเขา

                    ไม่ต้องกังวล? ท่าทีแข็งกระด้างของคีตาร์ ทำให้รอยยิ้มของเขาหายไป ฉันกำลังจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายไปอยู่ที่ไหน อยู่ยังไง อยู่กับใคร และไปทำอะไร ยังจะบอกให้ฉันไม่ต้องกังวลอีกเหรอ?

                    เสียงคำรามจากฟากฟ้าดังกระหึ่มบัดนี้เมื่อการสนทนาถูกหยุด เสียงที่ดังที่สุดก็คือเสียงฝนจากข้างนอกรวมทั้งเสียงเต้นของหัวใจ ที่กำลังจะแหลกสลายของใครบางคนรีเมียสกับจูเลียมองคีตาร์ที มองโนอาร์ทีอย่างทำตัวไม่ถูก คีตาร์กับโนอาร์ยังคงสบตากัน แต่ทั้งสองไม่เอ่ยคำอะไรต่อกัน

                    บังเกิดช่วงเวลาแห่งความอึดอัดเนิ่นนาน - ในที่สุดใครบางคนก็เปิดปาก

                    ไว้เจอกัน โนอาร์ถอนหายใจอย่างเคร่งขรึม เขาก้มลงเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วเดินจากไปคีตาร์ยังคงยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น และสายตายังมองออกไปนอกประตูที่เปิดทิ้งไว้อย่างนั้น ใจลึกๆ เธอหวังว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินกลับขึ้นมาตามบันได แต่เปล่าเสียงฝีเท้าของโนอาร์ยังคงไกลห่างออกไปไกลออกไป

    จนในที่สุดก็ไม่ได้ยิน

    ไม่ต้องห่วงนะ ทุกอย่างจะโอเค รีเมียสหันมาสบตาจูเลียด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองถ่ายทอดความรู้สึกที่รู้กันเพียงสองคนผ่านแววตา ไม่ต้องพูดอะไรออกมา หัวใจของพวกเขาก็รู้ว่ามีคำที่หลายคนกำลังสื่อถึงกัน

    ฉันจะรอวันเธอกลับมา จูเลียยิ้มทั้งน้ำตา แต่เธอไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้เหมือนคนจะเป็นจะตาย มันก็แค่น้ำตาหยดหนึ่งที่รินไหล เป็นธรรมดาเวลาเรารู้ว่าต้องจากคนที่รักไปชั่วคราว รักษาตัวดีๆ แล้วกัน

    เช่นกัน

    จากนั้นพวกเขาก็โอบกอดกัน การกระทำนั้นเกิดขึ้นในเวลาอันแสนสั้น ในที่สุดพวกเขาก็แยกจากกัน และลุกขึ้นพร้อมกัน จากนั้นรีเมียสก็เดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า จูเลียเดินไปโอบไหล่คีตาร์ที่เงียบขรึมอย่างเศร้าหมอง แล้วทั้งหมดก็พากันเดินลงไปข้างล่างเพื่อส่งเพื่อนทั้งสองคน

                    เมื่อประตูบ้านเปิดออก แสงสว่างจากภายในก็ส่องเป็นทางออกไปข้างนอกที่ชุ่มฉ่ำด้วยสายฝน มีรถม้าคันหนึ่งจอดรออยู่หน้าบ้าน ลักษณะของมันดูเหมือนทำจากวัตถุที่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้ใสเป็นพื้นเดียวกับหยดน้ำ ทั้งม้าทั้งคันรถช่างดูใส เกือบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำถ้าไม่ตั้งใจสังเกต และที่แปลกกว่านั้นก็คือ ไม่มีวี่แววของคนบังคับม้าเลยแม้แต่คนเดียว

    รีเมียส เดเซอร์ริส กับ โนอาร์ โพรวิส เป็นสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด พวกเขาอยู่ในชุดคลุมสีดำซึ่งมีฮูดสำหรับกันฝน เบื้องหลังเขาคือเพื่อนๆ ที่ต่างยืนหน้าเศร้า รีเมียสมั่นใจว่าตลอดเย็นที่ผ่านมาพวกเขาได้เจอกับการบอกลาที่เศร้าเกินพอ และเขาไม่ต้องการจะเห็นมันอีกแล้ว เขาหันไปมองโนอาร์ ราวกับจะให้สัญญาณว่า เรารีบไปกันเถอะจากนั้นทั้งสองก็ก้าวเดิน ประตูรถม้าเปิดออกเองราวกับมีอำนาจบางอย่างรู้เห็นการมาของพวกเขา รีเมียสเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นไป ตามด้วยโนอาร์

    เดี๋ยวก่อน!”

    แต่เมื่อเขาจะก้าวขาอีกข้างตาม เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    โนอาร์หันกลับไป เพื่อจะพบว่าคีตาร์เพิ่งวิ่งออกมายืนตากฝนอยู่หน้าบ้าน

    เป็นเวลาหลายอึดใจที่เขาทั้งสองสบตากัน

    เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก โนอาร์ตะโกนบอก

    เพียงเท่านั้นคีตาร์ก็วิ่งออกมาโผเข้ากอดเขาทันที

    ฉันจะไม่กังวล ฉันจะไม่กังวล คีตาร์พรั่งพรูคำพูดออกมาทั้งน้ำตา และซุกหน้าสะอื้นไห้กับอกของเด็กหนุ่มที่ตะลึงจนทำตัวไม่ถูก แต่นายต้องสัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย

    อืม ฉันสัญญา…” โนอาร์ยิ้มเมื่อเขาสองคนสบตา คีตาร์ก้มหน้าลงซบอกเขาอีกครั้ง โนอาร์คล้องแขนโอบกายเธอไว้อย่างอ่อนโยน

    โอ๊ะ โอ่…”

    อเล็กซ์กับโทนี่อ้าปากหวออย่างตื่นตะลึง

    เขาทั้งสองยังกอดกันต่อไป

    โฮการ์ดจึงยกนาฬิกาขึ้นมาจะถ่ายรูปไว้ แต่เจอร์รี่รีบตะปบมันทิ้งไป

    เขาทั้งสองยังกอดกันต่อไป

    วอร์ช่ากับจูเลียงงฉงนกลั้นหายใจ

    เขาทั้งสองยังกอดกันต่อไปดังเช่นสายฝนที่ยังคงโปรยปราย

    รักษาตัวเองเพื่อฉันคีตาร์ผละอ้อมกอดจากเด็กหนุ่ม

    ชัวร์….”

    ทั้งสองมอบรอยยิ้มที่แสนลึกซึ้งให้กันและกัน แล้วโนอาร์ก็ก้าวขึ้นรถม้าที่มีรีเมียสนั่งรออยู่ในนั้น

    เป็นการเริ่มต้นเดินทางที่น่าตื่นเต้นนายว่าไหม? รีเมียสแซว

    ฉันว่า เป็นการเริ่มต้นที่ไม่คาดฝันเชียวล่ะ โนอาร์หัวเราะเบาๆ

    เสียงแส้ดังขึ้นโดยไม่เห็นว่าใครเป็นคนฟาด ม้าล่องหนส่งเสียงร้อง ได้ยินเสียงว่าพวกมันพร้อมใจกันยกขา เสียงฝีเท้าตะกุยพื้นอย่างบ้าระห่ำดังตามมา ก่อนที่รถม้าประหลาดก็จะลอยขึ้นฟ้าแล้วพุ่งหายไปอย่างรวดเร็วในราตรีกาล

    คีตาร์ยังคงแหงนหน้ามองตาม และเห็นเพียงจุดเล็กๆ ดำๆ ที่อยู่ไกลแสนไกล ตอนนั้นเองจู่ๆ เม็ดฝนที่โปรยปรายก็หายไป คีตาร์นึกแปลกใจ หันไปมองทางซ้ายและได้เห็นจูเลียที่ยืนกางร่มอยู่เคียงข้าง

    ว้าว…” จูเลียหันมาทำตาลุกวาวหยอกล้อ

     

    แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข…

     

     

     
    ติดตามแฟนพันธุ์แท้ได้ที่ http://drpopkingdom.blogspot.com

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×