ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.Pop's The White Road : Generation

    ลำดับตอนที่ #16 : The White Road Generation II : Chapter 16 "Time" Part 7

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 52


    หลังจากที่ได้ทราบแหล่งข้อมูลจากอับดุล ความตื่นเต้นก็ทำให้จอร์แดนไม่อาจข่มตาหลับ  

    ความฝันนำเขาย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง ยังจุดความตื่นเต้นได้ก่อตัว

                    มันเริ่มจากวันหนึ่งที่มาลาไจน์บอกทุกคนว่า

                    เขาหายไป

                    แล้วเพียงไม่นาน การตอบสนองอย่างสนั่นหวั่นไหวก็แผ่ไพศาลไปทั่วทั้งสามโลก - จอร์แดนถูกเรียกตัวมายังเครือข่ายใยแมงมุม โดยได้รับการแนะนำจากอับดุลว่า

                    ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ นี่คือทีมนักวิทยาศาสตร์แห่งเครือข่ายใยแมงมุมหน้าใหม่

    จากนั้นจอร์แดนก็ถูกความตื่นเต้นระลอกใหม่ซัดเข้าใส่

                    นี่คือห้องทำงานของคุณ

     อับดุลบอกเมื่อเปิดประตูให้เขาก้าวสู่ห้องทำงานที่เรียกว่า

     

    ‘L.D.T ซีมูเลชั่น โซน

     

    ใช่ นั่นแหละจุดเปลี่ยนชีวิตของเขา จากนักวิทยาศาสตร์ชนเผ่าปีศาจ สู่คนหลงเกาะ สู่ผู้ต้องสงสัยทำอนาจารเด็กหนุ่ม และสู่นักวิทยาศาสตร์ในโครงการณ์ลับสุดยอด ไม่มีวันไหนที่จอร์แดนไม่กระตือรือร้นกับงาน เพราะเขาคือกำลังสำคัญระหว่างที่ทุกคนยังตามหา เขาคนนั้นไม่พบ   

    และเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง จอร์แดนก็บึ่งยานตรงสู่ตึกมหาอำนาจทางธุรกิจนามว่า เอสแปร์ เอ็นเตอร์ไพร์ส  - ที่ๆ ทำให้ใจเขาเต้นแรงอย่างถึงที่สุด

                    สวัสดีครับ

    จอร์แดนเอ่ยทักทายกับผนังสีขาวที่ว่างเปล่า

                    สวัสดีค่ะ

    เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับภาพของหญิงสาวที่ปรากฏเป็นเนื้อเดียวกับผนัง เธอมีผมสีทองสลวย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สวมชุดพนักงานออฟฟิศสีแดงเข้ารูป ริมฝีปากน่าจูบ และเสียงชวนฝันแบบที่พนักงานประชาสัมพันธ์ทุกคนต้องมี

                    ผมต้องการเข้าพบผู้บริหารฝ่ายซอฟท์แวร์ของเอสแปร์ เอ็นเตอร์ไพร์ส

                    เนื่องจากผู้บริหารฝ่ายซอฟท์แวร์ได้รับการคุ้มครองจากบริษัทในระดับเอ กรุณาแสดงบัตรนัดด้วยค่ะ   

                    อ๋อ ได้ครับ จอร์แดนกดปุ่มสีแดงบนนาฬิกาเพื่อฉายแสงใส่ผนัง เพียงเท่านั้นภาพของเขา ชื่อของเขา ประวัติของเขา ก็ปรากฏเป็นแผงตัวอักษรด้านข้างพนักงานสาว

                    ยินดีต้อนรับคุณจอร์แดน บัตรนัดหมายเลขเจ็ดเจ็ดหก สี่แปดสาม เก้าห้าเก้าสอง ดีขณะนี้ระบบกำลังตรวจสอบความถูกต้อง แถบสีแดงแสดงเปอร์เซ็นต์การตรวจปรากฏที่ด้านล่างของผนัง และเมื่อมันเสร็จที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ พนักงานสาวก็พูดว่า กรุณารอสักครู่ ระบบกำลังทำการติดต่อ

                    เสียงตู๊ดๆ ของโทรศัพท์ดังเพียงสองครั้ง ก็ได้รับการตอบรับ

                    สวัสดีค่ะ ใบหน้าของพนักงานสาวอีกคนปรากฏที่มุมขวาบนของผนัง เธอไว้ผมบ๊อบสั้นสีดำ ดูสวยทันสมัยตามแบบสาวเลขา

                    คุณจอร์แดน บัตรนัดหมายเลขเจ็ดเจ็ดหก สี่แปดสาม เก้าห้าเก้าสอง ดี ขอเข้าพบผู้บริหารฝ่ายซอฟท์แวร์ค่ะ  

                    อ๋อ ตอนนี้บอสไม่อยู่ค่ะ

                    อ้าว แต่ผมนัดไว้แล้วนะครับ จอร์แดนพูดแทรก

                    ไม่ต้องห่วงค่ะ บอสสั่งให้ใช้จีวาร์ปติดต่อได้ทันทีที่คุณมาถึง เลขาสาวชี้แจง

                    จีวาร์ป? จอร์แดนงง

                    ขอบคุณค่ะ เมื่อพนักงานชุดแดงพูด ภาพของเลขาสาวผมสั้นก็หายไป กำลังตรวจสอบปลายทางของจีวาร์ป

                    ข้อมูลของจอร์แดนบนผนังซีกขวาหายไป กลายเป็นแผนที่โลกในมุมมองจากฟากฟ้า! – วินาทีต่อมาเสียงสัญญาณปิ๊บๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับรูปของคลื่นสีขาวที่กระจายตัวอยู่บนพื้นที่หนึ่ง ระบบทำการซูมจับภาพเข้าไปใกล้  มันขยายภาพของคลื่นแสงสีให้มีขนาดใหญ่ และในที่สุดก็เผยภาพถ่ายวงจรปิดสมจริงของถนนเทอร์บาร์ตแห่งไวท์ซิตี้

                    ได้รับการอนุญาตจากปลายทาง คุณต้องการจะเดินทางโดยจีวาร์ปเดี๋ยวนี้เลยหรือไม่ พนักงานถาม

                    เอ่อ…” จอร์แดนดูลังเล ได้ครับผม

                    การเดินทางใช้เวลาหนึ่งวินาที กรุณากลั้นลมหายใจ เมื่อเธอพูดจบ เส้นแสงสีขาวมากมายก็ปรากฏขึ้นในอากาศ และเรียงรายกลายเป็นเสาสี่เหลี่ยมเล็กๆ ล้อมจอร์แดนไว้ ชายหนุ่มเหลียวมองรอบกายอย่างตื่นตกใจ วินาทีต่อมาผนังของเสาทุกด้านก็กลายเป็นสีฟ้า - ตัวเลขดิจิตอลมากมายปรากฏขึ้นมา แล้วก็มีเสียงหนึ่งพูดว่า ห้า สี่ สาม สอง

                    วูบ!

                    เพียงแค่นั้นแสงสีฟ้าก็กลืนทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายจอร์แดนให้หายไป

                    วูบ!

                    เมื่อลืมตาอีกครั้ง จอร์แดนก็พบว่าตัวเองเซถลาออกมาในสถานที่ใหม่ ซึ่งไม่ใช่ตึกเอสแปร์ เอ็นเตอร์ไพร์ส แต่เป็นทางเท้าบนถนนเทอร์บาร์ต และสิ่งแรกที่เขามองเห็นก็คือสุสาน

                    คุณจอร์แดนใช่ไหมคะ?

                    เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง จอร์แดนหันไปมองหญิงสาวผู้นั้น สีหน้าเขายังไม่หายตื่นตระหนก

                    คุณคงเพิ่งเดินทางผ่านจีวาร์ปเป็นครั้งแรก

    คู่สนทนามอบรอยยิ้มที่ดูออกว่าเพียงเพื่อรักษามารยาท - เธอไว้ผมม้าสีแดงยาวถึงบ่า ขอบตาถูกขีดด้วยสีดำ เรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรนั้นปกคลุมด้วยแจ็กเก็ตหนัง กระโปรงยาวเข้ารูปถึงเข่า และส้นสูงสีดำ หากนี่คือผู้หญิงที่นั่งแท่นผู้บริหาร เธอก็จัดเป็นผู้บริหารอายุน้อยที่สวยสะเด็ด

                    อ่อ ครับผม จอร์แดนหัวเราะอย่างเขินอาย ผมจอร์แดน ยินดีที่ได้รู้จักครับ

                    แล้วเขาก็ยื่นมือไปทักทายสาวงาม ที่แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการว่า

                    ดิฉันแอชม่า ดอปเปลอร์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ

                    เพราะเห็นว่าสุสานไม่ใช่ที่ๆ เหมาะกับการสนทนามากนัก จอร์แดนกับแอชม่า จึงย้ายมานั่งอยู่ในร้านกาแฟตรงหัวมุมถนน ตอนนี้เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง คนจึงดูไม่หนาตา บรรยากาศร้านตกแต่งด้วยโซฟาสีดำ กับโต๊ะทรงกลมสีขาว มีเพลงแจ๊สเบาๆ เปิดเคล้ากับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ชายในชุดสูทภูมิฐาน หรือไม่ก็ผู้หญิงที่เพียงมองผ่านก็รู้ว่าสามารถหาเงินได้ปีเป็นล้าน พวกเขากำลังคุยกันด้วยท่าทางของคนฉลาด บ้างก็นั่งไขว้ห้าง บ้างก็วางมาดขรึม บางคนกำลังพยักหน้าเห็นด้วยอย่างใช้ความคิด และก็มีบางคนที่ทำตัวเหมือนผู้รู้ทุกสิ่ง จอร์แดนไม่คุ้นชินกับคนแบบนั้น จะให้ชินได้ยังไง ในเมื่อข้างกายเขาส่วนใหญ่เป็นพวกบ้าพลัง หรือไม่ก็พวกที่สามารถถอดวิญญาณคนอื่นได้

                    คุณคงไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่ไหมคะ? แอชม่าถามเมื่อสังเกตว่าชายหนุ่มมองโน่นมองนี่อย่างอยู่ไม่สุข

                    เอ่อ ครับ เป็นครั้งแรก

                    แสดงว่าคุณเพิ่งย้ายมาอยู่?

                    ครับผม แบบว่าเรื่องงาน

                    ได้ทำงานกับหน่วยรบแอลดีทีอย่างนั้น คุณคงมีความสามารถใช่เล่นนะคะ แอชม่าสอดนิ้วเข้าไปในหูถ้วยแล้วยกกาแฟร้อนขึ้นซด

                    ก็แค่งานเล็กๆ น้อยๆ ครับ จอร์แดนถ่อมตัว

                    ดิฉันไม่ขอถามดีกว่าว่างานอะไร เพราะมันคงเป็นความลับที่คุณเปิดเผยไม่ได้ แอชม่า ยิ้ม เอาเป็นว่าทางเอสแปร์เอ็นเตอร์ไพร์สของเรายินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยรบเสมอ คุณวางใจได้ว่าคุณจะไม่กลับไปมือเปล่า

                    ยินดีที่ได้ยินอย่างนั้นครับผม จอร์แดนเอ่ย

                    แล้วคุณต้องการรู้เรื่องอะไรหรือคะ? แอชม่า ถาม แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย

                    ผมอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายดาบยาวที่ปรากฏตัวในเกมส์น่ะครับ  แอชม่า แสดงสีหน้าตั้งคำถามอย่างที่จอร์แดนคิดไม่มีผิด คุณพอจะทราบเบาะแสเกี่ยวกับเขาบ้างไหมครับ

                    น่าแปลกใจทำไมใครๆ ถึงอยากรู้เรื่องผู้เล่นคนนี้กันจัง แอชม่า ยิ้มแล้วซดกาแฟอีกครั้ง

                    หมายความว่ายังไงเหรอครับ?

                    ทั้งรายการโทรทัศน์ นิตยสารเกมส์ แล้วก็พวกเว็บไซต์ พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาเบาะแสของผู้เล่นคนนี้ให้ได้ แอชม่า วางถ้วยกาแฟลงอย่างนุ่มนวล ตั้งแต่เปิดระบบการเล่นใหม่ เขาก็กลายเป็นคนดังกว่าประธานาธิบดีไวท์ซิตี้ซะอีก

                    งั้นก็หมายความว่าคุณรู้เรื่องของเขาใช่ไหมครับ? จอร์แดนตาลุกวาว

                    ดิฉันก็รู้เท่าๆ กับที่คนอื่นรู้นั่นแหละคะ แอชม่า เอ่ย เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย

                    อ้าว…” ความรู้สึกของจอร์แดนดิ่งฮวบในทันใด

                    ไม่มีหมายเลขไอพีแอดเดรส ไม่สามารถตรวจสอบผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ไม่สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ๆ เข้าใช้ เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเขา ราวกับเขาเข้ามาเล่นเกมส์จากโลกอีกใบที่เราไม่รู้จักยังไงยังงั้น

                    แม้แอชม่า จะหัวเราะ แต่จอร์แดนกลับขำไม่ออก เขาจ้องมองหญิงสาวอย่างเคลือบแคลง เพราะมั่นใจว่าการมีตัวตนของมิติคลอโรเนีย ไม่มีใครรู้มากนัก

                    เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? แอชม่า ถามเมื่อพบว่าถูกมองอยู่นาน

                    อ๋อ เปล่าครับ จอร์แดนยิ้มแห้งๆ

                    เราสันนิษฐานว่าบางทีเขาอาจจะเป็นแฮคเกอร์ระดับปรมาจารย์ที่ต้องการลองของกับบริษัท เพราะทั้งอาวุธที่เขาใช้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทางบริษัทเราคิดขึ้นมา แล้วก็ไม่มีหลักฐานว่าถูกสร้างอย่างลับๆ โดยผู้เล่นคนไหนด้วย มันราวกับเขาเป็นเจ้าของมันเพียงหนึ่งเดียว และตอนนี้ทุกครั้งที่ปรากฏตัว ก็ทำเอาผู้เล่นเสียวสันหลังไปตามๆ กัน เขามันประเภทไม่มีใครขวางได้ซะด้วย

                    แต่ผมทำได้นะครับ

    สิ่งที่จอร์แดนเพิ่งบอกออกไป ได้หยุดสายตาของแอชม่าไว้ที่เขา

                    คุณขวางเขา? ดูเธอจะสนใจชายหนุ่มมากขึ้น

                    ใช่ครับ เราเจอกันในเกมส์ และผมสามารถหยุดเขาได้

                    โอ้ว…” แอชม่าเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบา แล้วเอนหลังอย่างทำตัวไม่ถูก เป็นเรื่องที่แปลกมาก

                    ใช่ครับ มันเป็นเรื่องแปลก และผมคิดว่าความแปลกของมันอาจมีนัยสำคัญบางอย่าง จอร์แดนพูดด้วยแววตาแน่วแน่ หากผมสามารถพบที่มาของเขาได้ เขาอาจจะเป็นส่วนสำคัญของชะตาของพวกเราทั้งหมดในอนาคต

                    เอ่อนี่พูดเรื่องอะไรกันคะ แอชม่าทำสีหน้าประหนึ่งว่าเพิ่งได้ยินเรื่องที่ไร้สาระที่สุด

                    เชื่อผมเถอะครับ เขาอาจจะช่วยเราได้ จอร์แดนเน้นความมั่นใจอีกครั้ง เขากับหญิงสาวสบตากัน แอชม่า รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นพยายามสื่อบางอย่างถึงเธอ

                    มีคนเดียวจะบอกทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาได้ แอชม่า เอ่ย

                     ใครเหรอครับ? จอร์แดนกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง

                    อีวาน ฮาร์ท

                    อีวาน ฮาร์ท จอร์แดนพึมพำชื่อนั้นด้วยรอยยิ้ม จริงเหรอครับ แล้วเขาอยู่ที่ไหนครับ?

                    เราเพิ่งเดินผ่านเขามาเมื่อกี้เอง

                    ฮะ? จอร์แดนหน้านิ่วคิ้วขมวด

                    เขาคือคนที่ฉันไปเยี่ยมที่สุสาน สีหน้าหดหู่ของแอชม่า ทำเอาความฝันอันสดสวยของจอร์แดนพังทลาย เขาถึงขนาดทิ้งตัวพิงพนักโซฟาไปอย่างหมดแรง เขาคือผู้คิดค้นซีมูเลชั่นสปีด เป็นคนอัจฉริยะ เป็นนักคิดที่ชาญฉลาด ฉันเชื่อว่าหากคุณเจอเขาเร็วกว่านี้ อีวานจะสามารถไขความลับทั้งหมดได้

                    เอ่อผมเสียใจด้วยนะครับ จอร์แดนพูดเสียงอ่อย

                    ไม่เป็นไรค่ะ เราสองคนไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่เราเคยเรียนอยู่ที่ไวท์โรดด้วยกัน อย่างน้อยเขากับฉันก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ตลกดีนะคะ แค่ไม่กี่ปีฉันก็เสียเพื่อนร่วมรุ่นไปแล้วสี่คน

                    สี่คน? จอร์แดนนั่งตัวตรงอีกครั้ง

                    ค่ะ คนหนึ่งก็อีวาน แล้วก็มีลาทิน่า ไอเอส อูร่า วอเตอร์แมน อีกคนก็ลีโอ เพลตัน

                    ลีโอ เพลตัน…” จอร์แดนทวนชื่อนั้นอย่างใช้ความคิด

                    เขาเป็นหนึ่งในคนที่มหัศจรรย์ที่สุดที่ฉันเคยพบเลยล่ะคะ แอชม่ายิ้ม แล้วมองออกไปยังหน้าต่างด้านซ้าย ราวกับเธอกำลังหวนคิดถึงอะไรบางอย่าง การสนทนาหยุดชะงัก แล้วจอร์แดนก็ไม่คิดดึงเธอกลับมา ขอโทษทีนะคะ เสียมารยาทจัง

                    ไม่เป็นไรหรอกครับ จอร์แดนยิ้มอย่างเข้าใจ และรู้สึกลังเลว่าจะบอกเธอดีไหม ว่าเขาเองเป็นนักเรียนไวท์โรดรุ่นเดียวกับลีโอเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกแบบนั้น

                    แต่เขาก็เลือกที่จะให้สถานะที่แท้จริงของเขาถูกปิดบัง

                    เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ แอชม่า เอ่ยอีกครั้ง ฉันจะลองทุกวิถีทางเพื่อหาข้อมูลของผู้เล่นปริศนาคนนี้ให้ได้ เพราะฉันมั่นใจว่าทางหน่วยรบเองคงมีจุดประสงค์บางอย่างในทางที่ดี แล้วอีกอย่างคุณก็ดูเป็นคนดี ไม่ช้าหรือเร็วนับจากนี้ คุณจะต้องได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แน่นอน

                    ขอบคุณครับผม จอร์แดนยิ้มอย่างตื้นตัน แม้ในสภาพแวดล้อมที่แปลกแยก แต่อย่างน้อยจอร์แดนก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้กับคนหนึ่งซึ่งมีอะไรบางอย่างเหมือนกัน

     

                    คนที่สูญเสียของรักไปเหมือนกัน

     

     

     

     

     

                    หากคุณคิดว่าการเห็นวิญญาณเป็นฝันร้าย

                    หากคุณมองว่าปราสาทผีสิงนั้นชวนสยอง

                    หรือหากคุณยอมรับว่าเสียงสุนัขหอนชวนให้รู้สึกขนลุกขนพอง

                    ยินดีต้อนรับสู่แกแลคเซียที่ๆ ทุกอย่างข้างต้นถูกผสมผสานกันอย่างลงตัว

    หากเราเปรียบอาณาจักรคลอโรเนียเป็นใบหน้ามนุษย์ แกแลคเซียก็เปรียบดั่งรอยดำจากสิว ที่ถึงจะเล็กแต่ก็ทรงพลัง มีอำนาจในการสร้างความหวาดหวั่น และใครๆ ก็เฝ้ารอวันที่มันจะหายไป  - ในตอนนี้ที่ท้องฟ้าทั่วดินแดนคลอโรเนียสว่างไสว ท้องฟ้าเหนือกาแลคเซียก็สามารถอึมครึมได้อย่างไม่ซ้ำใคร ทั่วแคว้นแดนไกลอาณาเขตสองร้อยไมล์ตกอยู่ภายใต้เงาของทะเลเมฆสีดำสนิท ไม่มีแสงอาทิตย์ หรืออะไรที่ทอดลงมาเพื่อให้แสงสว่าง มีเพียงเทือกเขาทมิฬที่ตั้งตะหง่านอยู่ใจกลางเขตแดนอันกว้างใหญ่ มองไกลๆ ช่างดูคล้ายหุบเขารูปกะโหลกมนุษย์ และถ้ามองใกล้ๆ ก็จะพบว่าเป็นมันเต็มไปด้วยที่พักอาศัยของมนุษย์

    เพียงแต่ประชากรของกาแลคเซียไม่ใช่มนุษย์

    บ้านเรือนทั้งหมดเป็นสไตล์วิคตอเรียแบบที่คุณจะเห็นได้ตามภาพยนตร์อังกฤษย้อนยุค ประมาณว่าภาพของสุภาพสตรีสวมชุดคอเซ็ตกับกระโปรงยาวหิ้วตะกร้าซื้อกับข้าว บนถนนมีกลุ่มเด็กชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกสายเอี๊ยมกำลังเล่นลิงชิงบอล ข้างทางมีกลุ่มสุภาพบุรุษในชุดสูทสวมหมวกปีกถือไม้เท้าโก้เก๋ และมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตากำลังรวมกลุ่มเล่นแม่ลูก ประชากรของกาแลคเซียเองก็นิยมสวมชุดแบบนั้น พวกเขามีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ แบบนั้น 

    เพียงแต่พวกเขามีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    มาลาไจน์เคาะประตูไม้มะฮอกกานีคร่ำครึอันหนึ่ง

    ปึง!

    แล้วประตูก็เปิดออกเอง ราวกับถูกกระชากด้วยพลังที่มองไม่เห็น!

    พวกคุณเป็นใคร?

    หญิงสาวผิวขาวซีดยิงคำถามด้วยน้ำเสียงที่เราสงวนไว้ให้เซลล์แมน เธอมีดวงตาที่โตผิดผู้ผิดคน เรือนผมแห้งกรอบชี้ฟูเหมือนสิงโต ริมฝีปากสีดำ สวมคอเซ็ตสีดำกับกระโปรงยาวลากพื้นสีเดียวกัน - ภาพลักษณ์ของเธอทำให้อาโฟรไดซ์นึกถึงศพที่ถูกแต่งตัวก่อนนำไปฝังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมาลาไจน์สามารถบอกได้ว่าเธอไม่มีทักษะในการผูกมิตรกับใคร

    พวกเราเป็นมิตรกับเจ้านายของท่าน มาลาไจน์ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาสามารถเปลี่ยนตัวเองจากพ่อมดเป็นตัวแทนตามมูลนิธิการกุศลได้เร็วพลัน

    เราต้องการความช่วยเหลือจากเจ้านายของท่าน อาโฟรไดซ์ชี้แจงฉะฉานไม่ต่างประชาสัมพันธ์มูลนิธิ เธอใช้ละอองแสงสีขาวยกร่างอเล็กซ์ที่หลับสนิทให้ลอยออกมาเบื้องหน้า จะว่าไปอเล็กซ์ก็ดูคล้ายกล่องรับบริจาค

    ดาร์คเอเนอร์จี้ สาวสยองหายใจกระตุกเหมือนได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวที่สุด มาลาไจน์จ้องมองเธออย่างพยายามจะล้วงลึกถึงหัวใจ แต่พริบตาต่อมาท่าทางตื่นตระหนกดังกล่าวของเธอก็หายไป

     หากไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกเทพอย่างท่านก็คงไม่ลดตัวมาเยือนที่แบบนี้หรอกซินะ เธอกอดอกอย่างเย่อหยิ่ง

    อย่าได้คิดอย่างนั้น ยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน

    มาลาไจน์ยังคงท่าทีสุภาพ

    อ๋อเหรอ แล้วทำไมชื่อของชนเผ่าพวกเราถึงถูกตัดออกจากรายชื่อชนเผ่าน่ารู้ในหนังสือประวัติศาสตร์ล่ะ? หญิงสาวเลิกคิ้วยียวน เก็บคำพูดสวยหรูนั่นไว้พูดกับพวกท่านกันเองเหอะ พวกเรามันโง่ ฟังไม่ค่อยเข้าใจ

    คุณแม่ครับ คุณแม่ครับ

    การสนทนาถูกขัดจังหวะ เมื่อเด็กชายผิวซีดอีกคนวิ่งตรงเข้ามาด้วยน้ำตาคลอเบ้า

    ตายจริงโรเบิร์ต เป็นอะไรลูก!” สาวสยองนั่งลงพูดด้วยน้ำเสียงเสียขวัญอาโฟรไดซ์คิดว่าหากหล่อนเปรียบดั่งศพที่พร้อมถูกฝัง ลูกของหล่อนก็คงเป็นศพเด็กที่ญาติๆ ลงมติว่าต้องฝังให้อยู่ในโลงเดียวกัน

    ผมถูกขโมยหัวใจ

    โอ้พระเจ้า เขาช่างเจ้าบทเจ้ากลอน อาโฟรไดซ์เอามือทาบอก แววตาเปล่งประกายอย่างสุดทึ่ง บอกฉันหน่อยซิจ๊ะ ว่าเธอมีนักกวีในดวงใจเป็นใคร แล้วเธอก็ย่อตัวลงสบตาเด็กชาย ด้วยมาดนางฟ้าในเทพนิยาย

    แกลล๊อป! เสียงตะเบ็งของหญิงสาวทำเอาสองเทพสะดุ้ง

    คร้าบบ แม่ มีเสียงอ่อยๆ ตอบกลับมาจากทิศที่ห่างไกล

    มานี่เดี๋ยวนี้!” เมื่อเธอตะโกนอีกครั้ง เด็กชายอีกคนก็เหาะลงมาจากชั้นบนสุดของบ้าน เขาอายุประมาณสิบขวบ ขอบตาคล้ำเป็นดวง ผิวซีด ผมยาวปรกหน้า มองผ่านๆ อาจนึกว่าเป็นเด็กติดยาในโรงงานนรก และอาจเป็นศพที่สามที่ฝังรวมกับสองศพแรก

    คืนมันให้น้อง!” หล่อนชี้นิ้วสั่งอย่างโมโห

    อะไรเหรอครับ? แกลล๊อปทำไม่รู้ไม่ชี้

    อย่ามาไขสือกับแม่ คืนมันให้น้อง!

    คร้าบบบบแม่แล้วแกลล๊อปก็จำต้องคืนบางอย่างให้เด็กชายที่ตัวเล็กกว่า

    โอ้ พระ เจ้า

    อาโฟรไดซ์ยกสองมือป้องปากอย่างไม่คาดฝัน มันคือหัวใจจริงๆ หัวใจที่รูปทรงเหมือนกับหัวใจมนุษย์ แต่เป็นสีดำสนิท ดูราวกับกำเนิดจากขี้เถ้าอะไรอย่างนั้น โรเบิร์ตใช้มือแหวกเนื้อบนออกซ้ายตัวเองออก! – อาโฟรไดซ์ตาค้างสุดช็อคเมื่อเห็นภาพเครื่องในสีดำ  เด็กชายกำลังเอาหัวใจยัดใส่กลับไปที่เดิมของมัน หญิงสาวชุดดำย่อตัวลงเพื่อช่วยเหลือ จนเมื่อทุกอย่างเสร็จ เด็กชายก็เอาเนื้อตัวเองแปะลงที่เดิม และอาโฟรไดซ์ไม่ได้ตาฝาดที่เห็นบาดแผลตรงจุดนั้นกำลังสมานเป็นปกติ

    เรียบร้อย หญิงสาวลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ราวกับแม่ที่เพิ่งช่วยลูกติดกระดุมชุดนอน

    โธ่เว้ย ขี้ฟ้อง!” แกลล๊อปแลบลิ้น

    พี่นั่นแหละเกเร โรเบิร์ตตะโกนกลับ

    ก็ตัวเอง อ่อนแอ

    เค้าไม่ได้อ่อนแอ!”

    ว่าแล้วโรเบิร์ตก็เหาะขึ้นกลางเวหา แล้วหมุนตัวเตะศีรษะแกลล๊อป

    บล๊อก!

    นั่นคือเสียงเมื่อหัวของแกลล๊อปหลุดออกมา แล้วกระเด้งกระดอนไปตามพื้น

    มาลาไจน์กับอาโฟรไดซ์ตาค้าง  ต่างผงกหัวไปตามจังหวะการเด้งของมัน

    ไอ้น้องเวร!” ริมฝีปากบนหัวของแกลล๊อปที่ขาดขยับ โรเบิร์ตหัวเราะชอบใจ

    พอสักทีๆ!  คุณแม่ผู้น่ากลัวแผดเสียง จนบ้านสั่น โรเบิร์ตตัวแข็งทื่อ เช่นเดียวกับแกลล๊อป (ทั้งส่วนหัว และลำตัว)

    อาโฟรไดซ์กับมาลาไจน์ก็ด้วย

                    แกลล๊อปแม่ไม่ชอบให้พูดคำหยาบ เธอหันหน้าไปชี้หัวของลูกชายคนโต และโรเบิร์ต แม่ไม่ชอบให้ใช้ความรุนแรง เธอหันไปดุลูกชายคนเล็ก ได้ยินที่แม่พูดใช่ไหม?

                    คร้าบบบแม่ ทั้งสองจ๋อยไปตามๆ กัน

                    แกลล๊อปเก็บหัวตัวเองขึ้นมาแล้วไปนอน ส่วนโรเบิร์ต เอาคางคกสดในตู้เย็นมากินก่อน แล้วนอน เข้าใจ๊?  

    คร้าบบบแม่

              ไปกันได้

                    เมื่อเธอพูดเช่นนั้น ลูกๆ ทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง

                    อย่าลืมแปรงฟันด้วยเลือดยูนิคอร์นนะ เธอป้องปากตะโกนไล่หลัง

              คร้าบบบแม่

                    แล้วมาลาไจน์กับอาโฟรไดซ์ก็ไม่เห็นเด็กทั้งสองอีกเลย

                    ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีเหมือนใครดีนะคะ คำพูดของอาโฟรไดซ์สามารถตีได้หลายความหมาย และเธอรู้สึกยากลำบากในการสรรหาคำ

                    ช่างน่ารักน่าเอ็นดู มาลาไจน์หัวเราะกรุ้มกริ่มแบบคุณปู่ใจดี

    เชิญ หญิงสาวตอบแทนอัธยาศัยของพวกเขาโดยการเดินจากไป ทิ้งให้อาโฟรไดซ์กับมาลาไจน์มองหน้ากันอย่างงงงัน

     

    คฤหาสน์ผีสิงเป็นอย่างไร สถานที่ที่มาลาไจน์อยู่ก็เป็นอย่างนั้น

    ตัวบ้านเป็นสไตล์วิคตอเรีย เริดหรูด้วยโคมไฟระย้า สลัวด้วยเชิงเทียนประดับผนัง ดูมีระดับจากภาพวาดสีน้ำมัน และชวนสยองขวัญเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่รวมกันทั้งบ้านเงียบสนิท ชนิดไม่สามารถรู้สึกถึงการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิต สาวสยองนำพวกเขาเดินขึ้นบันไดกลางของคฤหาสน์ เงาสะท้อนของพวกเขาเป็นสีดำยาวไปตามขั้นบันไดดูน่ากลัวเป็นไหนๆ เมื่อเดินมาถึงชั้นสองอาโฟรไดซ์ก็ต้องตะลึงกับมหกรรมศิลปะที่ต้องกลั้นหายใจ ทั้งภาพของการบูชายันต์ ภาพปีศาจรุมทึ้งใส้คน ภาพเด็กทารกถูกแขวนคอ และภาพที่ปีศาจแพะกำลังฉีกกระชากร่างหญิงสาวให้ขาดครึ่ง ภาพพวกนี้อาจเป็นแค่ภาพวาดหลอกเด็ก ถ้าไม่บังเอิญว่าทุกเหตุการณ์ในภาพกำลังเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องของคน เสียงโหยหวนของปีศาจ และเสียงร้องไห้ของเด็ก คือสิ่งที่คุณได้ยิน

    เส้นทางทิศตะวันออกนำพวกเขามาสู่ทางเดินที่เป็นอุโมงค์แห่งใหม่ รอบกายของผนังอิฐสีแดงที่มีโคมไฟตกแต่งเป็นระยะ รายทางประดับประดาด้วยชุดเกราะใหม่เอี่ยมที่ส่งเสียงกระซิบเย็นยะเยือกตลอดเวลา   

    และยังมีดวงตาหลายดวงหลายขนาดกลอกไปมาอยู่ในผนัง

    จะถึงหรือยังคะ? อาโฟรไดซ์เสียงสั่น

    ไม่ไกลนักหรอก ไกด์สาวตอบห้วนๆ

    เมื่อพ้นอุโมงค์ก็เป็นสะพานหินที่เชื่อมคฤหาสน์เข้ากับหอคอยสูงสง่า มองออกไปซ้ายขวาท่านจะได้ตื่นตากับทิวทัศน์อันหมองหม่นของกาแลคเซีย และจะได้ผ่อนคลายกับเสียงหมาหอน เสียงค้างคาว รวมทั้งเสียงหวีดชวนสยองของสายลม ทั่วทั้งอาณาจักรมีแต่หลังคาบ้านสีดำ ไม่มีแสงไฟ เหมือนไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองด้วยซ้ำ หากมองฟ้าก็จะเห็นสีดำของทะเลเมฆอันกว้างใหญ่และว่างเปล่า

    ไม่มีแสงดาว ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีอะไรเหมือนดังที่ดินแดนอื่นจะมี ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้อาโฟรไดซ์ตระหนักว่านี่อาจไม่ใช่ที่ๆ อันตรายที่สุดเมื่อเทียบกับฐานทัพเดอร์ซุน

    แต่นี่ที่คือที่ๆ ชวนให้สิ้นหวังที่สุด อย่างที่นรกขุมไหนก็เทียบไม่ติด

    ไม่กี่นาทีต่อมาสาวสยองก็นำพวกเขามาถึงที่ด้านล่างสุดของหอคอยที่ว่า เมื่อทั้งหมดหยุดอยู่ในใจกลางของห้องรูปวงกลม  เสียงกิ๊กอันเป็นสัญญาณของการปลดล๊อคบางอย่างก็ดังตามมา มันคือลิฟต์ที่กำลังพาทุกคนเคลื่อนไปตามความสูงของหอคอยซึ่งสร้างจากอิฐสีเทาหม่น ผนังหอคอยไร้วี่แววของหน้าต่าง เพราะเจ้าของสถานที่คงไม่รู้ว่าจะออกแบบหน้าต่างไว้ทำติ่งอะไร ในเมื่อไม่มีแสงให้สาดผ่านเข้ามา และเมื่อไม่มีบันใดวน มาลาไจน์ก็ประจักษ์ว่าเจ้าของสถานที่คงสามารถลงจากส่วนบนสุดได้โดยไม่ต้องใช้บันไดให้ยุ่งยาก เทพทั้งสองต่างพิจารณาทุกสิ่งรอบกายบนพื้นฐานของความเข้าใจ แต่ที่อาโฟรไดซ์ไม่เข้าใจก็คือ

    ทำไมต้องมีศพมากมายถูกแขวนคอห้อยต่องแต่งอยู่บนเพดานนั้น!

    เอ่อนั่นมัน เธอมือสั่นเมื่อชี้ชวนให้มาลาไจน์มองตาม

    ก็แค่ศิลปะ สาวสยองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ อย่าใจเสาะนักเลย

    และแล้วลิฟต์ก็หยุด ในระยะที่ขาของศพห่างจากศีรษะของเหล่าผู้โดยสารไปเพียงฝ่ามือ

    เชิญ หญิงสาวผายมือให้แขกทั้งสองเดินไปยังรูปปั้นหน้าคนสูงห้าเมตร!

    มันมีศีรษะโล่งเตียน จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาพริ้มหลับ มีริมฝีปากเป็นรอยหยัก ดูเหมือนใบหน้าคนที่ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในผนัง และอีกครึ่งกำลังยื่นหน้าออกมา แม้ผิวของมันจะเรียบเนียนแบบรูปปั้นทั่วไป แต่เมื่ออาโฟรไดซ์มองใกล้ๆ เธอก็เห็นว่ากล้ามเนื้อของใบหน้ากำลังเคลื่อนไหว!ดูไม่ต่างใบหน้าของคนที่หลับและหายใจ

    เธอรู้สึกได้ถึงลมที่พัดออกมาจากรูจมูกนั้นด้วยซ้ำ!

    เจ้าชายคะ ข้าน้อยอีรีส

    เมื่อหญิงสาวเอ่ยนาม เสียงคำรามต่ำๆ ก็ดังตาม ดวงตาของรูปปั้นเปิดขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่แยกออก! – สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือสีขาวของไอหมอก ที่สว่างไสวจนทำให้อีรีสดูมืดสนิทเมื่อเธอไปยืนอยู่ในมุมย้อนแสง

    ต้องบอกไหมว่าเดินตาม? อีริสกวนประสาท มาลาไจน์สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และเขานำเข้าไป

    เดี๋ยวก่อน แต่อาโฟรไดซ์รั้งเขาไว้

    มีอะไรหรือ?

    ท่านคิดว่าเราจะไว้ใจเขาได้จริงน่ะหรือ? แววตาของเทพสาวช่างหวาดหวั่น

    แล้วทำไมท่านถึงจะไม่ไว้ใจเขาล่ะ มาลาไจน์ยิ้ม

    ไม่รู้ซิคะ ท่านพ่อมด ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

    อีริสทำเสียงเจ๊อะปากอย่างโจ่งแจ้ง

    งั้นข้าต้องถามว่า ท่านไว้ใจข้าไหม? อาโฟรไดซ์หยุดมองแววตาอบอุ่นที่มอบมาให้ ถ้าท่านไว้ใจข้า ท่านก็ต้องเชื่อว่าข้าจะไม่พาท่านไปผิดทาง

    โอ๊ย ข้าไม่ได้ว่างทั้งวันนะ อีริสเท้าสะเอวส่งเสียงหงุดหงิดชัดเจน

    มาเถอะ

    มาลาไจน์ยื่นมือออกไป แม้อาโฟรไดซ์จะไม่ไว้ใจหญิงสาวประหลาดตรงทางเข้า แต่เธอก็มั่นใจว่าจะปลอดภัยไม่ว่ามาลาไจน์อยู่ไหน

     

    แล้วนาทีต่อมา ทั้งสามก็ถูกแสงสีขาวแห่งหมอกกลืนหายไป

     







    วันที่ 17 จะอัพไวท์โรดตอนต่อไปนะครับ
    วันที่ 18 จะอัพ THEME ครับผม

    อ่าน Girls & A Doll ต่อได้ที่
    http://my.dek-d.com/gaad
    ดูคำถามแฟนพันธุ์แท้ได้ที่ http://my.dek-d.com/pond/story/viewlongc.php?id=476656&chapter=17


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×