คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : The White Road Generation II : Chapter 16 "Time" Part 5
มีความจริงที่กล่าวไว้ว่า หากเราคิดถึงใครซักคน เราจะพยายามมองหาบางสิ่งที่สามารถสื่อถึงคนๆนั้น
บางทีอาจจะรูปภาพของเขา
ของใช้ประจำวันของเขา
หรือของขวัญที่ได้จากเขา
แต่ถ้าบังเอิญว่าเราไม่มีสิ่งของใดเลยที่เกี่ยวกับตัวเขา ทางเลือกหนึ่งที่เราจะสามารถสื่อความคิดถึงไปหาเขาได้ก็คือ
ที่แรกที่เราเจอเขา
บัดนี้เจอร์รี่ เอเวอร์ร่ากำลังเธอยืนอยู่ตรงมุมอาคาร สถานที่แรกที่เธอกับมอนโรได้เจอกัน
“นี่เธอ!”
เจอร์รี่ยังจำสัมผัสเบาๆ ที่มาพร้อมกับใบหน้าเอี่ยมอ่องของเด็กหนุ่มคนนั้น - มันคือวันที่เธอสิ้นหวังจากคลาสเรียนกับเบอร์ท๊อกซ์ ความละอายผลักดันให้เธอหนีออกมาจากห้อง และก็เป็นมอนโรที่หาเธอเจอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เธอยังจำประโยคที่ทำให้เธอกับเขาได้รู้จักกันได้ดี
เจอร์รี่อมยิ้มน้อยๆ ยามเมื่อเธอหวนคิดถึงความทรงจำเก่าๆ เธอจำใบหน้าของมอนโรได้ว่าหล่อเหลาแค่นั้น จำได้ด้วยว่าเขาทั้งตัวสูงและตัวใหญ่ จำได้ว่าเธอเคยบอกตัวเองเขาไม่ใช่สเป็ค และจำได้ว่าเธอตกหลุมรักเขา
. แต่หลังจากเหตุการณ์พลัดตกหน้าผา เจอร์รี่ก็ไม่สามารถจำอะไรได้อีกเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้กลายเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวขนาดไหน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอแสดงความร้ายกาจอะไรออกมา จนวันที่เธอลืมตา เอนย่าก็บอกกับเธอว่า
“เธอสลบไปเดือนกว่า”
และยังบอกความจริงอันแสนโหดร้ายทั้งน้ำตาว่า
“เกิดเรื่องบางอย่างกับมอนโร”
นั่นเอง ที่เธอประจักษ์ว่าเธอไม่น่าตื่นขึ้นมาเลย
ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เจอร์รี่ก็อาจผลักไสความผิดให้พ้นตัวได้ เธอคือต้นเหตุการคืนชีพของอาโพคาลีป และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มอนโรตัดสินใจเสียสละครั้งใหญ่ เธอมั่นใจว่าหากคนที่อาโพคาลีปสิงไม่ใช่เธอ มอนโรก็คงไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น แต่นี้เพราะมันคือเธอ
เขาจึงยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ
แม้เวลาจะผ่านไปกี่วันกี่คืน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจอร์รี่กับเด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังยั่งยืน นี่ไม่ใช่วันแรกที่เธอมายืนอยู่ลำพัง
และมันก็จะไม่ใช่วันสุดท้ายเช่นกัน
“เจอร์รี่!”
ตอนนั้นเองที่ชื่อของเธอถูกเรียกดังมาแต่ไกล
“โฮการ์ด มีอะไร?” เจอร์รี่ถาม
“เกิดเรื่องบางอย่างกับอเล็กซ์”
“เกิดเรื่องบางอย่างกับอเล็กซ์”
เสียงของโฮการ์ดดังสะท้อนในความรู้สึก
“เกิดเรื่องบางอย่างกับมอนโร”
สลับกับเสียงสะท้อนของเอนย่าในความทรงจำ และมันทำให้เจอร์รี่ตัวแข็งทื่อตะลึงงัน
เธอไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์จากคำพูดแบบนั้นเลย
ตลอดการเดินทางจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง เจอร์รี่พร่ำบอกตัวเองเสมอว่าคำพูดของเอนย่ากับคำพูดจากปากโฮการ์ดมีความหมายต่างกัน อเล็กซ์ไม่มีวันจะเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ในเมื่อเขาฝึกอยู่ภายใต้การดูแลของเพอเพทัว มีพระราชาฟาเดล มีอาโฟรไดซ์ มีคนเก่งๆ อีกมากมายอยู่ใกล้ๆ เขาจะเป็นอะไรไปได้ยังไง - แต่เมื่อเธอมาถึงที่คอลัสเซียมที่เกิดเหตุ และพบกับภาพของวอร์ช่าที่นั่งร้องห่มร้องไห้ เจอร์รี่ก็ถึงกับอึ้งไป
“เจอร์รี่!” วอร์ช่าลุกขึ้น แล้วโผเข้ากอดเพื่อนทันใด
“กะ
เกิดอะไรขึ้น?” เจอร์รี่พยายามคุมสติ บัดนี้เพื่อนๆ อยู่กันพร้อมหน้า และทุกคนดูเหมือนว่าจะถูกจู่โจมด้วยความกลัวอย่างรุนแรง
“ฉันไม่รู้” วอร์ช่าส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก “ฉันขอโทษ”
เจอร์รี่จ้องมองเข้าไปในดวงตานั้น และพบว่ามันเป็นดวงตาของคนหลงทาง
เราต้องใช้เวลานานกว่าวอร์ช่าจะสงบ ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้พบด้านที่อ่อนแอของวอร์ช่าแบบนี้ เธอดูราวกับคนเสียสติ เหมือนคนไม่มีความมั่นใจ เหมือนคนที่พร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา และในเมื่อพวกเราต้องการจะแก้ปัญหา ฉันจึงจำเป็นต้องพาวอร์ช่ากลับไปสู่ต้นตอของมัน
“เอาล่ะ ใจเย็นๆ แล้วเล่าให้เราฟัง” ฉันนั่งอยู่ด้านซ้ายของวอร์ช่า สองมือของฉันกุมมือเธอไว้ ส่วนอีกด้านของเธอมีเจอร์รี่ที่นั่งโอบไหล่
“ฉะ ฉะ
ฉัน ฉัน” เสียงสะอื้นทำให้วอร์ช่าดูคล้ายแมธัวเวอร์ชั่นยังไม่ศัลยกรรม - บอกไว้ก่อนเจอร์รี่เป็นคนใช้คำนั้น และฉันก็ไม่คิดเร่งเร้าเธอเลย “ฉันกับอเล็กซ์ต่อสู้ปกติเหมือนทุกครั้ง ตอนนั้นอเล็กซ์ซัดพลังใส่ฉัน ฉันก็ใช้แบล็คช็อตวาร์ปตัวเองไปหาเขา แล้วยิงแบล็คช็อตใส่เขา
”
.
.
“แล้ว
” โทนี่ส่งเสียงคะยั้นคะยอเมื่อวอร์ช่าเงียบไป
แต่กลายเป็นว่ามันกลับทำให้เธอร้องไห้ ฉันจึงหันไปถอนหายใจใส่โทนี่อย่างขุ่นเคือง
“เรื่องเป็นยังไงต่อ” เจอร์รี่ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“แล้ว แล้ว แล้ว” วอร์ช่าถูกแมธัวเข้าสิงอีกครั้ง ฉันอดชื่นชมไม่ได้ที่เห็นเธอพยายามอย่างหนักเพื่อจะระงับความกลัวแล้วเล่าต่อไป “จากนั้นเขาก็ถูกช่องว่างระหว่างมิติปล่อยออกมาในสภาพที่พวกเธอเห็น ฉันคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดี จึงบอกโกลเด้นอารีน่าให้กลับสู่สภาพเดิม เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้”
เมื่อเล่าจบวอร์ช่าก็พิงศีรษะมาซบฉันทันที
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร อเล็กซ์อยู่ในมือเมดาโบรันแล้วเขาจะต้องหายดี” ฉันลูบหลังปลอบประโลมอย่างเข้าใจ
“ไม่ใช่ความผิดเธอหรอกนะ” เจอร์รี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม สิ่งหนึ่งในตัวเธอที่ฉันชอบก็คือ เธอรู้ว่าจะทำให้เพื่อนรู้สึกได้อย่างไรเสมอ “ฉันเชื่อว่าอเล็กซ์จะปลอดภัย แบบว่าเขามีเรื่องที่ต้องกวนใจพวกเราอีกเยอะ”
ฉันส่งยิ้มให้เด็กสาวอย่างชื่นชม
เพราะอะไรน่ะเหรอ ?
ก็เพราะฉันรู้ดีว่าคนที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้มากที่สุดไม่ใช่วอร์ช่า
แต่เป็นเจอร์รี่ที่สบตาฉันอยู่ตอนนี้ต่างหาก
หลังจากที่วอร์ช่าสงบสติอารมณ์ได้ เพอเพทัวก็แนะนำให้เรากลับบ้าน
แต่ในตอนที่เรากำลังจะออกจากโฮลี่พาเลซ ฉันก็สังเกตเห็นบางอย่างในแววตาของเจอร์รี่
“เธอโอเคไหม?” ฉันถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร” เจอร์รี่ยิ้มทั้งถอนหายใจ “แต่ฉันยังไม่พร้อมจะกลับไป”
“ฮึ?”
“ ฉันว่าฉันมีเรื่องต้องคิดน่ะ” เธอบอกด้วยสีหน้าของผู้เชี่ยวชาญด้านเก็บอารมณ์ - จะว่าไปหลังจากเหตุการณ์ของมอนโร เจอร์รี่ก็เปลี่ยนไปมาก เธอไม่ใช่คนขี้วีน ขี้โวยวายเหมือนก่อน ตรงกันข้าม เธอกลับดูเป็นผู้ใหญ่ มีความสุขุม และดูมีความคิด ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็ดีใจกับความเปลี่ยนไปของเพื่อนสนิท เพียงแต่หากว่านิสัยของเธอเปลี่ยนไปเพราะความเศร้าที่เกาะกินหัวใจล่ะ
ในอนาคตเธอจะเป็นอย่างไร?
“ได้” อย่างไรก็ตาม ฉันยังมั่นใจในความคิดของเจอร์รี่เสมอ “งั้นเจอกันที่บ้านนะ”
“ขอบใจจ้ะ”
เราสองคนโอบกอดกัน ก่อนที่ฉันกับพวกเพื่อนๆ จะพากันขึ้นคูลูคูล่า
โดยมีเจอร์รี่ที่ยืนโบกมือลาอยู่เบื้องหลัง
ความคิดเห็น