คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 - Happy Alley จักรยานสองล้อ
Chapter 5
แสงอาทิตย์ในยามเช้าตรู่ที่สาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ลงมายังลานกว้างของสถาบันการศึกษาชื่อดังของประเทศ ทำให้อากาศในยามเช้าที่เย็นสบายเป็นทุนเดิม กลับเย็นสบายและร่มรื่นขึ้นอีกหลายเท่าตัว เสียงพูดคุยสนทนาจากผู้คนที่เริ่มทยอยมายังลานกว้าง อาจเป็นเรื่องปกติหากจะมีฝูงชนนัดรวมตัวกันทำกิจกรรมในสถานที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้กิจกรรมวันนี้ดูแปลกตาไปคงเป็นเพราะผู้คนเหล่านั้นต่างมาพร้อมกับยานพาหนะรักษ์โลกอย่างจักรยานสองล้อ
“ร้อนไหม?” เสียงทุ้มนุ่มของพี่ชายข้างบ้านผู้ซึ่งเป็นคนชักชวนให้คชาตื่นแต่เช้าเพื่อมาร่วมกิจกรรมทริปจักรยานกลางกรุงที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือของสองสถาบันชื่อดังของประเทศและเริ่มปีนี้เป็นแรก เต๋าในฐานะศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ แม้ความจริงอยากหาเรื่องชวนอีกคนให้ออกมาข้างนอกด้วยกันมากกว่า
“ไม่” คชาตอบแล้วส่ายหัวกลมๆเสียจนเส้นผมดำกระจายตัว เต๋าได้แต่อมยิ้มน้อยๆกับท่าทางของคนตัวเล็ก ก่อนจะส่งหมวกสีขาวที่ห้อยอยู่ท้ายรถจักรยานไปยังศีรษะกลมแล้วสวมมันลงจนพอดีกับหัวของเจ้าตัว
“ใส่ไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวอีกสักพักแดดคงเริ่มแรง” คชาส่งยิ้มให้เต๋าแทนคำขอบคุณ มือหนาของเต๋าลูบศีรษะกลมภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวแล้วยิ้มตอบกลับให้อีกคน
“เต๋า!” เสียงร้องเรียกชื่อคนตัวสูงดังขึ้นทำให้ทั้งเต๋าและคชาหันไปมอง ปรากฏให้เห็นร่างสมส่วนของผู้ชายตัวไม่สูงมากกำลังวิ่งพุ่งตรงมาทางทั้งสองคน
“โทษทีๆ พี่มาช้าไปนิด”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมก็พึ่งมา” เต๋าตอบออกไปแบบนั้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ในบริษัทก้มลงเอามือสองข้างจับเข่าแล้วหอบหายใจเสียแรง แม้ความจริงแล้วเขารอมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
“อ่อพี่ไทด์นี่คชา ที่ผมฝากให้ยืมจักรยานให้” ไทด์ยกมือรับไหว้คนตัวเล็ก ก่อนจะสำรวจใบหน้าของคชา
“น้องคชายินดีที่ได้รู้จัก แต่พี่มีบางอย่างจะสารภาพ”
“หือ มีอะไรหรอพี่” เต๋าเป็นคนเอ่ยถามออกมา ส่วนอีกคนทำได้แต่เพียงเลิกคิ้วสงสัย
“ก็จักรยานที่แกฝากพี่ลงชื่อยืมให้น้องคชามันไม่ได้นะสิ สงสัยชื่อมันคงจะเด้งไป” ร่างเล็กคอตกทันทีเมื่อได้ฟัง รู้สึกโชคร้ายแต่เช้าที่อุตส่าห์ตื่นมาแต่ไม่ได้จักรยานมาปั่น สงสัยวันนี้คงต้องกลับบ้านฟรี
“ไม่เป็นไรฮะพี่ไทด์ เดี๋ยวคชา...” คชาพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นไทด์ทำหน้ารู้สึกผิด แต่ก็ต้องหยุดพูดเพราะอีกคนแทกรเสียงขึ้นมา
“เดี๋ยวให้คชาไปกับเต๋าก็ได้”
“จะดีหรอวะ ให้คชาเอาของพี่ไปปั่นก็ได้นะ” ไทด์เสนอรุ่นน้องในบริษัท ส่วนคชาได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เรื่องแค่นี้เองคชาไม่อยากให้เป็นภาระของใคร
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวให้คชาไปกับเต๋า ไว้ค่อยสลับกันปั่น โอเคไหมคชา?” คชาอธิบายให้ไทด์ฟังแล้วหันไปถามความเห็นจากอีกคน คชาพยักหน้ารับเห็นด้วยกับไอเดียพี่เต๋าทันที ซึ่งนั้นก็ทำให้อาการรู้สึกผิดของพี่ไทด์หายไป
“เดี๋ยวคชาไปกับพี่เต๋าก็ได้ครับ” เสียงใสนั้นย้ำให้อีกคนคลายความกังวล
“โอเคตกลงตามนี้ งั้นไปรวมกันเถอะ เห็นเขาประกาศเรียกแล้ว” เต๋าบอกแล้วเริ่มขยับจักรยานพับที่ยืมมาจากน้องชายร่วมสายเลือด ตอนแรกเฟรมก็เสนอขอตามมาแต่ดันมีงานคณะเข้าซะก่อน ซึ่งเต๋าก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องดีไม่น้อย
“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ลานนะเต๋า เดี๋ยวพี่ไปหาเพื่อนก่อน แล้วเจอกันนะคชา” ไทด์บอกรุ่นน้องก่อนจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนอีกฝั่ง ร่างสูงเข็นจักรยานไปยังลานกว้างที่ผู้คนเริ่มทยอยมารวมตัวกัน แล้วเดินเทียบเคียงมากับน้องชายตัวเล็ก
“ดีนะที่จักรยานไอ้เฟรมมันมีเบาะหลังไม่งั้นคชาคงได้เกาะล้อรถ” เต๋าเอ่ยแซวคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้ามองพื้น ทำให้คชาเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงกว่าทันที
“ใจร้ายชะมัด”ดวงตาคู่กลมใสซื่อไร้เดียงสาจ้องมองมายังเต๋า แสงแดดที่ตกลงมากระทบแก้มใสที่กำลังพองลม ทำให้เต๋ายกมือขึ้นสัมผัสผิวเนียนนั้นอย่างไม่รู้ตัว
“งืออ..อย่าจับแก้ม” ร่างเล็กสะดุ้งทันทีเมื่อแก้มเนียนโดนสัมผัส
“หือ?” เต๋าปล่อยมือลงก่อนจะเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“....คนมอง” คนตัวเล็กพูดเสียงเบา ก่อนที่เต๋าจะเริ่มส่งสายตาสำรวจบริเวณรอบข้างแต่ก็ไม่พบสายตาคู่ไหนจับจ้องมายังเขาทั้งคู่
“ไม่เห็นมีเลย”
“พี่เต๋านะพี่เต๋า” คชาจิปากอย่างขัดใจก่อนจะเดินนำเต๋าออกมาทิ้งให้ร่างสูงยืนงงมองไปรอบตัว
จะให้บอกยังไงหละว่าอย่าจับแก้มเพราะคชาเขิน
--------------------------------------------------------------------------
ลานกว้างกลางมหาวิทยาลัยตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนพร้อมกับยานพาหนะสองล้อ บ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็มาเป็นกลุ่ม ซึ่งนั่นทำให้รู้ว่าผู้คนทันสมัยในเมืองหลวงเริ่มหันมาหลงรักเจ้าจักรยานสองล้อมากขึ้นแล้ว เต๋าแอบดีใจไม่น้อยที่กิจกรรมในวันนี้ไม่มีพิธีการกล่าวเปิดงานอะไรมากมายมีเพียงคำพูดสั้นๆของอาจารย์ผู้ดูแลกิจกรรมที่ประกาศผ่านไมโครโฟน รวมไปถึงไม่มีการจุดพลุหรือปล่อยลูกโป่งสวรรค์ เพราะถ้าหากนั้นเกิดขึ้นกิจกรรมนี้คงไม่เหมาะที่จะเรียกว่ากิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่นัก
“เราจะเริ่มปั่นจากมหาวิทยาลัยไปยังแยกวัดหัวลำโพง แล้วหลบถนนใหญ่ไปทางสะพานเหลืองกัน....” เสียงของผู้ดำเนินกิจกรรมประกาศบอกรายละเอียดเส้นทางของทริปจักรยานครั้งนี้
“งั้นเดี๋ยวพี่ปั่นก่อนแล้วเราค่อยเปลี่ยนกัน โอเคนะครับ”
“โอเคครับ” คนตัวเล็กตอบกลับชัดเจน แล้วยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเคส่งมายังอีกคน
“พี่เต๋าๆ” มือเล็กกระตุกที่ชายเสื้อยืดของคนที่ง่วนอยู่กับการเช็คสภาพจักรยาน เต๋าหยุดกิจกรรมทั้งหมดแล้วหันมายังเจ้าของเสียงใสนั้น
“เอาหมวกคืนไหม แดดเริ่มร้อนแล้ว”
“เราใส่ไว้เลย” เต๋าปฏิเสธแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกออกมาจากศีรษะกลมนั่นแล้ว
“ไม่เป็นไรฮะ คชามีฮู้ดเดี๋ยวดึงฮู้ดมาใส่ได้” คนตัวเล็กตอบ แล้วเขย่งปลายเท้า เลื่อนหมวกแก๊ปสีขาวในมือไปยังศีรษะของพี่ชายข้างบ้านแล้วสวมมันลงอย่างเบามือ
“ขอบคุณนะ” เต๋าบอกก่อนจะส่งมือหนาอ้อมไปยังด้านหลังของอีกคนแล้วจัดการดึงฮู้ดสีขาวขึ้นมาคลุมหัวกลมนั่นไว้ รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปยังจักรยานเพื่อเตรียมพร้อม เต๋ากระโดดขึ้นคร่อมจักรยาน เป็นสัญญาณให้อีกคนเดินมานั่งซ้อนท้ายอย่างรู้งาน
ทันทีที่พาหนะสองล้อเคลื่อนที่ แสงแดดที่สาดส่องลงมาเป็นสัญญาณบอกถึงเวลาที่เข้าสู่ช่วงสายไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อผิวกายเริ่มสัมผัสได้ถึงสายลมบางเบาที่พัดผ่าน สองมือเล็กเกาะที่ไหล่หนาของคนตัวสูงกว่าตั้งแต่จักรยานคันใหญ่เริ่มเคลื่อนที่ รอยยิ้มน่ารักฉายแววสดใสพร้อมกับประกายแวววับจากดวงตาคู่กลมทันทีเมื่อเริ่มสัมผัสถึงความตื่นเต้น
“สาธุ” คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้ทันทีเมื่อพาหนะสองล้อเคลื่อนที่ผ่านวัด ทำให้คนที่ขับจักรยานยิ้มขำออกมา
“ไหว้เผื่อพี่ด้วยสิ ขอพรเผื่อพี่ด้วย”
“ได้ไง ของแบบนี้ก็ต้องทำเองสิ” คชาว่าแล้วใช้สองมือเล็กเกาะไปทีไหล่อีกคนตามเดิม
“ให้พี่ปล่อยมือไหว้หรอครับ พี่ปั่นจักรยานอยู่นะ”
“สาธุอันนี้พี่เต๋าฝากมาไหว้นะครับ” คชายกมือขึ้นสาธุอีกครั้งพึมพำบางสิ่ง ทำให้เต๋าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“แล้วที่ไหว้ไป รู้ไหมว่าวัดนี้วัดอะไร?” คำถามของเต๋าทำให้คชาต้องหันหน้าไปมองตัววัดเพื่อหาชื่อ แต่เหมือนจะไม่ทันเพราะคนตัวสูงออกแรงปั่นผ่านตัววัดออกมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
“นั่นวัดมหาพฤฒาราม แต่ก่อนเรียกว่าวัดท่าเกวียน คชาเคยมาหรือยัง?”
“ไม่เคยฮะ” คนตัวเล็กส่ายหัวทันที ก็ปกติคชาไม่เคยใช้เส้นทางนี้ ต้องบอกว่าชีวิตส่วนใหญ่ใช้แต่เส้นทางรถไฟฟ้าเสียมากกว่า เพราะถ้าออกนอกเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วคชาแทบจะไม่รู้จักสถานที่อะไรในตัวเมืองหลวงนี่เลย
“พี่เต๋าเคยมาหรอ?” เอ่ยถามอีกคนอย่างสงสัย พี่เต๋าเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ดูจะรู้จักเมืองหลวงนี้ดีกว่าคชาเสียอีก
“ก็เคยมาเดินเล่น อยู่แต่ในหอมันก็เบื่อบ้างนะ ที่จริงกรุงเทพฯมีอะไรให้ดูเยอะแยะเลยนะ ยิ่งแถวสนามหลวงพี่เดินได้เป็นวันๆเลย”
“ฟังดูน่าสนุกจัง คชายังไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย” คนตัวเล็กถอนหายใจแผ่วเบา นึกเสียดายเวลาที่เอาแต่เที่ยวเล่นที่เดิมๆ อิจฉาพี่เต๋าไม่น้อยที่ได้ทำอะไรแบบนั้น แต่อันที่จริงมันก็เป็นความผิดของตัวเองที่ไม่ยอมสนใจสิ่งใกล้ตัว
“มีเวลาอีกตั้งเยอะ ไว้ค่อยมาด้วยกันก็ได้”
“นี่คือคำสัญญา?”
“พี่พูดคำว่าสัญญาหรอ?” เต๋าแกล้งหยอกน้องชายตัวเล็ก
“พี่เต๋า” คชาว่าเสียงดัง ก่อนที่มือเล็กทุบไปที่ไหล่ของอีกแล้วทำให้เต๋าหัวเราะออกมา
“โอเคๆ แต่ต้องมีค่าจ้างนะ”
“ขี้งก ไม่ไปด้วยก็ได้”
“ไม่ได้บอกว่าให้จ่ายเป็นเงินสักหน่อย”
“อะไรก็ไม่ให้ทั้งนั้นแหละ จำไว้เลย...มาเองก็ได้” เต๋ายังคงขำออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนด้านหลังจะเริ่มงอน
“นี่เรางกกว่าพี่อีกนะ จะไม่ให้อะไรพี่จริงๆหรอ?” เต๋าเอี้ยวตัวมองมาด้านหลังเล็กน้อย แต่ยังคงส่งแรงขับเคลื่อนพาหนะสองล้ออย่างสม่ำเสมอ
“ไม่...พี่เต๋า!!!” คชาตอบปฏิเสธ ก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตกใจร้องลั่นทันทีเมื่อคนตัวเล็กมองเห็นสิ่งมีชีวิตสี่ขากำลังเดินตัดผ่านหน้ารถจักรยานของตน โดยที่เต๋ามองไม่เห็นเพราะมัวแต่หันมาคุยกับคชา ตาคู่กลมหลับเมื่อรู้สึกมั่นใจแน่ว่ารถจักรยานต้องปะทะกับร่างของน้องหมา สองมือที่อยู่ไหล่ย้ายมากอดเอวหนาของพี่ชายตัวสูงแน่น
เอี๊ยด!!
เสียงเบรกของรถจักรยานสองล้อดังขึ้น ดวงตาคู่เล็กค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆเมื่อไม่รู้สึกถึงแรงปะทะอะไรนอกไปเสียจากแรงปะทะของใบหน้าตัวเองกับแผ่นหลังของอีกคน
“เกือบไป” เสียงถอยหายใจพรืดยาวของคนตัวสูงดังขึ้น แล้วมองสิ่งมีชีวิตสี่ขาวิ่งผ่านหน้าไป ก่อนจะก้มลงมองแขนเล็กที่กอดเอวเขาเอาไว้เสียแน่น เต๋าปล่อยมือจากแฮนด์รถ ก่อนจะวางมือไปยังมือเล็กที่เอว แล้วเอี้ยวตัวมองมายังคชา
“เป็นอะไรไหม” เด็กน้อยส่ายหัวรัว แม้จะรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติของตนเองอยู่บ้างก็ตาม
“ดีที่เบรกทัน” มือหนาลูบมือบางไปมาคล้ายจะปลอบประโลม ก่อนจะได้ยินเสียงร้องทักจากไทด์ที่ขับจักรยานตามกันมา
“เต๋าเป็นไรไหม?”
“ไม่เป็นไรครับพี่”
“งั้นตามมานะ” ไทด์พยักหน้าให้รุ่นน้อง แล้วขับจักรยานออกไป
“ไปต่อนะ” คนตัวเล็กพยักหน้า แล้วจักรยานสองล้อก็เคลื่อนตัวอีกครั้งโดยที่สองแขนเล็กยังเอื้อมโอบอยู่ที่เอวของอีกคน เต๋าแอบอมยิ้มก้มมองมือบางที่ประสานกันอยู่ที่เอวของตนเอง ในใจนึกอยากแซวอีกคนแต่คิดไปคิดมาก็ลืมมันไป เพราะถ้าแซวออกไปคชาคงปล่อยแขนออกทันที อีกอย่างอยู่แบบนี้ก็อุ่นดี รู้สึกปลอดภัยชะมัด
--------------------------------------------------------------------------
ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการขับขี่ยานพาหนะสองล้อมายังมหาวิทยาลัยอีกแห่ง แม้ว่ากิจกรรมนี้จะจัดเป็นปีแรกแต่ผู้คนก็ดูหนาตา หลังจากมาถึงที่หมายได้สักพักคนตัวเล็กก็กระโดดลงจากจักรยานทันทีไม่บอกไม่กล่าว เต๋าได้เพียงแต่มองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินลิ่วๆออกไป คนตัวสูงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะมองไปยังสนามกว้างของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งแห่งหนึ่งเคยเกิดเรื่องราวมากมาย รำลึกเหตุการณ์บางอย่างทั้งที่เคยได้ยินและได้อ่านมาบ้าง แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้มาที่แห่งนี้บ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่มาเขาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหน หลายครั้งที่นึกอิจฉานักศึกษาที่นี่ที่มีโอกาสได้มาสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ทุกวัน ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองสักพักก่อนที่ความเย็นข้างแก้มจะเรียกให้เต๋ารู้สึกตัว
“กินน้ำ” เต๋าอมยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของขวดน้ำเย็นข้างแก้ม
“จะไปซื้อน้ำไม่บอกกันเลยนะ นึกว่าต้องไปประกาศตามหาเด็กหายซะแล้ว” มือหนารับขวดน้ำมา เปิดฝาออกแล้วยกขึ้นดื่ม
“มหา’ลัยแค่นี้เองจะหายได้ไงเล่า” คชาว่าแล้วยกขวดน้ำของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง
“โอ่ะ!” ร่างเล็กอุทานเมื่อรู้สึกถึงแรงปะทะที่ช่วงตัว ตาคู่กลมก้มลงมองเด็กน้อยน่ารักที่วิ่งมาชนตนเองอย่างเอ็นดู
“ขอโทษฮะ” เด็กน้อยแก้มป่องอายุราวห้าขวบยกมือขึ้นไหว้คชาแล้วกล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ ชื่ออะไรน่ารักจังเลย” คนตัวเล็กถามเด็กน้อยแก้มป่อง เต๋าที่มองดดูเหตุการณ์อยู่ล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์คู่ใจในกระเป๋ากางเกง หวังแชะภาพเด็กน้อยสองคนตรงหน้า
“ชื่อโตโต้ฮะ”
“ชื่อน่ารักเหมือนตัวเลย” คนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก แล้วนั่งยองกับพื้นให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กน้อยแก้มป่องตรงหน้า โดยไม่ทันได้สังเกตช่างภาพที่กำลังแอบกดโทรศัพท์มือถืออยู่
“แล้วน้องโตโต้มากับใครหรอ คุณพ่อกับคุณแม่ไปไหน” เสียงใสเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะหยิกแก้มกลมนั้นสักทีสองที
“คิกๆ โตโต้หนีป๊ากับหม่าม๊ามาฮะ อย่าบอกใครนะ ชู่วๆ” เด็กน้อยหัวเราะเสียงใส มองซ้ายมองขวาแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากบางของคชา ทำให้คนตัวสูงที่กำลังกดถ่ายภาพอยู่เดินเข้ามาทันที เต๋าไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆนะ แต่ถ้าเต๋าบอกว่าอิจฉาเด็กจะบาปไหม?
“หนีออกมาแบบนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่แล้วนะ” เต๋านั่งลงข้างคนตัวเล็กแล้วเริ่มสนทนากับเด็กน้อยแก้มป่อง
“โตโต้ หายมาอยู่นี่เองนะลูก” ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่คงจะเป็นแม่ของเด็กน้อยเดินตรงมายังทั้งสามคน
“ขอโทษนะคะ ที่น้องมากวน”
“ไม่เป็นไรครับไม่ได้กวนอะไร คนแถวนี้ออกจะดีใจเหมือนเห็นเพื่อน” เต๋าแซวคนตัวเล็กด้านข้าง คชาหันหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างเอาความทันที
“หม่าม๊ามารับแล้ว โตโต้ไปก่อนนะครับพี่น่ารัก บะบาย” คนตัวสูงหลุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามเรียกชื่อที่เด็กน้อยโตโต้ใช้เรียกคนตัวเล็ก
“หือ..พี่ไม่ได้ชื่อน่ารักนะ พี่ชื่อคชา” คชาทำหน้างงกับสรรพนามใหม่ แม้มันค่อนข้างจะออกไปทางบวกก็เถอะแต่ฟังแล้วมันก็แอบเขินเหมือนกัน
“งั้นก็ต้องเรียกว่าพี่คชาน่ารัก” เด็กน้อยว่าแล้วยกมือสองข้างจับแก้มตนเองตีเบาๆสองสามทีด้วยความไร้เดียงสา
“โตโต้คงอยากบอกว่าหนูน่ารัก” คชาเกาหัวยิ้มเขินให้กับผู้เป็นแม่ของเด็กน้อย
“งั้นขอตัวก่อนนะ โตโต้บ๊ายบายพี่เขาสิลูก” เด็กน้อยที่จูงมือผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นบ๊ายบายทั้งเต๋าและคชา เตรียมตัวหันหลังเดินออกไป แต่คนตัวเล็กก็ร้องทักไว้ก่อน
“โทษนะครับ น้ำแก้วนั้นซื้อที่ไหนหรอฮะ” คนตัวเล็กถามในขณะที่ตาคู่กลมเหลือบไปเห็นแก้วน้ำสีสวย
“อ่อ ร้านกาแฟหน้ามหา’ลัยค่ะ” คชาพยักหน้ารับ
“อยากกินหรอครับพี่น่ารัก” เต๋าเลียนแบบเสียงโตโต้แซวคนคนตัวเล็กด้านข้างทันทีที่โบกมือร่ำลาเด็กน้อยแก้มป่องเรียบร้อย
“พี่เต๋า..” คชาจิปากมองคนแซว ทำให้เต๋าหลุดขำออกมาเป็นรอบที่ร้อยของวัน
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่เต๋าพาพี่น่ารักไปซื้อนะ ร้านนี้พี่เต๋าเคยไป”
“อยากกินสตอร์เบอรี่ปั่น”
“ต้องเลี้ยงใช่ไหมครับ?” คนตัวสูงถามแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่บางไว้ แม้จะไม่ได้ปฏิเสธ แต่ชั่ววินาทีที่โดนสัมผัส คนตัวเล็กแอบคิดในใจว่าช่วงนี้พี่เต๋าชักจะถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไปแล้ว
“ไม่ได้บอกให้เลี้ยงซักหน่อย”
“เดี๋ยวจ่ายแทนน้ำเปล่าขวดนี้ก็แล้วกัน” เต๋าว่าแล้วโอบไหล่เล็กเดินไปยังร้านกาแฟหน้ามหา’ลัย
--------------------------------------------------------------------------
“อร่อยไหม” เต๋าก้มลงมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งดูดน้ำสตอร์เบอรี่ปั่นอย่างตั้งใจ
“กินไหม?” มือเล็กยื่นแก้วสตอร์เบอรี่ปั่นไปยังอีกคน ตากลมแป๋วสดใสเสียจนอดใจปฏิเสธไม่ลง เต๋าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วก้มลงสัมผัสหลอดดูดแล้วลิ้มชิมรสของโปรดของคนตัวเล็ก ดวงตาคู่คมมองจ้องสำรวจใบหน้าอีกคน นึกถึงคำพูดของเด็กน้อยแก้มป่องที่เรียกคชาว่า ‘พี่น่ารัก’ แล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา
“พี่น่ารักคงจะชอบสตอร์เบอรี่มากสินะ”
“ก็นิดนึง” คชาตอบแล้วหันมาสนใจแก้มสตอร์เบอรี่ปั่นในมืออีกครั้ง แอบเขินไม่น้อยทุกครั้งที่พี่เต๋าแซวว่า ‘พี่น่ารัก’ แต่ก็พยายามปกปิดไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“แล้วเขาจะพาไปไหนต่อฮะ” ดวงตาคู่กลมทอดมองผ่านกระจกใสจากของตัวร้านไปยังบริเวณด้านนอก ที่ตอนนี้ผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมกำลังอยู่ในช่วงเวลาการพักผ่อนตามอัธยาศัย
“เดี๋ยวกลับที่เดิม แต่เปลี่ยนเส้นทางไปทางสนามหลวง ได้ผ่านเสาชิงช้าด้วยนะ”
“เคยมาเสาชิงช้าตอนม.ต้น เพื่อนพานั่งรถเมล์มา”
“โดดเรียนมาหรือเปล่า?”
“เปล่านะ วันนั้นสอบเสร็จแล้วเลิกเร็วต่างหาก” แก้มใสพองลมอีกครา เมื่อโดนอีกคนท้วง
“เหนื่อยไหม?” เต๋ายิ้มน้อยแล้วถามคนตัวเล็กข้างหน้าที่ก้มลงไปจัดการสตอร์เบอรี่ปั่นในแก้วอีกครั้ง
“เหนื่อยอะไรเล่า คชายังไม่ได้ทำอะไรเลย พี่เต๋าต่างหากเหนื่อยไหมปั่นมาตลอดทางเลย”
“แค่นี้สบายมาก พี่น่ารักตัวเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น ซ้อนหลังทีพี่ไม่รู้สึกว่ามีคนนั่ง”
“พี่เต๋าเว่อร์สุดๆ”
“จริงๆนะ ถ้าไม่เห็นว่ามีแขนกอดอยู่ที่เอว พี่คงนึกว่าตัวเองมาคนเดียว” ท้ายที่สุดเต๋าก็อดไม่ได้ที่จะแซวอีกคน
“ห้ามแซวนะ หยุดเลย” คชามุ่ยหน้าก่อนจะก้มต่ำจ้องมองแก้วสตอร์เบอรี่ปั่นของตนเองอีกครั้ง นึกถึงตอนที่ตัวเองกอดเอวพี่เต๋า ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวแต่แค่รู้สึกว่ากอดเอวพี่เต๋ามันปลอดภัยกว่าเกาะไหล่นี่นา
--------------------------------------------------------------------------
นอกจากเต๋าจะได้รับหน้าที่ผู้ปั่นจักรยานอย่างถาวรแล้ว ตัวเขาเองยังพ่วงหน้าที่ไกด์ประจำตัวของคนตัวเล็กด้านหลัง ทำให้ตลอดเส้นทางจากตัวมหาวิทยาลัย ลัดเลาะออกมายังถนนรอบด้านสนามหลวงผ่านเสาชิงช้า จนถึงช่วงที่ต้องลอดผ่านอุโมงค์กลางเมืองจวบจวนจะถึงจุดเริ่มต้นกิจกรรมในตอนเช้า จึงมีเสียงบรรยายทุ้มนุ่มบอกเล่าเรื่องราวต่างๆจากปากของเต๋าไม่หยุด หลายเรื่องที่พี่เต๋าเล่าให้ฟังก็ทำให้ประหลาดใจไม่น้อย คนตัวเล็กพยักหน้าเออออบ้าง ตั้งคำถามสงสัยบ้าง แต่คนเล่าก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าเบื่อหน่ายเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับรู้สึกสนุกและดีใจที่คนตัวเล็กด้านหลังสนใจเรื่องราวเหล่านั้น
“เดี๋ยวเต๋ากลับก่อนนะพี่ไทด์”
“ได้ๆ แล้วเจอวันจันทร์ กลับบ้านดีๆนะน้องคชา” ไทด์ตบบ่ารุ่นน้องแล้วเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของตนทันทีเมื่อล่ำลาทั้งเต๋าและคชาเสร็จ
“หิวยังเรา หาอะไรกินก่อนกลับไหม?”
“กลับไปกินบ้านดีกว่า แบกจักรยานไปมาหนักแย่เลย”
“แล้วใครว่าพี่จะแบก ก็ปั่นไปสิหรือเราจะปั่นกลับบ้านดี”
“จะดีหรอพี่เต๋า รอให้ทางจักรยานดีกว่านี้แล้วค่อยปั่นดีกว่านะ” คชาทำหน้าตาจริงจังไม่นึกว่าเต๋ากำลังล้อเล่น เด็กน้อยกำลังคิดภาพตัวเองนั่งซ้อนท้ายจักรยานรอบข้างเต็มไปด้วยยานพาหนะสี่ล้อขับผ่าน แค่คิดก็นึกเสียวแปลกๆแล้ว
“งั้นกลับไปกินบ้าน เดี๋ยวพี่พับจักรยานก่อน” คชาพยักหน้ารับแล้วยืนมองพี่เต๋าพับจักรยานสักพัก
เต๋าชวนคนตัวเล็กขึ้นรถเมล์แทนรถไฟฟ้า ระยะทางจากมหาวิทยาลัยมายังซอยมีสุข 23 ไม่ได้ไกลนัก คนตัวสูงเล่าเรื่องนู้นนี่ไปตลอดทาง ชักชวนคชาให้มองสถานที่ตามเส้นทางการเดินทางของรถโดยสารประจำทาง ก่อนจะต้องหยุดเรื่องเล่าทั้งหมดลงเมื่อหัวกลมๆนั้นพิงซบลงมาที่ไหล่หนา ดวงตาคู่กลมหลับพริ้มเข้าสู่นิทราไป ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มแล้วลูบศีรษะกลมนั้นด้วยความเอ็นดู
“เดี๋ยวพี่แวะไปส่งคชาที่บ้านก่อนแล้วกัน” เต๋าบอกในขณะที่ตนกลับมาทำหน้าที่เป็นคนปั่นจักรยานซ้อนคนตัวเล็กอีกครั้ง พอลงจากรถเมล์มาเต๋าก็ประกอบยานพาหนะสองล้ออีกหน แม้จะปั่นจักรยานมาแล้วหลายชั่วโมง ยอมรับว่าเหนื่อยไม่น้อยแต่ความสนุกยังคงมีมากกว่าอยู่ดี
“แล้วพี่เต๋าจะไปไหนต่อหรอ?”
“พี่ว่าจะแวะมาที่ร้าน”
“ไม่กินข้าวหรอฮะ”
“เดี๋ยวค่อยมากินที่ร้านก็ได้” เต๋าว่าแล้วหยุดรถจักรยาน จอดลงที่ด้านหน้าร้านเมื่อมองเห็นพี่สาวของคนตัวเล็กอยู่ในร้านชานมไข่มุก
“พี่มิ้นท์” คนตัวเล็กถลาลงจากพาหนะสองล้อไปหาพี่สาวทันที ตามมาด้วยร่างสูงที่พึ่งจอดรถจักรยานเสร็จแล้วเดินตามเข้ามาในร้านอีกคน
“เป็นไงคชา ปั่นจักรยานสนุกไหม?” ตี๋ถามทันทีเมื่อเห็นน้องชายตัวเล็กข้างบ้านเข้ามาในตัวร้าน
“ไม่รู้ ไม่ได้ปั่นเลยฮะ นั่งซ้อนอย่างเดียว”
“อ้าว ทำไมว่างั้นหละ” มิ้นท์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พอดีจักรยานที่ยืมไว้มันหมดครับพี่มิ้นท์ คชาเลยมานั่งซ้อนท้ายให้เต๋าปั่นแทน” ประโยคของเต๋าเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านให้ดังขึ้นพร้อมกันทันที
“เหมือนไอ้เต๋าจะเสียเปรียบนะ แต่ได้กำไรเต็มๆเลยว่ะ ใช่ไหมเต้?” ตี๋พูดขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ แล้วหันหน้าไปขอความเห็นจากเด็กในร้าน
“ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละครับคุณตี๋” โปเต้ว่าแล้วขยับกรอบแว่นสี่เหลี่ยมสีดำตามนิสัยเฉพาะตัว ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตที่เหลือทำหน้างงใส่กัน
“พูดอะไรกันเจ้านาย ลูกน้องคู่นี้ เห็นไหมคนอื่นเขางง ว่าแต่เต๋ากับคชากินอะไรมาหรือยัง กับข้าวที่บ้านมีนะ” มิ้นท์ถามน้องชายตัวเล็กที่ทำหน้ายู่ ลูบท้องน้อยป้อยๆเป็นสัญญาณว่ากำลังหิว
“งั้นเราสองคนเข้าบ้านไปกินข้าวก่อนเถอะ พี่ยังอยู่ร้านอีกสักพักเดี๋ยวตามเข้าไปนะ” มิ้นท์ส่งกุญแจบ้านให้น้องชายตัวเล็ก ก่อนที่ทั้งเต๋าและคชาจะขอตัวออกจากร้าน ซ้อนท้ายจักรยานแล้วมุ่งไปยังบ้านแฝดสองหลัง
“ตี๋กับเต้ ไม่ต้องมาทำนิ่งเลยนะ เมื่อกี้ว่าอะไรมิ้นท์ยังงงอยู่เลยนะ” ตี๋หัวเราะทันทีเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนบ้านคนสวยกำลังทำหน้าดุใส่ตน
“ไอ้เต้ บอกมิ้นท์ทีดิ”
“รอติดตามชมตอนต่อไปครับคุณมิ้นท์”
“กวนจริงๆนะ เจ้านาย ลูกน้องร้านนี้” มิ้นท์ว่าอย่างปลงๆแล้วหันไปสนใจ ขนมเค้กในตู้แช่ ปล่อยให้สองเจ้านายลูกน้องส่งสายตาให้กันอย่างรู้ทัน ทำไมไม่รู้ตอนเห็นรอยยิ้มไอ้น้องชายสุดที่รักที่เดินตามคชามาในร้านแล้วมันนึกหมั่นไส้ ตี๋ว่าจะไม่แซวอะไรเสียแล้วเพราะเกรงใจมิ้นท์แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ
--------------------------------------------------------------------------
“มีอะไรกินบ้างคชา” เต๋าถามทันทีเมื่อเปิดประตูไม้เข้ามาในตัวบ้านเลขที่ 23/3 ตาคมมองเห็นคนตัวเล็กกำลังง่วนกับการหยิบจานนู้นนี่ใส่ไมโครเวฟ
“เยอะแยะมากมาย...หิวหละสิ” เต๋าเดินตรงไปยังอ่างล้างจานทันที เพราะก่อนหน้านี้เขาพึ่งจัดการพับจักรยานเสร็จ มือไม้ยังไม่ทันได้ล้าง
“หิวแต่คงไม่เท่าเรามั้ง” เต๋าแซวแล้วหันมาช่วยยกพาชนะที่บรรจุอาหารสองสามใบไปยังโต๊ะกินข้าว
“อย่ามาว่ากันนะ เด็กกำลังโต” คชายกจานข้าวสองใบวางไว้บนฝั่งตัวเอง แล้วส่งอีกใบไปให้เต๋าที่อยู่ตรงข้าม ก่อนที่ทั้งสองคนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วลงมือทานอาหารเที่ยงในช่วงเวลาบ่ายสองทันที
“งั้นเด็กกำลังโตก็ต้องกินเยอะๆนะ” เต๋าบอกแล้วตักไข่พะโล้ลูกโตไปยังจานข้าวของอีกคน คชาพนักหน้ารับก่อนจะถามคำถามอีกคน
“แล้ววันนี้พี่เต๋าจะไปไหนไหม?”
“เดี๋ยวกลับบ้านอาบน้ำแล้วคงแวะไปร้าน แล้วเราไม่ออกไปไหนหรอ?”
“ว่าจะอ่านหนังสืออยู่บ้านฮะ”
“ไหนว่าอ่านหนังสือตอนกลางวันไม่ค่อยรู้เรื่องไง”
“ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็รู้เรื่องบ้างไง...ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ”
“ไม่ต้องเครียดมากนะ” เต๋าบอกคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เครียดๆ คนอื่นเครียดกว่านี้ตั้งเยอะ” คนตัวเล็กส่ายหน้าพัลวัน แอบนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ดูจริงจังกับการสอบเข้าเรียนต่อมากกว่าตัวเองหลายร้อยเท่า พยายามไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความพยายามของคนรอบข้างเหมือนเป็นแรงกระตุ้นบางอย่าง
--------------------------------------------------------------------------
หลังจากจัดการอาหารสามอย่างกับข้าวสวยจานพูนคนละจานเสร็จเรียบร้อย ทั้งเต๋าและคชาก็ช่วยกันล้างจาน ทำความสะอาดห้องครัว ก่อนจะมานั่งหมดแรงอยู่โซฟาตัวยาวหน้าทีวี
“หาววว” มือเล็กยกขึ้นปิดปากก่อนจะหาวออกมาเสียฟอดใหญ่
“ง่วงอีกแล้ว พึ่งหลับบนรถเมล์มาไม่ใช่หรอ” เต๋ายกมือซ้ายขึ้นโยกศีรษะกลมด้วยความเคยชิน มือบางเริ่มควาญหาหมอนใบเล็กใกล้ตัว แล้ววางลงบนตักของพี่ชายตัวสูง ก่อนจะแทนที่ศีรษะของตัวเองลงไป
“วันนี้ใช้งานพี่เปลืองจังนะ” คนตัวเล็กไม่ตอบ เพียงแต่ส่งเสียงครางเครือในลำคอ หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ทำให้อีกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือหนาลูบกลุ่มผมดำอีกครั้ง ร่างที่แน่นิ่งกับลมหายที่เข้าออกสม่ำเสมอเป็นสิ่งยืนยันทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กบนตักหลับเข้าสู่นิทราไปอีกครา
“ฝันดีครับพี่น่ารัก” เต๋าก้มลงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของคชา ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองหลับตาลงช้าๆ ซึมซับความรู้สึกบางอย่าง ตั้งแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของคชาเข้ามาในชีวิต เต๋าก็รู้สึกเหมือนเวลาทุกวันนั้นมีคุณค่า วิถีชีวิตที่ไม่ได้มีเพียงแค่ทำงานและกลับบ้านให้ การได้นั่งคิดว่าวันนี้จะชวนคนบนตักคุยเรื่องอะไรบ้างหรือชวนไปทำอะไรบ้างนอกจากจะเพิ่มการทำงานของเซลล์สมองแล้วยังกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในอกข้างซ้าย การได้ทำตามหัวใจตัวเองบางอย่างทำให้เขาเองมีความสุขอย่างในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าในอนาคตอยากทำตามหัวใจตัวเองมากกว่านี้ เด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนตักเขาอยู่ตอนนี้จะว่ายังไงบ้างนะ ...
เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยร้องทักใคร มิ้นท์ก็ต้องอมยิ้มให้กับภาพที่ตนเห็นตรงหน้าเสียก่อน ภาพของน้องชายตัวแสบของตนเองกำลังหนุนตักพี่ชายคนสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาว ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของทั้งสองคนเป็นสัญญาณให้มิ้นท์ได้รับรู้ว่าทั้งสองกำลังจมดิ่งในห้วงนิทรา คราแรกตั้งใจจะเดินไปปลุกแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นการเดินให้เงียบที่สุดเมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งสองคน
‘สงสัยกำลังหลับฝันดีทั้งคู่ ปล่อยให้นอนต่อคงจะดีกว่า’
--------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้มาด้วยความประหลาด เกิดจากอารมณ์ที่อยากไปงานปั่นจักรยานของมหา’ลัยแต่อดไป
เลยจัดการระบายลงฟิค TOT … ฟิคเรื่องนี้มันออกแนวจบเป็นตอนๆมากกว่านะคะ 555
แต่ไม่ใช่ซิทคอมเพราะถ้าซิทคอมคงยาวมาก เพราะถ้าตามหลักของซิทคอมเรื่องมันต้องเยอะกว่านี้
ตัวละครทุกตัวต้องโผล่ในหนึ่งตอน เอาเป็นว่าคนแต่งไปเจออะไรมาจะเอามาบอกเล่าผ่านฟิคประมาณนี้มากกว่า
(55555 ตามใจตัวเองสุด) บางครั้งเราก็เอาไอเดียมาจากคอมเม้นท์นี่แหละเพราะบางทีไม่รู้จะแต่งออกไปทางไหนจริงๆ (สงสารฟิคเหลือเกิน) ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ^____________^
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น