ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 - Happy Alley เด็กเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 56


    Chapter 10

     

     

    เช้าวันหยุดแสนสดใสที่รอคอยเวียนมาอีกครั้ง ปลายเท้าเล็กเขย่งลงมาจากบันไดทีละขั้นด้วยความอารมณ์ดีเมื่อเริ่มนึกถึงสิ่งที่จะทำในวันหยุดที่เฝ้ารอ

     

    “มังคุดหรอพี่มิ้นท์”  คชาเอ่ยถามทันทีเมื่อสังเกตเห็นเด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาคุ้นเคยนอนขดอยู่บนโซฟาตัวยาว

     

    “ใช่  พอดีพี่ก้อยพาน้อยหน่าไปประชุมผู้ปกครองเลยเอามังคุดมาฝากไว้”  คชาพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ห้องครัว ตั้งใจจะชงโอวัลตินรับเช้าวันใหม่แต่เสียงเคาะประตูจากหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน 

     

    คนตัวเล็กเดินไปเปิดประตูและก็ต้องส่งยิ้มหวานแต่เช้าเมื่อรู้ว่าใครคือผู้มาเยือน

     

    “มาแต่เช้าเลย”  เต๋ายิ้มน้อยๆให้กับคำทักทายของคชา  มือหนายกขึ้นขยี้หัวกลมๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับอีกคนโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าบ้านเลยสักนิด  เต๋าตั้งใจจะร้องทักทายพี่มิ้นท์แต่คนเป็นพี่เหมือนจะรู้ทัน ทำสัญญาณให้เขาเบาเสียงแล้วชี้ไปยังต้นเหตุที่นอนหลับปุ๋ยบนโซฟา

     

    ขายาวจึงก้าวเดินตามคนตัวเล็กมายังห้องครัวแล้วนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร ไม่ใกล้ไม่ไกลมีแมวน้อยคะน้าตัวกลมกำลังจัดการกับมื้อเช้าของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย สักพักดวงตากลมแป๋วของแมวน้อยก็จ้องมองมายังร่างสูง ท้ายที่สุดก็ต้องก้มอุ้มเจ้าตัวกลมขึ้นมานั่งเล่นบนตัก

     

    “กินข้าวมาแล้วยัง”  คชาถามเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน ปลายเท้าเล็กเขย่งเอื้อมจับแก้วใบโปรดบนชั้นเหนือศีรษะ

     

    “เรียบร้อยแล้ว คชาหละ?” เต๋าว่าพลางลูบคางแมวตัวกลม รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อโดนคะน้าใช้ลิ้นสากเลียที่หลังมือ

     

    “ยังไม่ได้กินเลย กำลังจะชงโอวัลติน พี่เต๋ากินด้วยไหม”  เต๋าพยักหน้ารับ สารภาพจากใจว่าแทบจะลืมรสชาติของโอวัลตินไปแล้วว่าเป็นยังไง และถ้าให้เลือกโอวัลตินคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขานึกอยากจะดื่ม การได้อยู่ใกล้คชาทำให้เต๋าเหมือนย้อนกลับไปวันวานเสมอ

     

    “อร่อยไหม?” เสียงใสถามขึ้นอย่างต้องการคำตอบหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายยกแก้วสีหวานขึ้นดื่ม  อีกทั้งดวงตาคู่กลมก็ส่งสัญญาณอย่างมีความหวัง แล้วเต๋าจะเลือกตอบคำตอบไหนได้

     

    “อร่อยดี มีประโยชน์ด้วย” ตอบตามที่อีกคนหวังแต่ก็อดแซวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้

     

    “ก็รู้หนิ” คชาที่ตีความได้ว่าเต๋ากำลังพูดเรื่องอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับอีกคน  สองมือยกแก้วใบโปรดขึ้นดื่ม แล้วกรอกตาไปมา

     

    “รู้ครับรู้  ....แบบนี้ต้องกินทุกวันแล้วสินะ ร่างกายจะได้แข็งแรง” เสียงทุ้มนุ่มที่ได้ยินบ่อยครั้งเริ่มจะแกล้งหยอกขึ้นมาทันที  คชาที่เหมือนจะรู้ทันจึงพยายามไม่สนใจอีกคน  แต่นั่นก็ไม่ทำให้เต๋าลดละความพยายามที่จะแกล้งน้องชายตัวเล็กให้จนมุม

     

    “ก็กินดิ”  ตอบกลับแต่ทำท่าทางไม่สนใจคนเป็นพี่

     

    “ทำกินเองไม่เป็น”

     

    “งั้นพี่เต๋าก็อด”

     

    “ใจร้าย”  ท่าทางที่เหมือนกับเด็กกำลังงอนกำลังปรากฏต่อสายตาคชา  พักหลังมานี้เต๋าชอบแกล้งคนตัวเล็กแบบนี้บ่อยๆ  ชอบพูด ชอบล้อ พยายามจะทำให้คชาทำตัวไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอ

     

    “ใจร้ายอะไรเล่า”

     

    “ทำให้พี่กินทุกวันเลยไม่ได้หรอ”

     

    “โตแล้วก็ทำเองดิ”

     

    “ไม่ครับ ยังไม่โต ยังเป็นเด็กอยู่  ตัดเล็บก็ไม่เป็น ชงโอวัลตินกินเองก็ไม่ได้ ต้องมีคนทำให้”

     

    “พี่เต๋าเพ้อเจ้อ”  คชาบ่นเสียงเบา ตาคู่กลมพยายามไม่มองอีกคน  แล้วใช้มือจับช้อนชงโอวัลตินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจอีกฝ่าย

     

    “พูดเรื่องจริงก็หาว่าเพ้อเจ้อ  ใจร้ายจริงๆ” เต๋ายิ้มน้อยๆให้กับเด็กน้อยตรงหน้าแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแกล้งอีกคน  จนกระทั่งเสียงของพี่มิ้นท์ดังขึ้น เรียกให้ทั้งเต๋าและคชาหันหน้าไปยังต้นเสียงพร้อมกัน

     

    “อะแฮ่ม...สนใจพี่นิดนึง นี่ยืนมองนานแล้วนะ”  

     

    “พอดีโรงเรียนโทรมาให้ไปช่วยงานด่วน” 

     

    “ตอนนี้หรอฮะ?  คชาถามกลับ  สายตาจับจ้องพี่สาวของตัวเองที่กำลังเริ่มเก็บข้าวของสัมภาระ

     

    “ใช่...งั้นพี่ฝากคชากับเต๋าช่วยดูมังคุดให้หน่อยแล้วกันนะ พี่ต้องรีบออกไปโรงเรียน”

     

    “ไปนานไหม..”  คชาถามเสียงเบา  ใบหน้าน่ารักเริ่มง้ำงอเสียจนคนเป็นพี่ต้องร้องท้วง ก็วันหยุดนี้คชาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่บ้านเลยสักนิด

     

    “ก็จนกว่างานจะเสร็จ...ไม่ต้องทำหน้างอเลยนะ”  คชาไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้างอ แต่มันออกมาเองช่วยไม่ได้ 

     

    “เดี๋ยวเต๋าช่วยดูให้ครับพี่มิ้นท์”  เป็นเต๋าที่ตอบแทนเมื่อเห็นคนตัวเล็กด้านข้างยังคงเงียบ

     

    “พี่ฝากด้วยนะ ฝากทั้งเด็กที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วก็เด็กคนนี้ด้วย”  มิ้นท์เดินมาหาเต๋าและคชา ก่อนจะลูบคางน้องชายตัวเล็กคล้ายกับจะปลอบใจ  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้องชายสุดที่รักแย้มยิ้มขึ้นมาได้

     

    “อีกสักพักมังคุดคงตื่น นมอยู่ในตะกร้านะเต๋า แล้วกับข้าวอยู่ในตู้ อยากกินอะไรตามสบายเลย”  มิ้นท์ทิ้งท้ายบอกเต๋าก่อนจะรีบออกจากบ้านไป

     

    “เด็ก” เต๋าสะกิดเรียกเด็กน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง  เมื่อสังเกตได้ว่าคนที่อารมณ์ดีก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะหายหน้างอ หากแต่คชากลับไม่ได้ตอบอะไรเพียงเงยหน้ามองพี่ชายตัวสูงแล้วส่งสายตาแทนคำถาม

     

    “เด็กหิวข้าวแล้วยัง....ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าต้องหิวข้าวแน่เลย” คชามองหน้าคนเป็นพี่แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยให้มือหนาของอีกคนจูงตนเองมายังโต๊ะกินข้าว

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

     

    หลังจากจัดการกับมื้อเช้าที่แสนเรียบง่ายเสร็จ  เต๋าจึงอาสารับหน้าที่ล้างจานโดยมีคชายืนอุ้มแมวน้อยแสนรักอยู่ด้านข้าง  แผ่นหลังบางพิงกับขอบอ่างล้างจานข้างร่างสูง  สองมือลูบขนแมวน้อยป้อยๆแล้วคิดอะไรบางอย่าง

     

    เต๋าจัดการล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ ล้างมือของตัวเองให้สะอาดแล้วเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเขยิบเข้ามายืนชิดกับคชา

     

    “วันหยุดพี่เต๋าไม่อยากออกไปไหนหรอ”

     

    “ถามแบบนี้ยังไม่หายงอนพี่มิ้นท์ใช่ไหม?

     

    “ไม่ได้งอน  แต่แค่ไม่อยากอยู่บ้าน” คชาตอบเสียงเบา  เต๋าที่ได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดเด็กๆของเจ้าตัว

     

    “อยู่บ้านก็พิเศษได้นะเด็ก”

     

    “ยังไง”  คชาเงยหน้าถามอีกคนด้วยความสงสัย  ก่อนที่คำตอบของอีกคนจะทำให้คชากลับไปยืนก้มหน้าเกาคางแมวน้อยสุดรักอีกครั้ง

     

    “แค่อยู่ด้วยกันก็พิเศษแล้ว”

     

    “คิดไปเองคนเดียว”  คชาตอบพึมพำเสียงเบาไม่ยอมสบตาเต๋า ริมฝีปากบางกำลังพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มออกมา

     

    “เกาแต่คางแมวตัวเล็ก  แล้วคางแมวตัวโตหละครับ? 

     

    “พี่เต๋าเยอะ”  เต๋าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คชาพูด  หนำซ้ำยังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนคชาต้องรีบยกเอาขาหน้าของแมวตัวกลมขึ้นมาดันคางของอีกคนไว้

     

    “ก็เกาให้อยู่นี่ไง  แมวตัวโตขี้อิจฉาจังเลยนะ”  เต๋าหลุดหัวเราะออกมากับท่าทีของคนตรงหน้า  มือหนายกขึ้นลูบหัวกลมๆของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู  ทำไมนะ...ทั้งที่ตั้งใจจะไม่แสดงออกอะไร  แต่ได้อยู่ใกล้คชาทีไรเขากลับเป็นฝ่ายห้ามตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง

     

     

    เสียงร้องไห้โยเยของเด็กที่พึ่งตื่นนอนดังขึ้นจากโซฟาตัวยาวกลางบ้าน  เป็นสัญญาณให้เจ้าของแมวตัวเล็กเลิกเล่นกับแมวตัวโตแล้วเดินไปยังต้นเสียง   สองแขนแข็งแรงค่อยอุ้มประคองร่างเล็กของเด็กสามขวบขึ้นมาก่อนจะลูบหลังเบาๆ 

     

    “เด็ก..ขอขวดนมในตะกร้าหน่อยสิ”  คชาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย  เดินไปหยิบขวดนมในตะกร้าแล้วยื่นส่งให้อีกคนทันที

     

    “กินนมก่อนนะคนเก่ง”  เต๋ายื่นขวดนมให้เด็กน้อยที่ร้องโยเย  ทำให้เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นก่อนหน้าเริ่มเบาลงและเงียบหายไปในที่สุด

     

    “มังคุด ...หวัดดี  เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายเด็กน้อยในอ้อมแขนแข็งแรง  ใบหน้ากลมกำลังก้มซบอยู่ที่บ่าของร่างสูง ทำให้คชาต้องยืนเขย่งปลายเท้าทักทายเด็กหญิงตัวเล็กด้านหลังของพี่เต๋า

     

    “พี่ชาชา”  เด็กน้อยปล่อยขวดนมออกจากปากมองหน้าคชาตาแป๋ว  รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กผู้เป็นเพื่อนเล่นแสนใจดีของมังคุด

     

    “พี่ชาชา อุ้ม อุ้ม”  ร่างสูงหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะส่งมังคุดไปให้คชาอุ้มไว้แล้วมองดูคนตัวเล็กเดินไปนั่งยังโซฟา

     

    “พี่ว่าปูผ้าให้มังคุดนั่งเล่นหน้าทีวีดีกว่านะ  นั่งเล่นบนโซฟาเดี๋ยวตก”  คชาพยักหน้าเห็นด้วย ประครองอุ้มเด็กน้อยที่หันไปให้ความสนใจกับขวดนมอีกครั้ง แต่ดวงตาคู่กลมยังคงมองดูร่างสูงขาวก้มลงเคลื่อนย้ายโต๊ะกลางตัวเล็กก่อนจะขึ้นไปค้นผ้านวมผืนนุ่มลงมา

     

    .............

    ........

    .....

     

     

    “เห๊ย เต๋า...พี่จะออกไปร้าน จะไปด้วยกันไหม”  เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น  ตี๋เดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือภาพของน้องชายตัวเองที่กำลังจัดแจงปูผ้านวมลงกับพื้น  มือหนาเริ่มวางข้าวของเครื่องใช้เด็กลงบนผ้าผืนนุ่ม  ข้างๆเป็นน้องชายตัวเล็กข้างบ้านที่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงสนใจกับขวดนมในมือ

     

    “คงไม่ได้ไปแล้วพี่  พอดีพี่มิ้นท์ฝากดูน้องมังคุด”  เต๋าบอกแล้วเดินมาหาพี่ชายที่ประตูบ้าน  ตาคมเหลือบมองคชาที่กำลังจัดแจงท่าทางวางน้องมังคุดลงกับผ้านวมพื้นนุ่มที่เขาพึ่งจัดการปู

     

    “อ้าว  มิ้นท์ไม่อยู่หรอกหรอ”

     

    “พึ่งออกไปข้างนอกฮะ ไปทำงานที่โรงเรียน”  เป็นคชาที่ตอบแทนเต๋า  ในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดกับการจัดแจงวางหมอนกับข้าวของของมังคุด

     

    “โอเคๆ  งั้นเย็นๆเจอกัน”  ตี๋บอกลาก่อนแล้วกระซิบบางอย่างกับคนเป็นน้อง

     

    “เหมือนจะเล่นพ่อ แม่ ลูกกันเลยว่ะ...ขอให้มีความสุข แฮปปี้เดย์นะน้องชาย”  ตี๋ตบบ่าเต๋าแล้วเดินออกจากตัวบ้านไป  ทิ้งให้เต๋ายืนยิ้มเอ๋อกับตัวเอง

     

     

    ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาก็แอบคิดแบบนั้นเหมือนกัน...

     

     

    “พี่เต๋าเต๋าคะ”  แรงกระตุกบริเวณปลายเสื้อเรียกให้สติของเต๋ากลับคืนมา  ตาคมก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังยืนกอดขวดนมเปล่า  ใบหน้าไร้เดียงสาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ยังคงฉายบนใบหน้าของเต๋า

     

    “ครับ”

     

    “พี่เต๋าเต๋ายืนยิ้มอะไรคะ”

     

    “เปล่าครับ...ไม่มีอะไร”

     

    “หรอคะ..”

     

    “มังคุดมีอะไรหรือเปล่าครับ”

     

    “มังคุดหิวข้าวค่ะ  อยากกินข้าว”                        

     

    “แล้วมังคุดกินนมหมดแล้วหรอ”

     

    “ไม่อยากกินนมแล้วค่ะ นมหมดแล้วโบ๋เบ๋” เด็กตัวเล็กว่าแล้วชูขวดนมว่างเปล่าให้เต๋าดู

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่เต๋าทำอาหารอร่อยๆให้กินนะครับ  แต่ตอนนี้ไปนั่งกวนพี่ชาชาก่อนนะ”  เต๋าว่าแล้วก้มลงอุ้มมังคุดขึ้นมาอีกครั้ง  เดินไปหาคนตัวเล็กที่กำลังคิ้วขมวดใช้กรรไกรตัดกล่องนมก่อนจะพยายามเทมันลงใส่ขวดนมสีใสจนเต็ม  ท่าทางตั้งอกตั้งใจเกินปกติเรียกรอยยิ้มของคนตัวสูงขึ้นอีกครั้ง...

     

    “เด็กครับ...”  ตากลมช้อนมองคนเป็นพี่เมื่อจัดการกับขวดนมเสร็จ

     

    “พี่ฝากเด็กอีกคนก่อนนะ เดี๋ยวไปทำอาหารให้มังคุดกินแปบ” เต๋าว่าแล้ววางมังคุดให้นั่งลงกับผ้านวมพื้นนุ่มข้างคนตัวเล็ก

     

    “พี่ชาชา  นั่นแมวพี่ชาชาหรอคะ” เด็กหญิงตัวเล็กชี้ไปที่แมวน้อยที่กำลังเดินเชื่องช้ามาหาคชา          

    “ใช่แล้ว  น่ารักใช่ไหมหละ”  คชาว่าแล้วโน้มตัวไปอุ้มตัวกลมของแมวแสนรัก แล้วยกขาหน้ายื่นไปทักทายทางเด็กหญิงตัวเล็ก

     

    “น่ารักมากๆเลยค่ะ  แล้วแมวพี่ชาชาชื่ออะไรหรอ”

     

    “ชื่อคะน้า  พี่เต๋าตั้งให้” คชาหันไปมองร่างสูงที่กำลังตั้งใจทำอาหารอยู่หน้าเตา ก่อนเสียงใสจะตอบอย่างอารมณ์ดีแถมฉีกยิ้มกว้างจนเด็กหญิงตัวเล็กสงสัย

     

    “พี่เต๋าเต๋าตั้งให้แล้วทำไมพี่ชาชาต้องยิ้มด้วยคะ”

     

    “ก็แมวพี่น่ารักนี่นา”

     

    “พี่เต๋าเต๋าก็น่ารักค่ะ ใจดีด้วย” มังคุดตอบพูดด้วยความไร้เดียงสาทั้งยังยิ้มออกมาจนคชาหลุดหัวเราะ

     

    “หัวเราะอะไรกันเด็กสองคน”  กลิ่นหอมยั่วยวนของข้าวผัดแบบง่ายลอยมากระทบจมูกทั้งคชาและมังคุด  ก่อนที่เต๋าจะจานวางสีขาวจะลงกับผ้านวมผืนนุ่มแล้วทิ้งร่างของตัวเองนั่งลงข้างคนตัวเล็ก

     

    “กำลังคุยกันว่าพี่เต๋าเต๋าน่ารักแล้วก็ใจดีด้วยค่ะ จริงไหมคะพี่ชาชา”  มังคุดตอบก่อนที่ดวงตาใสซื่อจะมองไปขอความเห็นจากคชา

     

    “อะไรจริง” คชาถามเหมือนไม่เข้าใจที่มังคุดพูด..

     

    “ก็พี่เต๋าเต๋าน่ารักแล้วก็ใจดีด้วย”  ตาคู่กลมมองไปทางเต๋าก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนอยู่  แววตามุ่งมั่นในดวงตาคมมองมาเหมือนรอคอยคำตอบ

     

    “ก็.....” คนตัวเล็กเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหาเรื่องเปลี่ยนประเด็น  “ถึงเวลากินข้าวแล้ว  มังคุดมากินข้าวดีกว่านะ”  

     

    เต๋าได้แต่ยิ้มน้อยๆกับความพยายามในการเปลี่ยนเรื่องของคชา  ก่อนจะโน้มใบหน้ากระซิบไปยังข้างหูของเด็กที่กำลังอุ้มแมวแกล้งไม่สนใจเขา

     

    “ชมว่าพี่น่ารักหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายจริงๆนะเด็ก”

     

    “ไม่ได้หรอกเดี๋ยวผู้ใหญ่จะได้ใจ” คชาหันหน้ามาทางคนตัวสูง มือเล็กยกแมวน้อยขึ้นให้ขนนุ่มฟูของเจ้าตัวกลมสัมผัสกับใบหน้าคมของเต๋าก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนตัวสูงหลับตาปี๋

     

     

    .....อยากได้จริงๆเลยนะใจ  เมื่อไหร่จะได้?.....

     

     

     

    “พี่ชาชา อันนี้กินได้ไหม”  เสียงใสไร้เดียงสาของมังคุดเรียกความสนใจทั้งเต๋าและคชาอีกครั้ง  คนตัวเล็กปล่อยแมวตัวขาววางไว้บนตักแล้วมองไปยังมือเล็กที่ยกช้อนขึ้นมา

     

    “กินได้สิ นี่เป็นผักเรียกว่าถั่วลันเตา มังคุดชอบกินผักอยู่แล้ว กินได้ๆ”

     

    “อ่อออ...กลมๆ เขียวๆ เรียกถั่วลันเต๋า” คชาส่ายหัวทันทีเมื่อได้ยินมังคุดพูดผิด

     

    “ไม่ใช่ถั่วลันเต๋า  ถั่วลันเตา” คนตัวเล็กพยายามขยับปากช้าๆชัดๆ หวังให้มังคุดเข้าใจ

     

    “ค่ะ  ถั่วลันเตาของมังคุด ถั่วลันพี่เต๋าเต๋าของพี่ชาชา”  เสียงใสว่าก่อนจะตักข้าวผัดคำโตเข้าปากแล้วหันไปสนใจของกินในจานต่อ  ทิ้งให้พี่ชาชานั่งงงอ้าปากค้างจนได้ยินเสียงหัวเราะของพี่เต๋านั่นแหละสติถึงกลับมาอีกครั้ง

     

    “นี่พี่กลายเป็นถั่วไปแล้วหรอครับ” มือหนายกขึ้นลูบศีรษะมังคุดแล้วถามขึ้น 

     

    “ใช่ค่ะ  แต่ถั่วลันพี่เต๋าเต๋าเป็นของพี่ชาชานะคะ  เพราะถั่วลันเตาเป็นของมังคุดแล้ว...อร่อยๆ”  มังคุดตอบเต๋า แต่ปากยังคงตั้งใจจัดการอาหารในจาน

     

    “มังคุดนี่มีจินตนาการกว้างไกลดีจังเลยนะ  คชาว่าไหม?”  เต๋าว่าแล้วโน้มไหล่ไปชนกับไหล่บางของคชา เรียกให้ตากลมๆมองมาที่ตนเองอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

     

    “แล้วคะน้าต้องกินข้าวไหมคะ?”  มังคุดเงยหน้ามองดวงตากลมแป๋วของสิ่งมีชีวิตขนฟูบนตักของคชาแล้วถามขึ้นอีกครั้ง

     

    “กินสิครับ  คะน้าเป็นแมว คะน้าก็หิวเหมือนกัน” เต๋าตอบเด็กขี้สงสัยอีกครั้ง

     

    “งั้นให้คะน้ากินข้าวผัดกับมังคุดได้ไหมคะ”

     

    “คะน้ากินนมอิ่มแล้ว จานนี้มังคุดกินให้หมดดีกว่านะ”

     

    “มังคุดก็กินนมแล้ว แต่ไม่เห็นอิ่มเลย...คะน้ากินน้อยจังเลย”  ประโยคไร้เดียงสาของมังคุดเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งเต๋าและคชาให้ดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่คชาจะชวนน้องสาวตัวเล็กให้มาเล่นแมวแสนรักของตน

     

    “กินให้เสร็จแล้วมาเล่นกับคะน้ากัน” 

     

    หลังจากจัดการอาหารจานโตเสร็จมือเล็กก็แบไปยังคชาทันที   คนตัวเล็กยื่นแมวตัวน้อยให้น้องมังคุดกอดเอาไว้  เสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้นทันใดเมื่อปลายลิ้นสากของแมวตัวกลมเลียที่ข้อมือเล็ก  มังคุดเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วหยิบหวีออกมา ใช้มันสางไปยังขนฟูฟ่องของเจ้าเหมียว 

     

    “เที่ยงนี้เด็กอยากกินอะไรพิเศษไหม?”  เต๋าสะกิดถามคนตัวเล็กด้านข้างที่กำลังตั้งอกตั้งใจมองน้องสาวเล่นกับแมวสุดรักของตนเอง

     

    “ธรรมดาก็ได้  ทำไมต้องพิเศษด้วย” คชาถามกลับแล้วมองอีกคนด้วยความสงสัย

     

    “ไม่ได้ๆ  ก็วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา วันนี้เป็นวันพิเศษ จะกินอะไรก็ต้องพิเศษ เวลาจะกินก็ต้องกินกับคนพิ...”  ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี เสียงคชาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

    “กินข้าวผัดเหมือนมังคุดก็ได้  ทำไมพี่เต๋าต้องพูดเยอะด้วย” ตากลมมองจิกมายังร่างสูงจนอีกคนเผลอยกมือขึ้นมาหยิกแก้มใสเบาๆ

     

    “จับแก้มอีกแล้วนะ” คชาแกล้งทำเป็นว่าอีกคนเสียงดุ

     

    “ขอจับหน่อย  ไม่ได้จับนานแล้ว”

     

    “ทีหลังจะคิดตังค์แล้ว”

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่ขายที่นา ขายบ้านมาจ่ายล่วงหน้าเลยแล้วกันดีไหม”  มือหนาปล่อยจากแก้มเนียนของอีกคน  คชาได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเต๋าก่อนจะเหลือบไปเห็นท่าอุ้มแมวของคนเป็นน้องแล้วก็ต้องตกใจ  สองมือเล็กของมังคุดยกจับเข้าที่ขาหน้าทั้งสองข้างของแมวตัวกลม แล้วปล่อยให้ร่างของคะน้าห้อยกลางอากาศ

     

    “มังคุดอย่าอุ้มคะน้าแบบนั้นสิ  คะน้าจะเจ็บนะ”  เด็กหญิงตัวเล็กเงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความสงสัย  สองมือยังคงจับขาของแมวน้อยไว้แบบนั้น ทำให้คชาต้องรีบไปอุ้มคะน้าคืนมาทันที

     

    “อย่าอุ้มแบบนั้น คะน้าจะเจ็บรู้ไหม”  เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้แล้วขออุ้มแมวตัวกลมจากคชาอีกครั้ง 

     

     

     

    นั่งกอดนั่งเล่นเจ้าตัวกลมขนฟูได้สักพัก  คำขอร้องของมังคุดข้อใหม่ก็ส่งตรงถึงพี่เต๋า  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเล่านิทานตามคำขอร้องของเด็กน้อยแก้มกลมที่ดูเหมือนจะตั้งอกตั้งใจฟังคนเป็นพี่  ไม่ต่างกับเด็กอีกคนที่กอดหมอนมองตัวหนังสือในนิทานเล่มบางอยู่เหมือนกัน

     

    “อยากกินชานมสตรอเบอร์รี่”  เสียงใสบ่นขึ้นลอยๆ ก่อนจะทิ้งหัวกลมๆลงบนบ่ากว้างของเต๋า

     

    “ให้พี่ออกไปซื้อให้ไหม” เต๋าวางหนังสือเล่มบางลงเพราะเริ่มสังเกตว่ามังคุดจะให้ความสนใจกับการเล่นแมวมากกว่าการฟังนิทานจากตนเองไปแล้ว

     

    “ไม่ๆฮะ  แค่บ่นอยากกินเฉยๆ”  คชาส่ายหัวทั้งทียังซบอีกคนแบบนั้นก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วเรียกอีกคนเสียงเบา

     

    “ผู้ใหญ่...”

     

    “เด็กหิวข้าว” เต๋าหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามที่คชาใช้  ยิ้มน้อยๆให้แล้วลูบผมนิ่มของคนตัวเล็ก  เสียงหัวเราะของเต๋าทำให้คชาต้องเงยหน้ามองอีกคนก่อนจะย้ำความต้องการของตนเองอีกครั้ง

     

    “เด็กหิวจริงๆนะ”

     

    “เชื่อแล้วครับ  รอแปบนะเด็กเดี๋ยวผู้ใหญ่ไปจัดการให้.... ใจเย็นๆนะเด็ก” เต๋าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง   คชาเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มอยู่แล้วก็ได้แต่ทำหน้านิ่งส่งไปให้ มือหนาจึงเลื่อนไปสัมผัสที่ปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยก่อนจะบีบเบาๆแล้วเดินออกไปยังห้องครัว  ...พอเผลอเล่นด้วยพี่เต๋าก็เอาใหญ่เลยนะ

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

     

    หลังจากจัดการทำอาหารเที่ยงให้ทั้งเด็กและแมวเสร็จ  เต๋าก็รับหน้าที่ล้างจานเช่นเดิม  คชาปล่อยให้มังคุดเล่นกับคะน้าที่หน้าทีวีแล้วขึ้นไปหยิบหนังสือบนห้องนอน

     

    “มังคุด!”  คชาเรียกเด็กหญิงตัวเล็กเสียงดังจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง  มือเล็กเผลอปล่อยตัวกลมของแมวเหมียวลงกับพื้นด้วยความตกใจ  ภาพแมวตัวขาวลงไปนอนดิ้นกับพื้นบ้าน กับเสียงร้องเจ็บปวดของคะน้าเรียกให้คชารีบเดินเข้าไปอุ้มแมวน้อยขึ้นมาทันที

     

    “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าอุ้มคะน้าแบบนั้น”  เสียงร้องของแมวเหมียวตอนลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้นทำให้คชาเผลอขึ้นเสียงใส่น้องสาวตัวเล็ก  ภาพของแมวน้อยที่ลงไปนอนดิ้นตรงหน้ากับเสียงดุๆของคชาทำให้มังคุดร้องไห้ออกมาได้ไม่ยาก  หยดน้ำใสไหลตามแนวแก้มกลมอย่างห้ามไม่อยู่  เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังขึ้นจนเต๋าต้องรีบเข้ามาดู

     

    มือหนารีบอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาปลอบ  ก่อนจะมองไปยังคชาที่ยังคงลูบปลอบขนฟูของแมวรักไม่ต่างกัน

     

    “คชาว่าน้องเสียงดังไปหรือเปล่า”  เต๋าถามคชาที่เอาแต่สนใจสิ่งมีชีวิตขนฟู  ไม่หันมามองเจ้าของเสียงร้องไห้ในอ้อมแขนเขาเลยสักนิด

     

    “ก็มังคุดทำคะน้าตกพื้น”  คชาเงยหน้ามาทางอีกคน แอบตกใจเล็กน้อยที่เห็นน้ำตามากมายเปรอะเปื้อนแก้มมังคุด

     

    “น้องตัวสูงจากพื้นนิดเดียวเอง คะน้าไม่เจ็บมากหรอก”  คชาหันหน้าหนีทำเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่เต๋าพูดแล้วหันมาโต้กลับอีกคน

     

    “ไม่เจ็บได้ยังไง  เมื่อกี้คะน้าร้องเสียงดังเลยนะ”

     

    “พี่เต๋าเต๋าคะ ...ฮึก ฮือ ฮือ  มังคุดไม่ได้ตั้งใจ ฮึก ...ทำคะน้าตกนะคะ”

     

    “ครับๆ พี่เต๋ารู้ครับ”  เต๋าพยักหน้ารับคำบอกเล่าของเด็กตัวเล็ก มือหนายังคงปลอบลูบหลังอีกคนไม่หยุด

     

    “แต่พี่ชาชาดุมังคุด”  มังคุดว่าแล้วปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา

     

    “พี่ไม่ได้ดุนะ”  คชาโพล่งเสียงดังออกมาอีกครั้งด้วยความลืมตัว ทำให้มังคุดปล่อยโฮออกมาไม่หยุด

     

    “คชา” เต๋าเรียกชื่ออีกคนเสียงดัง แต่เหมือนคชาจะไม่ได้สนใจและยังรู้สึกโกรธน้องสาวตัวเล็กที่ทำแมวตัวเองเจ็บ

     

    “ห้ามเล่นกับคะน้าอีกเลยนะ”  คชาบอกทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปยังนอกบ้าน ปิดประตูเสียงดังเกินปกติจนมังคุดสะดุ้ง

     

    “พี่เต๋าเต๋า ฮือออ....”  เสียงร้องไห้โยเยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แขนเล็กสองข้างของมังคุดกอดคอคนเป็นพี่ไว้อย่างคนต้องการที่พึ่ง

     

    “ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ”

     

    “พี่ชาชาโกรธมังคุดแล้ว พี่ชาชาจะไม่เล่นกับมังคุดแล้ว”

     

    “พี่ชาชาไม่ได้โกรธมังคุดหรอกครับ  พี่ชาชาแค่ตกใจที่เห็นคะน้าเจ็บ แค่มังคุดออกไปขอโทษพี่ชาชา พี่ชาชาก็หายโกรธแล้วนะ” เต๋าว่าแล้วใช้นิ้วโป้งปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มของเด็กน้อย

     

    “มังคุดจะไปขอโทษพี่ชาชา   มังคุดไม่อยากให้พี่ชาชาโกรธ”

     

    “ได้ครับ  แต่มังคุดต้องหยุดร้องไห้ก่อนนะ แล้วพี่เต๋าจะพาออกไปหาพี่ชาชานะ”  มังคุดพยักหน้ารับแล้วพยายามกลั้นสะอื้น

     

    เต๋าอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กออกไปหาคชาที่นั่งหน้างออยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน  ปล่อยให้มังคุดเดินไปหาเจ้าของแมวตัวเล็กที่ยังคงลูบปลอบแมวสุดรักของตัวเองไม่ห่าง

     

     “พี่ชาชา  มังคุดขอโทษ  มังคุดไม่ได้ตั้งใจจะทำคะน้าเจ็บ”  น้องสาวตัวเล็กบอกขอโทษเสียงสะอื้น  คชามองมือเล็กที่เอื้อมจับแขนตัวเองไว้สลับกับดวงตาแดงก่ำที่ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมา

     

    “พี่ไม่ได้โกรธนะ  แต่พี่บอกคะน้าแล้วว่าอย่าอุ้มแมวพี่แบบนั้น”  คชาไม่ได้โกรธ  แต่ที่จริงก็แอบโกรธอยู่นิดหน่อยที่บอกมังคุดแล้วมังคุดไม่ยอมเชื่อ

     

    “มังคุดขอโทษ”  เด็กน้อยหน้าก้มหน้าบอกคำขอโทษอีกครั้ง

     

    “ไม่ได้โกรธแล้ว  แต่ถ้าร้องไห้อยู่จะโกรธ”

     

    “ไม่ร้องแล้ว  ไม่โกรธนะ...ขอโทษนะคะน้า  มังคุดไม่ได้ตั้งใจ”  เด็กหญิงตัวเล็กส่งยิ้มหวานให้คนเป็นพี่ก่อนจะหันไปลูบหัวแมวตัวเล็กบนโต๊ะ

     

    “คะน้าก็ไม่โกรธหรอก เพราะคะน้าเป็นแมวใจดี”  สิ้นประโยคของคชาเสียงหัวเราะขำขันของเต๋าก็ดังขึ้น  ทำให้คนตัวเล็กส่งตาขวางมองมายังตัวเองทันที...เรื่องของเด็กกับแมวเต๋าคงไม่มีสิทธิ์ยุ่งสินะ  ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะดุคชาเหมือนกันที่ขึ้นเสียงใส่น้อง แต่คิดไปคิดมาเรื่องมันก็เล็กนิดเดียว ปล่อยให้เด็กๆเคลียร์กันเองดีกว่า 

     

    “พี่เต๋าบอกแล้วว่าพี่ชาชาไม่โกรธหรอก  พี่ชาชาใจดีจะตาย” เต๋ามองดูเหตุการณ์สักพักแล้วเดินเข้าไปหาทั้งเด็กและแมว

     

    “ค่ะ  พี่ชาชาของมังคุดใจดีที่สุดเลย”  เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้วโอบกอดคนตัวเล็กไว้

     

    “ใช่  พี่ชาชาของมังคุดใจดีที่สุดเลย”  เต๋าพูดเลียนดัดเสียงเหมือนน้องสาวตัวเล็กแล้วกางแขนออกตั้งท่าจะกอดคชาอีกคน

     

    “พี่เต๋า!”  คชาเรียกชื่อเต๋าเสียงดัง สองมือดันแขนยาวสองข้างของร่างสูงเอาไว้แล้วรีบลุกขึ้นเตรียมตัวหนีเข้าบ้าน 

     

    “เข้าบ้านดีกว่ามังคุด  มีผู้ใหญ่บางคนแถวนี้เนียนอยากเป็นเด็ก”  คชาใช้มือหนึ่งจับมือน้องสาวตัวเล็กที่พึ่งคืนดีกัน  อีกมือก็อุ้มแมวน้อยตัวขาวแล้วรีบหันหลังเดินหนีเข้าบ้าน  ทิ้งให้เต๋านั่งยิ้มเจ้าเล่ห์หัวเราะอยู่คนเดียว

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

     

    เสียงเงียบจากห้องรับแขกทำให้เต๋าต้องชะเง้อมอง  สองมือยกแก้วน้ำหวานสีแดงที่แอบไปทำมาทดแทนชานมสตรอเบอร์รี่ที่คชาบ่นอยากกิน  อมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นทั้งคชา มังคุดรวมไปถึงคะน้ากำลังแข่งกันผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ  ใบหน้ากลมของน้องสาวตัวเล็กซุกอยู่ที่อกของคชา  อีกทั้งมือบางยังเอื้อมกอดทั้งมังคุดและแมวตัวกลมที่นอนแผ่แทรกกลางเอาไว้...น่าอิจฉาทั้งแมวและเด็ก

     

    “หลับทั้งเด็ก ทั้งแมวเลย...ก่อนหน้านี้ยังทะเลาะกันอยู่แท้ๆ”  เต๋าสายหน้าให้กับภาพตรงหน้า วางแก้วน้ำหวานสีสวยลงบนโต๊ะเล็ก  แล้วเดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนลงมาห่มให้สิ่งมีชีวิตที่นอนหลับไหลทั้งสาม

     

    คนตัวสูงนั่งมองเด็กสองคนกับแมวอีกหนึ่งตัวหลับใหลสู่นิทราสักพักก็หาวออกมาฟอดใหญ่  สะบัดหน้าสองสามทีเมื่อรู้สึกถึงความง่วงที่เข้ามาครอบงำจนรู้สึกต้านทานไม่ไหว...สายตาจึงเริ่มมองหาพื้นที่ว่างในการเอนตัวลงนอนบ้าง  กระตุกยิ้มออกมาบางเบาเมื่อมองเห็นพื้นที่ว่างข้างเด็กน้อยของเขา แล้วจึงเริ่มเอนตัวลงบนผ้าห่มพื้นนุ่มบ้าง


     

     

     

    วันหยุดสุดพิเศษกำลังจะผ่านไป...

     

     

     


     

    แต่จะวันหยุดสุดพิเศษหรือวันไหนๆ.....จะเป็นวันอะไรขอให้ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็พอ

     

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    เยส!!! ได้ลงฟิคแล้ว...ชีวิตในต่างแดนมันช่าง Hard Time
    สำหรับฟิคแค่อ่านแล้วมีความสุข อ่านแล้วยิ้มกับมันก็พอนะคะ เพราะตอนที่แต่ง ตอนที่ได้ลงฟิค คนแต่งก็มีความสุขเหมือนกัน
    J

     

    @CHICKIMILK


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×