คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 10 - Happy Alley เด็กเด็ก
Chapter 10
เช้าวันหยุดแสนสดใสที่รอคอยเวียนมาอีกครั้ง ปลายเท้าเล็กเขย่งลงมาจากบันไดทีละขั้นด้วยความอารมณ์ดีเมื่อเริ่มนึกถึงสิ่งที่จะทำในวันหยุดที่เฝ้ารอ
“มังคุดหรอพี่มิ้นท์” คชาเอ่ยถามทันทีเมื่อสังเกตเห็นเด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาคุ้นเคยนอนขดอยู่บนโซฟาตัวยาว
“ใช่ พอดีพี่ก้อยพาน้อยหน่าไปประชุมผู้ปกครองเลยเอามังคุดมาฝากไว้” คชาพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ห้องครัว ตั้งใจจะชงโอวัลตินรับเช้าวันใหม่แต่เสียงเคาะประตูจากหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน
คนตัวเล็กเดินไปเปิดประตูและก็ต้องส่งยิ้มหวานแต่เช้าเมื่อรู้ว่าใครคือผู้มาเยือน
“มาแต่เช้าเลย” เต๋ายิ้มน้อยๆให้กับคำทักทายของคชา มือหนายกขึ้นขยี้หัวกลมๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับอีกคนโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าบ้านเลยสักนิด เต๋าตั้งใจจะร้องทักทายพี่มิ้นท์แต่คนเป็นพี่เหมือนจะรู้ทัน ทำสัญญาณให้เขาเบาเสียงแล้วชี้ไปยังต้นเหตุที่นอนหลับปุ๋ยบนโซฟา
ขายาวจึงก้าวเดินตามคนตัวเล็กมายังห้องครัวแล้วนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร ไม่ใกล้ไม่ไกลมีแมวน้อยคะน้าตัวกลมกำลังจัดการกับมื้อเช้าของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย สักพักดวงตากลมแป๋วของแมวน้อยก็จ้องมองมายังร่างสูง ท้ายที่สุดก็ต้องก้มอุ้มเจ้าตัวกลมขึ้นมานั่งเล่นบนตัก
“กินข้าวมาแล้วยัง” คชาถามเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน ปลายเท้าเล็กเขย่งเอื้อมจับแก้วใบโปรดบนชั้นเหนือศีรษะ
“เรียบร้อยแล้ว คชาหละ?” เต๋าว่าพลางลูบคางแมวตัวกลม รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อโดนคะน้าใช้ลิ้นสากเลียที่หลังมือ
“ยังไม่ได้กินเลย กำลังจะชงโอวัลติน พี่เต๋ากินด้วยไหม” เต๋าพยักหน้ารับ สารภาพจากใจว่าแทบจะลืมรสชาติของโอวัลตินไปแล้วว่าเป็นยังไง และถ้าให้เลือกโอวัลตินคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขานึกอยากจะดื่ม การได้อยู่ใกล้คชาทำให้เต๋าเหมือนย้อนกลับไปวันวานเสมอ
“อร่อยไหม?” เสียงใสถามขึ้นอย่างต้องการคำตอบหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายยกแก้วสีหวานขึ้นดื่ม อีกทั้งดวงตาคู่กลมก็ส่งสัญญาณอย่างมีความหวัง แล้วเต๋าจะเลือกตอบคำตอบไหนได้
“อร่อยดี มีประโยชน์ด้วย” ตอบตามที่อีกคนหวังแต่ก็อดแซวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้
“ก็รู้หนิ” คชาที่ตีความได้ว่าเต๋ากำลังพูดเรื่องอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับอีกคน สองมือยกแก้วใบโปรดขึ้นดื่ม แล้วกรอกตาไปมา
“รู้ครับรู้ ....แบบนี้ต้องกินทุกวันแล้วสินะ ร่างกายจะได้แข็งแรง” เสียงทุ้มนุ่มที่ได้ยินบ่อยครั้งเริ่มจะแกล้งหยอกขึ้นมาทันที คชาที่เหมือนจะรู้ทันจึงพยายามไม่สนใจอีกคน แต่นั่นก็ไม่ทำให้เต๋าลดละความพยายามที่จะแกล้งน้องชายตัวเล็กให้จนมุม
“ก็กินดิ” ตอบกลับแต่ทำท่าทางไม่สนใจคนเป็นพี่
“ทำกินเองไม่เป็น”
“งั้นพี่เต๋าก็อด”
“ใจร้าย” ท่าทางที่เหมือนกับเด็กกำลังงอนกำลังปรากฏต่อสายตาคชา พักหลังมานี้เต๋าชอบแกล้งคนตัวเล็กแบบนี้บ่อยๆ ชอบพูด ชอบล้อ พยายามจะทำให้คชาทำตัวไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอ
“ใจร้ายอะไรเล่า”
“ทำให้พี่กินทุกวันเลยไม่ได้หรอ”
“โตแล้วก็ทำเองดิ”
“ไม่ครับ ยังไม่โต ยังเป็นเด็กอยู่ ตัดเล็บก็ไม่เป็น ชงโอวัลตินกินเองก็ไม่ได้ ต้องมีคนทำให้”
“พี่เต๋าเพ้อเจ้อ” คชาบ่นเสียงเบา ตาคู่กลมพยายามไม่มองอีกคน แล้วใช้มือจับช้อนชงโอวัลตินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจอีกฝ่าย
“พูดเรื่องจริงก็หาว่าเพ้อเจ้อ ใจร้ายจริงๆ” เต๋ายิ้มน้อยๆให้กับเด็กน้อยตรงหน้าแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแกล้งอีกคน จนกระทั่งเสียงของพี่มิ้นท์ดังขึ้น เรียกให้ทั้งเต๋าและคชาหันหน้าไปยังต้นเสียงพร้อมกัน
“อะแฮ่ม...สนใจพี่นิดนึง นี่ยืนมองนานแล้วนะ”
“พอดีโรงเรียนโทรมาให้ไปช่วยงานด่วน”
“ตอนนี้หรอฮะ?” คชาถามกลับ สายตาจับจ้องพี่สาวของตัวเองที่กำลังเริ่มเก็บข้าวของสัมภาระ
“ใช่...งั้นพี่ฝากคชากับเต๋าช่วยดูมังคุดให้หน่อยแล้วกันนะ พี่ต้องรีบออกไปโรงเรียน”
“ไปนานไหม..” คชาถามเสียงเบา ใบหน้าน่ารักเริ่มง้ำงอเสียจนคนเป็นพี่ต้องร้องท้วง ก็วันหยุดนี้คชาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่บ้านเลยสักนิด
“ก็จนกว่างานจะเสร็จ...ไม่ต้องทำหน้างอเลยนะ” คชาไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้างอ แต่มันออกมาเองช่วยไม่ได้
“เดี๋ยวเต๋าช่วยดูให้ครับพี่มิ้นท์” เป็นเต๋าที่ตอบแทนเมื่อเห็นคนตัวเล็กด้านข้างยังคงเงียบ
“พี่ฝากด้วยนะ ฝากทั้งเด็กที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วก็เด็กคนนี้ด้วย” มิ้นท์เดินมาหาเต๋าและคชา ก่อนจะลูบคางน้องชายตัวเล็กคล้ายกับจะปลอบใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้องชายสุดที่รักแย้มยิ้มขึ้นมาได้
“อีกสักพักมังคุดคงตื่น นมอยู่ในตะกร้านะเต๋า แล้วกับข้าวอยู่ในตู้ อยากกินอะไรตามสบายเลย” มิ้นท์ทิ้งท้ายบอกเต๋าก่อนจะรีบออกจากบ้านไป
“เด็ก” เต๋าสะกิดเรียกเด็กน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อสังเกตได้ว่าคนที่อารมณ์ดีก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะหายหน้างอ หากแต่คชากลับไม่ได้ตอบอะไรเพียงเงยหน้ามองพี่ชายตัวสูงแล้วส่งสายตาแทนคำถาม
“เด็กหิวข้าวแล้วยัง....ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าต้องหิวข้าวแน่เลย” คชามองหน้าคนเป็นพี่แล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยให้มือหนาของอีกคนจูงตนเองมายังโต๊ะกินข้าว
--------------------------------------------------------------------------
หลังจากจัดการกับมื้อเช้าที่แสนเรียบง่ายเสร็จ เต๋าจึงอาสารับหน้าที่ล้างจานโดยมีคชายืนอุ้มแมวน้อยแสนรักอยู่ด้านข้าง แผ่นหลังบางพิงกับขอบอ่างล้างจานข้างร่างสูง สองมือลูบขนแมวน้อยป้อยๆแล้วคิดอะไรบางอย่าง
เต๋าจัดการล้างจานใบสุดท้ายเสร็จ ล้างมือของตัวเองให้สะอาดแล้วเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเขยิบเข้ามายืนชิดกับคชา
“วันหยุดพี่เต๋าไม่อยากออกไปไหนหรอ”
“ถามแบบนี้ยังไม่หายงอนพี่มิ้นท์ใช่ไหม?”
“ไม่ได้งอน แต่แค่ไม่อยากอยู่บ้าน” คชาตอบเสียงเบา เต๋าที่ได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดเด็กๆของเจ้าตัว
“อยู่บ้านก็พิเศษได้นะเด็ก”
“ยังไง” คชาเงยหน้าถามอีกคนด้วยความสงสัย ก่อนที่คำตอบของอีกคนจะทำให้คชากลับไปยืนก้มหน้าเกาคางแมวน้อยสุดรักอีกครั้ง
“แค่อยู่ด้วยกันก็พิเศษแล้ว”
“คิดไปเองคนเดียว” คชาตอบพึมพำเสียงเบาไม่ยอมสบตาเต๋า ริมฝีปากบางกำลังพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดยิ้มออกมา
“เกาแต่คางแมวตัวเล็ก แล้วคางแมวตัวโตหละครับ?”
“พี่เต๋าเยอะ” เต๋าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คชาพูด หนำซ้ำยังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนคชาต้องรีบยกเอาขาหน้าของแมวตัวกลมขึ้นมาดันคางของอีกคนไว้
“ก็เกาให้อยู่นี่ไง แมวตัวโตขี้อิจฉาจังเลยนะ” เต๋าหลุดหัวเราะออกมากับท่าทีของคนตรงหน้า มือหนายกขึ้นลูบหัวกลมๆของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ทำไมนะ...ทั้งที่ตั้งใจจะไม่แสดงออกอะไร แต่ได้อยู่ใกล้คชาทีไรเขากลับเป็นฝ่ายห้ามตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง
เสียงร้องไห้โยเยของเด็กที่พึ่งตื่นนอนดังขึ้นจากโซฟาตัวยาวกลางบ้าน เป็นสัญญาณให้เจ้าของแมวตัวเล็กเลิกเล่นกับแมวตัวโตแล้วเดินไปยังต้นเสียง สองแขนแข็งแรงค่อยอุ้มประคองร่างเล็กของเด็กสามขวบขึ้นมาก่อนจะลูบหลังเบาๆ
“เด็ก..ขอขวดนมในตะกร้าหน่อยสิ” คชาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เดินไปหยิบขวดนมในตะกร้าแล้วยื่นส่งให้อีกคนทันที
“กินนมก่อนนะคนเก่ง” เต๋ายื่นขวดนมให้เด็กน้อยที่ร้องโยเย ทำให้เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นก่อนหน้าเริ่มเบาลงและเงียบหายไปในที่สุด
“มังคุด ...หวัดดี เลิกร้องไห้ได้แล้วนะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายเด็กน้อยในอ้อมแขนแข็งแรง ใบหน้ากลมกำลังก้มซบอยู่ที่บ่าของร่างสูง ทำให้คชาต้องยืนเขย่งปลายเท้าทักทายเด็กหญิงตัวเล็กด้านหลังของพี่เต๋า
“พี่ชาชา” เด็กน้อยปล่อยขวดนมออกจากปากมองหน้าคชาตาแป๋ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กผู้เป็นเพื่อนเล่นแสนใจดีของมังคุด
“พี่ชาชา อุ้ม อุ้ม” ร่างสูงหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะส่งมังคุดไปให้คชาอุ้มไว้แล้วมองดูคนตัวเล็กเดินไปนั่งยังโซฟา
“พี่ว่าปูผ้าให้มังคุดนั่งเล่นหน้าทีวีดีกว่านะ นั่งเล่นบนโซฟาเดี๋ยวตก” คชาพยักหน้าเห็นด้วย ประครองอุ้มเด็กน้อยที่หันไปให้ความสนใจกับขวดนมอีกครั้ง แต่ดวงตาคู่กลมยังคงมองดูร่างสูงขาวก้มลงเคลื่อนย้ายโต๊ะกลางตัวเล็กก่อนจะขึ้นไปค้นผ้านวมผืนนุ่มลงมา
.............
........
.....
“เห๊ย เต๋า...พี่จะออกไปร้าน จะไปด้วยกันไหม” เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น ตี๋เดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือภาพของน้องชายตัวเองที่กำลังจัดแจงปูผ้านวมลงกับพื้น มือหนาเริ่มวางข้าวของเครื่องใช้เด็กลงบนผ้าผืนนุ่ม ข้างๆเป็นน้องชายตัวเล็กข้างบ้านที่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงสนใจกับขวดนมในมือ
“คงไม่ได้ไปแล้วพี่ พอดีพี่มิ้นท์ฝากดูน้องมังคุด” เต๋าบอกแล้วเดินมาหาพี่ชายที่ประตูบ้าน ตาคมเหลือบมองคชาที่กำลังจัดแจงท่าทางวางน้องมังคุดลงกับผ้านวมพื้นนุ่มที่เขาพึ่งจัดการปู
“อ้าว มิ้นท์ไม่อยู่หรอกหรอ”
“พึ่งออกไปข้างนอกฮะ ไปทำงานที่โรงเรียน” เป็นคชาที่ตอบแทนเต๋า ในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดกับการจัดแจงวางหมอนกับข้าวของของมังคุด
“โอเคๆ งั้นเย็นๆเจอกัน” ตี๋บอกลาก่อนแล้วกระซิบบางอย่างกับคนเป็นน้อง
“เหมือนจะเล่นพ่อ แม่ ลูกกันเลยว่ะ...ขอให้มีความสุข แฮปปี้เดย์นะน้องชาย” ตี๋ตบบ่าเต๋าแล้วเดินออกจากตัวบ้านไป ทิ้งให้เต๋ายืนยิ้มเอ๋อกับตัวเอง
ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาก็แอบคิดแบบนั้นเหมือนกัน...
“พี่เต๋าเต๋าคะ” แรงกระตุกบริเวณปลายเสื้อเรียกให้สติของเต๋ากลับคืนมา ตาคมก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังยืนกอดขวดนมเปล่า ใบหน้าไร้เดียงสาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ยังคงฉายบนใบหน้าของเต๋า
“ครับ”
“พี่เต๋าเต๋ายืนยิ้มอะไรคะ”
“เปล่าครับ...ไม่มีอะไร”
“หรอคะ..”
“มังคุดมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มังคุดหิวข้าวค่ะ อยากกินข้าว”
“แล้วมังคุดกินนมหมดแล้วหรอ”
“ไม่อยากกินนมแล้วค่ะ นมหมดแล้วโบ๋เบ๋” เด็กตัวเล็กว่าแล้วชูขวดนมว่างเปล่าให้เต๋าดู
“งั้นเดี๋ยวพี่เต๋าทำอาหารอร่อยๆให้กินนะครับ แต่ตอนนี้ไปนั่งกวนพี่ชาชาก่อนนะ” เต๋าว่าแล้วก้มลงอุ้มมังคุดขึ้นมาอีกครั้ง เดินไปหาคนตัวเล็กที่กำลังคิ้วขมวดใช้กรรไกรตัดกล่องนมก่อนจะพยายามเทมันลงใส่ขวดนมสีใสจนเต็ม ท่าทางตั้งอกตั้งใจเกินปกติเรียกรอยยิ้มของคนตัวสูงขึ้นอีกครั้ง...
“เด็กครับ...” ตากลมช้อนมองคนเป็นพี่เมื่อจัดการกับขวดนมเสร็จ
“พี่ฝากเด็กอีกคนก่อนนะ เดี๋ยวไปทำอาหารให้มังคุดกินแปบ” เต๋าว่าแล้ววางมังคุดให้นั่งลงกับผ้านวมพื้นนุ่มข้างคนตัวเล็ก
“พี่ชาชา นั่นแมวพี่ชาชาหรอคะ” เด็กหญิงตัวเล็กชี้ไปที่แมวน้อยที่กำลังเดินเชื่องช้ามาหาคชา
“ใช่แล้ว น่ารักใช่ไหมหละ” คชาว่าแล้วโน้มตัวไปอุ้มตัวกลมของแมวแสนรัก แล้วยกขาหน้ายื่นไปทักทายทางเด็กหญิงตัวเล็ก
“น่ารักมากๆเลยค่ะ แล้วแมวพี่ชาชาชื่ออะไรหรอ”
“ชื่อคะน้า พี่เต๋าตั้งให้” คชาหันไปมองร่างสูงที่กำลังตั้งใจทำอาหารอยู่หน้าเตา ก่อนเสียงใสจะตอบอย่างอารมณ์ดีแถมฉีกยิ้มกว้างจนเด็กหญิงตัวเล็กสงสัย
“พี่เต๋าเต๋าตั้งให้แล้วทำไมพี่ชาชาต้องยิ้มด้วยคะ”
“ก็แมวพี่น่ารักนี่นา”
“พี่เต๋าเต๋าก็น่ารักค่ะ ใจดีด้วย” มังคุดตอบพูดด้วยความไร้เดียงสาทั้งยังยิ้มออกมาจนคชาหลุดหัวเราะ
“หัวเราะอะไรกันเด็กสองคน” กลิ่นหอมยั่วยวนของข้าวผัดแบบง่ายลอยมากระทบจมูกทั้งคชาและมังคุด ก่อนที่เต๋าจะจานวางสีขาวจะลงกับผ้านวมผืนนุ่มแล้วทิ้งร่างของตัวเองนั่งลงข้างคนตัวเล็ก
“กำลังคุยกันว่าพี่เต๋าเต๋าน่ารักแล้วก็ใจดีด้วยค่ะ จริงไหมคะพี่ชาชา” มังคุดตอบก่อนที่ดวงตาใสซื่อจะมองไปขอความเห็นจากคชา
“อะไรจริง” คชาถามเหมือนไม่เข้าใจที่มังคุดพูด..
“ก็พี่เต๋าเต๋าน่ารักแล้วก็ใจดีด้วย” ตาคู่กลมมองไปทางเต๋าก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายมองมาที่ตนอยู่ แววตามุ่งมั่นในดวงตาคมมองมาเหมือนรอคอยคำตอบ
“ก็.....” คนตัวเล็กเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหาเรื่องเปลี่ยนประเด็น “ถึงเวลากินข้าวแล้ว มังคุดมากินข้าวดีกว่านะ”
เต๋าได้แต่ยิ้มน้อยๆกับความพยายามในการเปลี่ยนเรื่องของคชา ก่อนจะโน้มใบหน้ากระซิบไปยังข้างหูของเด็กที่กำลังอุ้มแมวแกล้งไม่สนใจเขา
“ชมว่าพี่น่ารักหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายจริงๆนะเด็ก”
“ไม่ได้หรอกเดี๋ยวผู้ใหญ่จะได้ใจ” คชาหันหน้ามาทางคนตัวสูง มือเล็กยกแมวน้อยขึ้นให้ขนนุ่มฟูของเจ้าตัวกลมสัมผัสกับใบหน้าคมของเต๋าก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนตัวสูงหลับตาปี๋
.....อยากได้จริงๆเลยนะใจ เมื่อไหร่จะได้?.....
“พี่ชาชา อันนี้กินได้ไหม” เสียงใสไร้เดียงสาของมังคุดเรียกความสนใจทั้งเต๋าและคชาอีกครั้ง คนตัวเล็กปล่อยแมวตัวขาววางไว้บนตักแล้วมองไปยังมือเล็กที่ยกช้อนขึ้นมา
“กินได้สิ นี่เป็นผักเรียกว่าถั่วลันเตา มังคุดชอบกินผักอยู่แล้ว กินได้ๆ”
“อ่อออ...กลมๆ เขียวๆ เรียกถั่วลันเต๋า” คชาส่ายหัวทันทีเมื่อได้ยินมังคุดพูดผิด
“ไม่ใช่ถั่วลันเต๋า ถั่วลันเตา” คนตัวเล็กพยายามขยับปากช้าๆชัดๆ หวังให้มังคุดเข้าใจ
“ค่ะ ถั่วลันเตาของมังคุด ถั่วลันพี่เต๋าเต๋าของพี่ชาชา” เสียงใสว่าก่อนจะตักข้าวผัดคำโตเข้าปากแล้วหันไปสนใจของกินในจานต่อ ทิ้งให้พี่ชาชานั่งงงอ้าปากค้างจนได้ยินเสียงหัวเราะของพี่เต๋านั่นแหละสติถึงกลับมาอีกครั้ง
“นี่พี่กลายเป็นถั่วไปแล้วหรอครับ” มือหนายกขึ้นลูบศีรษะมังคุดแล้วถามขึ้น
“ใช่ค่ะ แต่ถั่วลันพี่เต๋าเต๋าเป็นของพี่ชาชานะคะ เพราะถั่วลันเตาเป็นของมังคุดแล้ว...อร่อยๆ” มังคุดตอบเต๋า แต่ปากยังคงตั้งใจจัดการอาหารในจาน
“มังคุดนี่มีจินตนาการกว้างไกลดีจังเลยนะ คชาว่าไหม?” เต๋าว่าแล้วโน้มไหล่ไปชนกับไหล่บางของคชา เรียกให้ตากลมๆมองมาที่ตนเองอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“แล้วคะน้าต้องกินข้าวไหมคะ?” มังคุดเงยหน้ามองดวงตากลมแป๋วของสิ่งมีชีวิตขนฟูบนตักของคชาแล้วถามขึ้นอีกครั้ง
“กินสิครับ คะน้าเป็นแมว คะน้าก็หิวเหมือนกัน” เต๋าตอบเด็กขี้สงสัยอีกครั้ง
“งั้นให้คะน้ากินข้าวผัดกับมังคุดได้ไหมคะ”
“คะน้ากินนมอิ่มแล้ว จานนี้มังคุดกินให้หมดดีกว่านะ”
“มังคุดก็กินนมแล้ว แต่ไม่เห็นอิ่มเลย...คะน้ากินน้อยจังเลย” ประโยคไร้เดียงสาของมังคุดเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งเต๋าและคชาให้ดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่คชาจะชวนน้องสาวตัวเล็กให้มาเล่นแมวแสนรักของตน
“กินให้เสร็จแล้วมาเล่นกับคะน้ากัน”
หลังจากจัดการอาหารจานโตเสร็จมือเล็กก็แบไปยังคชาทันที คนตัวเล็กยื่นแมวตัวน้อยให้น้องมังคุดกอดเอาไว้ เสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้นทันใดเมื่อปลายลิ้นสากของแมวตัวกลมเลียที่ข้อมือเล็ก มังคุดเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วหยิบหวีออกมา ใช้มันสางไปยังขนฟูฟ่องของเจ้าเหมียว
“เที่ยงนี้เด็กอยากกินอะไรพิเศษไหม?” เต๋าสะกิดถามคนตัวเล็กด้านข้างที่กำลังตั้งอกตั้งใจมองน้องสาวเล่นกับแมวสุดรักของตนเอง
“ธรรมดาก็ได้ ทำไมต้องพิเศษด้วย” คชาถามกลับแล้วมองอีกคนด้วยความสงสัย
“ไม่ได้ๆ ก็วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา วันนี้เป็นวันพิเศษ จะกินอะไรก็ต้องพิเศษ เวลาจะกินก็ต้องกินกับคนพิ...” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี เสียงคชาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“กินข้าวผัดเหมือนมังคุดก็ได้ ทำไมพี่เต๋าต้องพูดเยอะด้วย” ตากลมมองจิกมายังร่างสูงจนอีกคนเผลอยกมือขึ้นมาหยิกแก้มใสเบาๆ
“จับแก้มอีกแล้วนะ” คชาแกล้งทำเป็นว่าอีกคนเสียงดุ
“ขอจับหน่อย ไม่ได้จับนานแล้ว”
“ทีหลังจะคิดตังค์แล้ว”
“งั้นเดี๋ยวพี่ขายที่นา ขายบ้านมาจ่ายล่วงหน้าเลยแล้วกันดีไหม” มือหนาปล่อยจากแก้มเนียนของอีกคน คชาได้แต่อมยิ้มส่ายหน้าทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเต๋าก่อนจะเหลือบไปเห็นท่าอุ้มแมวของคนเป็นน้องแล้วก็ต้องตกใจ สองมือเล็กของมังคุดยกจับเข้าที่ขาหน้าทั้งสองข้างของแมวตัวกลม แล้วปล่อยให้ร่างของคะน้าห้อยกลางอากาศ
“มังคุดอย่าอุ้มคะน้าแบบนั้นสิ คะน้าจะเจ็บนะ” เด็กหญิงตัวเล็กเงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความสงสัย สองมือยังคงจับขาของแมวน้อยไว้แบบนั้น ทำให้คชาต้องรีบไปอุ้มคะน้าคืนมาทันที
“อย่าอุ้มแบบนั้น คะน้าจะเจ็บรู้ไหม” เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้แล้วขออุ้มแมวตัวกลมจากคชาอีกครั้ง
นั่งกอดนั่งเล่นเจ้าตัวกลมขนฟูได้สักพัก คำขอร้องของมังคุดข้อใหม่ก็ส่งตรงถึงพี่เต๋า เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเล่านิทานตามคำขอร้องของเด็กน้อยแก้มกลมที่ดูเหมือนจะตั้งอกตั้งใจฟังคนเป็นพี่ ไม่ต่างกับเด็กอีกคนที่กอดหมอนมองตัวหนังสือในนิทานเล่มบางอยู่เหมือนกัน
“อยากกินชานมสตรอเบอร์รี่” เสียงใสบ่นขึ้นลอยๆ ก่อนจะทิ้งหัวกลมๆลงบนบ่ากว้างของเต๋า
“ให้พี่ออกไปซื้อให้ไหม” เต๋าวางหนังสือเล่มบางลงเพราะเริ่มสังเกตว่ามังคุดจะให้ความสนใจกับการเล่นแมวมากกว่าการฟังนิทานจากตนเองไปแล้ว
“ไม่ๆฮะ แค่บ่นอยากกินเฉยๆ” คชาส่ายหัวทั้งทียังซบอีกคนแบบนั้นก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วเรียกอีกคนเสียงเบา
“ผู้ใหญ่...”
“เด็กหิวข้าว” เต๋าหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามที่คชาใช้ ยิ้มน้อยๆให้แล้วลูบผมนิ่มของคนตัวเล็ก เสียงหัวเราะของเต๋าทำให้คชาต้องเงยหน้ามองอีกคนก่อนจะย้ำความต้องการของตนเองอีกครั้ง
“เด็กหิวจริงๆนะ”
“เชื่อแล้วครับ รอแปบนะเด็กเดี๋ยวผู้ใหญ่ไปจัดการให้.... ใจเย็นๆนะเด็ก” เต๋าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คชาเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มอยู่แล้วก็ได้แต่ทำหน้านิ่งส่งไปให้ มือหนาจึงเลื่อนไปสัมผัสที่ปลายจมูกรั้นของคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยก่อนจะบีบเบาๆแล้วเดินออกไปยังห้องครัว ...พอเผลอเล่นด้วยพี่เต๋าก็เอาใหญ่เลยนะ
--------------------------------------------------------------------------
หลังจากจัดการทำอาหารเที่ยงให้ทั้งเด็กและแมวเสร็จ เต๋าก็รับหน้าที่ล้างจานเช่นเดิม คชาปล่อยให้มังคุดเล่นกับคะน้าที่หน้าทีวีแล้วขึ้นไปหยิบหนังสือบนห้องนอน
“มังคุด!” คชาเรียกเด็กหญิงตัวเล็กเสียงดังจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง มือเล็กเผลอปล่อยตัวกลมของแมวเหมียวลงกับพื้นด้วยความตกใจ ภาพแมวตัวขาวลงไปนอนดิ้นกับพื้นบ้าน กับเสียงร้องเจ็บปวดของคะน้าเรียกให้คชารีบเดินเข้าไปอุ้มแมวน้อยขึ้นมาทันที
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าอุ้มคะน้าแบบนั้น” เสียงร้องของแมวเหมียวตอนลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้นทำให้คชาเผลอขึ้นเสียงใส่น้องสาวตัวเล็ก ภาพของแมวน้อยที่ลงไปนอนดิ้นตรงหน้ากับเสียงดุๆของคชาทำให้มังคุดร้องไห้ออกมาได้ไม่ยาก หยดน้ำใสไหลตามแนวแก้มกลมอย่างห้ามไม่อยู่ เสียงสะอึกสะอื้นเริ่มดังขึ้นจนเต๋าต้องรีบเข้ามาดู
มือหนารีบอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาปลอบ ก่อนจะมองไปยังคชาที่ยังคงลูบปลอบขนฟูของแมวรักไม่ต่างกัน
“คชาว่าน้องเสียงดังไปหรือเปล่า” เต๋าถามคชาที่เอาแต่สนใจสิ่งมีชีวิตขนฟู ไม่หันมามองเจ้าของเสียงร้องไห้ในอ้อมแขนเขาเลยสักนิด
“ก็มังคุดทำคะน้าตกพื้น” คชาเงยหน้ามาทางอีกคน แอบตกใจเล็กน้อยที่เห็นน้ำตามากมายเปรอะเปื้อนแก้มมังคุด
“น้องตัวสูงจากพื้นนิดเดียวเอง คะน้าไม่เจ็บมากหรอก” คชาหันหน้าหนีทำเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่เต๋าพูดแล้วหันมาโต้กลับอีกคน
“ไม่เจ็บได้ยังไง เมื่อกี้คะน้าร้องเสียงดังเลยนะ”
“พี่เต๋าเต๋าคะ ...ฮึก ฮือ ฮือ มังคุดไม่ได้ตั้งใจ ฮึก ...ทำคะน้าตกนะคะ”
“ครับๆ พี่เต๋ารู้ครับ” เต๋าพยักหน้ารับคำบอกเล่าของเด็กตัวเล็ก มือหนายังคงปลอบลูบหลังอีกคนไม่หยุด
“แต่พี่ชาชาดุมังคุด” มังคุดว่าแล้วปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา
“พี่ไม่ได้ดุนะ” คชาโพล่งเสียงดังออกมาอีกครั้งด้วยความลืมตัว ทำให้มังคุดปล่อยโฮออกมาไม่หยุด
“คชา” เต๋าเรียกชื่ออีกคนเสียงดัง แต่เหมือนคชาจะไม่ได้สนใจและยังรู้สึกโกรธน้องสาวตัวเล็กที่ทำแมวตัวเองเจ็บ
“ห้ามเล่นกับคะน้าอีกเลยนะ” คชาบอกทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปยังนอกบ้าน ปิดประตูเสียงดังเกินปกติจนมังคุดสะดุ้ง
“พี่เต๋าเต๋า ฮือออ....” เสียงร้องไห้โยเยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แขนเล็กสองข้างของมังคุดกอดคอคนเป็นพี่ไว้อย่างคนต้องการที่พึ่ง
“ไม่ร้องนะ ไม่ร้องนะ”
“พี่ชาชาโกรธมังคุดแล้ว พี่ชาชาจะไม่เล่นกับมังคุดแล้ว”
“พี่ชาชาไม่ได้โกรธมังคุดหรอกครับ พี่ชาชาแค่ตกใจที่เห็นคะน้าเจ็บ แค่มังคุดออกไปขอโทษพี่ชาชา พี่ชาชาก็หายโกรธแล้วนะ” เต๋าว่าแล้วใช้นิ้วโป้งปาดหยดน้ำตาออกจากแก้มของเด็กน้อย
“มังคุดจะไปขอโทษพี่ชาชา มังคุดไม่อยากให้พี่ชาชาโกรธ”
“ได้ครับ แต่มังคุดต้องหยุดร้องไห้ก่อนนะ แล้วพี่เต๋าจะพาออกไปหาพี่ชาชานะ” มังคุดพยักหน้ารับแล้วพยายามกลั้นสะอื้น
เต๋าอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กออกไปหาคชาที่นั่งหน้างออยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ปล่อยให้มังคุดเดินไปหาเจ้าของแมวตัวเล็กที่ยังคงลูบปลอบแมวสุดรักของตัวเองไม่ห่าง
“พี่ชาชา มังคุดขอโทษ มังคุดไม่ได้ตั้งใจจะทำคะน้าเจ็บ” น้องสาวตัวเล็กบอกขอโทษเสียงสะอื้น คชามองมือเล็กที่เอื้อมจับแขนตัวเองไว้สลับกับดวงตาแดงก่ำที่ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมา
“พี่ไม่ได้โกรธนะ แต่พี่บอกคะน้าแล้วว่าอย่าอุ้มแมวพี่แบบนั้น” คชาไม่ได้โกรธ แต่ที่จริงก็แอบโกรธอยู่นิดหน่อยที่บอกมังคุดแล้วมังคุดไม่ยอมเชื่อ
“มังคุดขอโทษ” เด็กน้อยหน้าก้มหน้าบอกคำขอโทษอีกครั้ง
“ไม่ได้โกรธแล้ว แต่ถ้าร้องไห้อยู่จะโกรธ”
“ไม่ร้องแล้ว ไม่โกรธนะ...ขอโทษนะคะน้า มังคุดไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหญิงตัวเล็กส่งยิ้มหวานให้คนเป็นพี่ก่อนจะหันไปลูบหัวแมวตัวเล็กบนโต๊ะ
“คะน้าก็ไม่โกรธหรอก เพราะคะน้าเป็นแมวใจดี” สิ้นประโยคของคชาเสียงหัวเราะขำขันของเต๋าก็ดังขึ้น ทำให้คนตัวเล็กส่งตาขวางมองมายังตัวเองทันที...เรื่องของเด็กกับแมวเต๋าคงไม่มีสิทธิ์ยุ่งสินะ ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะดุคชาเหมือนกันที่ขึ้นเสียงใส่น้อง แต่คิดไปคิดมาเรื่องมันก็เล็กนิดเดียว ปล่อยให้เด็กๆเคลียร์กันเองดีกว่า
“พี่เต๋าบอกแล้วว่าพี่ชาชาไม่โกรธหรอก พี่ชาชาใจดีจะตาย” เต๋ามองดูเหตุการณ์สักพักแล้วเดินเข้าไปหาทั้งเด็กและแมว
“ค่ะ พี่ชาชาของมังคุดใจดีที่สุดเลย” เด็กน้อยพยักหน้ารับแล้วโอบกอดคนตัวเล็กไว้
“ใช่ พี่ชาชาของมังคุดใจดีที่สุดเลย” เต๋าพูดเลียนดัดเสียงเหมือนน้องสาวตัวเล็กแล้วกางแขนออกตั้งท่าจะกอดคชาอีกคน
“พี่เต๋า!” คชาเรียกชื่อเต๋าเสียงดัง สองมือดันแขนยาวสองข้างของร่างสูงเอาไว้แล้วรีบลุกขึ้นเตรียมตัวหนีเข้าบ้าน
“เข้าบ้านดีกว่ามังคุด มีผู้ใหญ่บางคนแถวนี้เนียนอยากเป็นเด็ก” คชาใช้มือหนึ่งจับมือน้องสาวตัวเล็กที่พึ่งคืนดีกัน อีกมือก็อุ้มแมวน้อยตัวขาวแล้วรีบหันหลังเดินหนีเข้าบ้าน ทิ้งให้เต๋านั่งยิ้มเจ้าเล่ห์หัวเราะอยู่คนเดียว
--------------------------------------------------------------------------
เสียงเงียบจากห้องรับแขกทำให้เต๋าต้องชะเง้อมอง สองมือยกแก้วน้ำหวานสีแดงที่แอบไปทำมาทดแทนชานมสตรอเบอร์รี่ที่คชาบ่นอยากกิน อมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นทั้งคชา มังคุดรวมไปถึงคะน้ากำลังแข่งกันผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ใบหน้ากลมของน้องสาวตัวเล็กซุกอยู่ที่อกของคชา อีกทั้งมือบางยังเอื้อมกอดทั้งมังคุดและแมวตัวกลมที่นอนแผ่แทรกกลางเอาไว้...น่าอิจฉาทั้งแมวและเด็ก
“หลับทั้งเด็ก ทั้งแมวเลย...ก่อนหน้านี้ยังทะเลาะกันอยู่แท้ๆ” เต๋าสายหน้าให้กับภาพตรงหน้า วางแก้วน้ำหวานสีสวยลงบนโต๊ะเล็ก แล้วเดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนลงมาห่มให้สิ่งมีชีวิตที่นอนหลับไหลทั้งสาม
คนตัวสูงนั่งมองเด็กสองคนกับแมวอีกหนึ่งตัวหลับใหลสู่นิทราสักพักก็หาวออกมาฟอดใหญ่ สะบัดหน้าสองสามทีเมื่อรู้สึกถึงความง่วงที่เข้ามาครอบงำจนรู้สึกต้านทานไม่ไหว...สายตาจึงเริ่มมองหาพื้นที่ว่างในการเอนตัวลงนอนบ้าง กระตุกยิ้มออกมาบางเบาเมื่อมองเห็นพื้นที่ว่างข้างเด็กน้อยของเขา แล้วจึงเริ่มเอนตัวลงบนผ้าห่มพื้นนุ่มบ้าง
วันหยุดสุดพิเศษกำลังจะผ่านไป...
แต่จะวันหยุดสุดพิเศษหรือวันไหนๆ.....จะเป็นวันอะไรขอให้ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็พอ
--------------------------------------------------------------------------
เยส!!! ได้ลงฟิคแล้ว...ชีวิตในต่างแดนมันช่าง Hard Time
สำหรับฟิคแค่อ่านแล้วมีความสุข อ่านแล้วยิ้มกับมันก็พอนะคะ เพราะตอนที่แต่ง ตอนที่ได้ลงฟิค คนแต่งก็มีความสุขเหมือนกัน J
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น