คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 06 : พันธนาการใต้แสงจันทร์
แพรวสูดหายใจเข้าลึก ขจัดความลังเลออกไปจากใจ เธอก้าวขาอันสั่นเทาเข้าไปหาภาคินที่นอนหายใจหอบถี่อยู่บนพื้น ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง เหงื่อไหลท่วมตัว ราวกับเพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ
"อย่า... อย่าเข้ามานะ..." ภาคินพยายามพูด แต่เสียงของเขาแหบพร่าแทบฟังไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียว
แพรวมองเขาด้วยแววตาสงสาร "ฉันต้องช่วยคุณ" เธอพูดเสียงแผ่ว
"ไม่... มันอันตราย..." ภาคินพยายามยื่นมือออกไปห้ามเธอ แต่แขนของเขากลับไร้เรี่ยวแรง ล้มลงข้างตัว
แพรวคุกเข่าลงข้างๆ ภาคิน มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าร้อนผ่าวของเขา "ฉันไม่กลัว" เธอพูด น้ำเสียงของเธอหนักแน่นขึ้น "ฉันจะช่วยคุณ"
ภาคินมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เขาอยากจะผลักเธอออกไป แต่ร่างกายของเขากลับไม่ตอบสนอง ความปรารถนาที่ร้อนแรงกำลังกัดกินเขาจากภายใน "แพรว... หนีไป..." เขาพยายามพูด แต่เสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
แพรวไม่สนใจคำพูดของเขา เธอโน้มตัวลงไป ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาอย่างแผ่วเบา
ความรู้สึกมากมายตีรวนอยู่ในอกภาคิน ราวกับพายุลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำ เขาอยากจะตะโกนบอกแพรวให้หนีไป ให้พ้นจากอันตราย พ้นจากเขาที่กำลังกลายเป็นสัตว์ร้าย แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ เสียงที่เปล่งออกมากลับแหบพร่า ไร้เรี่ยวแรง
ร่างกายของเขาร้อนราวกับถูกไฟเผา ความปรารถนารุนแรงมากกว่าที่เคยจนแทบควบคุมไม่ได้ มันกัดกิน บิดเบือนทุกความคิด บังคับให้เขาโหยหาสัมผัส โหยหา... แพรว
เขาเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้สัญชาตญาณดิบเข้าครอบงำ เกลียดตัวเอง ที่อาจทำร้ายผู้หญิงที่เขา... รู้สึกดีด้วย
แต่ท่ามกลางความร้อนรุ่ม ความเจ็บปวด และความรู้สึกผิด เขากลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากสัมผัสของแพรว ริมฝีปากนุ่ม มือที่ลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา มันราวกับสายน้ำเย็น ที่ช่วยดับไฟที่กำลังเผาผลาญเขา
ความรู้สึกขอบคุณปะปนกับความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา เขาไม่ควรปล่อยให้เธอเข้าใกล้ ไม่ควรลากเธอเข้ามาพัวพันกับความอันตรายนี้
แต่... ลึกๆ ภายในใจ เขากลับรู้สึกโล่งใจ เหมือนคนที่กำลังจมน้ำ แล้วมีคนมาช่วยไว้ สัมผัสของแพรว แม้จะเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แต่กลับทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
ภาคินหลับตาลง ปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง เขายอมแพ้ต่อความปรารถนา แต่ไม่ใช่ความปรารถนาที่จะทำร้าย หากแต่เป็นความปรารถนาที่จะ... ได้รับความช่วยเหลือ
มือของเขาที่เคยกำแน่น ค่อยๆ คลายออก เขาเอื้อมมือสั่นเทาไปสัมผัสแก้มของแพรว สัมผัสที่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
แพรวรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของภาคิน สัมผัสจากริมฝีปากของเขา แม้จะแผ่วเบา แต่กลับส่งกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นรัว รวดเร็วและแรงจนแทบจะทะลุออกจากอก
เธอไม่เคยจูบใครมาก่อน ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้ แม้แต่แฟนเก่า เคยได้แค่กุมมือกัน ความรู้สึกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ทั้งตื่นเต้น ประหม่า และหวาดกลัว ตีกันสับสนในใจ
แพรวได้กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นเลือดจางๆ และกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่รู้จัก แต่กลับดึงดูดใจอย่างประหลาด เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ความทรมาน และความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในแววตาของภาคิน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกหรือไม่ แต่... เธอไม่อยากเห็นเขาทรมาน ไม่อยากเห็นเขาเจ็บปวด
ความรู้สึกสงสาร เห็นใจ และ... อะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้น ก่อตัวขึ้นในใจของแพรว เธออยากโอบกอดเขา อยากปลอบโยน อยากช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความทรมานนี้
แพรวหลับตาลง พยายามสลัดความกลัวออกจากใจ แต่ภาพอดีตแฟนเก่าก็ยังคงตามหลอกหลอน ชายหนุ่มที่เคยเป็นเพื่อนสนิทในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากลับกลายเป็นปีศาจร้าย เขาหลอกลวงเธอจนติดหนี้สินท่วมตัว ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศยังคงกรีดลึกในหัวใจ ทำให้เธอกลัวที่จะเชื่อใจใครอีกครั้ง
ทว่า ภาพของภาคินที่ทรมานอยู่ตรงหน้าทำให้เธอเจ็บปวดไม่แพ้กัน เธอเห็นความเจ็บในแววตาของเขา ความปรารถนาที่เขากำลังต่อสู้ เธอรู้สึกสงสารเขา และมากกว่านั้น... ความรู้สึกบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าอะไรที่เธอเคยรู้สึกมาก่อน
แพรวลังเล เธออยากช่วยภาคิน แต่ก็กลัวที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำอีก เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี...
น้ำตาหยดหนึ่งไหลเอ่อจากหางตา เปรอะเปื้อนแก้มเนียน แพรวกัดริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เมื่อภาคินเห็นเช่นนั้น เขาก็พยายามเรียกสติ สั่งการให้ร่างกายหยุด กล้ามเนื้อที่เคยเกร็งตึงเริ่มคลายลงทีละน้อย หยาดเหงื่อที่เคยผุดพรายค่อยๆ จางหาย ความเจ็บปวดที่เคยแผดเผาดั่งเปลวไฟเริ่มมอดลง เหลือเพียงความเหนื่อยล้าและความรู้สึกผิดที่ยังคงกัดกินใจเขา
“ไม่จำเป็นต้องฝืน...” ภาคินเอ่ยเสียงแหบพร่า “ผมขอโทษ...” เขาพยายามยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มของแพรว แต่กลับชะงัก เมื่อความคิดถึงสิ่งที่เกือบจะเกิดขึ้นผุดขึ้นในใจ
แพรวส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอเอื้อมมือไปจับมือภาคินที่ยังคงสั่นไหว “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ...”
ภาคินมองมือเล็กๆ ที่กอบกุมมือเขาไว้ สัมผัสอุ่นๆ และสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจของเธอ ทำให้ความรู้สึกผิดในใจเริ่มจางลงทีละน้อย
"ขอบคุณ" เขาพึมพำแผ่วเบา
"แล้ว... คุณเป็นยังไงบ้าง?" แพรวถามด้วยความเป็นห่วง
ภาคินสูดลมหายใจลึก "ดีขึ้นแล้ว" เขาตอบเบาๆ พยายามปกปิดความเจ็บปวดที่ยังคงกัดกินภายใน
แพรวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เธออยากจะเชื่อเขา แต่สัมผัสได้ว่าความไม่สบายใจซ่อนอยู่หลังคำพูดเหล่านั้น
ความเงียบปกคลุม แพรวลังเล เธอกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ ในขณะที่ภาคินพยายามต่อสู้กับความรู้สึกผิดที่ต้องโกหกเธอ
"คุณ... มั่นใจเหรอคะ?" แพรวถามเสียงแผ่ว "ถ้าไม่ไหว บอกฉันได้นะคะ"
ภาคินสบตาเธอ เขาเห็นความจริงใจและความเป็นห่วงอย่างแท้จริงในแววตาของแพรว ความรู้สึกผิดยิ่งทวีขึ้น
“ท่านผู้สร้าง! โกหก! ไหนท่านบอกว่าไม่ชอบคนโกหกไงคะ!” อรยาตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ร่างโฮโลแกรมเล็กๆ ของเธอยืนเท้าสะเอว แก้มป่องเหมือนเด็กน้อยกำลังงอน
ภาคินหน้าถอดสี ไม่คิดว่าอรยาจะโพล่งขึ้นมาแบบนี้ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่ทันที เขาเหลือบมองแพรว เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของเธอ เขารู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดลงกลางใจ
"ผมขอโทษ..." ภาคินเอ่ยเสียงแผ่ว แล้วหันไปมองอรยาด้วยสายตาตำหนิ "นึกว่าเธอกลับไปแล้ว ทำไมยังอยู่"
อรยารู้สึกผิด ร่างโฮโลแกรมของเธอค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมห้อง
ภาคินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรู้สึกผิดยังคงกัดกินใจ เขาหันกลับมามองแพรว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความเข้าใจ
"ผม..." ภาคินเริ่มพูด แต่คำพูดก็ขาดหายไป เมื่อริมฝีปากของเขาถูกปิดด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มจากริมฝีปากของแพรว
เธอผละออก แก้มแดงระเรื่อราวกับผลแอปเปิ้ลสุก "นี่คือคำตอบของฉันค่ะ" เธอพูดเสียงแผ่ว
ภาคินมองเธอด้วยความประหลาดใจ หัวใจเต้นแรง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาไม่เคยคิดว่าแพรวจะกล้าทำเช่นนี้
"แพรว..." เขาเรียกชื่อเธอเบาๆ
"ฉันรู้ว่าคุณกำลังเจ็บปวด" แพรวพูด "ฉันอยากช่วยคุณ"
ภาคินจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาเห็นความจริงใจ ความห่วงใย และ... ความรัก
"แพรว..." ภาคินดึงเธอเข้ามากอดแน่น "ขอบคุณ... ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ ผม"
แสงจันทร์สลัวส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ทาบทอแสงสีเงินนวลลงบนพื้นห้องและเตียงนอนสีขาวสะอาด ภายในห้องนอนที่เคยเงียบสงัด บัดนี้มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วง และเสียงเสียดสีของเนื้อผ้าแผ่วเบา ทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันอย่างเชื่องช้า แต่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน อาภรณ์ค่อยๆ ถูกปลดเปลื้องออก เผยผิวเนื้อเปล่งประกาย ราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
สัมผัสของผิวที่แนบชิด จุดประกายไฟปรารถนา แผดเผาทั้งสองในกองเพลิงแห่งความรัก ภาคินก้มลงจูบแพรวอย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนของเขาไล้เล็มไปตามกลีบปาก ซอกคอ และไหปลาร้า ปลุกเร้าความรู้สึกให้พลุ่งพล่าน
“อื้อ...” แพรวครางแผ่ว มือเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ตอบรับสัมผัสของเขาด้วยความกระหาย เธอไม่เคยรู้สึกถึงความสุข ความปลอดภัย และความเป็นอิสระเช่นนี้มาก่อน ‘มันเป็นแบบนี้เอง...’ เธอคิดในใจ ‘อิสระจากพันธนาการทั้งหมด’
ผิวเนื้อของภาคินร้อนราวกับเปลวไฟ แต่สัมผัสนั้นกลับอ่อนโยนราวกับถนอมสิ่งล้ำค่า แพรวรู้สึกถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งใต้ปลายนิ้ว ชีพจรที่เต้นรัว และลมหายใจร้อนผ่าวที่รดต้นคอ เธอสัมผัสได้ถึงความปรารถนาในตัวเขา แต่มันไม่ใช่ความปรารถนาที่จะทำร้าย หากแต่เป็นความปรารถนาที่จะ... เชื่อมต่อ
เสียงลมหายใจของทั้งคู่ดังสอดประสานกันเป็นจังหวะเร่งเร้า เสียงครางแผ่ว เสียงกระซิบ และเสียงหัวใจที่เต้นรัวดังก้องในห้อง กลบเสียงโลกภายนอก เหลือเพียงเสียงของความรัก
กลิ่นกายของภาคินผสานกับกลิ่นสบู่ กลิ่นน้ำหอมจางๆ และกลิ่นอายความเป็นชาย มันหอมกรุ่น เย้ายวน และดึงดูดแพรวอย่างน่าประหลาด ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมหวานของเส้นผมเธอ ผสมกับกลิ่นกายอ่อนๆ ทำให้ภาคินรู้สึกผ่อนคลายและหลงใหล
รสจูบของภาคินทั้งร้อนแรงและหวานละมุน ปลุกประสาทสัมผัสของแพรวให้ตื่นตัว โหยหา รสสัมผัสนั้นทำให้ภาคินลิ้มรสความหวานบริสุทธิ์จากริมฝีปากของแพรว และนำพาความสงบและความสุขที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ใต้แสงจันทร์สลัว ที่ทาบทอร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสอง ราวกับภาพศิลปะ ดวงตาของภาคินฉายแววรัก ความปรารถนา และความอ่อนโยน มันสะท้อนอยู่ในดวงตาของแพรว ที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจ และความสุข
…
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แสงจันทร์เริ่มจางลง ภาคินลืมตาขึ้น มองใบหน้าของแพรวที่ซบอยู่บนอกของเขา ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ เส้นผมสีดำขลับกระจายอยู่บนหมอน เธอดูสวยงาม บริสุทธิ์ และ... เปราะบาง
เขารู้สึกถึงความสงบอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผลข้างเคียงของเซรุ่มหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงความอบอุ่น ความอ่อนโยน และความรู้สึกขอบคุณที่ท่วมท้นในใจ 'เธอช่วยชีวิตฉันไว้...' ภาคินคิด 'ไม่ใช่แค่จากเซรุ่ม แต่จากความมืดมิดในใจของฉันเอง'
"แพรว..." ภาคินเอ่ยเรียกชื่อเธอแผ่วเบา
แพรวขยับตัวอย่างแผ่วเบา ราวกับลูกแมวตื่นจากฝัน ลืมตาขึ้นมองเขา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอฉายแววสับสน เขินอาย แต่ก็มีความสุข
"คุณ... เป็นยังไงบ้าง?" เธอถามเสียงแผ่ว
"ผมไม่เป็นไรแล้ว" ภาคินยิ้มให้เธออย่างจริงใจ "ขอบคุณมากนะ แพรว"
ภาคินโน้มใบหน้าลง จุมพิตริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ครั้งนี้ แพรวตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิดกันอย่างอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่เกินกว่าคำบรรยายใดๆ
ดวงตาของเธอค่อยๆ ปิดลง มือเรียวเลื่อนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของทั้งคู่ แพรวซบหน้าลงบนอกของภาคิน ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ เธอรู้สึกถึงความรักและความเชื่อมั่นที่เขามีต่อเธอ มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
พวกเขานอนกอดกันแนบชิด แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง ทาบทับร่างของทั้งสองให้ดูราวกับภาพวาดที่งดงาม ดวงตาของภาคินจ้องมองแพรวอย่างลึกซึ้ง เขามองเห็นความงดงาม ความบริสุทธิ์ และความกล้าหาญที่ฉายอยู่ในตัวเธอ
"แพรว" ภาคินกระซิบแผ่วเบา "ผมจะไม่มีวันลืมคืนนี้"
แพรวยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น "ฉันก็เช่นกันค่ะ" เธอขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิด ซบใบหน้าลงบนอกเขาอีกครั้ง "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ภาคิน"
ภาคินลูบผมเธอเบาๆ "ราตรีสวัสดิ์ครับ แพรว" เสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนเงียบหายไปในความเงียบสงบของค่ำคืน ลมหายใจของทั้งคู่ผสานเป็นหนึ่งเดียว ความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกันโอบล้อมพวกเขาไว้ราวกับผ้าห่มผืนนุ่ม
ในที่สุด ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน หลับใหลอย่างเป็นสุขภายใต้แสงจันทร์ที่ค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า
แม้จะเพิ่งพบกันไม่นาน แต่พวกเขาก็รู้ว่า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะเผชิญมันไปด้วยกัน ความรู้สึกเชื่อมั่นและผูกพันที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ จะเป็นดังแสงสว่างนำทางพวกเขาไปข้างหน้า
ความคิดเห็น