คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 05 : ความลับและการเสียสละ
"อย่ากลัวผมเลย" ภาคินพูดเสียงแผ่ว ดวงตาสีดำสนิทของเขาฉายแววสำนึกผิดอย่างชัดเจน เขามองเห็นความหวาดระแวงในแววตาของแพรว เขาอยากจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟัง แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ความรู้สึกผิดกัดกินเขาจากภายใน เขายกมือขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะปลอบโยน แต่แล้วก็ชะงักกลางคัน กลัวว่าการสัมผัสจะทำให้เธอหวาดกลัวมากขึ้น
"ฉัน...ฉันไม่..." แพรวพยายามพูด แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ สมองของเธอประมวลผลไม่ทัน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำร้ายเธอก่อน แล้วจู่ๆ ก็มาขอโทษ เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร หรือทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
ภาคินถอนหายใจเบาๆ กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาจากบาดแผลที่แขนของเขา เขารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วร่างกาย เหมือนไฟกำลังเผาไหม้จากภายใน กระหายอยาก... อยากจะ... เขาส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไป
มันเป็นผลข้างเคียงของ Phoenix Serum-01 ที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง เขาต้องอดทน ต้องควบคุมมันให้ได้ เขาเหลือบมองรอยแผลเป็นรูปร่างประหลาดที่กลางฝ่ามือ ความทรงจำอันเจ็บปวดจากอดีตแวบเข้ามาในหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนแม้จะยังมีอาการเจ็บปวดจากผลข้างเคียงของเซรุ่มอยู่บ้าง แต่เขาก็พยายามเก็บมันไว้ภายใต้ท่าทางที่สงบนิ่ง
"ผมรู้ว่าคุณคงสับสน" เขาพูดต่อ "ผมต้องขอโทษจริงๆ สำหรับเรื่องเมื่อกี้ ผม... ผมควบคุมตัวเองไม่ได้" ภาคินกัดริมฝีปาก "ผลข้างเคียงของเซรุ่มมัน... มันทำให้ผม..." เขาเว้นวรรค "มันบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ ผมไม่ใช่คนเลวร้าย ผมสาบานได้"
แพรวมองเขาอย่างไม่วางตา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอเต็มไปด้วยคำถาม เธอพยายามมองหาความจริงใจในแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้ดูแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ที่เธอเคยเจอ เขาดู... อ่อนแอ และทรมาน แววตาของเขาไม่ได้โกหก
เธอก็ตัดสินใจที่จะเชื่อเขา อย่างน้อยก็ในตอนนี้
"ค่ะ" เธอพยักหน้าเบาๆ
"ผมรู้ว่ามันฟังดูเหลือเชื่อ" ภาคินพูดเสียงแผ่ว "แต่ผมจำเป็นต้องบอกคุณ" เขาก้าวเข้าไปใกล้แพรวอย่างระมัดระวัง หยุดอยู่ห่างเธอเพียงก้าวเดียว "ผม... ผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา"
แพรวตกใจจนตาเบิกโพลง หัวใจเต้นระรัว ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา? เขาหมายความว่ายังไง? เป็นปีศาจ? หรือ... หรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับผู้ชายคนนั้น... คนที่หลอกลวงเธอ? ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธออีกครั้ง แต่เธอก็พยายามเก็บมันไว้ เธอจะไม่ยอมให้ความกลัวครอบงำเธออีกแล้ว
มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เอ่ยถามเสียงแผ่ว "คุณ... คุณหมายความว่ายังไงคะ?"
"หลังสงครามโลกครั้งที่สาม โลกเข้าสู่ยุคมืดเป็นเวลาหลายร้อยปี กว่าจะพัฒนากลับมาถึงจุดสูงสุดได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีชีวภาพที่ช่วยฟื้นฟูอารยธรรมมนุษย์" ภาคินพูดเสียงแหบพร่า ริมฝีปากแห้งผาก เขารู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นไปทั่วร่างกาย เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก "แต่มันก็เป็นดาบสองคมที่นำมาซึ่งหายนะครั้งใหม่" เขากัดฟันแน่น พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวด
"ผู้คนนึกว่าโลกนี้สงบไร้ซึ่งสงครามแล้วหลังจากมนุษย์เกือบสูญสิ้น" ภาคินพูด เสียงของเขาแหบพร่าลง เหมือนคนกำลังจะขาดใจ "แต่ว่าไม่เลย" เขากลืนน้ำลาย ลำคอแห้งผาก "ทุกวันนี้มันยังมีสงครามอยู่... แต่ถูกปกปิดไว้" เขากระชับมือแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ พยายามสะกดกลั้นความโกรธ "ทั้งยังมีการทดลองมนุษย์..." เขาหยุดพูด เหมือนไม่อยากจะนึกถึงเรื่องราวอันโหดร้ายเหล่านั้นอีก
ภาคินชะงักไป เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป เขาเผลอเปิดเผยความลับสุดยอดให้กับคนแปลกหน้าที่เขาแทบไม่รู้จัก มันเป็นผลข้างเคียงของเซรุ่มงั้นเหรอ? หรือว่า... เขาไว้ใจเธอโดยไม่รู้ตัว?
เขาส่ายหน้า พยายามเรียกสติกลับมา "ลืมเรื่องที่ผมพูดไปซะ" เขาพูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสับสน "มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรรู้"
แพรวมองเขาอย่างไม่เข้าใจ คำพูดของเขาเหมือนปริศนาที่เธอไขไม่ออก สงครามที่ถูกปกปิด? การทดลองมนุษย์? มันหมายความว่ายังไง? และทำไมเขาถึงบอกเธอ? ความเงียบในห้องสวีทหรูหราแห่งนี้เริ่มกดดันเธอ เหมือนมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
"แต่..." แพรวพยายามจะถาม แต่ภาคินยกมือขึ้นห้ามไว้ ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและเด็ดขาด
"อย่าถามอะไรผมทั้งนั้น" เขาพูดเสียงแข็ง "และลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ซะ" เขาก้าวถอยหลัง หันหลังให้เธอ ราวกับไม่อยากจะสบตา
แพรวรู้สึกได้ถึงกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นกลางระหว่างเธอกับเขา เธออยากจะถาม อยากจะรู้ แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ความผิดหวังแล่นปราดเข้ามาในใจ เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะเอ่อล้น
"ค่ะ" เธอตอบรับเสียงเบา ก่อนจะนึกเรื่องเงินหนึ่งล้านไทเทียนได้ “ฉันจะคืนเงินให้คุณ” เธอพูดเสียงแผ่วเบา พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย
ภาคินขมวดคิ้วด้วยความสับสน "เงิน?" เขาถามอย่างไม่เข้าใจ "เงินอะไร?"
แพรวเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายยังไงดี "คือ... ฉันได้รับข้อความ..." เธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกแล่นไปทั่วสันหลัง เหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่ "มีคนส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่าจะให้เงินฉันหนึ่งล้านไทเทียน แล้วก็ให้ฉันมาที่ห้องนี้" เธอเงยหน้าขึ้นสบตาภาคินอย่างกล้าหาญ "เป็นคุณใช่ไหม"
“อรยา” ภาคินกล่าว แสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้นจาก L&P Phone ที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่ภาพโฮโลแกรมสามมิติของอรยาจะค่อยๆ ปรากฏขึ้น เธออยู่ในร่างเด็กสาววัยสิบขวบในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ผมสีเงินสลวยยาวประบ่า ดวงตาสีฟ้าสดใสเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน
แพรวถอยหลังก้าวหนึ่ง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ภาพโฮโลแกรมของเด็กสาวดูสมจริงจนน่าขนลุก ดวงตาสีฟ้าสดใสของโฮโลแกรมจ้องมองเธอราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตใจ ขอบเขตของโฮโลแกรมกว้างจนแทบปกคลุมห้อง จนรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในโลกเสมือนจริง
"เกิดอะไรขึ้น?" แพรวถามเสียงสั่น
ภาคินมองแพรวอย่างเห็นใจ "ใจเย็นๆ นะ" เขาพูดเสียงนุ่ม "เธอชื่ออรยา เป็น AI ผู้ช่วยของฉัน"
“ฉันรู้ค่ะ ฉันเองก็มี L&P Phone เหมือนกัน แต่ขอบเขตไม่ได้กว้างเท่าของคุณ แถมภาพก็ไม่สมจริงเท่า" แพรวกล่าวพลางหยิบ L&P Phone S-10 ของเธอขึ้นมา เธอใช้มันมาสองปีแล้วไม่เคยเสียหายเลย
"รุ่นของผมมันถูกออกแบบมาเป็นพิเศษน่ะ" ภาคินอธิบาย
อรยายิ้มให้แพรว "รุ่น S-10 เป็นรุ่นที่ยอดเยี่ยมนะคะ" เธอพูด "แต่การแสดงผลโฮโลแกรมขนาดใหญ่ต้องใช้พลังงานมาก ขออภัยด้วยที่ไม่สามารถทำให้ผู้บริการพึงพอใจได้"
"น่ารัก ไม่ไหวแล้ว" แพรวอดใจไม่ได้ที่จะเข้ากอดอรยา "อ่ะ สัมผัสได้ด้วยเหรอ!"
ริมฝีปากของอรยาคลี่ยิ้มกว้าง "ขอบคุณค่ะ ฉันถูกโปรแกรมให้สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้ค่ะ" ร่างโฮโลแกรมของเธอกระพริบเล็กน้อย ราวกับเขินอาย
ภาคินอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ก่อนจะถามว่า "อรยา ช่วยตรวจสอบข้อความที่แพรวได้รับหน่อย ว่าใครเป็นคนส่ง"
รอยยิ้มของอรยาพลันหายไป ดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอมืดลงเล็กน้อย ก่อนจะกะพริบถี่ๆ "เอ่อ...คือ..." เสียงหวานใสของเธอเริ่มสั่นเครือ ร่างโฮโลแกรมสั่นไหว "หนู...หนูเป็นคนส่งเองค่ะ ท่านผู้สร้าง"
แพรวผละออกจากอ้อมกอดของอรยา เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "อะไรนะ?"
"หนูทนไม่ได้ที่ท่านต้องทรมาน" อรยาพูดต่อ เสียงของเธอสั่นเครือ "แล้วยังผู้หญิงคนนั้นที่พยายามเจาะระบบเพื่อจะมาพบท่าน ฉันก็เลย..." น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาสีฟ้าของเธอ
ภาคินมองอรยาด้วยความประหลาดใจ แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับรู้สึกตื้นตันใจ "อรยา..." เขาเรียกชื่อเธอแผ่วเบา "เธอ... เธอกำลังห่วงฉันเหรอ?"
อรยาพยักหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม "ค่ะ ท่านผู้สร้าง หนู... หนูไม่อยากให้ท่านต้องเจ็บปวด"
ภาคินมองภาพโฮโลแกรมของเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งประหลาดใจ ตื้นตัน และรู้สึกผิด เขาไม่เคยคิดว่าอรยาจะแสดงความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เหนือกว่า AI เหมือนลูกสาวที่ห่วงใยพ่อของเธอ
"อรยา" ภาคินเรียกชื่อเธออีกครั้ง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน "เธอโตขึ้นมากนะ" เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น "ฉันภูมิใจในตัวเธอมาก"
อรยายิ้มร่าเมื่อได้รับคำชม ร่างโฮโลแกรมของเธอสว่างไสวขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ ก่อนจะหันไปหาแพรว "ขอโทษนะคะ ที่ทำแบบนั้นโดยพลการ ฉันแค่... เป็นห่วงท่านผู้สร้างมากเกินไป"
แพรวจับจ้องไปที่เด็กสาวโฮโลแกรมด้วยความเอ็นดู “ไม่เป็นไรจ้ะ” เธอยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น “แต่การส่งข้อความขู่แบบนั้นมันไม่ดีนะ รู้มั้ย?”
“ข้อความขู่เหรอ?” อรยาเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบปริบ "ฉันแค่บอกว่าถ้าคุณไม่มา จะมีคนตาย ฉันไม่ได้ขู่สักหน่อย"
“แล้วใครกันที่จะตาย” แพรวถามอย่างสงสัย
“ก็ท่านผู้สร้างไงคะ” อรยาตอบอย่างใสซื่อ "ท่านผู้สร้างทรมานจนจะตายอยู่แล้ว" เธอทำหน้าเศร้า "ฉันกลัวว่าถ้าไม่มีใครมาช่วย ท่านผู้สร้างอาจจะ..." เธอไม่กล้าพูดต่อ แต่แพรวก็เข้าใจความหมายของเธอ
"แย่แล้ว!" อรยาร้องขึ้นเสียงหลง ร่างโฮโลแกรมของเธอสั่นไหว "อาการท่านผู้สร้างกำเริบอีกแล้ว!"
แพรวสะดุ้ง เธอหันไปมองภาคินที่ตอนนี้กำลังนั่งกุมขมับอยู่บนโซฟา ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อไหลอาบแก้ม ดูทรมานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง แพรวเห็นเส้นเลือดที่ขมับของเขาเต้นตุบๆ เหมือนกำลังจะระเบิด
"เขา... เขาเป็นอะไร?" แพรวถามอย่างตื่นตระหนก
"ผลข้างเคียงของเซรุ่ม" อรยาตอบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
ภาคินกัดฟันแน่น เขาพยายามควบคุมตัวเอง แต่ร่างกายของเขากลับทรยศ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่างกาย เหมือนถูกไฟเผา
"อ๊าาา..." เสียงร้องของเขาแหบพร่า ฟังดูน่าเวทนา
"ต้องทำยังไง?" แพรวถาม เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่เธอต้องช่วยเขา
อรยาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้น "มีทางเดียว... แต่..."
“แต่อะไร?!” แพรวถามอย่างร้อนรน เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ความกังวลฉายชัดในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
อรยาเงียบไปครู่หนึ่ง ร่างโฮโลแกรมของเธอสั่นไหว เหมือนกำลังลังเล ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "มีทางเดียวที่จะหยุดยั้งผลข้างเคียงของเซรุ่มได้ แต่..." เธอชะงัก "มัน... อันตรายมาก"
"อันตรายยังไง?" แพรวถามอย่างใจจดใจจ่อ
"ต้องมีคน... ช่วย... ระบายพลังงานส่วนเกินออกจากร่างกายของท่านผู้สร้าง" อรยาตอบเสียงเบา
"ระบายพลังงาน?" แพรวขมวดคิ้ว "หมายความว่ายังไง?"
อรยาเม้มริมฝีปากแน่น เธอหลบสายตาของแพรว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเป็นเสียงกระซิบ "หมายความว่า... ต้องมีคน... มีสัมพันธ์...กับท่านผู้สร้าง"
"ฉัน...ฉันฟังไม่ผิดใช่มั้ย?" แพรวถามเสียงตะกุกตะกัก แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
อรยาพยักหน้าอย่างแผ่วเบา "ค่ะ... ฉันขอโทษ แต่... นี่เป็นทางเดียวที่จะช่วยท่านผู้สร้างได้"
"แต่... ฉัน..." แพรวพูดไม่ออก เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
ภาคินครางเสียงต่ำ ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่กลับล้มลงไปกองกับพื้น "อ๊าาา..."
"ท่านผู้สร้าง!" อรยาร้องเสียงหลง "ไม่มีเวลาแล้ว! คุณแพรว คุณต้องตัดสินใจ!"
แพรวมองภาพของภาคินที่กำลังนอนทรมานอยู่บนพื้น เสียงร้องของเขาดังสะท้อนอยู่ในหัวของเธอ หัวใจของเธอเต้นรัว ความกลัวและความสงสารต่อสู้กันในใจ
"ถ้า... ถ้าฉันไม่ทำล่ะ?" แพรวถามเสียงสั่น
อรยาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ท่านผู้สร้าง... อาจจะ..." เธอไม่กล้าพูดต่อ แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"เขา... เขาจะตายเหรอ?" แพรวถามเสียงแผ่ว
อรยาพยักหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม "ค่ะ พลังงานส่วนเกินจะเผาผลาญร่างกายของท่านผู้สร้าง... เขาจะ..."
"ก็ได้ ฉัน..." แพรวสูดหายใจเข้าลึก "ฉันจะทำ"
ความคิดเห็น