คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 04 : เผชิญหน้า
พลอยยังคงนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขกอันเงียบสงบ แสงไฟสลัวจากโคมไฟระย้าส่องกระทบใบหน้า เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ขณะที่นิ้วเรียวของเธอไล้ไปมาบนหน้าจอ HoloTab อย่างกระวนกระวาย
"ไอริส ฉันต้องการให้เธอเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรม Noir Lux" พลอยสั่ง AI จากองค์กรเสียงเข้มพลางกดนิ้วลงบนหน้าจอ HoloTab
"ได้รับคำสั่งแล้วค่ะ" ไอริสตอบรับ แต่ภาพโฮโลแกรมของเธอกลับสั่นไหวเล็กน้อย "แต่... ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำให้การเจาะระบบทำได้ยากมากค่ะ"
พลอยขมวดคิ้ว ขณะที่ความร้อนรุ่มในใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ "ยากแค่ไหน?" เธอถามเสียงเย็น
"มีความเป็นไปได้ที่จะถูกตรวจจับสูงมากค่ะ" ไอริสตอบ "และหากถูกตรวจจับ คุณอาจตกอยู่ในอันตราย"
พลอยกัดริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ขณะที่ฟังคำเตือนจากไอริส
เธอหันไปเห็นผู้หญิงเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ขาด ๆ เดินตรงไปหาพนักงานต้อนรับอย่างเร่งรีบ ซึ่งไม่นานก็มาต้อนรับเธออย่างนอบน้อมและพาไปลิฟต์ส่วนตัวสำหรับแขกวีไอพี
พลอยมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความโกรธ เธอรออยู่นานมากแล้ว แต่พนักงานพวกนั้นยังหาข้อมูลที่เธอส่งมาไม่เจอ เธอขบกรามแน่น พยายามระงับความรู้สึกอยากจะลุกขึ้นไปประท้วง
ยิ่งมองพลอยก็ยิ่งรู้สึกขัดใจ ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่ได้ร่ำรวย แต่เธอกลับขึ้นไปได้ง่ายๆ เหมือนเป็นแขกวีไอพี
ความรู้สึกเย็นยะเยือกแล่นไปทั่วสันหลังของพลอย เหมือนมีใครกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอหันไปสบตากับพนักงานต้อนรับชายหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนเขากำลังมองเธอทะลุปรุโปร่ง
แต่พลอยไม่ยอมแพ้ เธอรู้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่จะได้เข้าใกล้ภาคิน หากพลาดวันนี้ไป เธออาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับความกังวล ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปทั่วล็อบบี้ที่เงียบสงบ ขณะที่เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บความร้อนใจไว้ภายใต้รอยยิ้มว่า
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพลอยไพลิน เลอวิศิษฎ์ค่ะ ดิฉันมาติดต่อเรื่อง..." เธอกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจขึ้น "...ห้องพักที่จองไว้ค่ะ รบกวนตรวจสอบให้เร็วที่สุดได้ไหมคะ ฉันรอมาสักพักแล้ว"
พนักงานต้อนรับหญิงรีบเงยหน้าขึ้นจาก Holo Tab มองพลอยด้วยสายตาสำนึกผิด พลางกล่าวว่า "ขออภัยคุณพลอยไพลินด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องรอนาน ระบบของเรามีปัญหาขัดข้องเล็กน้อยเนื่องจากไฟดับเมื่อสักครู่นี้ค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" พลอยตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความสง่างาม "ฉันเข้าใจค่ะว่าระบบอาจมีปัญหาบ้าง แต่ฉันก็หวังว่าจะไม่นานเกินไปนะคะ" เธอเหลือบมองไปยังลิฟต์ส่วนตัวที่ผู้หญิงคนก่อนหน้าเพิ่งขึ้นไป ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะพูดต่อ "เมื่อครู่นี้เอง ฉันเห็นว่ามีแขกท่านอื่นเพิ่งขึ้นไป"
พนักงานหญิงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย มือของเธอขยับไปมาอย่างประหม่า เธออ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ "เอ่อ... คือ... แขกท่านนั้นได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษค่ะ"
พลอยเลิกคิ้ว เอียงศีรษะเล็กน้อย และถามเสียงหวาน "หมายความว่ายังไงเหรอคะ ที่ว่าเป็นกรณีพิเศษ?"
พนักงานหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก้มหน้าลงเล็กน้อย เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะตอบอย่างไรดี "คือ... ขออภัยจริงๆ ค่ะคุณพลอยไพลิน แต่เป็นนโยบายของทางโรงแรมที่เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของแขกท่านอื่นได้ค่ะ"
"เข้าใจค่ะ" พลอยพยักหน้ารับ แม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยความขุ่นมัว รอยยิ้มที่เคยประดับบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ค่ะ" เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ "แต่ห้องที่ฉันจองไว้ล่ะคะ ตรวจสอบได้หรือยัง?"
พนักงานหญิงก้มหน้ามองหน้าจอ Holo Tab อีกครั้ง นิ้วเรียวของเธอเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง "ขออภัยที่ทำให้รอนานค่ะ คุณพลอยไพลิน ทุกอย่างพร้อมสำหรับคุณแล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" พลอยยิ้มรับอย่างโล่งอก ก่อนจะถามต่ออย่างเนือย ๆ "เอ่อ... รบกวนสอบถามหน่อยได้ไหมคะว่าแฟนของฉันพักอยู่ที่ห้องไหน เขาชื่อภาคิน รักษ์นิรันดร์ค่ะ"
พนักงานหญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามค้นหาข้อมูลในระบบ " ขออภัยค่ะ คุณพลอยไพลิน เป็นนโยบายของทางโรงแรมที่เราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของแขกท่านอื่นได้ค่ะ" พลอยแสร้งทำเสียงผิดหวังเล็กน้อย ไหล่ของเธอห่อลงเล็กน้อย ขณะที่พนักงานหญิงตอบ
"งั้นช่วยยกเลิกห้องที่จองไว้ด้วยค่ะ" พลอยถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนความหวังทั้งหมดพังทลายลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
พนักงานหญิงพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มหน้าลงไปจัดการเรื่องการยกเลิกห้องพักบน Holo Tab มือของเธอขยับไปมาบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" เธอเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้พลอย "ขออภัยในความไม่สะดวกอีกครั้งนะคะ หวังว่าคุณพลอยไพลินจะให้โอกาสเราได้บริการคุณในครั้งต่อไปนะคะ"
"ค่ะ แน่นอน" เธอพูดเสียงเรียบ แล้วก้าวออกจากโรงแรมไป แสงไฟนีออนสีม่วงสาดส่องลงบนใบหน้า เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความเจ็บปวด ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาบนพื้นหินอ่อน เหมือนเสียงสะท้อนของความผิดหวังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในล็อบบี้
ภาพเด็กชายวัยสิบขวบปรากฏขึ้นภายในความทรงจำ เขายกปืนขึ้นหันมาทางเธอ เสียงปืนดังสนั่น ร่างแม่ของเธอที่ล้มลง ภาพความทรงจำอันเจ็บปวดนั้นทำให้พลอยสะดุ้งเฮือก น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเธอ ขณะที่เธอกำหมัดแน่น เหมือนความเจ็บปวดในอดีตกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง
ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ “ภาคิน สักวันนายจะต้องชดเชย” เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความโกรธแค้น
…
"หากไม่อยากให้ใครตายก็รีบมา"
ข้อความนั้นเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเก่า แพรวยืนนิ่งหน้าประตูห้องสวีทหรู ความกลัวกัดกินใจเธอ แสงไฟสลัวจากโคมไฟระย้าส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของเธอ ชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ขาด ๆ ตัดกับความหรูหราของโรงแรม เธอไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรืออะไรกำลังรอเธออยู่ข้างในนั้น แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก
มือเรียวของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่ยกขึ้นแตะประตูแผ่วๆ เสียงเคาะนั้นฟังดูแผ่วเบาในโสตประสาทของเธอเอง แต่กลับดังก้องอยู่ในใจ เธอไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนรอบข้างจะถูกทำร้าย เพราะเธอเคยสัมผัสเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วจากผู้ชายคนนั้น คนที่หลอกลวงเธอ
เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูอีกครั้ง เสียงฝีเท้าภายในห้องเงียบลง เหมือนทุกสรรพสิ่งกำลังรอคอยการมาถึงของเธอ
ประตูเปิดออก แพรวก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล เธอขมวดคิ้วและเม้มปากแน่น ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องสวีทหรูหรา ตกแต่งอย่างมีรสนิยม ผนังกระจกบานใหญ่เปิดมุมมองอันงดงามของมหานครยามค่ำคืน
แสงไฟระยิบระยับราวกับหมู่ดาวน้อยใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แสงไฟสลัวสร้างบรรยากาศโรแมนติก ทุกอย่างโอ่อ่าราวกับฉากในภาพยนตร์ แต่ความหรูหราเหล่านั้นไม่อาจกลบความรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ กดทับอยู่บนหน้าอกเธอได้
ทันใดนั้น เสียงครางต่ำที่ฟังดูเจ็บปวดและทรมานราวกับสัตว์ป่าที่กำลังถูกขังดังมาจากโซฟาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง แพรวสะดุ้ง หันไปมองตามเสียง เธอเห็นร่างของชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา ไหล่กว้างสั่นเทา เหงื่อผุดพรายบนแผ่นหลัง ชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกชุ่มแนบไปกับแผ่นหลังกำยำ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ
"คุณ...คุณเป็นอะไรไปคะ" แพรวถามเสียงเบา พลางขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก หันขวับมามองเธอ ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างราวกับตกใจ ใบหน้าคมคายซีดเผือด ริมฝีปากเม้มแน่น มือข้างหนึ่งกำเข้าหากันแน่น
แพรวรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ ไม่สามารถละสายตาจากดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นได้
ก่อนที่แพรวจะทันได้ตั้งตัว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วและดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด แพรวพยายามดิ้นรน แต่แรงของเขามากเกินกว่าที่เธอจะต้านทานได้ ความกลัวและความสับสนถาโถมเข้าใส่แพรว
เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่นานเธอก็หลุดออกจากแขนของเขา ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง
“รีบหนีไป” เสียงของเขาแหบพร่าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แพรวพยายามบิดลูกบิดประตูอย่างแรงจนมือแดงก่ำ แต่ประตูก็ยังคงปิดสนิทราวกับถูกเชื่อมติดกับกำแพง เธอทุบประตูอย่างบ้าคลั่งจนข้อนิ้วเริ่มปวดแสบปวดร้อน น้ำตาแห่งความหวาดกลัวเริ่มเอ่อคลอ
"ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!" เธอตะโกนสุดเสียง แต่เสียงของเธอจมหายไปในความเงียบสงัดของห้องสวีทราวกับไม่มีตัวตน
สายตาของเธอเหลือบไปเห็นมีดปลอกผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แพรวรีบเข้าไปคว้ามีดปลอกผลไม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชูมันขึ้นมาในระดับอก
“อย่าเข้ามานะ” เธอตะโกนลั่นขณะที่มือสั่น
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเธอ ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังล่าเหยื่อ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่แพรวด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
แพรวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็เข้าครอบงำ เธอหลับตาแน่น ก่อนจะแทงมีดออกไปสุดแรง
"อ๊ะ!"
เสียงมีดกรีดเนื้อดังขึ้น แม้จะเบาบาง แต่ก็ดังก้องอยู่ในห้องเงียบๆ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผล ปนเปื้อนกับเหงื่อที่ชุ่มโชกอยู่บนเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่ม
แพรวลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความกลัวค่อยๆ จางหายไปเมื่อเธอสบเข้ากับสายตาที่อ่อนโยนของชายหนุ่ม ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มที่เคยแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเศร้าสร้อย
เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างอ่อนโยน "ผมขอโทษ...คุณไม่เป็นอะไรนะ" เสียงของเขาแผ่วเบาฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดและสำนึกผิด
แพรวตัวแข็งทื่อ ความรู้สึกสับสนและตกใจเข้าครอบงำ เธอปล่อยมีดร่วงลงพื้นกระทบพรมหนานุ่มจนเกิดเสียงดังสะท้อนในห้องเงียบ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ฉัน…ฉัน” แพรวพูดไม่ออก เธอรู้สึกสับสนและหวาดระแวง เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจเขาหรือไม่
ชายหนุ่มไม่สนใจแล้วหันกลับไปนั่งที่โซฟา มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกแน่น ใบหน้าของเขาดูเหมือนทรมานมาก
แพรวขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง
“ให้ฉันเรียกรถพยาบาลไหม”
เขาส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า ราวกับพยายามข่มความเจ็บปวด “ไม่ต้อง ผมไม่เป็นอะไรมากนัก” แววตาของเขามีความเศร้าแฝงอยู่
แพรวขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง สายตาของเธอจับจ้องไปที่บาดแผลบนแขนของเขา เธอไม่เชื่อว่าเขาไม่เป็นอะไร จึงขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อสังเกตอาการของเขา
เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบาดแผลของเขาค่อย ๆ สมานกัน ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่อน ความเงียบในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวใจของแพรวที่เต้นรัวเร็ว เธอไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
"คุณ... คุณชื่ออะไรคะ?" ชายหนุ่มถาม น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด
"แพรวค่ะ" แพรวสะดุ้งตอบ เธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“ผมชื่อภาคินนะ” ภาคินยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ รอยยิ้มนั้นอบอุ่นและจริงใจจนแพรวเกือบจะลืมความกลัวไปชั่วขณะ
แต่แล้วความทรงจำเกี่ยวกับข้อความข่มขู่และเงินหนึ่งล้านไทเทียนก็กลับมาตีแสกหน้าเธอ แพรวก้าวถอยหลังอย่างหวาดระแวง
ความคิดเห็น