คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วิชาปรุงยา
“นั่นใครน่ะ?” เวียร์หันไปถามวาเนสซ่าที่มองไปยังกระดานและกำลังฟังอาจารย์แกร์ริคอย่างตั้งใจ
แต่ท่าทางกลับแทบจะหมอบลงบนโต๊ะอยู่แล้ว
“ไดออนนิก้า
นักเรียนหญิงที่ได้คะแนนติดหนี่งในสิบของชั้น
ล่าสุดเธอก็ทำลายสถิติคนที่บินได้เร็วที่สุดในร่างค้างคาวด้วย” วาเนสซ่าตอบ เมื่อครู่อาจารย์เพิ่งบอกว่ายาที่จะให้ปรุงค่อนข้างใช้ส่วนผสมเยอะจึงให้นักเรียนทุกคนตั้งใจฟัง ก่อนจะถามว่ามีใครรู้บ้างว่า‘ท้ายคาบครูจะให้ทำอะไร’ ซึ่งคำตอบก็คือการสุ่มตอบคำถามและสุ่มนักเรียนออกมาปรุงยา แม้ไม่บอกแต่ก็เป็นที่รู้กันว่าหากใครตอบไม่ได้ก็ถูกหักคะแนน
ส่วนคนที่ตอบได้ก็ใช่ว่าจะเพิ่มคะแนนแต่แค่ไม่ถูกหักคะแนนเท่านั้น และที่แย่ว่าคือคนที่ได้ออกไปปรุงยาซึ่งหากทำผิดจะถูกตัดคะแนนเยอะกว่า
ไดออนนิก้านั่งแถวหน้าสุดในห้องเรียนนี้
คงเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งสินะ...เวียร์คิด ที่นี่เป็นห้องที่ใช้ในการปรุงยาโดยเฉพาะ มีที่นั่งที่ค่อยๆอยู่สูงขึ้นไปเหมือนอัฒจรรย์ แต่ละที่นั่งได้สามคนและค่อนข้างห่างกันเพื่ออำนวยความสะดวก
วาเนสซ่ายกแขนสองข้างวางบนโต๊ะตัวยาวก่อนจะวางคางทับลงไป
ชานิที่หันมามองวาเนสซ่าที่นั่งตรงกลางทีนึงก่อนจะพูดกับเวียร์นั่งถัดไปทางซ้ายมือ
“ไม่ต้องห่วง
วาเนสซ่าน่ะไม่มีปัญหาหรอก” ยังไม่ทันที่เวียร์จะได้ถามอะไรจากชานิ
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
“ชายที่นั่งตรงนั้นน่ะ! หากจะหลับตั้งแต่คาบแรกก็ไม่ต้องมาเรียนสิ”
อาจารย์แกร์ริคมองไปทางชายคนนึงที่นั่งหน้าสุดฝั่งขวามือของเขา ชายคนนั้นสะดุ้งตื่น
ท่าทางเขาคล้ายคนนอนดึก
หากถามว่าอาจารย์แกร์ริกนั้นดุไหม
คำตอบคือไม่ เขาไม่ดุเลยซะนิดบรรยากาศในการเรียนการสอนค่อนข้างเป็นกันเอง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือคะแนนที่เขาสามารถตัดหรือเพิ่มเมื่อไหร่ก็ได้
บางครั้งหากใครทำอะไรผิดเขาอาจไม่พูดอะไร แต่สิ่งที่เขาทำแน่ๆคือหักคะแนน
“ตัดห้าคะแนน
คราวหน้าอย่าทำเด็ดขาด” เขาเอ่ยด้วยเสียงปกติ ทว่าในมือกลับพลิกหนังสือไปหน้ารายชื่อนักเรียนก่อนจะขีดเขียนบางอย่างลงไป
เขามีใบหน้าราวกับคนอายุสามสิบต้นๆ มีผมสีดำสนิทแซมผมด้านนึงเป็นสีขาว ดวงตาของเขาสีเขียวราวกับจะเรืองแสงได้ในที่มืด
“เธอคนนั้นที่นั่งหาวด้วย คงรู้ตัวนะว่าใคร ตัดสามคะแนน" เขาพูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือราวกับมีตาทิพย์ เขาเงยหน้าจากหนังสือ เขามองผ่านวาเนสซ่าไปทีนึง ก่อนจะสอนต่อราวกับวาเนสซ่านั่งเรียนตามปกติ
"วาเนสซ่าเชี่ยวชาญวิชานี้น่ะ โดนถามกี่ทีก็ตอบได้หมด เธอเป็นลูกครึ่งแม่มดด้วย อีกอย่างเธอก็อาสาไปหาส่วนผสมที่ใช้ปรุงยาเป็นประจำ" ชานิตอบเพื่อแก้ข้อสงสัยของเวียร์ วาเนสซ่าเคยโดนอาจารย์แกร์ริคตัดคะแนนในเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อโดนตอบคำถามวาเนสซ่าก็ตอบได้ทุกข้อ เขาตัดหลายครั้งจนรู้ว่าไม่ว่าจะโดนเรื่องอะไรสุดท้ายวาเนสซ่าก็หาคะแนนมาเพิ่มได้อยู่ดีและยังคงมีคะแนนสูงด้วย แถมยังอาสาไปช่วยเขาหาส่วนผสมประจำ
"ยาที่ให้ผสมในวันนี้คือยาแปลงร่างเป็นอีกา ส่วนผสมแรกคือ หญ้าสีเลือด นำหญ้าสีเลือดสองใบใส่ลงในหม้อที่ใช้ความร้อนสูง ตรงนี้สำคัญนะ! ใส่ตอนน้ำเดือดเท่านั้น จากนั้นน้ำจะกลายเป็นสีแดง อย่างที่สองคือ ต้นริคาโอซ่า ลอกเปลือกออกให้หมดนะ สามคือ ขนมปังขึ้นรา ทางที่ดีควรหั่นให้เป็นชั้นเล็กๆก่อนใส่ลงไป สี่คือ ใยแมงมุม..." อาจารย์แกร์ริคอธิบายต่อไปเรื่อยๆ พร้อมนำส่วนผสมใส่ลงในหม้อที่อยู่บนโต๊ะหน้าห้องให้ดูเป็นตัวอย่าง หลายคนรีบจดรายชื่อส่วนผสมที่ใช้รวมไปถึงมารูนที่สะดุดใจตรงคำว่าต้นริคาโอซ่าเพราะไม่เคยเห็นมันมาก่อน เธอพยายามชะโงกหน้าเพื่อดูต้นริคาโอซ่าที่เหลืออยู่บนโต๊ะอาจารย์
"ไกส์! วาเนสซ่า! ไดออนนิก้า! พวกเธอช่วยนำส่วนผสมและหม้อในห้องวัตถุดิบมาให้หน่อย" ทั้งสามลุกจากที่นั่งเพื่อไปเอาของทั้งหมดตามคำสั่ง ซึ่งแต่ละคนก็เป็นนักเรียนที่ทำคะแนนวิชานี้ได้สูง
ชายหนุ่มที่นั่งข้างมารูนลุกขึ้นยืน "เดี๋ยวมานะมารูน" เขาใช้มือขวาขยับแว่นของตัวเองก่อนจะเดินออกไป ในห้องเรียนนี้ไม่ใช่ห้องเรียนที่พวกเธอเรียนประจำ หากใครมาก่อนจึงได้นั่งก่อนและต่างกันที่ที่นี่แบ่งโต๊ะออกเป็นสามแถวเช่นกัน แต่ละแถวมีห้าโต๊ะ แต่ละโต๊ะยาวพอนั่งได้สามคน โต๊ะหลังจะอยู่สูงขึ้นคล้ายอัฒจรรย์ทำให้มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน พวกเพื่อนเธอ ทไวล่า เซริสและทไวไลท์นั่งโต๊ะที่สองแถวกลาง เวียร์ วาเนสซ่าและชานินั่งโต๊ะถัดมาและเธอกับไกส์นั่งโต๊ะตัวที่สี่ซึ่งเป็นตัวก่อนสุดท้าย
ที่นั่งประจำของเขาในห้องเรียนคือนั่งหน้ามารูน เมื่อวานเธอได้คุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยค เธอนึกขำนิดน้อยเพราะตอนเจอเขาครั้งแรกเขาไม่ได้ใส่แว่นตา แต่วันนี้เธอเห็นเขาใส่ตอนที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เขาชื่อ'ไกส์' เป็นลูกของอาจารย์แกร์ริคซึ่งเป็นพ่อมด
ประตูสองบานที่มีกระจกเหมือนประตูในห้องแล็ปของนักวิทยาศาสตร์ถูกเปิดออก ตามด้วยไดออนนิก้ากับวาเนสซ่านำรถเข็นที่ใช้ขนอุปกรณ์เข้ามา อาจารย์แกร์ริคใช้มือเสกให้หม้อปรุงยาที่มีขนาดไม่ใหญ่มากที่วางในรถเข็นให้ลอยขึ้นมา วางลงบนโต๊ะของนักเรียนทั้งหมด จากนั้นไดออนนิก้ากับวาเนสซ่าก็นำรถเข็นออกไป ไกส์นำรถเข็นอีกคันเข้ามาแทน
"คราวนี้เราจะใช้หินไฟเย็นหรือหินไฟสีฟ้า" อาจารย์พ่อมดอธิบาย คนอื่นๆทยอยกันไปเอาหินไฟเย็นที่แบ่งเป็นถุงๆอยู่ในรถเข็น มารูนลุกจากที่นั่งก่อนจะเห็นว่าไกส์นำมันมาให้แล้วเธอจึงนั่งลงดังเดิม
หินไฟเย็นมีลักษณะเป็นหินสีดำค่อนข้างสากมีแร่สีฟ้าฝั่งอยู่ด้านใน เป็นประกายราวกับกากเพชรสีฟ้า ไกส์นำหินประมาณสี่ห้าก้อนออกมากอง วางหม้อลงบนขาตั้งที่มีสี่ขา เขาจุดไฟจากไม้ขีดลงบนหิน มีพลังเวทย์สีฟ้าลอยขึ้นมาใต้หม้อ ที่จริงมารูนไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่เพราะแม่ของเธอเคยสอนวิธีปรุงยาโดยใช้หินไฟมาแล้ว เพียงแต่เป็นหินไฟสีแดงหรือหินไฟร้อน หินไฟส่วนมากมีขนาดเท่ากำมือ ความร้อนจะออกมาเฉพาะส่วนที่มีแร่สีฟ้าที่มีอยู่ด้านเดียวหรือก็คือด้านบนเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาที่จะจุดไฟบนโต๊ะ
หลายๆคนไปถึงขั้นตอนแรกแล้ว มารูนนำส่วนผสมต่างๆในตู้เก็บของที่อยู่ภายในห้องเรียน เธอใส่หญ้าสีเลือดลงไปในหม้อตอนที่น้ำเดือด กุกกัก กุกกัก เสียงหม้อของใครหลายคนดังไม่แพ้กัน น้ำในหม้อเปลี่ยนเป็นสีแดง
"เธอใส่น้ำในหม้อเยอะเกินไป! ยานี้จะไม่เข้มข้นนะ เธออาจต้องดื่มเยอะหน่อยถ้าจะกลายร่างเป็นอีกา" เสียงอาจารย์พูดกับใครคนหนึ่งที่ใส่น้ำในหม้อในปริมาณมากทำให้น้ำกลายเป็นสีแดงจางๆ
เธอหยิบต้นริคาโอซ่าขึ้นมา ลักษณะคล้ายกับว่านหางจระเข้เพียงแต่มีเปลือกบางกว่าและสีม่วงเข้มคล้ายมังคุด เธอลอกเปลือกออกมาก็พบเนื้อที่อยู่ด้านในลักษณะคล้ายวุ้นสีดำใส จากนั้นจึงนำขนมปังขึ้นราหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในหม้อ
"ทำได้ดี! ตรงตามตำราเป๊ะ" เสียงอาจารย์แกร์ริคพูดขึ้น เขาเดินผ่านเธอไป เขาหมายถึงฉันเหรอ?
"เธอมีเชื้อสายแม่มดเหรอเปล่า?" เธอหันมามองไกส์ที่ตอนนี้ไม่ได้ใส่แว่นตาแล้ว ในหม้อของเขามีสีดำซึ่งแปลว่าเขานำหน้าเธอไปแล้ว
"ใช่ แม่ฉันเป็นแม่มด" เธอตอบก่อนจะใส่ใยแมงมุมและขนนกสีดำซึ่งเธอคิดว่าเป็นขนอีกาลงไปในหม้อ
"งั้นเราก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน"
"จริงด้วย" เธอพูด เธอคิดว่าเขาปรุงยาเสร็จแล้วเพราะเขากำลังตักน้ำยาในหม้อใส่ในขวดแก้ว เธอจึงเร่งปรุงยาให้เสร็จเพราะคิดว่าเวลาคงใกล้หมดเช่นกัน เธอใส่ส่วนผสมอื่นๆลงในหม้อก่อนจะคนส่วนผสมให้เข้ากัน เธอกำลังจะหยิบแอปเปิ้ลบดใส่ในหม้อ ทว่า
"นี่มันมันฝรั่งบดนะไม่ใช่แอปเปิ้ลบด" ไกส์ห้ามเธอไว้ก่อน เธอเกือบใส่ส่วนผสมผิดแล้วเชียวเพราะไม่ทันสังเกตว่าทั้งสองอย่างมีสีคล้ายกัน เขาหยิบขวดโถที่ใส่แอปเปิ้ลบดออกมาจากตู้วัตถุดิบที่อยู่ท้ายห้องแล้วนำมาให้เธอ
ในที่สุดการปรุงยาก็เสร็จสิ้น
"เอาล่ะ! เมื่อพวกเธอปรุงยาเสร็จแล้วฉันจะเริ่มถามคำถาม จากนั้นจะเดินไปตรวจงานของพวกเธอนะและเหมือนเดิมพวกเธอต้องดื่มยาที่พวกเธอปรุง จากนั้นก็ใช้ยาคืนร่างทำให้กลายเป็นแวมไพร์...ข้อแรกคือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเธอไม่ได้ใส่ใยแมงมุมลงไปแล้วเธอดื่มยานั้นเข้าไป?...ชานิ" อาจารย์แกร์ริคกล่าวและเรียกชานิมาตอบคำถามแรก
"ก็...เราจะกลายเป็นอีกาแค่วันเดียวค่ะ ไม่ได้เป็นอย่างถาวร" ชานิตอบ อันที่จริงตอนปรุงยาวาเนสซ่าเป็นคนบอกเธอทุกขั้นตอนว่าหากไม่ทำตามนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
"ถูกต้อง...'คาริสซ่า'! ถ้าเธอเอาขนมปังที่ไม่ขึ้นราใส่ลงไปแทนที่จะเป็นขนมปังขึ้นราล่ะ? ฉันพูดไปแล้วนะตอนสาธิตให้ดู"
"อย่างแรกก็ท้องเสีย จากนั้นก็กลายเป็นนกพิราบสีดำค่ะ" คาริสซ่าตอบอย่างมั่นใจ แต่มารูนไม่ทันได้เห็นเธอเพราะเสียงมาจากด้านหน้าสุด และตอนที่ตอบคำถามก็ไม่มีใครยืนเลยด้วย
"ดีมาก! ต่อมา...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอแอบเขียนอะไรบางอย่างอยู่ 'อลัน'! " เสียงของเขายังคงปกติ เขาแค่ใช่สายตามองไปนักเรียนที่ชื่อ'อลัน'กำลังเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษ
"จดความรู้เพิ่มเติมครับ" เขาตอบ
"แต่ฉันไม่คิดงั้นนะ...เอางี้ ถ้าเธอตอบคำถามฉันสองข้อได้ฉันจะไม่ตัดคะแนน แต่ถ้าเธอตอบผิดแม้แต่นิดเดียวฉันจะตัดทั้งคะแนนตอบคำถามและความประพฤติ" เขาสังเกตอลันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาเห็นว่าอลันไม่ได้ฟังที่คนอื่นพูดเลย และความจริงก็เป็นอย่างที่เขาคิดเพราะอลันแอบเขียนจดหมายไม่ใช่จดข้อมูลเพิ่มเติม
"ข้อแรก ถ้าเธอใส่หญ้าสีเลือดตอนที่น้ำยังไม่เดือดล่ะ? และข้อสองถ้าเธอใส่หญ้าสีเลือดสองใบล่ะ?" อาจารย์แกร์ริคยังสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เขาปรุงยาว่าเขาไม่ได้มีสมาธิกับยาที่ต้องปรุงเลยแม้แต่น้อย
"ข้อแรกก็...ทำให้สรรพคุณของหญ้าสีเลือดออกมาไม่หมดครับ ทำให้กลายร่างเป็นอีกาขนร่วงครับ ส่วนข้อสองกลายเป็นกบสีดำ" เขาตอบ ท่าทีของเขาไม่มั่นใจเลย มีใครบางคนหัวเราะขึ้นมาแต่ไม่ใช่เพราะท่าทีของเขา เพราะคำตอบของเขา
"ถูกแค่ข้อแรกนะอลัน ข้อสองคือถ้าเธอใส่หญ้าสีเลือดสองใบก็ไม่มีอะไรผิดปกติเพราะมันเป็นสูตรที่ต้องใส่หญ้าสีเลือดสองใบอยู่แล้ว ฉันตัดสองคะแนนนะอลัน...มีสมาธิหน่อย" คำท้ายสุดเขาเตือนอลัน
"ครับ" เขาตอบด้วยเสียงค่อนข้างเบา จากนั้นจึงนำกระดาษใบนั้นที่แท้จริงแล้วเป็นจดหมายสอดไว้ในหนังสือเรียน
"คนที่ออกมาปรุงยาในคราวนี้คือ..." เขาคิดไปสักครู่ "ฟินน์" ฟินน์ออกมาหน้าห้อง เขาลงมือปรุงยาอย่างไม่รอช้า
"ครั้งนี้มีคะแนนเต็มสามคะแนน ฉันจะเดินตรวจนะ" ร่างสูงเดินมายังนักเรียนหญิงคนนึง เขาหยิบขวดแก้วที่ภายในมีน้ำสีม่วงเข้มเกือบดำซึ่งต่างจากของคนอื่นๆที่มีสีดำขึ้นมาดู
"เธอไม่ได้คนส่วนผสมให้เข้ากันก่อนใส่แอปเปิ้ลบดลงไปเหรอ" เขาถามแต่ไม่ต้องการคำตอบ เป็นเชิงบอกว่าเธอต้องคนส่วนผสมให้เข้ากันก่อนใส่แอปเปิ้ลบดลงไปมากกว่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถแก้ไขหรือปรุงยาใหม่ได้อีก
"ดื่มมันสิ" นักเรียนหญิงคนนั้นดื่มยาในขวด ก่อนที่ร่างกายเธอจะเปลี่ยนเป็นอีกาที่มีปีกสีม่วงเข้มไม่ใช่สีดำอย่างที่ควรเป็น
"สองจุดห้าคะแนน" เขากล่าวก่อนจะใช้ปากกาขนนกเขียนลงในสมุดบันทึกคะแนน เขาเทของเหลวที่มีสีใสคล้ายน้ำออกจากขวดแก้วขวดหนึ่งใส่อีกาปีกสีม่วง กาตัวนั้นจึงคืนร่างเป็นนักเรียนหญิงคนนั้นอีกครั้ง
นักเรียนบางคนหันไปดูฟินน์ที่กำลังปรุงยา บ้างก็ขำที่เขาทำท่าทีราวกับต้องแม่นยำอย่างมากในแต่ละส่วนผสม
เขาเดินตรวจนักเรียนคนอื่นๆ จนถึงไกส์ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะเป็นลูกชายของตนเอง เขากลายร่างเป็นอีกาได้ นักเรียนคนอื่นๆส่งขวดแก้วที่ใส่น้ำยาทำให้คืนร่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวแรกของแถวกลางขึ้นมาจนถึงชานิ ชานิเทของเหลวใส่ไกส์ให้คืนร่างเป็นแวมไพร์เหมือนเดิม ตามด้วยมารูนเธอทำได้เช่นกัน เธอนึกอยากขอบคุณไกส์ที่ห้ามเธอไว้ก่อนจะใส่ส่วนผสมผิด ไม่งั้นเธอคงไม่ได้เต็มสามคะแนน
แล้วคนอื่นๆล่ะ! พวกเธอจะรอดไหมเนี่ย เธอคิด เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทไวล่าดื่มยาที่ปรุงเข้าไป ทไวล่ากลายเป็นอีกาสีดำทว่าขนที่ส่วนหางเป็นสีขาว ตามด้วยเสียงอาจารย์กล่าวว่า'เธอใส่ใยแมงมุมมากเกินไป' ส่วนเซริสไม่มีปัญหาเธอปรุงยาสำเร็จ ทไวไลท์อันนี้ผิดคาด เธอกลายเป็นค้างคาว 'เธอใส่มันฝรั่งบดไม่ใช่แอปเปิ้ลบด' และเวียร์รายนี้ทำได้ดี เธอสังเกตทุกอย่างที่วาเนสซ่าทำและก็เกือบใส่มันฝรั่งบดลงไปเช่นกัน
ไดออนนิก้าเทยาคืนร่างให้แก่เซริสและทไวไลท์ มีใครอีกคนเทยาคืนร่างให้ทไวล่า วาเนสซ่าดึงฝาจุกออกจากขวดแก้วเพื่อจะเทยาคืนร่างให้เวียร์ มีบางอย่างบินเข้ามาทางหน้าต่างก่อนจะโฉบเอาขวดแก้วในมือวาเนสซ่าออกไป!
"เฮ้!" วาเนสซ่าเอ่ยอย่างหงุดหงิด ทุกคนในห้องเห็นว่ามีอีกาตัวนึงบินออกไปพร้อมขวดแก้ว อีกาตัวจริง...น่าแปลก มันคิดยังไงถึงได้เอาขวดแก้วไปกันนะ วาเนสซ่าคิด
"ให้ตายสิ! ฉันปรุงยาคืนร่างมาจำนวนจำกัด! ส่วนผสมบางอย่างหมดแล้วฉันต้องออกไปหาใหม่...เธอคงต้องอยู่ในร่างนั้นสักชั่วโมง" อาจารย์แกร์ริคกล่าว เขาใช้มือก่ายหน้าผาก
" ฟินน์ ปรุงยาดีมากตรงตามตำราเป๊ะ เอาล่ะพอแค่นี้ หมดคาบแล้วทุกคนไปได้" เขากล่าวถึงฟินน์ก่อนจะบอกให้ทุกคนเตรียมตัวเรียนคาบถัดไป
เอาแล้วไงล่ะ เธอต้องอยู่ในร่างอีกา คาบต่อไปเป็นชั่วโมงประวัติศาสตร์ก่อนที่จะพักเที่ยง
ในคาบประวัติศาสตร์ บางคนเบื่อวิชานี้ แต่อย่างน้อยวิชานี้ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเวียร์
"งานที่พวกเธอส่งกันมาเมื่อวานมีหลายคนทำได้ดีมาก...เอ๊ะ! นั่นอีกาใช่ไหม" อาจารย์ฟานาเรียซึ่งเป็นผู้สอนวิชานี้เอ่ยเมื่อหันไปเห็นเวียร์ที่นั่ง...เกาะอยู่บนขอบเก้าอี้ อาจารย์ฟานาเรียยิ้มให้เธอเล็กน้อย บางคนหัวเราะออกมาเว้นแต่วาเนสซ่าที่กลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่จนเธอต้องหันไปมอง แต่เธอก็เห็นดาร์กขำเหมือนกัน จริงๆแล้วเรียกว่าแอบขำมากกว่า เขาเก็บเอาไว้ได้อยู่ถ้าเธอไม่หันไปเห็นซะก่อน
เนื่องจากวิชานี้ใช้การฟังเสียส่วนใหญ่ทำให้เวียร์ยังคงเรียนได้โดยไม่มีปัญหาอะไร การจดก็ไม่ต้องจดอะไรมากมาย เธอฟังอาจารย์ฟานาเรียพูดถึงเมืองเมืองหนึ่งนามว่า 'เวเดอรีน' อย่างตั้งใจโดยยังมีใครอีกคนตั้งใจฟังอย่างจดจ่อยิ่งกว่าคือ ทไวล่า
ในที่สุดก็ถึงเวลาพัก
"พักซะที!" ใครคนนึงร้องเสียงดังลั่น
"แต่แปลกนะวันนี้เป็นวันที่เรียนประวัติศาสตร์แล้วไม่รู้สึกง่วง" คนอีกคนพูดขึ้น
"เอ๊ะ...นั่นสิ ไม่คิดว่าเมืองเวเดอรีนจะมีประวัติศาสตร์น่าสนใจนะ ชักอยากไปแล้วสิ"
"พูดอะไรกันอยู่ รีบไปได้แล้ว" เสียงนักเรียนคนอื่นๆพูดคุยขณะเดินออกจากห้อง
"เวียร์ไปด้วยกันไหม?" วาเนสซ่าถามเวียร์ที่ยังคงอยู่ในร่างอีกา เธออยากไปกับอีกสี่คนที่เป็นนักเรียนใหม่ด้วยกันมากกว่าแต่พูดไม่ได้เวียร์จึงทำได้แค่ส่ายหน้า
"ตามหาอาจารย์แกร์ริคสิ ตอนนี้คงปรุงยาได้แล้วล่ะ...งั้นฉันไปก่อนนะ" วาเนสซ่าบอกก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
"ไง!เวียร์ วันนี้เธอทำได้ดีนะ" ทไวล่าพูด เธอให้เวียร์เกาะบ่าของเธอ "ไปโรงอาหารกัน" ทั้งหมดเดินออกจากห้องเรียนเป็นกลุ่มสุดท้าย
"ยาที่ถูกขโมยไปไม่มีฝาจุกปิดนี่ ถ้ามันหกใส่อีกาอีกาก็คงกลายเป็นอีกาเหมือนเดิม" ทไวไลท์พูดพลางกมือสองข้างแบออกระดับไหล่
ทั้งหมดเดินลงทางบันไดเก่าแก่ มีรูปปั้นอัศวิน สัตว์แปลกประหลาด พ่อมดแม่มดตามฝาผนังและรูปปั้นค้างคาวขนาดเท่าคนวางอยู่สองข้างบันไดขั้นล่างสุด
มีอีกาสีดำตัวหนึ่งบินออกจากบริเวณปราสาทหลังจากที่ได้ยินเสียงนักเรียนหญิงห้าคนราวกับแอบซ่อนจากพวกเธออยู่ มันบินผ่านสะพานตรงหน้าปราสาท บินผ่านป่ามีแต่เหล่าต้นไม้ที่ใบร่วงจากกิ่งก้านจนแทบหมดต้น หากมองยามกลางคืนคงคล้ายกรงขังที่สร้างจากมือของมือปีศาจ ผ่านหมู่บ้านของเหล่าแวมไพร์ที่อยู่ห่างจากโรงเรียนโดยมีป่าเป็นเขตกั้น จนกระทั่งมาถึงเหล่าต้นสนบนทิวเขาท้ายหมู่บ้าน
"ดีมาก..." เสียงที่ฟังดูทรงพลังเอ่ย มีร่างปริศนาอยู่บนต้นสนต้นหนึ่ง ใต้ผ้าคลุมหน้าที่บดบังใบหน้าไว้กว่าครึ่งมีแววตาที่ซ่อนความพึงพอใจผสมความแค้นไว้อยู่ ในมือมีขวดแก้วที่มีของเหลวสีใส ร่างนั้นส่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายออกมา "หึ หึ ...หึ หึ หึ ฮ่ะฮะฮะฮา ฮ่าอ๊าฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮา..."
เวียร์จามออกมาซึ่งอยู่ในร่างของนกก็คงตลกนัก เธอสังเกตเห็นว่าที่นี่มีโต๊ะมากมายให้นั่ง ทั้งโต๊ะที่ตั้งออกไปทางระเบียงปราสาทเป็นโต๊ะที่หรูหราและสวยงามจนเหมือนโต๊ะที่ใช้จิบน้ำชาเสียมากกว่า ซึ่งตอนที่เธอบินผ่านเธอก็เห็นว่าวาเนสซ่านั่งอยู่ หรือโต๊ะที่มีม้านั่งที่นักเรียนหลายคนรวมทั้งนักเรียนห้องอื่นๆนั่งกันเยอะที่สุด ไม่ก็โต๊ะอาหารอีกฝั่งที่ยาวราวกับโต๊ะในพระราชวังที่มีไว้ให้เหล่าขุนนางและคนสนิทนั่งรับประทานอาหารร่วมกันและตอนนี้เธอก็เกาะอยู่บนพนักเก้าอี้
"กามาจากไหนเนี่ย!" เสียงของแม่ครัวที่ทำท่าจะไล่เธอออกไปพูดแต่โชคดีที่เพื่อนของเธอมากพอดี
"เดี๋ยวค่ะ! นี่เพื่อนเราเอง" ทไวไลท์บอก แม่ครัวดูเหมือนจะงุนงงแต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไป
"ฉันมาแล้ว" เซริสนำถาดอาหารวางลงบนโต๊ะ ในนั้นมีชุปสีแดงข้นใส่เห็ดและเนื้อตัวอะไรสักอย่างที่มีแต่สีดำ มีไอลอยขึ้นมาจากถ้วยทว่ามันปรากฏเป็นรูปกระโหลกอย่างเด่นชัด ถัดมาเป็นสลัดที่มีสีสันแปลกตา รองพื้นด้วยผักกาดสีม่วงที่จัดวางคล้ายถ้วยอีกชั้น ใส่ข้าวโพดสีแดง ถั่วลั่นเตาที่มีดำ น้ำสลัดสีขาวและแครอทที่มีส้มตามปกติ ตามด้วยใบไม้อะไรสักอย่างที่เล็กคล้ายใบมะขามสีน้ำตาลโรยหน้า? และเครื่องดื่มสีเขียวที่มีไอลอยออกมาจนแทบมองไม่เห็นปากแก้ว
ส่วนของทไวไลท์เป็นคุ้กกี้สีดำที่เวียร์คิดว่าน่าจะทำมาจากซ็อกโกแลตเข้มข้นเปล่าๆไม่มีซ็อกโกแลตหรืออะไรโรยหน้า ในแก้วมีน้ำที่คล้ายเลือดของตัวอะไรสักอย่างซึ่งมารูนและทไวล่าก็หยิบมาเหมือนกัน ส่วนอีกสองคนก็มีสปาเก็ตตี้สีดำและอะไรอื่นๆอีกแต่เวียร์ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เธอสนใจจานที่ทไวล่ายื่นมาตรงหน้ามากกว่า
ทีแรกเวียร์ว่ามันคือหนอนเพราะมีลักษณะเส้นยึกยักๆสีชมพูอ่อน เป็นอีกาก็ควรกินหนอนสินะ แต่ทไวล่าบอกว่ามันคือเนื้อบดที่ทำให้ดูคล้ายสมองเท่านั้นเองซึ่งเธอก็เข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งหมดกินอาหารกันอย่างไม่เชิงเอร็ดอร่อยสำหรับเวียร์และทไวไลท์เพราะทั้งคู่ไม่ค่อยชินกับหน้าตาและรสชาติอาหารบางอย่างที่เพี้ยนไปจากโลกมนุษย์เท่าไหร่
"ดูเหมือนเธอไม่ค่อยมีปัญหาในร่างอีกาเท่าไหร่นะ!" เสียงของผู้ที่ปรากฏอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงทำให้ทั้งหมดตกใจ
"ทำไมต้องทำท่าเหมือนตกใจขนาดนั้นด้วยนะ" อาจารย์แกร์ริคกล่าว เขายื่นขวดแก้วใส่น้ำสีใสมาตรงหน้าเวียร์ ก่อนจะเปิดมันและเทลงไป เวียร์กลายเป็นมนุษย์ที่ปลอมเป็นแวมไพร์เหมือนเดิม
"พยายามชินกับเรื่องที่ทำให้ตกใจสิ" เขาพูดก่อนจะหันหลังและกำลังจะเดินจากไป
หมายความว่ายังไงนะ เขาพูดเหมือน... "หมายความว่าคุณรู้เรื่อง..."
"คนที่รู้เรื่องของพวกเธอน่ะก็มีรายชื่อในตารางเรียนแล้วนิ" เขาหันมาและพูดทิ้งท้ายไว้ แล้วเดินออกไป
เธอนึกว่ามีแค่อาจารย์ฟานาเรียที่รู้เรื่องของพวกเธอซะอีก แต่ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะทำอะไรผิดต่อหน้าพวกอาจารย์พวกเขาคงเข้าใจเธออยู่แล้ว
.......................................................................................................................................................................................
สงสัยอะไรคอมเม้นต์ได้น้า
ถ้าถามว่าใครเป็นตัวเอก คำตอบคือเวียร์ แต่ไม่อยากให้เวียร์เด่นจากคนอื่นมากเลยให้ทุกคนมีความสำคัญด้วย อาจมีบางคนที่ดูเหมือนตัวเอกรองลงมาก็ได้
ความคิดเห็น