ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์บันดาลรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 3.2 สองปีต่อมา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 64


    ตอนที่ 3.2  


    “บอกมาเถอะลูก ไม่ต้องกลัวว่ายายจะตกใจ” ยายหริบอกพลางกอดหลานสาวเอาไว้แน่น แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่ภายในใจกลับหวาดหวั่นด้วยความกลัวที่ถาโถม

    “คี...หมอบอกว่าคี...ท้อง” หญิงสาวกลั้นใจบอกออกไป หากน้ำเสียงคำสุดท้ายกลับเบาและสั่นพร่าไปด้วยความกังวล

    “ท้องเหรอ” หญิงชราแทบไม่เชื่อหู หลานสาวที่เป็นเด็กดีมาตลอดจะท้องได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีแฟนสักคน

    “ยายตีคีเถอะ ตีให้แรงๆ เลย” หญิงสาวบอกเสียงสั่นก่อนจะหันไปหยิบไม้แขวนเสื้อที่วางอยู่แถวนั้นมาส่งให้ยาย เธอรู้ว่าตัวเองทำให้ยายผิดหวังมาก เธอยอมให้ยายตีเธอให้ตายดีกว่าจะเห็นยายนิ่งเงียบไปแบบนี้

    “ใครเป็นพ่อของเด็ก มันเกิดขึ้นได้ยังไง เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้” ยายหริสั่งหลานสาวด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่พอมีเหลือ ขณะที่มือไม้เย็นเฉียบและหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเลี้ยงคีตภัทรมาผิดที่ตรงไหน ถึงได้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามแบบนี้ขึ้นได้

    คีตภัทรมองยายก่อนจะก้มหน้าแล้วเล่าไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเจือสะอื้น เธอเล่าความจริงทั้งหมดตั้งแต่เรื่องวศิน จนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในผับและห้องของชายหนุ่มแปลกหน้า เล่าโดยไม่ตกหล่นแม้แต่เรื่องเดียว

    “แล้วโทรหาผู้ชายคนนั้นหรือยัง” หญิงชราถามต่อ เมื่อไม่ผิดจากที่เดาเอาไว้ เด็กสาววัยนี้กำลังอยู่ในช่วงที่เห็นความรักสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด โดยเฉพาะคนที่เกิดมาไม่อบอุ่นอย่างหลานสาวของเธอ ก็ยิ่งมีโอกาสพลาดพลั้งได้มากยิ่งขึ้น

    “โทรแล้วจ้ะ แต่เขาคงไปเมืองนอกแล้ว คีก็เลยติดต่อเขาไม่ได้”

    ยายหริรู้สึกราวกับตัวเองเป็นต้นไม้แก่ๆ ที่ไม่มีค่า เหลือแต่กิ่งก้านแห้งๆ และใบที่เหลืองกรอบ ถึงได้ไม่สามารถช่วยอะไรหลานสาวได้เลย ขณะที่หลานสาวของเธอยังเด็ก การถูกปลูกฝังและเลี้ยงดูให้อยู่ในกรอบมาตลอด ยิ่งทำให้คีตภัทรรู้สึกผิดและสับสนมากขึ้นไปอีก แต่เธอเป็นผู้ใหญ่กว่าผ่านโลกมาเยอะกว่า ที่สำคัญเธอเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในบ้านหลังนี้ ต่อให้อ่อนแอเป็นไม้ใกล้ฝั่งสักเพียงไหน เธอก็ต้องกัดฟันเป็นหลักให้หลานสาวคนเดียวได้ยึดเอาไว้  

    “ก็ยังดี...” หญิงชราเอ่ยพร้อมกับพยายามรวบรวมความเข้มแข็งให้กลับมา “ถือเป็นข่าวดี ถ้าคีมาบอกยายว่าป่วยหนักใกล้จะตาย ยายจะถือว่าเป็นข่าวร้ายมากกว่า” ไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้นเรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วขึ้นมาอีก ป่วยการที่จะมัวสืบหาว่าทั้งหมดเป็นความผิดของใคร สิ่งที่ควรทำคือการตั้งสติแล้วช่วยกันแก้ปัญหามากกว่า

    “ยาย...” คีตภัทรยังได้แต่ร้องไห้พูดอะไรไม่ออก คำพูดของยายทำให้น้ำตาของเธอยิ่งไหลออกมามากขึ้น

    “ไม่เป็นไรลูก ยายจะช่วยเลี้ยงเอง ยายเลี้ยงคีมาคนแล้วทำไมจะเลี้ยงเหลนอีกคนไม่ได้ บ้านเราจะได้ไม่เหงา เพราะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นไงลูก” ยายหริเอ่ยทั้งน้ำตา

    หญิงสาวโผเข้าไปกอดยายแนบแน่น ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะร้องไห้ไปกับเธอแบบนี้ เธอรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรง่ายเพราะสถานะในชีวิตของเธอที่เปลี่ยนไป แต่เธอจะต้องเข้มแข็งเพื่อยาย และเพื่อลูกน้อยในท้องของเธอเอง

     

     

     สองปีต่อมา...

     

    คีตภัทรมองลูกสาวฝาแฝดที่ไม่ยอมให้เธอจูง เพราะอยู่ในวัยที่กำลังชอบวิ่ง จึงพากันวิ่งไปนำหน้าแม่ไปอย่างสนใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเต็มที่ ครั้นจะจับใส่รถเข็นของห้างสรรพสินค้า เจ้าตัวเล็กก็เอาแต่ร้องจะลงท่าเดียว เธอจึงต้องยอมปล่อยให้เดินเอง จูงมือบ้างปล่อยบ้างแต่ไม่ให้คลาดสายตา โดยเลือกเดินแผนกที่ไม่มีของที่ตกแตกได้

    “ทิวลิป ลิลลี่ ระวังชนคนอื่นลูก” หญิงสาวร้องเตือนเมื่อสองเด็กหญิงวิ่งตรงไปใกล้ชายคนหนึ่ง และยังไม่ทันขาดคำก็ไปชนขาของเขาเข้าเต็มๆ เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อจะขอโทษอีกฝ่าย “ขอโทษนะคะที่เด็กๆ ไปชนคุณเข้า”

    “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบพลางหันกลับมาและย่อตัวลงยิ้มให้สองหนูน้อยที่มองเขาด้วยตากลมโตราวกับตุ๊กตา ก่อนจะสังเกตเห็นชื่อและเบอร์โทรที่ปักอยู่บนเสื้อของเด็กๆ

              คีตภัทร...




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×