คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 3.1 สารภาพความจริง
คีตภัทรเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยสภาพตัวลอยเหมือนร่างกายไร้น้ำหนัก ในมือถือถุงยาบำรุงครรภ์ที่แพทย์จ่ายให้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าความผิดพลาดในครั้งนั้น จะทำให้เธอตั้งครรภ์ขึ้นมา เพราะทันทีที่ออกจากห้องพักของชายหนุ่ม เธอก็ตรงดิ่งไปหายาคุมฉุกเฉินมากินอย่างไม่รอช้า แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่มีอะไรที่สามารถคุมกำเนิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี หญิงสาวถามตัวเองพลางนั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าตึก
แวบหนึ่งเธอคิดถึงการเอาเด็กออก ก่อนจะสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เธอฆ่าลูกไม่ได้ เด็กไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เป็นความผิดของแม่อย่างเธอต่างหาก เธอควรจะบอกเรื่องนี้ให้เขาคนนั้นรู้ดีไหม เร็วเท่าความคิดที่หญิงสาวรีบค้นกระเป๋าสะพายหานามบัตรที่ทิ้งเอาไว้ในนี้ แม้จะอยากลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปให้หมด แต่เธอกลับทิ้งนามบัตรที่เขาให้ไว้ไปไม่ลง
คีตภัทรรู้สึกได้เลยว่ามือของเธอสั่นตอนกดหมายเลขไปทีละตัว ใจเต้นรัวเหงื่อแตกซึมไปทั่วร่างที่สะบัดร้อนสะบัดหนาว ก่อนจะรู้สึกราวลูกโป่งอัดแก๊สที่ถูกเจาะ มันไม่ได้แตกแต่ฟีบลงจนเหลือนิดเดียว เมื่อเสียงตอบรับที่ได้ยินบอกให้เธอรู้ว่าเลขหมายนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว
เขาไปต่างประเทศแล้ว อย่างที่เคยบอกกับเธอไว้...
หญิงสาวกวาดตาไปทั่วนามบัตรอีกครั้ง ก่อนจะพบว่ามีอีเมลระบุไว้ แต่กระดาษส่วนนั้นกลับเลอะคราบอะไรบางอย่าง จนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่ต้องการได้ ใจของเธอร้อนรนมากยิ่งขึ้น ขณะเลื่อนมือไปแตะที่ท้อง เธอจะทำอย่างไรต่อดี ถ้าปิดเรื่องนี้ไว้ท้องที่ขยายขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องฟ้องตัวเองอยู่ดี และถ้ายายรู้จะต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆ แล้วยังเรื่องงานกับเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยของเธออีก ถ้าคืนนั้นเธอไม่ไปที่ผับนั่นก็คงจะดี
คีตภัทรกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อเป็นรอย เธอโกรธตัวเองที่ทำเรื่องโง่ๆ ขาดสติแบบนั้นลงไป ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ทำแบบนั้น แต่ยิ่งคิดยิ่งรู้ว่าย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ในอกของเธอก็ยิ่งทุรนทุรายไปด้วยความสับสน เธอโกรธทุกอย่าง เกลียดทุกคนที่มีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ที่น่าโมโหที่สุดก็คือตัวเธอเอง
หญิงสาวคิดวนเวียนต่อว่าตัวเองราวกับคนเสียสติ สลับกับห่วงกังวลและหวาดกลัวสารพัด คนอื่นจะคิดยังไงถ้าจู่ๆ เธอก็ตั้งครรภ์ขึ้นมา ลูกคือของขวัญจากสวรรค์หากเกิดในเวลาที่เหมาะสม แต่เธอยังไม่พร้อมจะเป็นแม่ เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรสักอย่างที่จะเลี้ยงลูกได้ ถ้าเด็กเกิดมาจะขาดความอบอุ่นอย่างที่เธอเป็นไหม ปัญหาที่ถาโถมทำให้คีตภัทรนั่งคิดหาทางออกอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่สายจนถึงค่ำ
ยายหริเดินวนอยู่หน้าบ้านอย่างร้อนใจ เมื่อค่ำแล้วหลานสาวก็ยังไม่กลับมา จะโทรไปหาเธอก็ใช้โทรศัพท์เป็นแค่กดรับสายที่โทรเข้ามาเท่านั้น จึงฝากเพื่อนบ้านให้ช่วยโทรให้ แต่โทรไปหลายครั้งแล้วก็ไม่มีคนรับสาย จะเดินไปรบกวนอีกรอบก็เกรงใจ ปกติคีตภัทรไม่ใช่เด็กเหลวไหล หลานสาวของเธอตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนที่ดีมาตลอด เคยเกเรครั้งเดียวก็คือตอนที่แอบไปค้างคืนกับเพื่อนแล้วไม่ยอมบอก ตอนนี้เธอจึงห่วงแค่ว่าหลานสาวจะไม่สบายมากจนกลับบ้านไม่ได้เท่านั้น
ยายหริเดินกลับไปกลับมาอีกสองรอบ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์จะเอาไปให้ข้างบ้านช่วยโทรให้อีกครั้ง ทว่ากลับเห็นหลานสาวเดินกลับมาเสียก่อน จึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง
“ยายกำลังห่วงอยู่เชียวยายคีเอ๊ย แล้วว่ายังไงหมอเขาบอกว่าเป็นอะไรลูก” หญิงชราถามระหว่างเดินจูงมือหลานสาวเข้าไปในบ้าน ก่อนจะใจไม่ดีมากยิ่งขึ้นเมื่อจู่ๆ คีตภัทรก็ร้องไห้ออกมา เป็นการร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนลูกสาวของเธอส่งจดหมายมาจากเมืองนอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว หลานสาวของเธอก็แค่เศร้าซึมไป แต่ก็ยังเข้มแข็งพอที่จะเป็นฝ่ายปลอบใจคนแก่อย่างเธอ แล้วอะไรที่ทำให้หลานสาวของเธอเสียใจได้ขนาดนี้
“เป็นอะไรลูก หมอเขาว่าอะไรไหนบอกยายซิ” ยายหริถามด้วยน้ำเสียงปลอบโยนแกมกังวล มือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นลูบหลังลูบไหล่หลานสาวไปมาเบาๆ
คีตภัทรหันไปกอดยายพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน เธอคิดมาทั้งวันก็ยังไม่เห็นทางไหนดีไปกว่าบอกยายไปตามตรง
“ยาย...คี...หมอบอกว่าคี...”
ความคิดเห็น