คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 5.2 ตัดใจไม่ลง
ตอนที่ 5.2
คีตภัทรจ่ายเงินให้แท็กซี่ก่อนจะพาลูกๆ ลงจากรถ แล้วพาเดินเข้าบ้าน...บ้านเช่าที่ไม่ใช่หลังเดิมที่เธอเคยอยู่ หลังจากที่รู้ว่าเธอท้องไม่มีพ่อยายก็พาเธอย้ายออกจากบ้านเดิม เพราะไม่อยากให้เธออับอายเพื่อนบ้าน โชคดีที่ข้างบ้านของวิมพ์วิภาปล่อยให้เช่าพอดี เธอจึงพายายย้ายไปอยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนสนิท
วิมพ์วิพาเป็นอีกคนบนโลกใบนี้ที่รู้เรื่องราวของเธอทั้งหมด และทำตามที่รับปากเธอไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ใครฟัง ในยามที่ชีวิตแสนจะยากลำบากเธอจึงมีเพื่อนรักคอยช่วย แม้กระทั่งวันที่ยายจากไปเมื่อไม่นานมานี้ เธอก็ได้ครอบครัวของเพื่อนรักช่วยดูแลเรื่องงานศพ และเธอยังสามารถฝากลูกๆ ไว้ที่บ้านของเพื่อนได้เป็นครั้งคราวอย่างวางใจด้วย
“กลับมาแล้วเหรอคะเด็กๆ ไปเที่ยวไหนกันมาคะเล่าให้น้าวิมฟังบ้างสิคะ” วิมพ์วิภาทักหลานสาวตัวน้อย ที่วันนี้คีตภัทรบอกเธอไว้แล้วว่าต้องพาไปฉีดวัคซีน และจะพาไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ โรงพยาบาลต่อ
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจัง” คีตภัทรถามเพื่อนที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา วิมพ์วิภาเรียนกับเธอมาตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงปวส. และไปต่อมหาวิทยาลัยจนตอนนี้ใกล้จะเรียนจบแล้ว แม้เธอจะเสียใจที่พลาดโอกาสในการเรียนต่อ แต่ก็ไม่เคยคิดโทษเด็กๆ เพราะรู้ว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเอง
“วันนี้ฉันมีเรียนแค่วิชาเดียวน่ะ ว่าแต่แกมีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นหรือว่าทิวลิปอาการไม่ค่อยดีขึ้นมาอีกแล้ว” วิมพ์วิภาซักอย่างเป็นห่วงพลางเดินตามเพื่อนเข้าไปในบ้าน เมื่อก่อนนี้เธอเคยคิดว่าการตั้งครรภ์ลูกแฝดถือเป็นความโชคดี จนเมื่อคีตภัทรเกิดอาการครรภ์เป็นพิษ เพราะการมีลูกแฝดถือเป็นความเสี่ยง กระทั่งคลอดออกมาแฝดคนพี่จึงได้ความผิดปกติของหัวใจติดตัวมาด้วย และกำลังรอให้ถึงกำหนดที่จะผ่าตัดอยู่
“ไม่ใช่หรอก แต่วันนี้ฉันบังเอิญได้เจอ...พ่อของเด็กๆ ที่ห้าง” คีตภัทรพยายามบอกตัวเองมาตลอดทางว่าไม่มีอะไรต้องคิดมากอีก เธอปฏิเสธเขาไปแล้ว และไม่คิดจะไปร่วมแสดงละครกับเขา แต่หัวใจเธอกลับลังเลจนไม่ยอมทิ้งนามบัตรใบใหม่ของเขาไป
“พ่อของเด็ก ผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ” วิมพ์วิภาถามกลับอย่างพลอยตกตะลึงไปด้วย เธอจับหลานแฝดคนโตนั่งบนตัก แต่เจ้าตัวเล็กไม่ยอมนั่งเฉยๆ จึงต้องช่วยเพื่อนอุ้มไปไว้ในคอกสำหรับเด็ก ที่พี่ชายของเธอเป็นคนหาอุปกรณ์มาช่วยทำเอาไว้ให้เอง
“ใช่ เด็กๆ วิ่งไปชนเขาเราก็เลยได้เจอกัน แถมเขายังจำชื่อฉันได้อีก” คีตภัทรตอบก่อนจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนฟัง ตอนนี้เธออยากได้ที่ปรึกษาเพราะหัวใจยังต่อต้านคำตอบเดิมที่คิดเอาไว้
“แกน่าจะบอกๆ เขาไปว่าทิวลิปกับลิลลี่เป็นลูกเขา จะปิดไว้ทำไมถ้าเขาอยากได้ก็ยกให้เขาไปสิ เขาจะได้รู้บ้างว่าการเลี้ยงลูกคนเดียวมันลำบากแค่ไหน” หญิงสาวบ่นอย่างไม่เห็นด้วยที่เพื่อนโกหกไปแบบนั้น ที่ผ่านมาคีตภัทรใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด ลำพังแค่มีลูกแฝดก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยอยู่แล้ว แถมเด็กยังมีโรคประจำตัวติดมาอีก ทำให้เพื่อนของเธอต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งเป็นลูกจ้างในร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ในหมู่บ้าน ตอนเช้าไปทำงานกลางวันวิ่งกลับมาดูลูกที่บ้าน วิ่งไปวิ่งมาจนโดนไล่ออก ต้องเปลี่ยนงานใหม่ไปเรื่อยๆ จากที่เคยอ้วนก็ผอมบางลงไปเรื่อยๆ เพราะเงินที่หาได้ต้องเก็บไว้ให้ลูกทั้งหมด
“แกไม่ได้เป็นแม่คนแกไม่เข้าใจหรอก ลูกของฉัน ฉันคลอดออกมาเอง ต่อให้ลำบากแค่ไหนฉันก็ไม่คิดจะยกลูกให้คนอื่น ตอนที่ยายจากไปฉันคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว แต่พอมองลูกฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว”
วิมพ์วิภามองเพื่อนก่อนจะถอนใจอย่างพลอยเศร้าไปด้วย “เพราะแบบนี้แกถึงไม่เคยโกรธเขาเลยใช่ไหม” ตั้งแต่รู้เรื่องเธอเป็นคนเดียวที่ก่นด่าผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น แต่เพื่อนของเธอกลับเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง และไม่เคยต่อว่าผู้ชายคนนั้นให้ได้ยินเลย
“ก็มันไม่ใช่ความผิดของเขานี่ ตอนเกิดเรื่องเขาก็พยายามจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่แล้ว” เธอไม่รู้ว่าตัวเองอ่อนต่อโลกมากเกินไปหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขามีความจริงใจ และตอนที่รู้ว่าตั้งครรภ์เธอก็พยายามหาทางจะติดต่อกับเขาทุกทางแล้ว เมื่อเบอร์โทรใช้ไม่ได้ อีเมลก็ถูกรอยเปื้อนลบทิ้ง เธอจึงลองกลับไปที่คอนโดของเขาอีกครั้ง แต่รปภ.บอกว่าเขาไมได้อยู่ที่นั่นแล้ว เธอจึงจำเป็นต้องตัดใจ ถ้าตอนนั้นเขาไม่ไปต่างประเทศเสียก่อน เธอคงได้บอกเขาไปแล้ว
“แต่ฉันว่าเขาก็มีส่วนผิดอยู่ดีแหละ ส่วนคนที่ผิดมากที่สุดคือไอ้วศิน ไม่รู้ตอนนี้ไปขึ้นสวรรค์ลงนรกที่ไหนแล้ว เห็นมันคุยว่าจะไปเป็นดารา ป่านนี้แล้วยังไม่เคยเห็นหน้ามันในทีวีเลย”
การที่เพื่อนพูดชื่อวศินขึ้นมา ทำให้คีตภัทรหวนคิดถึงชายหนุ่มขึ้นมาบ้าง เพราะหลังจากเกิดเรื่องขึ้นเธอก็ตัดใจจากวศินได้เด็ดขาด ไม่เคยคิดถึงผู้ชายเลวๆ คนนั้นอีกเลย และเธอหวังว่าจะลืมผู้ชายที่เธอพลาดไปกับเขาเช่นกัน
แต่ธันยธรกลับเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอไม่เคยลืม ลูกกลายเป็นสายใยผูกพันเธอไว้กับเขา ชายหนุ่มมักจะแทรกตัวเองเข้ามาในความคิดของเธอเสมอ กลายเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าเธอจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีสามีที่ดีช่วยเลี้ยงลูกและดูแลครอบครัว แต่เขาคงไม่ได้คิดเหมือนกัน เพราะเขามีแฟนเป็นนางแบบไปแล้ว
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ แกไม่อยากให้เขารู้จริงๆ เหรอคี” วิมพ์วิภาถามย้ำอย่างพอจะเดาใจเพื่อนได้ เพราะถ้าอยากตัดจริงๆ จะมีอะไรให้ต้องลังเลอีก
คีตภัทรตอบตัวเองได้ทันทีว่าเธออยากให้เขารู้ แต่เพราะเขาจะเอาแต่ลูกไป เธอถึงยอมให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด
ความคิดเห็น