คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 5.1 ข้อเสนอ
ตอนที่ 5.1
“ทิวลิปกับลิลลี่เป็นลูกของผมหรือเปล่าครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ พวกแกไม่ใช่ลูกของคุณ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ
“แล้วพ่อของเด็กไปไหนล่ะครับ”
“พ่อเด็ก เอ่อ พ่อเด็กตกท่อตายไปแล้วค่ะ” คีตภัทรโพล่งตอบออกไป ก่อนจะอยากเอาหัวโขกกำแพงตายเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อเห็นคนฟังทำหน้าพิลึกแกมสงสัย แน่ละ ข้ออ้างแบบนี้ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ต้องหาคำอธิบายเพิ่มที่สมเหตุสมผลกว่านี้หน่อย
“คือ...คือเขาเมาแล้วตกไปในท่อที่เปิดฝาทิ้งไว้น่ะค่ะ หัวเลยไปกระแทกกับขอบปูนเข้า”
แม้จะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ หากธันยธรก็พยักหน้ารับช้าๆ พลางพยายามค้นหาว่าหญิงสาวกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าเด็กเป็นลูกเขาจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายแต่นี่ตั้งสองคน เธอจะไม่อยากได้ความรับผิดชอบหรือความช่วยเหลือจากพ่อของเด็กเลยหรือ
“แน่ใจนะครับว่าพวกแกไม่ใช่ลูกของผมจริงๆ ผมลองคำนวณเวลาดูแล้ว คุณน่าจะตั้งท้องหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นได้ไม่นาน”
“ไม่ใช่จริงๆ ค่ะ หลังจากคืนนั้นไม่กี่วันฉันก็มีแฟนใหม่ แล้วเขาก็เมาจนตกท่อตายไปนั่นแหละค่ะ”
“แต่ทำไมเด็กๆ ถึงได้เหมือนผมมาก ทั้งที่ไม่ใช่ลูกผม”
“พวกแกไม่ได้เหมือนคุณหรอกค่ะ แต่เพราะคุณไปพูดว่ามีลูกมีเมียแล้ว พอเห็นฉันกับลูกยืนอยู่กับคุณ คุณย่าของคุณก็เลยเข้าใจผิดไปเอง ฉันยืนยันนะคะว่าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกของคุณ”
“โอเคครับ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมเสียใจเรื่องของแฟนคุณด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยพลางคิดถึงชายผู้โชคร้ายคนนั้น และนึกสงสารฝาแฝดที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า แต่ที่น่าเห็นใจที่สุดคงเป็นตัวหญิงสาวเอง ที่ดูเหมือนเธอจะไม่มีโชคเรื่องความรักเอาเสียเลย
“คุณช่วยไปบอกให้คุณย่าของคุณเข้าใจด้วยนะคะ ถึงคุณจะอ้างไปแบบนั้นแต่ฉันไม่อยากให้ท่านเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ” เธออยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะยังหวั่นว่าหญิงชราจะหาทางพรากลูกไปจากเธอ
ธันยธรไม่ได้รับคำในทันที เขาคิดถึงท่าทางของย่าและมั่นใจว่าท่านเชื่อไปแบบนั้นแล้วจริงๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กๆ แล้วเลื่อนสายตากลับมาทางหญิงสาวอีกครั้ง
“พ่อของเด็กไม่อยู่แล้ว แปลว่าตอนนี้คุณต้องเลี้ยงลูกอยู่คนเดียวใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” คีตภัทรตอบทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามไปทำไม
“ถ้าอย่างนั้นคุณมาช่วยผมหน่อยได้ไหม ผมอยากชวนคุณกับเด็กๆ มาเล่นละครเป็นพ่อแม่ลูกกัน”
“เล่นละครพ่อแม่ลูก...ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ” คีตภัทรถามทั้งที่พอจะเดาเหตุผลได้ลางๆ
“ย่าผมพยายามจะจับผมคลุมถุงชนกับผู้หญิงที่ท่านเลือกให้ ดังนั้นถ้าผมมีลูกมีเมียอยู่แล้ว ท่านจะได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป” ธันยธรตอบด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความลังเลใจเอาไว้ เขาคงไม่คิดใช้วิธีนี้ถ้าย่าไม่บังเอิญมาพบกับหญิงสาวเข้า และความถือดีต้องการเอาชนะก็ผลักดันให้เขาอยากเล่นเกมนี้ต่อไป
“แล้วคุณไม่มี เอ่อ คนที่อยากแต่งงานด้วยจริงๆ บ้างหรือคะ” หญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่ได้แค่สงสัย แต่เธออยากรู้และกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างอยู่ในใจลึกๆ
ไม่มีครับ...ชายหนุ่มเกือบหลุดปากตอบความจริงไปแบบนั้น แต่ถ้าเธอรู้ว่าเขาไม่มีใคร เธออาจจะกังวลเพราะไม่รู้ว่าต้องเล่นละครเรื่องนี้ไปนานแค่ไหน แต่ถ้ารู้ว่าเขามีตัวจริงอยู่แล้ว เธอคงตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และคนเดียวที่เขายกมาอ้างก็คือคาร่าเพื่อนสาวคนสนิท
“มีครับ เธอเป็นนางแบบอยู่ต่างประเทศเลยยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน” ชายหนุ่มตอบพลางคิดถึงนางแบบสาวผมทอง ที่เป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด ถึงขนาดที่ว่าถ้าแก่แล้วทั้งเขาและเธอยังไม่มีใคร เราจะมาอยู่เป็นเพื่อนกันในบั้นปลายชีวิต
“อ้อ” คีตภัทรรับคำเบาๆ ขณะที่ใจของเธอเหมือนเกิดโพรงว่างๆ ขึ้นมา และความคาดหวังเล็กๆ ก็ถูกดูดหายไปในโพรงลึกลับนั้น “แต่ฉันว่าคุณควรจะบอกคุณย่าของคุณไปตามความจริงมากกว่านะคะ ฉันกับลูกคงไม่สะดวกที่จะร่วมเล่นละครไปกับคุณ”
“ผมมีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องทำแบบนี้ และละครของเราคงใช้เวลาไม่นานนักหรอกครับ ผมแค่อยากได้ความช่วยเหลือจากคุณและเด็กๆ ชั่วคราว ส่วนเรื่องค่าตอบแทน...”
“ฉันกับลูกขอปฏิเสธค่ะ” คีตภัทรชิงเอ่ยก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “พวกเราไม่สะดวกจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้น เธอพาลูกเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจะจ่ายเงิน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมและชิงยื่นบัตรเครดิตของเขาไปแทน ทั้งที่เขาไม่ได้กิน เธอเองก็ไม่ได้กิน เธอจึงถือว่าเขาจ่ายให้ลูก ซึ่งจะเป็นมื้อแรกและมื้อสุดท้ายที่เขาได้ดูแลลูกแบบนี้
“ผมรู้ว่ามันดูไม่ค่อยเข้าท่านัก แต่ก็อยากให้คุณลองคิดดูอีกที ผมขอเวลาแค่...เดือนเดียว...เดือนเดียวก็พอ แล้วจากนั้นผมจะไม่รบกวนอะไรคุณกับเด็กๆ อีกเลย” ธันยธรเอ่ยพร้อมกับส่งนามบัตรของเขาให้หญิงสาว แต่เมื่อเธอไม่มีมือที่จะรับเพราะจูงลูกเอาไว้ทั้งสองคน เขาจึงย่อตัวลงแล้วส่งให้เด็กหญิงคนหนึ่งถือไว้แทน
“ฉันต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารของเด็กๆ นะคะ” หญิงสาวตัดบทอย่างรู้สึกน้อยใจแปลกๆ เมื่อตัวเองเหมือนเป็นได้แค่ตัวคั่นเวลาสำหรับเขาเท่านั้น ชายหนุ่มมีคนรักอยู่แล้ว และก็คงจะสวยมาก โชคดีจริงๆ ที่เธอไม่ได้บอกความจริงเรื่องลูกให้เขารู้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะมีปัญหากับคนรักของเขาก็เป็นได้
“บ๊ายบายค่ะเด็กๆ ไว้เจอกันอีกนะคะ” ชายหนุ่มเอ่ยกับฝาแฝดแก้มยุ้ย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกแกน่ารักเหลือเกิน
“บ๊ะบัย” ทิวลิปและลิลลี่ตอบแทบจะพร้อมกัน มือเล็กๆ โบกหยอยๆ ให้คนตรงหน้าแบบอัตโนมัติ
คีตภัทรมองลูกอย่างสงสารที่เด็กๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่พบก็คือพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ชายหนุ่มลูบหัวฝาแฝดคนละทีก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรวดเร็ว เธอจึงพาลูกเดินออกไปบ้างด้วยหัวใจที่เงียบงันยิ่งกว่าเดิม
ความคิดเห็น