ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์บันดาลรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 4.1 พ่อแม่ลูก

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 64


    ตอนที่ 4.1 


    “คีตภัทร” เขาอ่านชื่อนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวจนเห็นใบหน้าของเธอได้ถนัด “คุณชื่อคีตภัทรเหรอครับ” ชายหนุ่มถามและต่อท้ายด้วยนามสกุลของเธอจนครบถ้วน

    “ใช่ค่ะ” คีตภัทรตอบแม้จะงงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจคนตรงหน้ามากนัก เพราะกำลังสาละวนกับการจับตัวลูกๆ เอาไว้ เพราะสองแฝดตั้งท่าจะวิ่งอีกแล้ว

    “คุณเปลี่ยนไปมากจนแทบจะจำไม่ได้เลย”

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง เพราะถึงเขาจะเกือบจำเธอไม่ได้ แต่เธอจำเขาได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น ผู้ชายคนนี้...คนที่เป็นพ่อของลูกเธอ

    “คุณธันยธร...” เธอเอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่ว แต่อีกฝ่ายก็ยังหูดีจนได้ยิน

    “ผมเดาว่าคุณคงยังไม่ทิ้งนามบัตรของผมไปเหมือนกัน ถึงได้จำชื่อของผมได้ ผมเคยเห็นชื่อของคุณบนบัตรนักศึกษาน่ะ พอเห็นชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อของเด็กๆ ก็เลยจำได้” ธันยธรมองหญิงสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากสาวร่างหนาใหญ่กลายเป็นสาวร่างบางสูงโปร่ง ใบหน้าอูมอิ่มแบบคนอ้วนราวกับถูกกาลเวลาปรับแต่งให้เรียวเสลา ผมหน้าม้าทื่อๆ หนาๆ ที่เคยมีหายไปเผยให้เห็นหน้าผากมน และดวงหน้าใสไร้เครื่องสำอาง ผมยาวดำถูกเกล้าเป็นมวยกลมๆ ไว้ด้านหลัง ทิ้งลูกผมบิดเป็นเกลียวแบบคนผมหยักศกไว้ที่ข้างคอระหง

    คีตภัทรตอบอะไรไม่ออก เธอนึกสงสัยว่าคนที่เคยมีอะไรกัน แม้จะแค่คืนเดียวแต่พอกลับมาพบกันอีกครั้ง เขาก็ชวนคุยเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้เลยงั้นหรือ เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร มองเธอเหมือนเป็นคนรู้จักคนหนึ่ง หรือสำหรับเขาความสัมพันธ์คืนนั้นก็เหมือนแค่คนสองคนเดินชนกันที่มุมตึก แค่ขอโทษขอโพยแล้วก็จากกันไป เขาอาจจะคิดแค่นั้นโดยไม่รู้ว่าการถูกชนคราวนั้น ทำให้เธอฟันหักถึงสองซี่ และวันนี้เมื่อเจอคู่กรณีเธอควรทวงความรับผิดชอบจากเขาไหม

    “ฉันปักชื่อกับเบอร์โทรตัวเองเอาไว้ เผื่อว่าหลงกันจะได้โทรตามได้น่ะค่ะ” เธอไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็เลยตอบแค่เรื่องที่เขาชวนคุย

    “เป็นวิธีที่ดีนะครับ เด็กๆ น่ารักจัง ชื่ออะไรกันบ้างครับ” ชายหนุ่มถามต่อพลางก้มมองสองเด็กหญิงแก้มยุ้ยที่กำลังอยู่ในวัยน่ารัก ทำให้ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูอย่างถูกชะตา เขาเดาว่าเด็กสองคนนี้น่าจะเป็นน้องหรือหลานของเธอ จากวันที่พบกันครั้งแรกก็ผ่านมาสองปีเศษแล้ว ตอนนี้เธอก็น่าจะอายุราวยี่สิบสองปี อาจจะเรียนจบแล้วหรือกำลังใกล้จบมหาวิทยาลัย เขาจะดีใจมากถ้าเห็นว่าชีวิตของเธอไปได้ดี และไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องในคืนนั้น

    “คนนี้ลิลลี่ ส่วนคนนี้ทิวลิปค่ะ” หญิงสาวแนะนำลูกสาวที่จับมือเอาไว้ทีละคน ไม่ได้เล่าให้เขาฟังว่าคืนก่อนจะรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอฝันว่าเขายื่นดอกลิลลี่กับดอกทิวลิปให้เธอ เธอก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นให้ลูก

    “หน้าเหมือนกันเปี๊ยบเลย แถมยังแต่งตัวเหมือนกันอีก คุณแยกแกสองคนออกได้ยังไงครับ” ธันยธรถามต่ออย่างนึกทึ่ง เพราะถ้าเป็นเขาคงแยกไม่ออกแน่ว่าใครเป็นใคร

    “แยกออกสิคะ ก็ฉันเป็นแม่ของแกนี่น่า” หญิงสาวตอบทั้งที่รู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเริ่มสั่น เธอควรจะบอกเขาดีไหมว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก

    “ลูก...” ชายหนุ่มทวนคำอย่างคิดไม่ถึง “เด็กๆ อายุเท่าไหร่ครับ” เขาถามต่ออย่างนึกสังหรณ์ใจ

    “ขวบกว่าแล้วค่ะ ทิวลิป ลิลลี่ สวัสดีคุณ...ลุง...สิลูก” เธอไม่กล้าบอกว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก เธอกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ กลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งยากบางอย่างตามมา

    ธันยธรย่อตัวลงมองฝาแฝดตัวจิ๋วอีกครั้ง พร้อมกับคำนวณช่วงเวลาและอายุของเด็กอยู่ในใจ คืนนั้นเขาไม่ได้ใส่เครื่องป้องกันก็จริง หากก็มีสติเหลือพอที่จะดึงตัวเองออกก่อนจะถึงขีดสุดแห่งห้วงอารมณ์ ทั้งที่รู้ว่าเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงจนเกือบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย หรือว่าเด็กสองคนนี้จะเป็นลูกของเขา แต่ทำไมเธอถึงให้เด็กๆ เรียกเขาว่าลุง

    “คุณแต่งงานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มยืนขึ้นถามหญิงสาว และก่อนที่เขาจะได้ถามถึงพ่อของเด็ก เสียงแหลมๆ ดุๆ ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา

    “ตาแทน...มาอยู่นี่เอง อย่านึกนะว่าแค่สั่งเลขาฯ เอาไว้แล้วจะหลบย่าได้”

    คีตภัทรหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างสงสัย ภาพที่เธอเห็นคือสุภาพสตรีวัยชราในชุดสีฟ้าสด แต่งหน้าเข้มจัด ผมยีฟูตีโป่งอัดสเปรย์แน่นแบบที่คนสูงอายุชอบทำกัน เครื่องประดับที่หู คอและนิ้วส่องประกายวิบวับ บอกให้รู้ถึงฐานะเจ้าของได้เป็นอย่างดี

    “คุณย่ามาที่นี่ได้ยังไงครับ” ธันยธรหันไปถามไม่คิดว่าย่าจะตามมาถึงนี่ได้

    “ฉันก็จะมาถามแกน่ะสิ ว่านึกยังไงถึงได้ไปโกหกหนูพินว่าแกมีลูกมีเมียแล้ว” คุณหญิงวรางคณาแหวใส่หลานชายตัวแสบ ตอนแรกเธอก็หลงดีใจที่พ่อตัวดียอมไปดูตัวตามที่ย่าขอ กำลังคิดว่าจะได้จัดงานมงคลให้อยู่แล้ว แต่เธอกลับโดนพ่อแม่ฝ่ายหญิงโทรมาต่อว่า เพราะธันยธรไปบอกพินสุดาว่าตัวเองมีลูกมีเมียแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริงเลยสักนิด และคงรู้ว่าตัวเองก่อเรื่องเอาไว้ถึงได้พยายามหลบหน้าเธอ

    “ก็ตามนั้นแหละครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ แววตาคมมีรอยถือดีเด่นชัด

              “จะตามนั้นได้ยังไงในเมื่อแก...” ผู้เป็นย่าชะงักกึกเพราะเพิ่งสังเกตว่ามีหญิงสาวและเด็กอีกสองคนยืนอยู่กับหลานชายด้วย “ผู้หญิงกับเด็กสองคนนี่เป็นใคร” ไม่ถามเปล่ายังก้าวฉับเข้าไปดูหน้าเด็กๆ จนใกล้ สลับกับมองหน้าหลานชายตัวเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×