คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1.1 คืนพิศวาส
ตอนที่ 1.1
“ทุกอย่างมันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น” วศินบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ก็ขอบใจนะที่ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองตีบทแตกแค่ไหน เธอทำให้ฉันมั่นใจขึ้นอีกเยอะเลยที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง” ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกาย เมื่อนึกถึงเส้นทางในวงการบันเทิงที่เพิ่งมีแมวมองมาทาบทามเขาเอาไว้
“ศินหมายความว่ายังไง คีไม่เข้าใจ” คีตภัทรถามชายหนุ่ม เธอรู้จักกับวศินมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นปวส. ชายหนุ่มเป็นคนหน้าตาดีที่สุดของรุ่น ใครเห็นก็สะดุดตาเพราะรูปร่างสูงโปร่งแบบนักกีฬา ผิวขาวสะอาดนวล ตัดกับไรหนวดเขียวและริมฝีปากแดงระเรื่อ ยิ่งรวมเข้ากับใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ทำให้มีผู้หญิงมาติดพันเขามากมาย
ทว่าใครจะคิดว่าก่อนเรียนจบเรียนไม่กี่เดือน ดาวเด่นของรุ่นอย่างเขา กลับพาตัวเองมาใกล้ชิดผู้หญิงที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยอย่างเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอกับเขาแทบไม่เคยสนิทกัน เธอทุ่มเทให้กับการเรียน ส่วนเขาใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและควงผู้หญิงแทบไม่เคยซ้ำหน้า
‘ใครว่าคีไม่เด่น ศินว่าคีน่ะเด่นที่สุดในห้องเลยนะ สอบได้ท็อปทุกวิชาเลยไม่ใช่เหรอ ใครๆ ก็พากันอิจฉาคีกันทั้งนั้น ผมเองยังอยากรู้จักกับคีให้มากกว่านี้เลย’
ประโยคนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญ และอยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้เช่นกัน จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสานสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา วศินมาติวหนังสือกับเธอทุกวัน เขาซื้อน้ำและขนมมาฝากเธออยู่เสมอ ทั้งใจดี พูดเพราะ สุภาพ และช่างเอาใจใส่ เขาห่วงใยแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่างเก้าอี้หินอ่อนเลอะก็ช่วยเช็ดให้เธอ ไม่นานเพื่อนๆ ก็เริ่มสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรา แน่ละ เธอเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ
‘คู่นี้นี่ติดกันเป็นปาท่องโก๋เลยนะ อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนกันแล้ว’ เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาถามด้วยความอยากรู้
‘แล้วจะแปลกอะไรถ้าฉันกับคีจะเป็นแฟนกัน’
คำตอบของวศินเหมือนเป็นการตอบรับ เธอจึงยิ่งมั่นใจในสถานะระหว่างเราสองคนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผู้หญิงคนอื่นแทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะสนใจเธอ และไม่คิดว่าเธอจะหยุดผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขาไว้ได้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยควงกับสาวคนไหนอีกเลย นั่นทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเอง และมั่นใจในความรักครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพยายามลดน้ำหนัก ปรับปรุงตัวใหม่เพื่อจะได้คู่ควรกับเขา
กระทั่งการสอบครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เธอตั้งใจจะชวนชายหนุ่มไปกินข้าวด้วยกัน หากสิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นการสาดความชาเย็นใส่หน้า วศินเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาทำราวกับคนที่เคยดีกับเธอช่วงก่อนหน้านี้กับตัวเขาในเวลานี้ไม่ใช่คนเดียวกัน ก่อนที่เธอจะได้ยินคำตอบที่คิดไม่ถึงจากปากของเขา
"นี่เธอคิดว่าฉันชอบคนอย่างเธอจริงๆ เหรอ หลงตัวเองไปแล้วยายอ้วน ส่องกระจกดูตัวเองหน่อย ใครจะไปทนคบกับยายขาหมูอืดอย่างเธอได้ รู้ไว้เลยนะว่าที่ฉันยอมคุยกับเธอได้เป็นเดือน ก็เพราะฉันจะถูกที่บ้านยึดรถกับบัตรเครดิตถ้าคะแนนสอบไม่ดี แล้วเธอก็ดันเรียนเก่งที่สุดในห้อง คราวนี้เข้าใจเหตุผลหรือยังล่ะ แล้วก็นะอย่างเธอน่ะอยู่คนเดียวไปเถอะ ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากคบผู้หญิงน่าเบื่ออย่างเธอหรอก"
วศินมองหญิงสาวที่เขาต้องทนกล้ำกลืนฝืนทำดีด้วยอย่างรำคาญเต็มทน คีตภัทรไม่เฉียดกับคำว่าสวยเลยสักนิดในสายตาเขา ทั้งอ้วน ล่ำ ถึก หน้าก็ไม่เคยแต่ง เขาไม่เคยเห็นเครื่องสำอางในกระเป๋าของเธอสักชิ้น แต่งตัวก็แสนเชยด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง กับผมทรงหน้าม้าหนาๆ และผมหางม้าฟูๆ อย่างคนที่ไม่เคยเข้าร้านทำผม เขาได้ยินว่าบ้านของเธอจนกรอบ ที่มาเรียนที่เดียวกับเขาได้ ก็เพราะได้ทุนจากสถาบัน คีตภัทรช่วยเขาได้แค่เรื่องเดียวเท่านั้นคือเรื่องเรียน ส่วนเรื่องอื่นนั้นไปคนละทางกับเขาเลย
“แปลว่าที่ผ่านมาศินหลอกใช้คีเหรอ ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกกันดีๆ สิ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย คีเคยไปทำอะไรที่ผิดต่อศินหรือไง” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าคนที่วางแผนทำร้ายจิตใจคนอื่นได้จะต้องเคยมีความแค้นต่อกัน แต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยไปทำอะไรให้เขาตอนไหน
“ฉันไปหลอกอะไรเธอ ฉันเคยบอกเธอหรือเปล่าว่าฉันชอบเธอ” เขารีบโวยใส่เธอเมื่อกำลังจะถูกโยนความผิด
“แต่สิ่งที่ศินทำมาตลอดมันบอกคีอย่างนั้น” เธอผิดหรือที่เชื่อทุกการกระทำของเขา
“เธอมันบ้าไปเองต่างหาก คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ พอไม่ได้อย่างใจก็มาหาว่าฉันหลอกเธอ แฟร์ๆ หน่อยคีตภัทร ฉันดีกับเธอก็เพราะอยากให้เธอช่วยติวให้ ฉันไม่ได้ใช้เธอฟรีๆ สักหน่อย ทั้งน้ำทั้งขนม แล้วไหนจะร่มที่ฉันต้องกางไปรับเธออีก ตัวก็ใหญ่แค่กางให้เธอคนเดียวร่มก็แทบไม่พอแล้ว ขนาดว่าตัวเปียกฉันยังไม่บ่นเลยสักคำ” ชายหนุ่มลำเลิกแกมบ่น เพราะอดทนซ่อนความหงุดหงิดมานานแล้วเหมือนกัน
คีตภัทรพูดอะไรไม่ออก เพราะทั้งหมดนั่นคือสิ่งที่เธอประทับใจ แต่สำหรับเขากลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เธอไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนได้เร็วถึงขนาดนี้ หญิงสาวหันมองไปอีกทางเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน แล้วก็พบว่าใครต่อใครพากันมองมาที่เธอกับเขา สายตาที่มองมาเหมือนจะบอกว่า ‘กะไว้แล้ว’ ทำให้เธอหน้าชา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็พากันอิจฉาเธอกันทั้งนั้น
“เอาเป็นว่าเธอไม่ต้องคิดอะไรต่อ เรื่องของเราจบแค่นี้แหละ แล้วไม่ต้องติดต่อไปหาฉันอีกละ เจอกันที่ไหนก็ไม่ต้องมาทัก เรียนจบแล้วฉันหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก”
คีตภัทรได้แต่ยืนตัวชาอยู่ที่เดิม ขณะมองตามชายหนุ่มเดินไปหาเพื่อนๆ ของเขา หูของเธอแว่วเสียงหัวเราะที่ดังมาอย่างขบขัน ก่อนที่เขาจะชวนเพื่อนๆ ไปฉลองกันต่อที่ผับแห่งหนึ่ง แต่นี่หรือคือของขวัญวันจบการศึกษาของเธอ
หญิงสาวถามตัวเองด้วยความเจ็บหนึบในหัวใจ เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย ในชีวิตของเธอนอกจากยายแล้ว เธอก็ถูกปฏิเสธมาตลอด และไม่เคยได้รับความรักจากใคร ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ทิ้งเธอไปมีครอบครัวใหม่กันหมด เธอไม่เคยรู้เลยว่าการถูกใครสักคนรักเป็นเช่นไร ดังนั้นเมื่อมีชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในสถาบันมาทำดีด้วย เธอจึงเผลอคิดไปว่าเขาจะมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก และรักที่เนื้อแท้ตัวตนของเธอ แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับเป็นแค่ละครฉากหนึ่งอย่างนั้นหรือ
หญิงสาวก้มมองมือตัวเองเห็นภาพที่พร่าเลือนด้วยหยดน้ำตา
เราเคยเดินจูงมือ เคยไปกินข้าว เคยนั่งติวหนังสือด้วยกัน เคยยิ้ม เคยหัวเราะ
จะให้เธอบอกตัวเองว่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ
วศินคนที่เธอรู้จักเขาไม่ใช่คนที่จะทำร้ายจิตใจใครได้ และเธอก็เพิ่งจะเคยสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความรัก
เธอไม่อยากเสียเขาไป ไม่อยากถูกใครหัวเราะเยาะ
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังอยากได้เขาคืนมา
ความคิดเห็น