ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : CURSE :นักสืบต้องคำสาป {WonKyu}

    ลำดับตอนที่ #4 : CURSE : ผู้เคราะห์ร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 56


    C U R S E

    3

    มารยาททางสังคม ต้องปากปราศัยแล้วเชือดคอ

     
     






                 กลางเดือนสิงหาคม ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อนของเกาหลี บางคนอาจจะไม่ชอบความร้อนของมัน
    แต่ทว่าสำหรับโจว คยูฮยอนแล้ว หน้าร้อนถือเป็นของขวัญของเขา เพราะอะไร..เพราะว่ามันเป็นฤดูที่มีกลางวันยาวนานน่ะสิ

    ช่วงเวลาที่เขาจะต้องกลายไปเป็นผู้หญิง หรือตอนนี้จะต้องเรียกว่าคโยฮยอนนั้น ก็จะมีน้อยตามไปด้วย

    "คยู ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปช่วยงานพวกตำรวจเลยนี่"


    พี่ชายที่รักของเขา อีทึกเอ่ยขึ้นในขณะที่เรากำลัง เดินออกจากสำนักงาน เพราะนี่มันก็หมดเวลางานแล้ว

    "ครับ ก็เป็นเรื่องดีนะครับ แปลว่าอาชญากรรมในเขตนี้มันน้อยลงแล้ว"

    ร่างบางพูดไปขณะที่ขึ้นรถพี่ทึกที่จะขับไปส่งเขาที่แมนชั่นเป็นปกติ

    "เหรอ แล้วยังงี้ผู้กองชีวอนอะไรที่นายเคยเล่าให้ฟังนั่นนะ ได้ติดต่อกันมั่งป่ะ"

    "ไม่นิครับ "

    "โถ่ พี่อยากเจอเขามั่งจัง"

    อีทึกบ่นๆก่อนจะขับรถออกไป.... อยากเจออย่างงั้นเหรอ คยูฮยอนได้แต่สงสัยอยู่ในใจ ทำไมพี่ทึกต้องอยากเจอตำรวจติ๊งต๊องแบบนั้นด้วย

    เอาจริงๆการที่เขากับผู้กองไม่ได้เจอหน้ากันไปเกือบเดือน
    มันก็ทำให้โจว คยูฮยอนเกิดเหงาๆมาบ้างเหมือนกัน..

    แต่ยังไงซะ ถ้าตอนนี้ไม่มีคดีของตำรวจ เขาก็ต้องมาทำหน้าที่นักสืบในสำนักงานนักสืบเอกชนนี้โดยมีพี่ทึกคอยดูแลงานให้อยู่อย่างปกติ แต่ทว่างานสืบที่เขาต้องทำในคืนนี้ไม่ใช่งานที่ทำได้คนเดียว
    แล้วร่างบางก็พลางนึกถึงคำพูดของพี่ทึกที่เล่าให้ฟังเมื่อตอนกลางวัน


    "คืนนี้ฉันกับนายต้องปลอมตัวไปร่วมงานเลี้ยงของเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางแห่งหนึ่ง
    งานของเราก็คือติดตามพฤติกรรมของเจ้าของงานนั่นแหละ"

    "แปลว่านายจ้างของเราคือเมียของเจ้าของงานใช่ไหมครับ"

    "ป่าว เจ้าของงานเป็นผู้หญิง ส่วนคนที่จ้างเราเป็นผู้ชาย"

    "อ่า..ยังไงซะก็เป็นเรื่องชู้สาวอีกตามเคย"



    เพราะแบบนั้น แทนที่พี่ทึกจะขับตรงไปยังแมนชั่นของร่างบาง แต่กลับเลี้ยวไปห้างสรรพสินค้าชั้นนำแถวกังนัมเสียก่อน
     ร่างบางที่ตอนนี้เขายังเป็น คยูฮยอน เดินเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าต่างๆพร้อมกับพี่ทึก หลังจากเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับที่เข้ากัน และเหมาะกับงานวันนี้แล้ว เขาก็ได้กลับที่พักเสียที แต่ก็แค่กลับไปเอาของแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นพี่ทึกที่พักอยู่แมนชั่นเดียวกันก็เดินมาเคาะประตู เรียกให้ออกไปทำงานพร้อมกัน






    ร่างบางก้าวออกมาจากห้องของตนด้วยเดรสสั้นเข้ารูปสีชมพูอ่อนบวกเข้าผิวขาวของเขาทำให้วันนี้เขาดูเหมือนลูกคุณหนูน่ารักๆที่กำลังจะไปงานเปิดตัวเซ็ทเครื่องสำอางค์ตัวใหม่ของแบรนด์ดัง โดยไปพร้อมกับพี่ชายที่ใส่ทักซิโด้เข้ากัน

    คยู ไม่ใช่สิ ตอนนี้คือ..คโยฮยอนเดินออกไปพร้อมกับอีทึก พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปโรงแรมระดับห้าดาวที่มักจะมีไว้ใช้จัดงานเช่นนี้เสมอ เนื่องจากมีห้องรับรองแขกเพียงพอและมีการจัดแต่งที่ดูดีมีราคา


    "พอไปถึงเราก็แค่ไปมองหาเจ้าของงาน เดี๋ยวพี่จะเป็นคนชวนเขาพูดคุยส่วนเราก็มองดูสถานการณ์ไปนะ"
    พี่ทึกให้คำสั่งง่ายๆกับงานอย่างการติดตามพฤติกรรม จะว่าง่ายก็ง่าย หรืออาจจะยากก็ได้ถ้าคนที่เราก็ไปจับตาดูเขาไหวตัวทัน


    ..ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างสง่างามไม่แพ้พวกไฮโซเซเลปที่มาร่วมงาน แน่นอนว่าหลายคนต่างจับจ้องไปที่คยูฮยอนที่ตอนนี้ร่างกายของเราเป็นสาวสะพรั่งไปเรียบร้อยแล้ว
    และสักพักก็ถึงพิธีเปิดของงาน


    ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนทั่วไป เจ้าของงานก็พูดถึงเครื่องสำอางค์ตัวใหม่ของเขาไปจนเสร็จก็มีแฟชั่นโชว์เล็กๆ หลังจากนั้นในงานก็กลายเป็นงานเลี้ยงที่ทำให้เหล่าคนรวยได้พูดคุยอวดกันเป็นกลุ่มๆ


    คนที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกันกับพวกไฮโซเหล่านั้นอย่างคยูฮยอนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปลีกตัวไปหาของกิน..


    "อ้าว คุณคโยฮยอน"

    เสียงทักนั่นทำให้ร่างบางที่ยืนตักของกินต้องเหลือบขึ้นไปมอง
    ...ตาผู้กองนี่อีกแล้ว บังเอิญเกินไปไหม เขาเชื่อแล้วล่ะว่าโลกนี้มันกลม

    "เบาๆสิคะ" ร่างบางเอานิ้วชี้ยกมาไว้ที่ปากเป็นสัญญาณบอกผู้กองชีวอนว่าอย่าทำอะไรให้มันเป็นจุดสนใจนักจะได้มั้ย

    "ทำไมครับ" ผู้กองหันซ้ายหันขวาอย่างเหลอหลา

    "ดิฉันมาทำงานค่ะ ยังคุยไม่ได้นะคะ"

    "มาสืบอะไรอย่างงั้นหรอครับ"

    "ทำนองนั้นแหละค่ะผู้กอง แล้วผู้กองมาทำอะไรคะ"

    "เอ่อ..คือ ผมก็มาทำหน้าที่ของลูกที่ดีนะครับ" คำพูดติดๆขัดๆของร่างสูงทำให้แววตาของคยูเกิดความสงสัยขึ้นมา

    "แม่บังคับให้มาน่ะครับ เจ้าของงานเขาเป็นรุ่นน้องของแม่ผมเอง"


    อ่อ...สังคมพวกคนรวย เขาเกือบลืมไปเลยว่าภายใต้คราบตำรวจท้องถิ่นของผู้กองชเวชีวอน จริงๆแล้วตัวตนของเขาก็คือคุณหนูของตระกูลชเวที่ทำกิจการหมู่บ้านจัดสรรหลายโครงการในโซล


    ดูเหมือนการที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าบาร์สลัดนี่จะเป็นจุดรวมสายตาของสาวๆทั้งหลายในงาน ป่านนี้พวกผู้หญิงพวกนั้นคงสงสัยจะแย่อยู่แล้ว ว่าสาวสวยที่มาคุยสนิทสนมกับชีวอนแบบนี้คือใครกัน

    "แล้วนี่มากับใครครับ"

    "ก็รุ่นพี่ที่ทำงานค่ะ แต่ตอนนี้เขาหายไปไหนแล้วไม่รู้"

    "คยูฮยอนล่ะครับ?"

    "เอ๋?" ร่างบางเอียงคอมองชีวอนอย่างแปลกใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองชื่อ คโยฮยอน แถมยังเป็นผู้หญิงสวยอีกด้วยก็เลยหายข้องใจแล้วพูดคุยกับคนตรงหน้าต่อ

    "ถ้าเป็นคยูล่ะก็..ป่านนี้คงนั่งเล่นเกมอยู่มั้งคะ"

    "อ่อ ครับ"

    สิ้นเสียงนั้นบรรยากาศที่เคยลื่นไหลก็สะดุดกึกขึ้นมา เพราะชีวอนไม่ได้ถามอะไรต่อ และเขาเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรด้วย

    ..ยังไงดีล่ะ ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน ไม่คิดจะถามถึงเขาให้มากกว่านี้เลยหรอ..

    "ว่าแต่..ช่วงนี้งานผู้กองเป็นไงบ้างคะ"

    "ก็เริ่มไม่ค่อยมีอะไรมากแล้วครับ บางทีพวกคดีอาชญากรรมก็น้อยซะจนผมต้องไปช่วยแผนกอื่นบ่อยๆ"
    อย่างผู้กองเนี่ย ไปช่วยงานคนอื่นเขาได้ด้วยหรอ..คยูแซะอยู่ในใจทั้งๆที่กำลังยิ้มให้อีกคน

    "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ชีวอน"

    เสียงผู้มาใหม่ที่มาพร้อมเดรสสีดำเปิดไหล่ หญิงสาวที่จะให้เรียกว่าเป็นลูกคุณหนูก็เห็นว่าไม่ได้เรียกผิดอะไร เพราะดูท่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

    "..คริสต้า สวัสดีครับ สบายดีไหม" ชีวอนหันไปมองสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาแทรกบทสนทนาเมื่อครู่นี้

    "อื้ม เราสบายดี เธอเป็นไงบ้าง"

    "ครับ ผมก็สบายดี"

    คนฟังอย่างคยูฮยอนฟังแล้วก็อึดอัดแทนหลือเกิน เป็นอะไรกันนะสองคนนี้ ถ้าเป็นเพื่อนก็ไม่เห็นต้องพูดสุภาพกันถึงขนาดนั้น ขัดหูขัดตา

    ร่างบางคิดแบบนั้นจึง เดินไปหาของกินต่อ
    ...จะว่าไป ไม่หิวซะแล้วล่ะ ทำไมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก..


    คยูฮยอนที่ยังคงร่างกายของหญิงสาวนั้น เดินหนีออกมาจากสถานการณ์เมื่อครู่แล้วตรงดิ่งมาที่ลิฟท์แต่ทว่าระหว่างเดินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วเข้ามาใกล้ตัวเรื่อยๆ

    "เดี๋ยวครับ แฮ่ก"

    "คะ?"

    คยูเหลียวไปมองผู้กองที่ตามมาด้วยแววตาใสซื่อ ก่อนที่เขาจะกดลิฟท์ ขณะนั้นก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมสองคนวิ่งมากดลิฟท์ขึ้นไป คนหนึ่งมองเลขลิฟท์ที่กำลังขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วนอีกคนก็พูดกับวิทยุสื่อสารว่าให้ปลายทางโทรเรียกตำรวจกับรถพยาบาลมา

    "เกิดอะไรขึ้นหรอคะ"

    ร่างบางหันไปถามรปภ.ทั้งสอง แต่พวกเขากลับแสดงอาการเลิกลั่กก่อนจะตอบกลับมา
    "ไม่มีอะไรครับ เชิญเข้าไปสนุกในงานต่อเถอะครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแขกทุกท่านครับ"


    ท่าทางแบบนั้นยิ่งกระตุ้นให้คยูฮยอนร้อนใจหนักกว่าเดิม ต้องเกิดเรื่องอะไรที่ชั้นบนของโรงแรมนี่แน่ๆ ทั้งยังมีเรียกรถพยาบาล กับตำรวจอีก

    คยูหันไปมองผู้กองที่ตามเขามาแล้วสื่อสารกันทางสายตา ผู้กองมองนิ่งอยู่ครู่นึงก่อนจะเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงควักบัตรแสดงตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจของตัวเองออกมาจากสูทตัวนอก

    "คุณเป็นตำรวจหรอครับ งั้นเชิญมาด้วยกันหน่อยครับ" รปภ.ท่าทีเปลี่ยนทันทีที่เห็นบัตรนั่น หลังลิฟท์เปิดทั้งสี่คนเดินเข้าไปในลิฟท์

    "เอ่อ ให้คุณผู้หญิงคนนี้มาด้วยจะดีหรือครับคุณตำรวจ?" หนึ่งในผู้รักษาความปลอดภัยของโรงแรมเอ่ยถามผู้กอง

    "เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เธอเป็น.."

    ".."

    "เป็นเพื่อนผมเองครับ" ผู้กองพูดเสร็จแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆเหมือนกับโล่งอก

    ใช่เพราะคโยฮยอนบอกเอาไว้ว่าห้ามบอกใครว่าเขาเป็นนักสืบที่แฝงตัวเป็นแขกในงานเลี้ยงนี่
    ร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆก็พลอยโล่งอกไปด้วย ก่อนที่ทั้งสี่คนจะยืนนิ่งจ้องมองแต่ตัวเลขที่เปลี่ยนขึ้นไปทีละชั้นๆ






    ติ๊งงงงงงงง



    ประตูลิฟท์เปิดออกมาที่ชั้นสิบสี่ โรงแรมนี้มีทั้งหมดสิบห้าชั้นถ้ารวมฟลอห้องโถงชั้นล่างสุดก็จะเป็นสิบหกชั้น

    คยูฮยอนและผู้กองก้าวเท้าตามรปภ.สองคนไปยังห้องพักห้องนึงของชั้นนี้




    พอเปิดห้องและเดินเข้าไปยังกลางห้อง ก็พบว่ามีผู้หญิงอายุประมาณเกือบสี่สิบนอนสลบอยู่บนพรม ขวดไวน์ที่แตกมีเศษติดไปเต็มพรมใหญ่ผืนนั้น...เห็นได้ชัดว่าเธอถูกทำร้าย
    ที่สำคัญก็คือผู้หญิงคนนี้แหละที่เป็นเจ้าของงานเลี้ยงนี่




    "คุณพบเธอได้ยังไงครับ" คยูฮยอนเอ่ยก่อนจะเอามือมาปิดปากตัวเองอย่างเผลอตัว



    "ฉันหมายถึง..พวกคุณมาเจอเธอในสภาพอย่างงี้ได้ยังไงคะ"

    รปภ.ทั้งสองคอเอียงคอมองสุภาพสตรีท่านนี้ก่อนจะหันไปคุยกับผู้กอง

    "มีคนไปแจ้งผมครับ ว่าได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากห้องนี้"

    "ใครแจ้งครับ ผมขอพบเขาได้ไหม" คราวนี้เป็นฝ่ายผู้กองที่เอ่ยขึ้น รปภ.คนหนึ่งพยักหน้ารับแล้ววิ่งออกไป ทิ้งให้ทั้งสามคนพิจารณาสภาพโดยรอบและผู้เคราะห์ร้าย

    คโยฮยอนคุกเข่าเข้าไปหาผู้เคราะห์ที่นอนสลบอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บตรงศีรษะด้านซ้าย เลือดไหลซิบๆ พอร่างบางมองดูเศษแก้วจากขวดไวน์แล้วจึงได้พอเข้าใจสถานการณ์

    "ผู้เคราะห์ถูกคนร้ายเอาขวดไวน์ฟาดลงไปบริเวณศีรษะด้านซ้าย เพราะเศษขวดไวน์ที่แตกอยู่ตรงนี้มีรอยเลือดติดอยู่"

    เป็นเรื่องที่ร่างบางเคยชินซะแล้ว คำพูดที่มักจะออกมาเหมือนกับลอกความคิดเขา เป็นคำพูดที่มาจากคนๆเดียวคือ ผู้กองชีวอน

    "คุณค่ะ.."

    คโยฮยอนไม่สนใจคำพูดของผู้กอง แต่กลับเรียกผู้หญิงอีกคนที่เหมือนหมดสติไปแล้ว
    ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นแหวนเรียบๆบนนิ้วนางข้างซ้าย เธอเอาแหวนแต่งงานใส่เข้ามาในห้องนี้ด้วย จริงๆเขาก็สังเกตเห็นว่าตอนเปิดงานเธอก็ใส่ ดูเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อคนรักดีนี่นา..ทำไมสามีเธอต้องจ้างให้เรามาติดตามพฤติกรรมเธอด้วย

    "มาแล้วครับ" รปภ.คนก่อนหน้านี้ที่วิ่งหายไป เขาเดินกลับมาพร้อมกับพยานคนแรก

    ...พี่อีทึก!! เห้ย ไหงเป็นพี่ได้เนี่ยยยย

    คโยฮยอนอ้างปากค้างที่เห็นพี่ทึกของเขา อีทึกก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา หนำซ้ำยังทำเหมือนไม่รู้จักคยูอีก

    "คุณใช่ไหมครับที่ไปแจ้งรปภ."

    "ครับ ผมเอง"

    "ผมชเว ชีวอน เจ้าหน้าที่ตำรวจจากเขตกังนัม จะขอสอบปากคำคุณเพื่อนำไปใช้ในการสืบคดีหน่อยนะครับ"

    ผู้กองร่ายแนะนำตัว อีทึกกลับทำหน้าอ๋อขึ้นมาทันทีก่อนจะเหลือบไปมองคยูฮยอนน้องชาย
    ประมาณว่า นี่ใช่ไหม ผู้กองที่นายทำงานด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มทำการสอบสวน


    จากที่ฟังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พี่ทึกกำลังเดินตามเจ้าของงานที่ขึ้นมา พอเธอเดินเข้ามาในห้อง พี่ทึกก็กะจะไปตาม แต่ได้ยินเสียงทะเลาะกันเสียงดัง ซักพักได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตก ใจไม่ดีก็เลยลงไปแจ้งรปภ.


    "แล้วทำไมคุณต้องตามเจ้าของงานไปทุกที่ด้วยล่ะครับ"

    "..พูดแล้วอย่าไปบอกใครนะครับคุณตำรวจ"

    ".."

    "ผมมาทำงานครับ นี่ครับนามบัตรผม" พี่ทึกพูดราวกับเสียงกระซิบก่อนจะยื่นการ์ดนามบัตรไปให้ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า อีทึก สำนักงานนักสืบเอกชน


    "..หรือว่าคุณกับคุณคโย.."

    "ครับ เรามาด้วยกัน"


    ผู้กองเบิกตากว้าง ที่แท้รุ่นพี่ที่คโยฮยอนบอกว่าผลัดกัน ก็คือผู้ชายคนนี้นี่เอง
    หลังจากสอบปากคำจนพอใจ รปภ.ทั้งสองก็เข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ที่มารับตัวผู้เคราะห์ไปเข้าโรงพยาบาล อาจจะต้องทำแผล แต่รอตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก


    คราวนี้มาที่เรื่องของรูปคดี ร่างบางเดินเข้ามาแทรกกลางบทสนทนาระหว่างพี่ชายกับผู้กองติ๊งต๊อง 

    "เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นการทำร้ายร่างกาย และที่พี่ทึกบอก คือผู้เคราะห์เดินเข้าไปในห้องคนเดียว แน่นอนว่าผู้ร้ายต้องอยู่ในห้องนี้อยู่ก่อนแล้ว อาจจะโทรเรียกผู้หญิงคนนี้เข้าไปเพื่อคุยกันบางอย่างแต่เกิดมีปากเสียง และสุดท้ายคนร้ายก็เกิดบันดาลโทสะเอาขวดไวน์ฟาดไปตรงศีรษะด้านซ้ายของเหยื่อจนเหยื่อหมดสติไป"


    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ภายในห้องฟังแล้วก็หันไปมองกันก่อนจะพยักหน้าออกมา ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วยกับผู้หญิงที่กำลังพูดอยู่ไปซะทุกอย่าง

    "งั้นเดี๋ยวไปขอดูจากกล้องวงจรปิดก็น่าจะรู้ตัวคนร้ายแล้วน่ะสิครับ" ผู้กองได้มีบทพูดบ้างแล้ว คโยฮยอนพยักหน้ารับ ทันทีที่ผู้กองเห็นท่าทางแบบนั้นของคโยฮยอน เขาก็นึกถึงคยูฮยอนขึ้นมาทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรู้สึกอย่างงั้น

    เอาเป็นว่าเรื่องในคืนนี้ ทำให้งานเลี้ยงกร่อยไปไม่น้อย เพราะหลังจากดูกล้องวงจรปิด ผู้กองก็ตามตัวผู้ต้องหามาจนได้ แขกในงานพอรู้อย่างนั้นก็ทยอยกันกลับ แหงล่ะเจ้าภาพเข้าโรงพยาบาลไปแล้วนี่



    คโยฮยอนเดินไปออกมาพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินประกบเขาทั้งสองฝั่ง แต่เขารู้ตัวดีว่าต้องยืนอยู่ฝั่งใคร

    "ไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะ "

    กล่าวลาอย่างมีมารยาทก่อนจะเดิยขึ้นรถพี่ทึกไป ผู้กองได้แต่ทำตาละห้อย พร้อมคิดอยู่ในใจ...ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงน่าสนใจมากขนาดนี้นะ


    .


    .


    "หล่อดีนี่นา ผู้กองคนนั้นน่ะ"

    "หรอ..ดีใจด้วยนะครับที่ได้เจอกันซะที"

    "ฮ่าๆๆ ฉันต้องพูดกว่าคำนั้นน่ะ"

    "ครับ?"

    "ดีใจด้วยนะ แหม่ ที่มีหนุ่มๆมาสนใจซะแล้ว"

    "...พูดอะไรแบบนั้นครับ"
    อีทึกพูดแซวน้องชายอย่างอารมณ์ดีขณะที่พวกเขากำลังตรงไปยังแมนชั่น ไปนอนพักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับงานใหม่

    Arrrr arrrr
    เสียงข้อความดังขึ้น ร่างบางที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก
    ผู้กองส่งข้อความมา....เขามองมันแทบไม่กระพริบตา จะเป็นข้อความแบบไหนนะ

    'คยูฮยอน..นอนรึยัง ออกมาเจอกันหน่อยสิ ฉันกำลังจะไปร้านกาแฟที่เราเคยไปกัน '



    ...เรียกเขาออกไปหาตอนดึกๆแบบนี้เนี่ยนะ
    ทั้งๆที่เพิ่งจะลากันไปเมื่อกี้นี่เอง คนบ้าอะไรเนี่ย

    ...คยูฮยอนคิดก่อนจะนึกได้อีกทีว่าผู้กองคงกำลังอยากคุยกับคยูฮยอน
    ..ไม่ใช่คโยฮยอนที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้


    แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ..ในเมื่อคืนนี้จะมีแต่คโยฮยอนเท่านั้น โทษทีนะผู้กอง


    ป่านนี้คงกำลังขับรถไปร้านกาแฟนั่นแล้ว

    "ใครส่งอะไรมาอ่ะ คยูฮยอน"

    "ค ครับ? เปล่าๆ ข้อความบริการน่ะ"

    ".." อีทึกเหลือบหางตามามองน้องก่อนจะยิ้มๆ เขาไม่เคยเห็นคยูทำท่าทางแบบนั้นเลย









    บางที



    อาจจะถึงเวลาแล้ว ... ที่ชีวิตของน้องชายที่เขาเห็นตั้งแต่เด็กๆอย่างคยูฮยอน จะได้มีเรื่องดีๆเข้ามากับเขาบ้าง


















    .................................................................................................................

    Talk
    ป่วงมาก คดีก็สั้นๆง่ายๆ แต่เอาไปอ่านแก้เซ็งกันก่อนเนอะ ตอนหน้าต้องสนุกแน่ๆ 555555







    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×