ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : CURSE : มากกว่าที่คิด
curse
12
ทางออกไม่ได้มีแค่ซ้ายกับขวา
ภายในรถบรรทุก ขนาดใหญ่ที่ตอนนี้บรรจุไปด้วยทีมหน่วยสวาทชั้นดีของฮ่องกงรวมทั้งยุนโฮ ชางมิน จงฮยอน และซีวอนที่นั่งทวนแผนการอยู่ในรถ
รถที่ถูกปรับแต่งเพื่อเตรียมแผนการจับกุมเหล่าโจรอาญชากรโดยเฉพาะ
ชายในรถต่างเป็นผู้ที่ถูกฝึกเป็นอย่างดีพร้อมจะรับมือได้ทุกสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย
รถบรรทุกเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสม่ำเสมอจนหยุดลงเมื่อถึงที่หมาย นั่นคือโรงงานอุตสาหกรรมร้างที่อยู่ติดตัวเมือง เมื่อประตูบานใหญ่ทั้งสองของรถบรรทุกถูกเปิดออก เหล่าตำรวจทหารก็กรูกระโดดกันลงจากรถด้วยอาวุธ เสื้อเกราะ หน้ากากนิรภัย ครบมือ
ซีวอนถึงเป็นแค่ผู้กองในหน่วยสืบสวน แต่ก็เคยได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเช่นกัน
ตลอดหลายปีที่เขากับยุนโฮเคยฝึกมาที่เวสต์ปอยต์(โรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐอเมริกา)ทำให้เขารู้จักการรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องขึ้นไปเจอ
เพียงแต่เด็กผู้ชายตัวขาวที่เขาหันมาสบตาหลังกระโดดลงมาจากรถบรรทุก
คยูฮยอนมาถึงที่นี่ด้วยรถตำรวจที่สารวัตรฮันเกิงขับมา ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาควรไปรอที่สำนักงานตำรวจ แต่ว่าคยูฮยอนเป็นคนขอสารวัตรเองว่าอยากมาด้วย
ผู้กองที่เคยหนักแน่นกลับฉายแววตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนกำชับ คนที่เพิ่งพบกัน
"รออยู่นี่กับพวกสารวัตรนะ"
"ครับ"
ตอบกลับอย่างว่าง่าย อย่างอยู่แค่ข้างล่างนั่นคยูฮยอนคงไม่มีอันตรายอะไรหรอก เพราะเหล่าตำรวจฮ่องกงคอยเฝ้าระวังกันอยู่เต็มที่อย่างนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็โล่งใจ ผู้กองหนุ่มกลับมามีสมาธิกับงานตรงหน้าดังเดิมก่อนจะเดินตามคนอื่นๆขึ้นไปยังโรงงานร้างนี่
ผู้ชายผิวขาวที่ดูบอบบางเกินกว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าตำรวจมากมาย หันรีหันขวางเหมือนมีอะไรมาสะกิดใจ
คยูฮยอนเกิดมากับครอบครัวที่เป็นนักสืบ ยิ่งด้วยพ่อของเขาไม่ใช่แค่นักสืบธรรมดา แต่ยังเป็นสายสืบให้ตำรวจอีกด้วย
เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น พ่อแม่ของเขารับรู้เรื่องคำสาปของคยูฮยอนว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงหลังพระอาทิตย์ตกดิน
พ่อแม่ของเขาถึงกับทะเลาะกันใหญ่โตเพราะไม่รู้จะให้ลูกของเขาใช้ชีวิตอย่างไร
ไม่ใช่ว่าต่างฝ่ายต่างแย่งกันจัดการเรื่องนี้ ...แต่กลับต่างกันผลักไสให้อีกฝ่ายดูแล
คยูฮยอนในวัย 18 ปี ได้แต่ไม่เข้าใจ เขาไม่สามารถทนกับสถานการณ์แบบนี้ได้ ในเมื่อไม่มีใครอยากอยู่กับเขาที่แปลกไปแบบนี้ เขาก็ขออยู่คนเดียวดีกว่า
หนีออกจากบ้านมาทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไรต่อไป เพียงใช้อารมณ์ชั่ววูบนั่นนำทางไป จนได้เจอกับผู้ชายที่แสนดีอย่างพี่อีทึก ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่คนที่ชอบสอดส่องเรื่องคนอื่นเท่านั้น เขาชวนคยูฮยอนให้มาตั้งบริษัทนักสืบกัน ในตอนนั้นคยูฮยอนรับข้อตกลงมาเพียงเพราะอีกฝ่ายยื่นข้อเสนอเป็นที่พักพร้อมอาหารครบสามมื้อ
ทั้งสองทำงานสืบเล็กๆน้อยๆกับราคาจ้างที่คุ้มค่าแล้วสำหรับพวกเขา
ตลอดเวลาหกปีที่ออกมาใช้ชีวิตแบบนี้ คยูฮยอนทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการทำงาน สิ่งเดียวที่ทำให้คยูฮยอนรู้สึกว่าตนมีค่าคือการสืบงานให้กับเหล่าผู้ว่าจ้างโดยเขาสืบตามรอยให้ได้ทุกสิ่งที่ไม่ขัดกับจรรยาบรรณตามคำสอนของรุ่นพี่อีทึก
และหกปีนี้ที่ได้อยู่แต่กับงานมันทำให้บริษัทนักสืบของเขาเป็นที่ยอมรับ แต่งานที่ยากขึ้นๆก็เข้ามาจนถึงตอนนี้
ในตอนนี้เขาสังเกตได้ถึงบางอย่าง คยูฮยอนเอี้ยวตัวมองถนนใหญ่
รถที่วิ่งผ่านหน้าเขาไป ด้วยความเร็วของรถคาดการณ์ว่าวิ่งผ่านหน้าเขาไปเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ดวงตากลมกับจับใบหน้าของคนคนหนึ่งได้ คนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนแต่ว่าเคยเห็นจาก VCR ของพี่ยุนโฮ ผู้ต้องสงสัยที่ชื่อ ปาร์ค กีแจ ชายวัย 35-40 ผู้มีหุ้นในธุรกิจมืดกว่าสิบแห่งทั้งในเกาหลีและฮ่องกง ถือเป็นนักธุรกิจทรงอิทธิพลแต่ว่าที่น่าสนใจมีเพียงแค่รอยสักลายแมลงปอที่ต้นคอนั่นต่างหาก
เพียงเสี้ยววินาทีที่คนตัวขาวจับหน้าของชายคนนั้นได้อย่างไม่มีผิดพลาด
เขาไม่ลังเลที่จะวิ่งออกจากกลุ่มตำรวจที่ยืนมองโรงงานร้างอยู่ด้านนอก ร่างบางวิ่งออกมาเหมือนไร้ตัวตน ไม่มีใครสนใจเขา มือขาวโบกแท็กซี่ก่อนจะพ่นภาษาอังกฤษงูๆปลาๆให้คนขับเข้าใจว่าตามรถคันนั้นไป
ดวงตากลมจับจ้องที่รถคันหน้าอย่างไม่คลาดสายตาแม้จะมีรถแซงหน้าไปคันสองคันแต่ก็ยังไม่พ้นสายตาของเขา
เมื่อคันเป้าหมายจอดลง แท็กซี่ถึงได้หยุดลงไปด้วย ร่างบางควานหาเงินก่อนจะหยิบให้ไปลวกๆแล้วลงจากรถมา คยูฮยอนเฝ้ามองชายตัวหนารูปร่างไม่จัดว่าสูงกำลังเดินไปยังซอกซอยที่ดูอับมืด เดินตามเข้าไปโดนอยู่ห่างจากเป้าหมายประมาณหนึ่งเมตร
ร่างบางคิดว่าตนผ่านการเฝ้าติดตามคนมาเยอะ ไม่คิดว่าจะถูกจับได้มาก่อน หรือเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาประมาท ชายตรงหน้าไม่ได้หันกลับมาจนกระทั่งคยูฮยอนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของคนสองคนที่รดต้นคอเขาอยู่
ผู้ชายสองคนที่โผล่มาจากด้านหลัง ทั้งคู่ในสูทดำแว่นดำทั้งที่ยังเป็นกลางวันแถมยังเป็นในซอกซอยที่อับคนอย่างนี้ พลางอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา
ถึงคิดได้ก็ทำอะไรต่อไม่ได้เพราะทั้งสองจับข้อมือบางไขว่หลังก่อนจะใช้บางอย่างชนหลังบังคับให้เดินไปข้างหน้า ความรู้สึกบอกได้ทันทีเพราะสิ่งที่สัมผัสหลังเขามันเคยถูกจ่อที่หัวเขาเมื่อตอนที่โดนจับเป็นตัวประกันในคดีปล้นธนาคารแล้ว
ปากกระบอกปืนนิ่งอยู่ที่หลังใกล้สะโพกทำให้คยูฮยอนเกิดหวั่นกลัวความตายขึ้นมาอีกเมื่อชายที่เขาหวังสะกดรอยตามหันกลับมาแสยะยิ้มน่ารังเกียจ
"ว่าไงไอ้หนู มึงเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไรถึงตามกูมา"
วันนี้เองที่เขารู้สึกว่าตัวเองพลาด ไม่ใช่คนเก่งอะไรเลย แต่ถึงอย่างงั้นเหตุผลที่ตามหมอนี่มาไม่ใช่เพราะมาตามจับหรอก
"ผมตามหาคุณมานานแล้ว ผมตามมาเพราะรอยสักที่ต้นคอคุณ"
ชายตัวหนาใบหน้าดูเหี่ยวย่นเกินอายุมองมาที่คยูฮยอนอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดเรื่องรอยสักนี่
"มึงเป็นใคร"
"คุณเชื่อเรื่องคำสาปแช่งพวกนี้บ้างมั้ย"
"..." ชายตัวหนาดวงตาเบิกกว้าง
"เมื่อหกปีก่อนมีคนสาปแช่งผม เขาคนนั้นตายไปแล้วและยังมีรอยสักที่ต้นคอแบบเดียวกันกับคุณ"
คำบอกเล่านั้นทำให้ชายตัวหนาสั่นไปทั้งตัว เขาส่งสัญญาณมือให้ชายตัวใหญ่ทั้งสองคนปล่อยข้อมือบางออก ก่อนคยูฮยอนจะบิดแขนออกจากที่ปวดร้าวมาร่วมหลายนาที
"คำสาปแช่งหรอ"
"คุณรู้วิธีแก้มันไหม"
"แล้วกูจะเชื่อมึงได้ยังไง กูจะรู้ได้ยังไงว่ามึงไม่ใช่สายของตำรวจมาเล่นตลกกับกู"
ชายหนายังคงหรี่ตาประเมินคนตัวขาว บางทีอาจจะเป็นลูกเล่นของพวกตำรวจเพื่อมาจับเขาให้ได้คาหนังคาเขา
"เขาสาปแช่งให้ผมต้องมีสภาพเป็นผู้หญิงหลังพระอาทิตย์ตกดิน"
ชายตัวหนายังคงคิดใคร่ครวญครู่เดียวก่อนจะขอปากกากระดาษกับสองผู้ติดตาม
จดยุกยิกบนเศษกระดาษก่อนจะเอ่ย
"งั้นคืนนี้มาเจอกูตามที่อยู่นี่ พิสูจน์ว่ามึงไม่ได้เล่นตลกกับกู"
--------------
ชเว ซีวอน หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก่อนจะมองหน้าเพื่อนร่วมทีมพร้อมเอื้อมมือบิดประตูในชั้นสูงสุด ทันทีที่เปิดออกไป ตำรวจทหารวิ่งเข้าไปบนดาดฟ้า เสียงปืนดังลั่นแต่หากเป็นเสียงปืนจากฝั่งคนร้ายไม่ใช่ทางตำรวจ
เพราะในทีมทุกคนมีฝีมือกันทั้งนั้น เมื่อร่วมงานกับเป็นทีมงานนี้จึงง่าย ส่วนหนึ่งที่ดักทุกทางออก ทั้งยังมีบางส่วนเฝ้าดูจากอีกตึก ทำให้รู้ทุกการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้าย
บาดเจ็บไปสองราย แต่ไม่มีใครเสียชีวิต หลังจับกุมไม่เหลือซากรถพยาบาลที่มารอด้านล่างนานแล้วก็ทยอยขึ้นไปรับผู้บาดเจ็บ ทางตำรวจปลอดภัยดีทุกคนที่คนร้ายสองรายบาดเจ็บเนื่องจากต่อต้านการจับกุม ทั้งยังมีเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าการที่กลุ่มคนร้ายสารภาพผิดออกมาง่ายๆอย่างการที่เราตรวจค้นโรงงานแล้วพบว่ามีเพชรรามาที่ผู้เสียหายต้องการคืนอยู่ในกล่องนิรภัยอย่างดี
ทั้งผู้กองซีวอนและยุนโฮต่างได้กลิ่นแปลกๆ บทจะง่ายก็ง่ายเหลือเกินแม้หลักฐานที่ยืนยันมาเหล่าคนที่เราจับกุมครั้งนี้จะเป็นแก๊งเดียวกับแก๊งปล้นธนาคารนั้นยากที่จะยืนยันเพราะตามกล้องวงจรปิด พวกแก๊งปล้นต่างคลุมโม่งปิดหน้ามิดชิด
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าพวกนั้นกลับสารภาพมาเองว่าเป็นคนทำ ทั้งที่เพชรก็ยังไม่ได้ถูกขายต่อไปที่ใคร
พากันไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนจะจับผู้ต้องหามานั่งเรียงรายแล้วสอบสวนกันต่อหน้านักข่าวทั้งในฮ่องกง และเกาหลี หลังสอบสวนเสร็จเสียงโทรศัพท์ของซีวอนก็ดังขึ้นทันที
"ครับ"
((ผู้กองซีวอนได้เพชรกับผู้ต้องหามาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม))
เสียงผู้บัญชาการเอ่ย ดูเหมือนจะมีคนส่งข่าวไปถึงไวจริงๆ ผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเขาจึงทำให้แค่ตอบ
"ใช่ครับ"
((ถ้าอย่างนั้นก็พาผู้ต้องหาและเพชรกลับมาได้แล้วล่ะ เราต้องรีบปิดคดี))
"แต่..ผู้คิดว่ายังมีตัวการใหญ่ลอยนวลอยู่ครับท่าน"
((เชื่อผม ตอนนี้ต้องปิดคดีนี้ก่อน รีบกลับมา ผู้เสียหายรอของคืนอยู่))
"..ครับ"
ปลายทางตัดสายไป พร้อมมอบหมายงานใหม่ที่ทำให้ซีวอนไม่พอใจนัก พวกคนใหญ่คนโตก็แบบนี้ทั้งนั้น ไม่สนใจอะไรของแค่ได้ปิดคดีเป็นผลงานและเป็นหน้าตาของตน
ถอนหายใจพรูก่อนจะพลันนึกขึ้นได้ คยูฮยอนอยู่ไหน?
"คุณฮันเกิงครับ คยูฮยอนล่ะครับ!" ภายในสำนักงานคุณฮันเกิงหันกลับมามองพลางเบิกตาโต ...
"...เอ่อ รู้สึกจะวิ่งหายไปไหนก็ไม่รู้ครับ ตั้งแต่ที่โรงงานร้างนั้นแล้ว"
คนตัวสูงแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสารวัตรปล่อยคยูฮยอนวิ่งไปโดยไปถามซักคำว่าเขาวิ่งไปไหน ที่นี่ฮ่องกงนะ ทำไมคยูฮยอนไปไหนมาไหนตามใจชอบแบบนี้
มือกดหาเบอร์คยูฮยอนก่อนจะรอรับโทรศัพท์ด้วยใจที่กระวนกระวายจนต้องเดินออกมาหน้าสำนักงาน
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ขึ้นยาวนานโดยไม่เห็นท่าทีว่าจะได้ยินเสียงคนตัวขาวรับขึ้นมาคนตัวใหญ่ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
รับเถอะคยูฮยอน
นิ้วเล็กสะกิดอยู่ที่ไหล่หนาที่ตกลง ซีวอนหันไปมองข้างหลังพลางยกโทรศัพท์แนบหูอยู่ไม่ห่าง ...ก่อนจะลดมือลงเมื่อคนที่สะกิดไหล่เขาคือคนตัวขาวที่ทำให้เขากระวนกระวายเมื่อหลายนาทีก่อน ดวงตาเบิกโตเมื่อเห็นคนตัวขาวก่อนจะรัดกอดแน่น
"หายไปไหนมา" รัดอีกคนแน่นไม่วายพูดราวตำหนิอีกคนที่หายไปและทำให้เขาเป็นห่วง
"หายไปไม่กี่ชั่วโมง คุณตำรวจยังไม่ต้องรับแจ้งความหรอกครับ"
พูดติดตลกหวังจะคลายความกังวลที่แผ่ออกมาจากคนตัวใหญ่ที่กอดรัดเขาแน่น
ซีวอนคลายแขนออกก่อนจะลูบเรือนผมอีกคนไปมา
"ไม่ฮานะ สารวัตรบอกว่านายวิ่งหายไปเลย ไปทำอะไรมา"
ดวงตากลมจ้องอีกคนที่แสดงความเป็นห่วงเขาจนโจ่งแจ้ง เขาเองยิ่งคิดว่าจะบอกเรื่องที่เขาไปพบผู้ชายต้องสงสัยคนนั้นกับผู้กองดีหรือไม่ ..บอกไปเขาก็คงเป็นห่วงหนักกว่าเดิม
เพราะงั้น
"ผมไปเจอเพื่อนสมัยเรียนน่ะครับ พอดีเขาแต่งงานย้ายมาอยู่ที่นี่"
ดวงตากลมเก็บความจริงไว้ให้มิดที่สุด เขาไม่ต้องการให้อีกคนจับได้ว่าเขาโกหก
ซีวอนไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ดึงอีกคนมากอดอีกรอบ
ความห่วงใยจากคนคนหนึ่ง คยูฮยอนไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้มาตลอดหกปี
เขาอยากนึกน้อยใจโชคชะตาตัวเองแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ทำ คยูฮยอนรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่น่าสมเพชแบบนั้น ช่วงชีวิตของเขาในตอนนั้น เขาคิดเพียงว่าได้อยู่กับคนดีๆอย่างอีทึกก็พอแล้ว
แต่เมื่อเจอผู้กอง และเมื่อทั้งสองรู้จักกัน หลายสิ่งที่ผ่านมาทำให้คยูรู้ว่าลึกๆแล้วเขาเดียวดายมากแค่ไหน
แต่เขาขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
แค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เขาจะรับมือกับเรื่องนี้เอง
หลังจากนั้นเพียงอึดใจ ยุนโฮและน้องๆของเขาก็ออกมาพร้อมเตรียมกลับโรงเเรม
"อ้าว เจอคยูฮยอนแล้ว" ชางมินว่า
"ขอโทษทุกคนนะครับ" คนตัวขาวว่าพลางโค้งต่ำๆก่อนจะเดินตามทุกคนขึ้นรถไป
"คยูฮยอน ..เราต้องกลับเกาหลีแล้วล่ะ" เสียงซีวอนเอ่ยขณะนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
ร่างบางในตอนนั้นถามแค่ว่าได้เพชรคืนมาแล้วหรอ ทุกคนตอบว่าใช่จากนั้นภายในรถก็เงียบงัน
คยูฮยอนแทบไม่ได้คิดว่าหลังกลับไปเขาจะไม่ได้ทำคดีกับผู้กองแล้ว
ตอนนี้มัวแต่นึกถึงนัดสำคัญในคืนนี้
"จะกลับกันเมื่อไหร่ครับ"
"คืนนี้เลย" เสียงยุนโฮจากเบาะคนขับเอ่ย
"ผมจะตามทุกคนไปทีหลังนะครับ" เสียงย้อนจากคนตัวขาวทำเอาทั้งซีวอนและน้องๆของยุนโฮหันมามองเรียกร้องคำอธิบายเพิ่มเติม
"ผมกะว่าจะอยู่คุยกับเพื่อนเก่าซักหน่อยนะครับ"
"ค่อยติดต่อกันทีหลังไม่ได้หรอ" สีหน้าเว้าวอนกลับมาจากชางมินคนขี้เล่นซะงั้น
ก่อนคยูฮยอนจะยิ้มให้แห้งๆพลางตอบว่าไม่ได้
ซีวอนไม่ได้พูดอะไรเพียงนิ่งฟัง
ไม่เป็นไรน่า คยูฮยอนไม่ใช่เด็กๆแล้วเขา 24 แล้วนะ คนตัวใหญ่ว่าในใจเพราะเขาอดห่วงอีกคนไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องห่วงขนาดนี้
ถึงรักมาก แต่ว่าอีกคนดูแลตัวเองได้ เขารู้ดี
แต่ทำไมนะ มันมีบางอย่างบอกเขาว่าคยูฮยอนไม่ปลอดภัย
---------
18.03 น.
ในห้องพักของโรงแรม คยูฮยอนกลายสภาพแล้วเนื่องจากพระอาทิตย์ตกดิน
มือบางช่วยอีกคนจัดกระเป๋าที่มีสัมภาระน้อยนิดก่อนจะลาอีกคน
"ผมคงลงไปส่งไม่ได้นะครับ"
"พี่รู้ นายจะกลับเมื่อไหร่"
"ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ"
"คอยรับโทรศัพท์พี่ด้วยนะ โอเค๊?"
ร่างบางพยักหน้ารัวๆพร้อมยิ้มกว้างให้อีกคนทั้งที่ในใจหวั่นว่าต่อไปเขาจะได้พบหน้าผู้กองในฐานะอะไร เพราะเมื่อกลับไปเขาก็คือผู้ชายคนนึงเท่านั้น
"พี่ไม่เห็นนายยิ้มแบบนี้นานแล้ว" ซีวอนว่าพลางแนบริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากมน คยูตอนนี้ที่มีสภาพเป็นผู้หญิงแต่หากยังมีสิ่งเดียวที่ซีวอนคิดว่ามันยังคงไม่แปรสภาพ
นอกจากดวงตาแล้วยังมีชีพจรที่เต้นถี่เมื่อเวลาเขาเข้ามาใกล้
ร่ำลาจนพอใจร่างสูงใหญ่ถึงได้เดินออกจากห้องอย่างอ้อยอิ่ง
มองอีกคนเดินจนพ้นประตู
คยูฮยอนจัดการหาเสื้อผ้าในกระเป๋า เขาคิดว่าเขาคงหยิบเสื้อกระโปรงติดมือมาบ้าง
จัดการเปลี่ยนเสื้อจนเรียบร้อยพร้อมออกไปเจอผู้ที่นัดหมายไว้ คยูฮยอนนั่งลงบนเตียงเพื่อรอเวลาให้พวกซีวอนและคนอื่นๆเดินทางออกจากโรงแรมจนไปถึงสนามบิน
---------------------
Siwon part;
ผมลืมตาขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง เหมือนกับท่าน้ำอะไรซักอย่าง
ผมแน่ใจทันทีว่านี่เป็นความฝัน เพราะผมรู้ว่าผมไม่เคยมาที่นี่
ผมมองไปรอบๆก่อนจะสะดุดสายตาเห็น คยูฮยอนกระโดดน้ำลงไป
น้ำนั่นต้องลึกแน่เพราะผมไม่เห็นเขาโผล่ขึ้นมา
"คยูฮยอน!!!" ผมตะโกนเรียกจนสุดเสียงแต่เขาก็ยังไม่โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ
อย่าฝันบ้าๆแบบนี้สิชเว ซีวอน
ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปยังสะพานที่ยื่นยาวไปถึงกลางแม่น้ำก่อนจะกระโดดตามลงไป
ลืมตาในน้ำใสก่อนจะเห็นอีกคนหมดสติไป ผมดำดิ่งลงไปคว้าตัวอีกคนก่อนจะพยายาม
ว่ายขึ้นมาได้ออกซิเจนแต่ทว่าผมดึงอีกคนขึ้นมายากเย็นเหลือเกิน แขนของผมตะกายขึ้นแต่อีกข้างหนึ่งยังดึงตัวอีกคนหนึ่งไว้ ผมหันกลับไปมองใหม่ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมผมถึงดึงอีกคนขึ้นมาไม่ได้ซักที
ผู้หญิงผมยาวแต่ทว่าใบหน้าเขาเหมือนกับคยูฮยอนเป๊ะ คนที่มาบอกว่าชื่อคโยฮยอน
ตอนนี้เขาดึงขาคนตัวขาวไว้แน่น
ผมไม่เข้าใจว่าผมกำลังฝันเรื่องบ้าอะไรอยู่แน่
เพียงแต่ความรู้สึกตอนนี้เหมือนหายใจไม่ออก ผมกำลังจมน้ำ
และถ้านี้คือความฝัน ผมก็ควรตื่นได้แล้ว
เฮืออกกก
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงยุนโฮ
"รอบบินเรามาถึงแล้ว ไปกันเถอะ"
ผมยังหยุดยืนอยู่นิ่ง ฝันนี่มันอะไรนะ ปกติผมไม่ใช่คนเพ้อเจ้อขนาดนี้
ในตอนนี้ผมกลับเชื่อเรื่องบางเรื่องอย่างไม่มีเหตุผล
ฝันนี้อาจเป็นลางบอกเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นแบบนั้น หรือเป็นเพราะผมคิดมากไปเอง
แต่ตอนนี้ ผมไปไหนไม่ได้แล้ว ...ผมต้องกลับเกาหลีพร้อมคยูฮยอน
"พวกมึงกลับกันไปก่อนเถอะ"
ผมเดินเข้าไปใกล้ยุนโฮพร้อมยื่นกล่องนิรภัย
"มึงจะไปไหน"
"กูจะไปหาคยู พวกมึงสามคนคุมตัวผู้ต้องหากลับเองได้ใช่ไหม"
ทันทีที่ชองยุนโฮได้ยินเช่นนั้นเขากลับยิ้มขึ้นมาเสียดื้อๆ
"เออ จะไปไหนก็ไป กูจัดการตรงนี้ได้"
เมื่อได้ยินคำตอบ ขายาวไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปหาประตูทางออก
นอกสนามบินนี่ผู้คนพลุกพล่านอยู่เต็มทางเท้า แท็กซี่เรียงรายเต็มรอให้คนขึ้นมาใช้บริการมือหนาหาคันที่ว่างก่อนจะเปิดเข้าไปพร้อมกำชับให้ไปที่โรงแรมเดิม
--------------------------
21.02 น.
ร่างบางในชุดกระโปรงสีดำยาวถึงเข่าเดินตรงเข้าไปพร้อมรองเท้าผ้าใบที่ดูขัดตา เธอเดินทางมาที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของฮ่องกง เธอไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมปาร์ค กีแจถึงนัดเธอมาที่นี่ หรือว่าคืนนี้อาจจะเป็นกำหนดการที่ผู้ชายคนนั้นกับพรรคพวกอีกสองคนเตรียมตัวจะหนีแล้วก็ได้
สาวผิวขาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวตรงลงมาเกือบถึงกลางหลัง ดวงตากลมยังคงมองหาผู้ชายตัวหนาผิวหยาบที่นัดเธอมาที่นี่ เธอเดินไปจนถึงสะพานท่าเรือที่ดูทรุดโทรม
ตรงสุดสะพานนั่นมีเรือใบสีขาวลอยอยู่เทียบฝั่ง สัญชาตญาณของเธอบอกว่าตรงเดินไปที่นั่น เดินจากช้าเป็นขึ้นเรื่อยๆ คยูฮยอนไม่อยากเดาต่อเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง
ขาขาวๆหยุดลงตรงสุดสะพาน ชายคนหนึ่งยืนหันหลังบนเรือใบใหญ่ ก่อนหันกลับมามองหญิงสาว ....คยูฮยอนทำใจกล้าเดินเหยียบเรือขึ้นไป
ชายตัวหนามองหญิงสาวไม่วางตาก่อนจะใช้มือหยาบลูบเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างหยาบคาย ชายตัวหนาผู้คิดว่าตนกำลังกำกุญแจสำคัญกำลังยกยิ้มน่ารังเกียจ
"เป็นเรื่องจริงสินะ"
เสียงเข้มว่ามือหยาบของตนยังยกไปลูบจับคางอีกคน "แต่ก็เป็นผู้หญิงที่สวยดีนี่ จะแก้คำสาปไปทำไมกัน"
คยูฮยอนสะบัดหน้าให้พ้นมือหยาบก่อนจะข่มใจไว้ ...แม้เขาโมโหกับการล่วงเกินทั้งท่าทางและแววตาของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้
"ตกลงคุณแก้คำสาปนี่ได้หรือป่าว"
"ได้สิ ...แต่ว่าก่อนจะกลับไปเต็มแบบเดิม ไม่คิดจะตอบแทนอะไรกันก่อนรึไง"
ใบหน้าเหี่ยวย่นยื่นเข้ามาใกล้จนคยูฮยอนเบนหน้าหนีจนปวดคอ
"..ยังไง" ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นๆก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อมือหยาบลูบวนที่คอขาว
"ก็ไอ่ร่างกายที่ได้มานี่ ไม่อยากใช้ให้คุ้มเหรอ.."
50%
ในขณะเดียวกัน ที่โรงแรมแจ้งว่าไม่เห็นเด็กผู้ชายออกมาจากห้อง ซีวอนทราบดีเพราะตอนนี้คยูฮยอนไม่ได้อยู่ในสภาพของเด็กผู้ชายแล้ว ร่างใหญ่เดินออกจากโรงแรม หายใจเป็นจังหวะ พลางคิดวิธีที่จะได้เจอคยูฮยอน
บางทีเขาอาจจะบ้าไปเองก็ได้ ตอนนี้คยูอาจจะกำลังคุยเล่นกับเพื่อนของที่บ้านของเขา
แต่มีอีกเรื่องที่น่าคิด
เป็นไปได้หรอที่คยูจะไปเจอเพื่อนเก่าในสภาพเช่นนั้น
คยูฮยอน
นายกำลังจะทำอะไรกันแน่
ร่างใหญ่พยาพยามรวบสมาธิของตนก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมา
ถ้าโทรไปถาม
แล้วคยูเกิดโกหกเขาอีก
นิ้วเรียวที่กำลังจะกดไปหาเบอร์ของคยูกลับเปลี่ยนใจโทรหาสารวัตรฮันเกิงแทน
((ครับ คุณซีวอน?))
"พี่ครับ ..ผมมีเรื่องให้ช่วยครับ"
.
.
.
.
ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"ทำไมนายถึงคิดว่าคยูฮยอนกำลังตกอยู่ในอันตรายล่ะ"
สารวัตรคนนั้นถามในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในห้องควบคุมเล็กๆ
"คือ.." ตามจริง ซีวอนก็ไม่มีอะไรมาวัดได้แน่ใจหรอกว่าคยูจะทำแบบนั้น
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของอีกคนเมื่อวันก่อน...
"ผู้กองครับ"
"ตัวการใหญ่..เราบอกพวกเขาว่าอย่าจับตายได้ไหมครับ"
"ผมมีเรื่องบางอย่างจะถามเขาครับ"
"เขามีรอยสัก เหมือนกับคนที่ทำให้ผมโดนคำสาปเมื่อหกปีก่อน"
"เพราะแบบนั้นผมถึงดึงดันจะมาที่นี่ให้ได้ ..
ได้โปรด ได้โปรดอย่าโกรธผมเลยนะครับ"
"แต่ยังไงนายก็ต้องโทรไปอยู่ดี เราจะได้แกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์"
คนฮ่องกงคนนั้นว่า ซีวอนรีบกดหาเบอร์จะโทรออกในที่สุด
เสียงสัญญาณดังขึ้น หัวใจของคนตัวใหญ่เต้นรัว
"รับแล้วๆ" เสียงคนจีนพูดขึ้น ก่อนตำรวจที่นั่งประจำการจะหาตำแหน่งของปลายสาย
"คยูฮยอน นายอยู่ที่ไหน"
((...ผู้กอง))
"คยูฮยอน! นายโอเคใช่มั้ย นายอยู่ไหน"
((ปี๊ปปปป))
"คยูฮยอน!!!!"
เพียงได้ยินเสียงปลายพูดอย่างแผ่วเบา เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่านี่ไม่เหตุการณ์ปกติอีกต่อไปแล้ว
ที่ยิ่งสร้างความกระวนกระวายใจให้คือเสียงกระแทกที่แทรกเข้ามาแวบเดียวก่อนจะถูกตัดสาย
ร้อนรน ...ตอนนี้เขาเป็นห่วงคยูฮยอนมากกว่าเดิมเสียอีก
"รู้ตำแหน่งของเป้าหมายแล้วครับ" เสียงนายตำรวจคนหนึ่งเอ่ยเรียกให้ทั้งซีวอนและฮันเกิงเข้าไปมุงดูที่จอมอนิเตอร์
"มันคือที่ไหนหรอครับ" ซีวอนว่า ฮันเกิงมองจากแผนที่ที่มีจุดมาร์คสีแดงก็เลิกคิ้วมอง
"แปลกจริง ...ทำไมถึงไปที่ท่าเรือร้างนะ"
"มันอยู่ตรงไหนครับ!!"
"มันคือท่าเรือเก่าน่ะ อยู่ฝั่งตะวันตก ห่างจากที่นี่ไปอีกประมาณ 30 ไมล์"
"ผมต้องไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ครับ"
............
อีกด้านนึง
บนเรือความยาว 25 ฟุต
คยูฮยอนกำลังหายใจออกทางปากระบายความเหนื่อยหลังจากขัดขืนชายร่างหนาร่วมชั่วโมง
"ทำตัวดีๆ ถ้าอยากให้ฉันช่วย" อีกฝ่ายว่าด้วยเสียงที่แสดงถึงความเหนื่อยระคนความรำคาญและความหงุดหงิดอยู่ในที มือหยาบของเขากำข้อมือของหญิงสาวไว้แน่น บนเรือที่กำลังโคลงเคลง
แขนขาวทั้งสองยกขึ้นสูงเหนือหัวพยายามสะบัดข้อมือออกจากแรงของชายผู้นี้
"หยุดทำให้มันยุ่งยากซะที" ด้วยแรงของผู้ชายที่มีมากกว่า
ทำให้คยูฮยอนที่บอบบางยิ่งกว่าตอนกลางวันล้มลงไปในที่สุด
ก้นกระแทกกับท้องเรือจนรู้สึกเจ็บปวดแต่ยังคงยกแขนปัดป้องตัวเองจากชายร่างหนาที่ตอนนี้กำลังเลือดพลุ่งพล่านด้วยกามารมณ์
ชายที่หิวโหยถึงแม้กำลังมากกว่าแต่สติตอนนี้คงหายไปกับความใคร่ คยูฮยอนที่ตั้งสติได้อยู่ขยับตัวหนีโดยการคลานไปยังเสากระโดงเรือ ก่อนจะคิดพูดเกลี้ยกล่อมอีกคน
"ผมว่าคุณรีบบอกมาเถอะ คุณไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้น แค่บอกว่าต้องถอนคำสาปยังไง"
ผู้ชายร่างหนาพลางหงุดหงิดอยู่ในทีก่อนจะพูดแบบเดิม
คยูฮยอนชักสงสัย...
"หรือว่า ..คุณไม่รู้" คยูฮยอนว่าอีกคนเงียบดวงตาเกลือกกลิ้งเหมือนเหลืออด
"คุณไม่รู้เรื่องการแก้คำสาปนี่ใช่ไหม"
"รู้สิ"
"งั้นมันอะไรล่ะ" คยูฮยอนย้อนกลับและเป็นอีกครั้งที่คู่สนทนาเงียบไป
RRRRR RRR
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้คยูฮยอนสะดุ้งโหยงก่อนจะกดรับทันทีเมื่อเห็นชื่อ
((คยูฮยอน นายอยู่ที่ไหน))
"...ผู้กอง"
ร่างบางพูดเหมือนกระซิบดวงตาพลางจ้องผู้ชายที่ยืนทรงตัวบนเรือไม่กระพริบ
หมอนั่นหันควับมามองทันทีก่อนจะคว้าโทรศัพท์จากมือบาง
((คยูฮยอน! นายโอเคใช่มั้ย นายอยู่ไหน))
ดวงตาสีดำมืดบัดนี้ราวกับสุมไฟอยู่ในดวงตา เขามีสีหน้าโมโหเหมือนยักษ์ทันทีที่เห็นชื่อบนโทรศัพท์นั่น
ผู้กองคำเดียว ทำให้ชายร่างหนารู้
เขาเดินตรงไปหาผู้หญิงที่นั่งชิดเสาเรือก่อนจะตบหน้าฟาดใหญ่ มือหยาบตัดสายที่นั้นทิ้งก่อนจะขว้างมันลงน้ำ ผู้หญิงตัวขาวกำลังชาไปทั้งแก้มซีกซ้าย เธอยัดตัวขึ้นมาจ้องที่คนร้าย
"มึงมันสายตำรวจจริงๆด้วย"
ร่างหนาว่าพลางควักปืนสั้นขึ้นมาก่อนเหยียดแขนเล็งตำแหน่งที่หน้าผากของอีกคน
คยูฮยอนเบิกตาโพลงก่อนพยายามคุมตัวเองให้นิ่ง ..ต้องนิ่งและมีสติที่สุด
เขาไม่ใช่คนที่เคยผ่านการฝึกอะไรมานัก แต่หลังจากการที่โดนปืนจ่อมาสองครั้งและครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม
ทำให้เขารู้ว่าเขามีทางรอด
รอบข้างเขามองไม่เห็นทางออก ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา ในปืนที่อยู่ระยะประชิดแค่นี้ก็สามารถระเบิดสมองเขาได้ทั้งนั้น เขาเลิกคิดถึงทางออกชั่วครู่ก่อนจะมองตรงไปที่ปากกระบอกปืน
เห็นได้ชัดว่าชายร่างหนาคนนี้เครียดไม่แพ้เขา แขนที่สั่นทำให้ปากกระบอกปืนสั่นไปด้วย ท่าทางกระสับกระส่าย แม้นิ้วจะสอดในโกร่งไกพร้อมยิง แต่กลับยังไม่ได้ปลดสลักนิรภัยปืน
นักธุรกิจอย่างเขามีปัญญาจ้างมือปืนมาคุ้มกันตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ซะแล้ว
แต่หลังจากที่ชายร่างหนาคุมสติได้เขาจะต้องปลดนิรภัยปืนแน่
มีเวลาหาทางรอดอีกแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ร่างบางยังมองไม่เห็นทางออก
หรือทางออกมีมากกว่าที่คิด?
ทุกคดีที่เขาสืบสวน มักจะลงท้ายด้วยข้อเฉลยที่หลายคนยังคิดไม่ถึง
ตอนนี้เขาต้องรีบคิดให้ออกเหมือนทุกครั้ง
และแล้วขาของหญิงสาวก็ขยับถอยหลังจนติดหางเรือ
ปากกระบอกปืนยังคงสั่น และจังหวะนั้นคือจังหวะเดียวกันกับที่เสียงหวอจากรถตำรวจกำลังดังเข้ามาป่วนสมองของผู้ร้าย
คยูฮยอนตัดสินใจใช้โอกาสกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่ได้คำนึงก่อนว่ามันจะลึกเท่าไหร่
ตู้มมม
ทันทีที่ร่างกายสัมผัสน้ำ เขาก็ดำลึกลงไป ก่อนจะพยายามลืมตาในน้ำ
คยูฮยอนไม่ใช่คนว่ายน้ำแข็งเท่าไหร่แต่ก็พยายามดำลงไปเรื่อยๆ
ปังงง!!
เสียงปืนดังทำให้เขารู้ทันทีว่าชายบนเรือปลดสลักนิรภัยปืน ตอนนี้มันกำลังเล็งเขาที่อยู่ในน้ำ
หากโชคดีเขาคงไม่โดนยิ่งเพราะตอนนี้มันมืดมากแล้ว
ร่างบางเอี้ยวตัวมองขึ้นไปพบว่าตนอยู่ห่างจากเรือไม่ถึงเมตร ก่อนจะเห็นชายบนเรือเล็งปืนลงมาอีก
ปังงง!!!!
เขาว่ายหลบเสียงปืนที่ดังขึ้นถึงสองครั้ง เขาภาวนาขอให้ตำรวจมาถึงเสียที
ไม่รู้ทำไม ...เขารู้สึกอยู่ลึกๆว่าผู้กองจะต้องตามมา
ปังงง!!!!
นัดที่สามยิงลงมา
คยูฮยอนรู้ดีว่าครั้งนี้คนร้ายยิงไม่พลาดอีกแล้ว
วิถีกระสุนพุ่งเจาะเข้ามาต้นขาของเขาที่ชี้ฟ้าขณะดำลงไปใต้น้ำ
ความเจ็บปวดมากเสียจนต้องอ้าปากหายใจแต่กลับรับน้ำเข้าไปแทน ดวงตากลมพยายามแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง เขาเห็นเงาดำๆบนสะพานกระโดดลงมา
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่คยูฮยอนเห็น จากนั้นทุกอย่างก็เป็นสีดำไปต่อหน้าต่อตา สติสัมปชัญญะที่เคยมีกลายเป็นเส้นบางๆก่อนจะจมหายไปจากประสาทสัมผัส
-------------
ในเวลาเดียวกัน
เสียงปืนที่ดังขึ้นติดต่อกันถึงสองครั้งทำให้ซีวอน เผลอแตะคันเร่งในเร็วขึ้นไปอีกในรถของฮันเกิงที่เขาขอขับมาเอง ..รถตำรวจกำลังตามหลังมาพร้อมเปิดไฟเสียงหวอดบนรถก็ดัง
ซีวอนได้ยินเสียงปืนครั้งที่สามเมื่อเขาลงจากรถ วิ่งมาที่ท่าเรือเก่าแห่งนี้ก่อนจะมองเห็นเรือใบที่กำลังออกตัวแล่นออกไปพร้อมชายคนหนึ่งที่โยนปืนลงน้ำ
เขาอยากจะตามไป แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นผู้หญิงซักคนอยู่บนเรือ
เสียงปืนที่ดังขึ้นถึงสามครั้งก่อนหน้านี้มันทำให้เขาคลั่ง เขาวิ่งไปสุดสะพานท่าเรือก่อนจะกระโดดตูมลงไปในน้ำ
ลืมตาขึ้นในน้ำก่อนจะดำลงไปคว้าข้อมือของหญิงมา ดวงตาของคยูฮยอนปิดสนิท มือหนาจะพยายามตบแก้มใสเรียกสติก่อนจะดึงอีกคนขึ้นไปบนฝั่งโดยกอดไขว้หน้าอกอีกคนไว้แน่นก่อนจะว่ายขึ้นไปให้เหนือผิวน้ำโดยเร็ว
เขาลากอีกคนขึ้นมาบนสะพาน เสียงรถตำรวจจอดดังเทียบฝั่ง ก่อนเขาจะได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารของพวกตำรวจดังอื้ออึงหนวกหูไปหมด หากแต่ตำรวจพวกนั้นกำลังเรียกรถพยาบาล
ซีวอนไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างตอนนี้เขาเห็นแค่คยูฮยอนเท่านั้น และอันดับแรกที่เขาทำคือรวบสติของตัวเองเพื่อช่วยเหลืออีกคน ตำรวจทุกคนถูกให้รู้จักวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อันดับแรกเขาต้องจับอีกคนนอนหงาย พยายามเรียกอีกคน เขย่าไหล่
ไม่มีการตอบโต้กลับมา
เขายังคงประเมินการหายใจของอีกคน เอียงหูพยายามฟังเสียงลมหายใจ
แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
จับคางอีกคนยกสูงขึ้น กดหน้าผากให้หน้าแหงน บีบจมูกอีกคนแล้วหายใจเข้าลึกๆ แนบริมฝีปากให้สนิทแล้วค่อยๆปล่อยออกซิเจนจากตัวเองไปสู่อีกคนช้าๆ
ผละปากออกให้ร่างบางหายใจออกเตรียมผายปอดอีกครั้ง
จากนั้น
กดหาตำแหน่งหัวใจ ใช้มือข้างขวาว่าทับข้างซ้ายก่อนล็อคนิ้วมือตามร่องนิ้วมือซ้าย ใช้สันมือวางบนตำแหน่งหัวใจ เหยียดตัวขึ้นทิ้งน้ำหนักลำแขนทั้งสองเป็นจังหวะ
ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับ CPR ก่อนอีกคนจะสำลักน้ำออกมา
ตายังปรือๆ คยูฮยอนหายใจออกทางปากระบายความเจ็บปวดที่ต้นขา
ซีวอนมองเลือดที่ซึมออกมาบริเวณต้นขา
เลือดค่อยๆซึมผ่านชุดสีดำ เขานึกสงสารอีกคนที่ต้องมาทนเจ็บปวดเช่นนี้
รถพยาบาลมาถึงพอดี ซีวอนไม่รอช้าช้อนตัวร่างบางวิ่งเข้าไป ก่อนจะส่งต่อให้บุรุษพยาบาล
ขายาวยกขึ้นเหยียบท้ายรถเข้าไปยังห้องโดยสารสี่เหลี่ยมของหลังรถพยาบาลคันกระทัดรัด
ในห้องโดยสารที่กำลังเคลื่อนย้ายตัวเองไปโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลได้จัดการห้ามเลือดโดนใช้ผ้ากดและผ้าพันบาดแผลบริเวณต้นขาก่อนจะยกปลายเท้าขึ้นเพื่อให้เลือดเลี้ยงหัวใจต่อ
"อย่าคนไข้หมดสติ คนไข้อาจช็อคเพราะเสียเลือดมากเกินไป"
บุรุษพยาบาลคนนั้นกล่าว มือหนาคว้ามือบางมากำแน่น
"คยูฮยอน อย่าหลับนะ"
ซีวอนเอ่ยหนักแน่น มองหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือก
ณ เวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ หญิงสาวกลับระคนยิ้มขึ้นมาบางๆ
นั่นเป็นเพราะคยูฮยอนรู้สึกดีที่เซ้นส์ของตัวเองถูก
เขากะแล้วว่าซีวอนจะต้องมา
ผู้ชายคนนี้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
แต่ตอนนี้ เขาเหนื่อยจัง
"คยู พูดกับพี่บ้างสิ"
"..ผม ขอโทษครับ"
เสียงของหญิงสาวเอ่ยแหบพร่า มือหนาบีบมือเขาแน่นขึ้นดวงตาของคนตัวใหญ่ชื้นไปด้วยน้ำตา
"พี่..ร้องไห้หรอ"
เสียงทักนั่นยังไม่ทันจางหายน้ำตาลูกผู้ชายหยดเผาะลงมาบนมือนุ่ม ริมฝีปากอุ่นแนบลงไปบนมือเย็นๆของอีกคน ซีวอนไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาพูดไม่ออก ... เขากำลังกลัวเหลือเกิน
คยูฮยอนกำลังตัวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
สักพักห้องโดยสารนี้ก็หยุดเคลื่อนที่ ประตูทั้งสองเปิดออก บุรุษพยาบาลลากเตียงออกมา
ล้อเล็กๆหมุนเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ซีวอนวิ่งตามติดมือยังคงไม่ปล่อยจากคยูฮยอน
ดวงตาของเขาตอนนี้แดงก่ำ เขามองคนที่รักหายใจหอบลึกก่อนจะเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน และนางพยาบาลออกใช้มือดันเขาให้ถอยออกไป
คนตัวใหญ่ถอยเซไปนั่งกับพื้นเย็นๆของโรงพยาบาล
เสียงฝีเท้าทำให้ซีวอนแหงนหน้ามอง นั่นคือแพทย์ที่กำลังจะเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน
"คุณหมอ..ได้โปรด"
คุณหมอคนนั้นพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไป
ซีวอนมองผ่านเข้าไปในห้องที่เปิดออกมาแค่แวบเดียว
เขาไม่สามารถรู้อะไรได้เลยในตอนนี้
สารวัตรฮันเกิงวิ่งตามเข้ามาติดๆก่อนจะถามเรื่องไม่เข้าเรื่อง
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ..ไหนนายจะตามหาคยูฮยอนไม่ใช่หรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน"
"ก็นั่นแหละคยูฮยอน! มองไม่ออกรึไง!!!"
อีกคนว่าด้วยโทสะเพียงชั่ววูบก่อนจะหันกลับไปสนใจกระสกใสแคบๆหน้าห้องฉุกเฉิน
ฮันเกิงได้แต่ยืนเอ๋อ พลางยกวอบอกเพื่อนตำรวจว่าไม่ต้องตามหาเด็กผู้ชายแล้ว
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจก็ตามว่านี่มันเรื่องอะไร
ตอนนี้ซีวอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาเดินถอยหลังชิดกำแพงก่อนจะรูดตัวลงอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง
ขอให้ยังมีหวังบ้างเถอะ มือหนาทั้งสองยกขึ้นประสานขึ้นมาชิดหน้าผากก่อนซีวอนจะหายใจออกทางปากเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
เวลานี้เขาทำให้แค่อ้อนวอนต่อพระเจ้าเท่านั้น ซีวอนขยับปากงึมงำพร่ำพูดแค่ประโยคเดียวซ้ำไปซ้ำมา
พระเจ้า
ได้โปรด ..เมตตาคยูฮยอนด้วยเถอะ
ชีวิตที่เหลือของผมมีไว้ปกป้องเขาเท่านั้น
ได้โปรด..เห็นใจผมด้วย
T B C
ตอนหน้าจบแล้ว ฮือๆๆๆ
ป.ล.ซีพีอาร์นี่อาจผิดพลาดไปบ้างนะ โทษๆ555555
เสียงปืนที่ดังขึ้นติดต่อกันถึงสองครั้งทำให้ซีวอน เผลอแตะคันเร่งในเร็วขึ้นไปอีกในรถของฮันเกิงที่เขาขอขับมาเอง ..รถตำรวจกำลังตามหลังมาพร้อมเปิดไฟเสียงหวอดบนรถก็ดัง
ซีวอนได้ยินเสียงปืนครั้งที่สามเมื่อเขาลงจากรถ วิ่งมาที่ท่าเรือเก่าแห่งนี้ก่อนจะมองเห็นเรือใบที่กำลังออกตัวแล่นออกไปพร้อมชายคนหนึ่งที่โยนปืนลงน้ำ
เขาอยากจะตามไป แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นผู้หญิงซักคนอยู่บนเรือ
เสียงปืนที่ดังขึ้นถึงสามครั้งก่อนหน้านี้มันทำให้เขาคลั่ง เขาวิ่งไปสุดสะพานท่าเรือก่อนจะกระโดดตูมลงไปในน้ำ
ลืมตาขึ้นในน้ำก่อนจะดำลงไปคว้าข้อมือของหญิงมา ดวงตาของคยูฮยอนปิดสนิท มือหนาจะพยายามตบแก้มใสเรียกสติก่อนจะดึงอีกคนขึ้นไปบนฝั่งโดยกอดไขว้หน้าอกอีกคนไว้แน่นก่อนจะว่ายขึ้นไปให้เหนือผิวน้ำโดยเร็ว
เขาลากอีกคนขึ้นมาบนสะพาน เสียงรถตำรวจจอดดังเทียบฝั่ง ก่อนเขาจะได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารของพวกตำรวจดังอื้ออึงหนวกหูไปหมด หากแต่ตำรวจพวกนั้นกำลังเรียกรถพยาบาล
ซีวอนไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างตอนนี้เขาเห็นแค่คยูฮยอนเท่านั้น และอันดับแรกที่เขาทำคือรวบสติของตัวเองเพื่อช่วยเหลืออีกคน ตำรวจทุกคนถูกให้รู้จักวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อันดับแรกเขาต้องจับอีกคนนอนหงาย พยายามเรียกอีกคน เขย่าไหล่
ไม่มีการตอบโต้กลับมา
เขายังคงประเมินการหายใจของอีกคน เอียงหูพยายามฟังเสียงลมหายใจ
แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
จับคางอีกคนยกสูงขึ้น กดหน้าผากให้หน้าแหงน บีบจมูกอีกคนแล้วหายใจเข้าลึกๆ แนบริมฝีปากให้สนิทแล้วค่อยๆปล่อยออกซิเจนจากตัวเองไปสู่อีกคนช้าๆ
ผละปากออกให้ร่างบางหายใจออกเตรียมผายปอดอีกครั้ง
จากนั้น
กดหาตำแหน่งหัวใจ ใช้มือข้างขวาว่าทับข้างซ้ายก่อนล็อคนิ้วมือตามร่องนิ้วมือซ้าย ใช้สันมือวางบนตำแหน่งหัวใจ เหยียดตัวขึ้นทิ้งน้ำหนักลำแขนทั้งสองเป็นจังหวะ
ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับ CPR ก่อนอีกคนจะสำลักน้ำออกมา
ตายังปรือๆ คยูฮยอนหายใจออกทางปากระบายความเจ็บปวดที่ต้นขา
ซีวอนมองเลือดที่ซึมออกมาบริเวณต้นขา
เลือดค่อยๆซึมผ่านชุดสีดำ เขานึกสงสารอีกคนที่ต้องมาทนเจ็บปวดเช่นนี้
รถพยาบาลมาถึงพอดี ซีวอนไม่รอช้าช้อนตัวร่างบางวิ่งเข้าไป ก่อนจะส่งต่อให้บุรุษพยาบาล
ขายาวยกขึ้นเหยียบท้ายรถเข้าไปยังห้องโดยสารสี่เหลี่ยมของหลังรถพยาบาลคันกระทัดรัด
ในห้องโดยสารที่กำลังเคลื่อนย้ายตัวเองไปโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลได้จัดการห้ามเลือดโดนใช้ผ้ากดและผ้าพันบาดแผลบริเวณต้นขาก่อนจะยกปลายเท้าขึ้นเพื่อให้เลือดเลี้ยงหัวใจต่อ
"อย่าคนไข้หมดสติ คนไข้อาจช็อคเพราะเสียเลือดมากเกินไป"
บุรุษพยาบาลคนนั้นกล่าว มือหนาคว้ามือบางมากำแน่น
"คยูฮยอน อย่าหลับนะ"
ซีวอนเอ่ยหนักแน่น มองหญิงสาวที่ใบหน้าซีดเผือก
ณ เวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ หญิงสาวกลับระคนยิ้มขึ้นมาบางๆ
นั่นเป็นเพราะคยูฮยอนรู้สึกดีที่เซ้นส์ของตัวเองถูก
เขากะแล้วว่าซีวอนจะต้องมา
ผู้ชายคนนี้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
แต่ตอนนี้ เขาเหนื่อยจัง
"คยู พูดกับพี่บ้างสิ"
"..ผม ขอโทษครับ"
เสียงของหญิงสาวเอ่ยแหบพร่า มือหนาบีบมือเขาแน่นขึ้นดวงตาของคนตัวใหญ่ชื้นไปด้วยน้ำตา
"พี่..ร้องไห้หรอ"
เสียงทักนั่นยังไม่ทันจางหายน้ำตาลูกผู้ชายหยดเผาะลงมาบนมือนุ่ม ริมฝีปากอุ่นแนบลงไปบนมือเย็นๆของอีกคน ซีวอนไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาพูดไม่ออก ... เขากำลังกลัวเหลือเกิน
คยูฮยอนกำลังตัวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
สักพักห้องโดยสารนี้ก็หยุดเคลื่อนที่ ประตูทั้งสองเปิดออก บุรุษพยาบาลลากเตียงออกมา
ล้อเล็กๆหมุนเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ซีวอนวิ่งตามติดมือยังคงไม่ปล่อยจากคยูฮยอน
ดวงตาของเขาตอนนี้แดงก่ำ เขามองคนที่รักหายใจหอบลึกก่อนจะเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน และนางพยาบาลออกใช้มือดันเขาให้ถอยออกไป
คนตัวใหญ่ถอยเซไปนั่งกับพื้นเย็นๆของโรงพยาบาล
เสียงฝีเท้าทำให้ซีวอนแหงนหน้ามอง นั่นคือแพทย์ที่กำลังจะเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน
"คุณหมอ..ได้โปรด"
คุณหมอคนนั้นพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไป
ซีวอนมองผ่านเข้าไปในห้องที่เปิดออกมาแค่แวบเดียว
เขาไม่สามารถรู้อะไรได้เลยในตอนนี้
สารวัตรฮันเกิงวิ่งตามเข้ามาติดๆก่อนจะถามเรื่องไม่เข้าเรื่อง
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ..ไหนนายจะตามหาคยูฮยอนไม่ใช่หรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน"
"ก็นั่นแหละคยูฮยอน! มองไม่ออกรึไง!!!"
อีกคนว่าด้วยโทสะเพียงชั่ววูบก่อนจะหันกลับไปสนใจกระสกใสแคบๆหน้าห้องฉุกเฉิน
ฮันเกิงได้แต่ยืนเอ๋อ พลางยกวอบอกเพื่อนตำรวจว่าไม่ต้องตามหาเด็กผู้ชายแล้ว
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจก็ตามว่านี่มันเรื่องอะไร
ตอนนี้ซีวอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาเดินถอยหลังชิดกำแพงก่อนจะรูดตัวลงอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง
ขอให้ยังมีหวังบ้างเถอะ มือหนาทั้งสองยกขึ้นประสานขึ้นมาชิดหน้าผากก่อนซีวอนจะหายใจออกทางปากเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
เวลานี้เขาทำให้แค่อ้อนวอนต่อพระเจ้าเท่านั้น ซีวอนขยับปากงึมงำพร่ำพูดแค่ประโยคเดียวซ้ำไปซ้ำมา
พระเจ้า
ได้โปรด ..เมตตาคยูฮยอนด้วยเถอะ
ชีวิตที่เหลือของผมมีไว้ปกป้องเขาเท่านั้น
ได้โปรด..เห็นใจผมด้วย
T B C
ตอนหน้าจบแล้ว ฮือๆๆๆ
ป.ล.ซีพีอาร์นี่อาจผิดพลาดไปบ้างนะ โทษๆ555555
Minor!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น